“หายหัวไปไหนกันหมด? ชิวเซียง ยังไม่รีบไสหัวออกมาอีก โอ๊ย เหนื่อยจริงวันนี้”
หลิวเต้าเซียงสะดุ้งตื่นเพราะเสียงแหลมของนาง ขณะที่ยังสะลึมสะลือก็พบว่าหลิวฉีซื่กำลังะโเรียกคน จึงพึมพำออกมาประโยคหนึ่งว่า วัยทองนี่มันเหลือเกินจริงๆ!
จากนั้นนางก็พลิกตัวแล้วนอนต่อ
“เต้าเซียง เต้าเซียง นางตัวดี หายไปไหนแล้ว”
หลิวฉีซื่อที่นั่งอยู่บนขอบประตูะโอยู่หลายรอบ แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ
หลิวเต้าเซียงลืมตากลมโตที่ยังไม่ตื่นดี ่บ่ายที่อากาศแสนอบอ้าว ร่างกายอ่อนยวบยาบ
เมื่อได้ยินเสียงะโอย่างไม่หยุดหย่อนของหลิวฉีซื่อ เดิมทีนางไม่้าลุกขึ้น แต่เมื่อรู้ว่าหลิวฉีซื่อกำลังะโพร้อมกับเดินมาทางนี้ นางก็เด้งตัวขึ้นทันใดแล้วรีบลงจากคั่ง สวมรองเท้า วิ่งอ้อมไปทางด้านหลังที่กั้นไม้ไผ่ จากนั้นก็ะโขึ้นไปบนคั่งของหลิวซานกุ้ยก่อนจะได้ยินเสียงทุบประตู
หลิวฉีซื่อทุบอยู่นานก็ไม่มีเสียงตอบรับจึงเดินไปเปิดหน้าต่างดู เมื่อไม่เห็นว่ามีใครอยู่ก็ส่งเสียงด่าแล้วเดินจากไป
หากจะถามว่าเหตุใดหลิวฉีซื่อถึงไม่อาศัยจังหวะนี้เข้าไปรื้อค้นห้องในขณะที่ครอบครัวของหลิวซานกุ้ยไม่อยู่ ก็เพราะว่าทั้งปีหลิวซานกุ้ยเอาแต่ทำสวน ส่วนรายได้ที่เข้ามานั้นก็อยู่ในกระเป๋าของนางทั้งหมด
แม้ว่าหลิวซานกุ้ยจะไม่ได้ออกไปทำงานชั่วคราวข้างนอกในฤดูร้อนปีนี้ แต่ก็ไปหางานรับจ้างในตำบลบ้างแล้วและได้เงินมาไม่กี่อีแปะ หรือบางครั้งก็ได้หลายสิบอีแปะ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังจับปลากลับมาที่บ้านได้ไม่น้อย
เมื่อพูดถึงเื่ปลา หลิวฉีซื่อรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เพราะว่าบ้านที่นางไปสอนวันนี้ก็กินปลา นางได้รับแบ่งน้ำแกงปลามาหนึ่งถ้วย ซึ่งมีเนื้อปลาชิ้นเล็กอยู่ในนั้น
เฮ้อ เนื้อปลาที่ทั้งหนาและก้างน้อย น้ำแกงข้นจนใช้ตะเกียบคนไม่ได้
เมื่อนึกถึงว่า ก่อนหน้านี้ตนเองยังพูดอวดกับคนรวยบ้านนั้นว่าครอบครัวมีปลาให้กินทุกวัน วันนี้เด็กรับใช้บ้านหลังนั้นก็ต้มปลามาเพื่อทำให้นางหุบปาก
ทันทีที่หลิวฉีซื่อคิดถึงเื่นี้ นางรู้สึกว่าตนเองเสียหน้าเพราะหลิวซานกุ้ยจับปลาไม่เป็
“ให้ตาย ไปไหนหมด? เต้าเซียง ซานกุ้ย! มารดาเถอะ จับปลาก็ไม่จับให้ตัวโตกว่านี้ โง่จะตายชัก เอาแต่ตัวที่เนื้อน้อยก้างเยอะ ให้กินอะไร!”
เห็นได้ชัดว่าหลิวฉีซื่อยังคงคิดว่าไม่มีใครอยู่ในบ้าน
หลิวเต้าเซียงชะงักฝีเท้าเล็กน้อย จากนั้นก็เบะปาก รังเกียจนักก็อย่ากินสิ ไม่ได้มีใครบังคับให้กินเสียหน่อย
เพราะไม่อยากสนใจหลิวฉีซื่อ หลิวเต้าเซียงจึงแอบออกไปทางหลังบ้าน เดิมทีคิดว่าจะไปหาหลิวซานกุ้ย แต่ต่อมาก็คิดว่าหลิวฉีซื่อโมโหโดยไม่มีสาเหตุ นางเองก็ยังไม่มีข้ออ้างดีๆ ไว้ยั่วยุหลิวซานกุ้ย ด้วยเหตุนี้เท้าเล็กๆ จึงพาเดินเลี้ยวไปหาจางกุ้ยฮัวแทน
นับั้แ่หลิวฉีซื่อพยายามจะจัดการหลิวซุนซื่อ ชีวิตของจางกุ้ยฮัวก็ผ่อนคลายขึ้นนัก
แปลงผักถูกปล่อยร้างไปครึ่งหนึ่ง เนื่องจากหลิวฉีซื่อบอกว่า้าเลี้ยงหมูให้มากขึ้น แต่นั่นคือเื่หลังจากที่ผ่านฤดูใบไม้ร่วง
เดิมทีจางกุ้ยฮัวจะช่วยงานสวน เพียงแต่หลิวซานกุ้ยห้ามไว้ก่อน บอกว่านั่นคืองานของผู้ชาย แล้วให้นางเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน อีกหนึ่งเดือนกว่าอากาศก็จะเย็นลง อีกทั้งปีนี้ผลเก็บเกี่ยวของครอบครัวก็ไม่เลว จึงให้จางกุ้ยฮัวช่วยเย็บรองเท้าฤดูใบไม้ร่วงให้คนทั้งครอบครัวใหม่ หากมีเวลาค่อยทำรองเท้าผ้าฝ้ายให้อีก
เมื่อหลิวซานกุ้ยเล่าเรียนมากขึ้น ความคิดของเขาก็ยิ่งแตกต่างไปจากเดิม
ส่วนจางกุ้ยฮัวเดิมทีก็รู้สึกหวั่นไหว เพราะคำพูดเดียวของหลิวเต้าเซียงที่บอกว่า ท่านย่ากับอาเล็กของเราก็เอาแต่เย็บปักถักร้อยอยู่บ้านไม่ใช่หรือ? นางจึงเริ่มไปยังบ้านเรือนต่างๆ แล้วเริ่มจับงานเย็บปักถักร้อยอีกครั้ง
นอกจากนี้การที่หลิวเต้าเซียงกับหลี่ชุ่ยฮัวมีความสัมพันธ์อันดีก็เพราะมาจากผู้ใหญ่
ขณะนี้หลิวเต้าเซียงกำลังไปที่บ้านตระกูลหลี่อย่างคุ้นเคย เพิ่งจะผลักประตูบ้านเข้าไปก็เห็นป้าหลี่กำลังสอนจางกุ้ยฮัวเย็บพื้นรองเท้า
“ท่านแม่ ท่านป้า ชุ่ยฮัว”
“อ้า เต้าเซียงมาแล้ว” ป้าหลี่วางด้ายในมือลง แล้วโบกมือยิ้มแย้มให้นาง
“เต้าเซียง รีบมาเร็ว วันนี้แม่ข้าทำขนมกุ้ยฮัว ก่อนหน้านี้ยังบอกว่าจะให้น้ากุ้ยฮัวเอาไปให้พวกเ้าสักหน่อย” หลี่ชุ่ยฮัวเห็นว่าเป็นางก็ยิ้มจนไม่เห็นตา
ป้าหลี่รู้ว่าหลิวเต้าเซียงสอนหลี่ชุ่ยฮัวเลี้ยงไก่ เริ่มแรกนางก็ต่อว่าบุตรสาว ไม่ควรทิ้งงานเย็บปักแล้วไปเลี้ยง
เพียงแต่เห็นว่าหลิวเต้าเซียงก็ช่วยหลี่ชุ่ยฮัวเลี้ยงไก่สิบตัวนั้นที่นับวันก็อ้วนขึ้น จึงเริ่มสบายใจ
อีกหนึ่งเดือนเศษ ไก่เหล่านี้ก็เริ่มวางไข่แล้ว อย่างน้อยก็มีความคืบหน้าที่ดี
ป้าหลี่กวักมือเรียกหลิวเต้าเซียงไปนั่งบนบันได จากนั้นก็คว้าถั่วเหลืองคั่วให้นางทานเล่น
“ท่านแม่ ข้าจะไปเอาขนมกุ้ยฮัวมากิน” หลี่ชุ่ยฮัววางสะดึงแล้วลุกขึ้น กระเตงก้นไปยังห้องครัวเพื่อหยิบขนมกุ้ยฮัว
ครอบครัวชนบทนั้น มีเพียงไม่กี่บ้านที่มีเงินในมือ ครอบครัวทั่วไปกินข้าวยังไม่อิ่มท้อง ไหนเลยจะมีเวลาทำของว่างเหล่านี้
ป้าหลี่รักและเอ็นดูบุตรสาวเพียงหนึ่งเดียวของนาง เมื่อเห็นหลี่ชุ่ยฮัววิ่งไปจึงะโตามหลัง “กินเสร็จแล้วอย่าลืมล้างมือด้วยเล่า อย่าทำให้กาวน้ำเชื่อมมาเปื้อนสะดึง”
ส่วนทางนี้ จางกุ้ยฮัวก็เอ่ยถามหลิวเต้าเซียงว่าเหตุใดวันนี้จึงรีบออกมาทั้งที่แดดแรงเช่นนี้
หลิวเต้าเซียงเบะปากแล้วเอ่ย “ท่านย่าเริ่มกระแทกกะละมังและขว้างถ้วยชามในบ้านอีกแล้ว”
จางกุ้ยฮัวหมดความเห็นกับการกระทำที่ทารุณของหลิวฉีซื่อ
“ใครจะรู้ว่านางไม่พอใจอะไรอีก หากจะให้ข้าบอก การที่เต้าเซียงมาบ้านป้านั้นถูกต้องแล้ว หญิงชราในบ้านเ้า ข้าเองไม่เคยเห็นใครโหดร้ายเท่านางมาก่อน” ป้าหลี่ที่อยู่ข้างๆ รู้สึกเจ็บใจแทนจางกุ้ยฮัว
“ท่านแม่ เราควรจะส่งสัญญาณบอกท่านพ่อก่อนดีหรือไม่?”
จางกุ้ยฮัวมองนางอย่างแปลกใจและถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับท่านย่าของเ้าอีกแล้ว?”
ป้าหลี่เหลือบมองหลิวเต้าเซียง “ท่านย่าของเ้ากำลังสร้างปัญหาอีกแล้วใช่หรือไม่!”
สร้างปัญหา เป็ภาษาถิ่นของหมู่บ้านสามสิบลี้ ความหมายก็คือหาเื่ ทำให้คนอื่นลำบากใจ
หลิวเต้าเซียงพยักหน้าอย่างแรง “นั่นสิ ข้าว่าท่านป้า ท่านรู้นิสัยของท่านย่าข้าดีเยี่ยม ข้าเห็นย่ากำลังโมโหร้าย แล้วยังด่าท่านพ่อข้าว่าจับปลาตัวเล็กเกินไป คิดว่าท่านพ่อข้าจับปลาภายใต้แสงแดดแรงๆ เช่นนี้เป็เื่ง่ายหรือ? ข้าว่า ท่านย่าไม่เคยเอ็นดูพ่อของข้าเลย”
“โอ๊ย เต้าเซียง เหตุใดย่าของเ้าจึงไม่แยกบ้าน ข้าว่า เหมือนกับพ่อของข้ากับท่านลุงคนอื่นๆ ก็ดี รีบเกริ่นเื่แยกบ้านแล้วย้ายออกมาอยู่ ดูท่านย่ากับท่านปู่ของข้า ทุกครั้งที่พวกข้าไปเยี่ยมก็มักจะยิ้มแย้มมีความสุขจนลืมตาไม่ขึ้น”
ป้าหลี่หัวเราะและหันไปดุหลี่ชุ่ยฮัว “มีเ้านี่แหละที่ขี้อวด เอาเถอะ รีบเอาขนมกุ้ยฮัวให้เต้าเซียงกิน”
หลิวเต้าเซียงเพิ่งตื่นขึ้นมาจึงหิวเล็กน้อย หลังจากที่ได้รับตะเกียบมาจึงทานไปหลายชิ้น
จางกุ้ยฮัวรอให้นางกินพอสมควร แล้วจึงเก็บด้ายที่เย็บพื้นรองเท้า “ท่านป้า หลายปีมานี้ข้าไม่ค่อยได้จับของเหล่านี้ เกือบลืมไปมากนัก เกรงว่าหลายวันนี้คงต้องรบกวนเ้าแล้วล่ะ”
ป้าหลี่รีบโบกมือ “ไม่รบกวน ไม่รบกวน ของเก็บไว้ที่บ้านข้าก็พอ รอเอากลับไปแม่สามีเ้าคงจะด่าอีก นี่เ้ากำลังจะกลับเข้าบ้านแล้วหรือ?”
นางประหลาดใจมากที่เห็นจางกุ้ยฮัวเก็บของเข้าตะกร้าแล้วลุกขึ้นมา จึงเงยศีรษะมองดูตะวันแล้วเอ่ย “ถ้าทำอาหารค่ำก็เร็วไปหน่อยนะ”
“ไม่เร็วเกินไปหรอก ครอบครัวเราคนเยอะ อีกอย่าง หากว่าข้ากลับถึงช้าเกินไป เกรงว่าท่านย่าของนางจะยิ่งโมโห”
ความหมายของจางกุ้ยฮัวนั้นชัดเจนมาก หากหลิวฉีซื่อเห็นว่านางกลับมาช้า คงต้องใช้โอกาสนี้ระบายอารมณ์ใส่แน่นอน
ป้าหลี่พินิจชั่วครู่ จึงเชื่อมโยงเื่ราวเหล่านี้ได้ จากนั้นจึงพยักหน้าแล้วเอ่ย “เช่นนั้นข้าจะไม่รั้งเ้าไว้ รอประเดี๋ยว ข้าจะไปเอาขนมกุ้ยฮัวให้เ้ากลับไปไม่กี่ชิ้น”
จางกุ้ยฮัวไม่กล้ารับไว้ จึงบ่ายเบี่ยง
ป้าหลี่กล่าวว่า “ข้าไม่ได้ให้เ้าเสียหน่อย ข้าให้ชิวเซียงต่างหาก ลูกสาวคนโตของเ้าเป็เด็กดี ช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน”
จางกุ้ยฮัวเองก็บอกว่านางเป็เด็กดีว่าง่าย จึงไม่ปฏิเสธน้ำใจของป้าหลี่
“ป้าหลี่ น้ำใจของเ้าข้าขอรับไว้ ข้าเองก็ไม่กลัวเ้าจะหัวเราะเยาะ จึงอยากบอกกับเ้าตรงๆ แม้ขนมนี้ข้าจะนำกลับไปก็คงตกไปไม่ถึงปากของชิวเซียงหรอก”
อารมณ์ของหลี่ซานไม่ค่อยดีนักก่อนจะดุอย่างเคืองโกรธ “เอาแต่กินๆๆ อาเล็กบ้านเ้าไม่กลัวจะกินจนท้องแตกตายเลยหรือ ช่างน่ารังเกียจเหลือเกิน”
จางกุ้ยฮัวไม่ได้พูดอะไร ป้าหลี่จึงไม่ได้ว่าอย่างไร
เพียงแต่บอกว่าจะเก็บขนมไว้ รอวันรุ่งขึ้นชิวเซียงมาทำความสะอาดเล้าไก่ ค่อยให้นางกิน
จางกุ้ยฮัวขอบใจนางอีกครั้ง แล้วจึงเรียกหลิวเต้าเซียงให้กลับบ้าน
ต้องขอบคุณความฉลาดหลักแหลมของจางกุ้ยฮัว โชคดีที่กลับไปถึงบ้านเร็ว
เมื่อทั้งสองกลับไปถึง หลิวฉีซื่อกำลังนั่งอยู่ใต้ระเบียงในเรือนใหญ่ ด้านข้างมีเก้าอี้วางไว้ บนเก้าอี้มีกาน้ำชาดินเผาอันเล็กวางอยู่ ข้างๆ กันนั้นมีถ้วยและจอก ซึ่งด้านในมีน้ำชาที่กลั่นจากใบชาที่เก็บไว้หลายปี มันเริ่มออกสีเหลือง ขอบถ้วยน้ำชาก็เริ่มมีสภาพถูกเสียดสีไม่น้อย
เห็นได้ชัดว่ากาน้ำชานี้มีอายุหลายปีแล้ว
ความทรงจําของหลิวเต้าเซียงปรากฏคำพูดที่หลิวฉีซื่อเคยพูดออกมา ที่แท้กาน้ำชากระเบื้องชุดนี้คือชุดเดียวกัน เพียงแต่ตอนนั้นท่านย่าใหญ่ตระกูลหวงทำถ้วยน้ำชาแตกไปหนึ่งใบ จึงยกที่เหลือให้กับหลิวฉีซื่อ
แม้ว่าหนึ่งในถ้วยชาหกใบจะหายไป แต่หลิวฉีซื่อก็ยังคงรับมันไว้อย่างมีความสุข จากนั้นก็ขอให้แม่ของนางไปซื้อจากข้างนอกเพื่อจัดเข้าชุดให้ครบหกใบ และนำติดตัวมาพร้อมกับสินเ้าสาว
เื่นี้เป็สิ่งที่หลิวฉีซื่อชอบอวดเบ่งเป็ที่สุด ด้วยเหตุนี้ในบ้านละแวกนี้จึงไม่มีผู้ใดที่สามารถใช้กาน้ำชากระเบื้องเช่นนี้ได้
เมื่อหลิวฉีซื่อเห็นทั้งสองกลับมา นางชำเลืองมองอย่างไม่ใส่ใจ
จางกุ้ยฮัวพาหลิวเต้าเซียงค่อยๆ เดินเข้าห้องครัวเพื่อเตรียมทำอาหารค่ำ
หลิวเสี่ยวหลันได้ยินเสียงเคลื่อนไหวในห้อง จึงโผล่ศีรษะออกมาจากหน้าต่างห้องทิศตะวันตกแล้วเอ่ย “พี่สะใภ้สาม อาหารค่ำข้า้ากินเนื้อ”
จางกุ้ยฮัวเหลือบมองหลิวฉีซื่อที่นั่งอยู่ เมื่อเห็นว่านางไม่ขยับจึงตั้งใจจะเอ่ยกับหลิวเสี่ยวหลันด้วยสีหน้าลำบากใจ
แต่หลิวเต้าเซียงก็เอื้อมมือออกไปห้ามไว้แล้วส่ายหน้า บอกแม่ของนางว่าไม่ต้องพูดอะไร
-----
