“เจี้ยนเหวิน จดหมายเขียนอะไรมาน่ะนายถึงดูตั้งนาน?” ผู้บังคับบัญชาของเฝิงเจี้ยนเหวิน ผู้พันหลิว ครั้นเห็นเฝิงเจี้ยนเหวินนั่งเหม่อมองจดหมายตรงเก้าอี้หลังรับจดหมายไป ก็อดเรียกเขาไม่ได้
เฝิงเจี้ยนเหวินได้สติกลับมา เขายกยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันเรียงตัวสวยเป็ระเบียบ แล้วโบกจดหมายในมือไปมา “จดหมายของคนรักผมเอง”
ผู้พันหลิวกำลังดื่มชาจากถ้วยกระเบื้องเคลือบ เกือบสำลักทันทีที่ได้ฟัง “อะไรนะ? เ้าหนุ่ม นายมีคนรักั้แ่เมื่อไร?”
เฝิงเจี้ยนเหวินเชิดคางขึ้นเล็กน้อยก่อนว่า “ก็มีอยู่ตลอด!” นี่เป็เื่จริง แม้เมื่อก่อนเขาไม่เคยยอมรับภรรยาน้อยคนนี้ แต่พอมีจดหมาย พวกเขาสองคนก็ถือว่าตกลงปลงใจกันแล้ว ในอดีตสหายร่วมรบต่างหัวเราะเยาะว่าเขาเป็เหล่ากวงกุ้น [1] ถึงเขาจะไม่ถือ แต่ตอนนี้มีภรรยาตัวน้อยแล้ว ก็ขอโม้กลับสักหน่อยเถอะ
ผู้พันหลิวทำหน้าเหลือเชื่อ เขาไม่เคยได้ยินหมอนี่บอกว่าตนเองมีคนรักสักครั้ง และเด็กหนุ่มก็ไม่ใช่คนอมพะนำ หากมีจริงๆ คงรีบอวดออกมาแล้ว
เฝิงเจี้ยนเหวินเห็นผู้พันหลิวไม่เชื่อ เขาจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อย่าไม่เชื่อกันเชียว เมื่อก่อนไม่บอกเพราะสาวเขาอายุยังน้อย ปีนี้เพิ่งสิบแปดเอง… จริงสิ ผมจะกลับไปแต่งงานปลายปีแล้ว”
คราวนี้ผู้พันหลิวใของจริง เขาถึงกับวางถ้วยกระเบื้องเคลือบลงถาม “เฮ้ย ใช้ได้นี่เ้าหนุ่ม เพิ่งสิบแปดเองเหรอ? นายเข้าข่ายโคแก่กินหญ้าอ่อนนะเนี่ย?”
เฝิงเจี้ยนเหวินไม่พอใจกับคำเปรียบเปรยของผู้พันหลิวมาก “โคแก่กินหญ้าอ่อนอะไร ผมแก่ตรงไหน? ผมเพิ่งยี่สิบห้า! ยังหนุ่มแน่นอยู่ครับ!”
สายตาผู้พันหลิวสับสนทันใด ใช่แล้ว เสี่ยวเฝิงเพิ่งยี่สิบห้า ไม่สิ ปลายปีจะยี่สิบห้าต่างหาก ตอนนี้ชายหนุ่มอายุยี่สิบสี่เอง แต่เป็รองผู้พันั้แ่อายุยังน้อยแล้ว เขาสมัครเข้ากองทัพมาจนได้รับการเลื่อนยศ แล้วขึ้นเป็รองผู้บังคับหมวด ผู้บังคับหมวด รองผู้บังคับกองร้อย ผู้บังคับกองร้อย ไล่มาถึงรองผู้บังคับกองพัน ผู้พันหลิวไม่เคยเห็นใครเลื่อนขั้นเร็วขนาดนี้มาก่อน! ปีนี้เขาอายุสามสิบกว่าปีแล้ว อีกสองปีก็คงต้องเปลี่ยนงาน บางทีเสี่ยวเฝิงอาจไปได้สูงยิ่งกว่า!
แววตาผู้พันหลิวปรากฏร่องรอยอิจฉาแวบหนึ่ง เขาเดินเข้ามาตบบ่าเฝิงเจี้ยนเหวินพร้อมรอยยิ้ม “ได้ๆๆ นายยังหนุ่มตกลงไหม!” ก่อนหยุดไปอึดใจหนึ่ง “เจี้ยนเหวิน นายไม่ได้กลับบ้านมาหลายปีแล้วใช่ไหม?”
รอยยิ้มเฝิงเจี้ยนเหวินแข็งค้าง เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ใช่ครับ หลายปีแล้ว” เขากลับบ้านครั้งล่าสุดคือเมื่อห้าปีก่อน! แม้ที่บ้านจะเขียนจดหมายส่งมาหาเขาเป็พักๆ ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงคิดถึงบ้านอยู่ดี
ผู้พันหลิวจึงเอ่ย “งั้นนายกลับบ้านไปแต่งงานปลายปี ขอลาหยุดหลายๆ วันสิ!” ก่อนยิ้มหยอกเย้า “หยุดสักเดือนหนึ่ง ให้ภรรยานายตั้งครรภ์ลูกชายตัวอวบอ้วนก่อนค่อยกลับเข้ากรม!”
เฝิงเจี้ยนเหวินมีความสุขไม่ต่างกัน เขาทำท่าวันทยาหัตถ์ พร้อมพูดเสียงฮึกเหิม “รับรองว่าภารกิจจะสำเร็จครับ!” แล้วเริ่มครุ่นคิดว่าก่อนหน้านี้ให้ใครยืมคูปองผ้ากับคูปองอุตสาหกรรมไปบ้าง ตอนนี้เขาใกล้จะมีภรรยาแล้ว ต้องทวงคืนมา!
หลังเจิ้งหยวนเขียนตอบจดหมายเสร็จ เธอยังไม่ใส่ลงซอง หากแต่ว่าหยิบไปให้คุณพ่อเธออ่านอีกรอบก่อน ป้องกันคุณพ่อกังวลว่าเธอจะแอบก่อกวนลับหลังไม่ตรงกับที่สัญญาไว้
เจิ้งเฉวียนกังรับจดหมายไป เหลือบมองเธอแวบหนึ่งค่อยก้มลงอ่านจดหมาย นิ้วมือที่ถือจดหมายหลงเหลือคราบสกปรกที่สั่งสมมาเป็เวลาเนิ่นนาน ล้างอย่างไรก็ไม่ออก ดูค่อนข้างเลอะเทอะ ทั้งข้อต่อกระดูกยังปูดโปน ิัหยาบกร้าน ทั้งยังมีรอยเหี่ยวย่นเล็กน้อย รอยย่นข้างในและนอกแต้มด้วยรอยกระตามวัยประปราย นี่คือมือของเกษตรกรที่ทำนามาชั่วชีวิต
มือของคุณพ่อเธอ
เป็มือคู่นี้ที่คอยปลูกข้าวให้ลูกๆ ทานจนพวกเขาเติบใหญ่ ลำบากลำบนโดยไม่ปริปากบ่นแม้แต่คำเดียว เจิ้งหยวนนึกถึงจุดจบในชาติที่แล้วของคุณพ่อเธอ โพรงจมูกก็พลันแสบร้อนขึ้นมา
จดหมายฉบับนี้สั้นมาก ข้างบนมีเพียงสองบรรทัด เจิ้งเฉวียนกังสายตายาว ต้องถืออ่านจากไกลๆ โชคดีที่เจิ้งหยวนเขียนตัวใหญ่ เขาหรี่ตากวาดมองก็เผยสีหน้าพึงพอใจ แหงนหน้ามาเห็นเจิ้งหยวนก้มหน้า ไม่มีท่าทีดีใจสักนิดเดียวเลยคิดว่าเธอยังไม่เต็มใจแต่งงาน เจิ้งเฉวียนกังจึงสะกดรอยยิ้มที่ยังไม่ทันแย้มออกมา ร้องฮึเบาๆ ในลำคอแล้วพับจดหมายพลางบอก “เก็บจดหมายไว้ที่ฉันก่อน พรุ่งนี้ฉันจะไปส่งให้”
“ค่ะ” เจิ้งหยวนสูดจมูกแล้วขานรับ ก่อนกลับไปเอาจดหมายที่เฝิงเจี้ยนเหวินเขียนมาหาเธอไปให้คุณพ่อ ข้างบนมีที่อยู่ของเฝิงเจี้ยนเหวินอยู่ สะดวกให้พ่อเธอกรอกตามลงหน้าซองพอดี
เชิงอรรถ
[1] เหล่ากวงกุ้น หมายถึง ชายอายุมากแล้วยังไม่แต่งงาน ไร้คู่ครอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้