บทที่ 59 อัจฉริยะหลี่โม่, วิธีการลงทุนกับเจียงชูหลง!
“ท่านมาเยือนถึงที่ก็เป็เกียรติแล้ว ไยต้องนำของฝากมาให้ลำบากด้วยเล่า”
“สหายหลี่น้อยอย่าได้กล่าวเช่นนั้นเลย นี่เป็เพียงความตั้งใจเล็กๆ น้อยๆ ของเฒ่าผู้นี้เท่านั้น”
มู่หรงไห่รีบร้อนมอบของขวัญ
เขารู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่งที่หลานชายของตนมีนิสัยบริสุทธิ์ และเข้ากับสหายหลี่น้อยผู้นี้ได้เป็อย่างดี
คนผู้นี้พลังแกร่งกล้ายิ่งกว่าศิษย์สายตรงจากนิกายใหญ่ในแดนบูรพาทั้งปวงเสียอีก
“ยังมีอีกเื่หนึ่งที่ต้องรบกวนท่าน”
สหายหลี่น้อยเอ่ยขึ้นทันที
“กล่าวมาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ”
มู่หรงไห่เพียงเกรงว่าเขาจะไม่เอ่ยปากขอสิ่งใดเลยต่างหาก
......
ไม่นานนัก
มู่หรงไห่พาหลี่โม่มายังลานฝึกภายในจวน
เหล่าบุตรหลานตระกูลมากมายกำลังฝึกฝนอยู่ที่นั่น ครั้นเห็นประมุขตระกูลมาถึง ก็พากันหยุดการเคลื่อนไหวในทันทีแล้วคารวะ
กลางลานฝึก มีหินปะการังสูงเท่าคนสามคนตั้งตระหง่านอยู่
“นี่คือหินปะการังของปลาวาฬ แม้ในแดนบูรพาก็ยังถือเป็ของแปลกหายาก”
“ข้อดีเพียงอย่างเดียวของสิ่งนี้คือความแข็งแกร่ง เมื่อผ่านการแปรรูปด้วยวิธีพิเศษแล้ว มันจะเปลี่ยนสีตามแรงที่ได้รับ นำมาใช้ทดสอบพลังของการโจมตีได้”
มู่หรงไห่ชี้ไปยังหินปะการังนั้นแล้วแนะนำ
“นี่ช่างแปลกจริง”
สหายหลี่น้อยเอื้อมมือไปััหินปะการังอันขรุขระ
“ข้ายังไม่เคยใช้เลย”
มู่หรงเซียวอยากลองเป็อย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้เขามีกำลังน้อยเกินไป จึงยังไม่สามารถทำให้หินปะการังเปลี่ยนสีได้
เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาก็มิรอช้า ลงมือในทันที
รวบรวมพละกำลังทั้งหมด เกร็งร่างกาย แล้วชกออกไปด้วยหมัดที่ราวกับค้อนปืนใหญ่ ยังจะพอเห็นเค้าโครงของวิชาทุบเหล็กได้ด้วย
ตุ้บ—
เสียงทุบดังขึ้น
หินปะการังสีดำเข้ม พลันแปรเปลี่ยนเป็สีขาว ครอบคลุมหินไปกว่าแปดส่วนแล้ว
“การโจมตีครั้งนี้ของเซียวเอ๋อร์ ใกล้เคียงกับผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตปราณโลหิตสิบเส้นชีพจรแล้ว”
มู่หรงไห่พยักหน้าอย่างพอใจ
“สีขาวคือขอบเขตปราณโลหิตกระนั้นหรือ...”
หลี่โม่พยักหน้าเล็กน้อย
ตอนนี้เขายังไม่เข้าใจขีดจำกัดความแข็งแกร่งของตนเองอย่างแท้จริง
พอดีมีโอกาสให้ลองทดสอบ
“ท่านผู้เฒ่ามู่หรง ข้าจะไม่ทำให้หินปะการังนี้พังใช่ไหมขอรับ?”
มู่หรงไห่ยิ้มอย่างขบขันพลางกล่าวว่า
“สิ่งนี้ แม้เฒ่าผู้นี้จะลงมือเต็มที่ ก็ยังไม่สามารถทำอันตรายมันได้เลย”
“เช่นนั้นก็ดี” หลี่โม่พยักหน้า
เขาไม่ได้ใช้วิชาการต่อสู้ เพียงแค่ชกออกไปอย่างเรียบง่าย ในอากาศก็มีเสียงคล้ายคลื่นเสียงดังะเิขึ้นเบาๆ
ตูม—
หินปะการังยังคงนิ่งสนิท
เพียงแต่สีขาวพลันเต็มอย่างรวดเร็ว และที่ด้านล่างก็ปรากฏชั้นสีเขียวขึ้นมา
นี่น่าจะเป็ผลลัพธ์จากการที่เคยแช่ในสระโลหิตหงส์นั่น ทำให้มีเส้นชีพจรหลักเพิ่มขึ้น และพลังปราณโลหิตแข็งแกร่งกว่าเดิม
สหายหลี่น้อยครุ่นคิด
“โอ้! ศิษย์สายตรงหลี่เป็ขอบเขตปราณโลหิตจริงหรือ? เมื่อครู่เขาก็ไม่ได้ใช้ปราณภายในด้วยซ้ำ”
“หมัดนี้ เทียบเท่ากับความแรงโจมตีของผู้ที่เข้าสู่ขอบเขตปราณภายในขั้นรวมปราณเชียวนะ”
“ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งขนาดนั้น?”
บุตรหลานของตระกูลมู่หรงที่จ้องมองอยู่ต่างพากันอ้าปากค้าง
มู่หรงเซียวของตระกูลพวกเขา แม้จะมีสายเืครึ่งอสูร ก็ยังไม่มีแรงมากขนาดนี้
“สหายหลี่น้อยมีพลังเหนือธรรมชาติจริงๆ”
มู่หรงไห่ดูสงบ
เทียบกับพร์อันน่าตกตะลึงของหลี่โม่แล้ว พลังกายที่แข็งแกร่งของเขาย่อมเป็ของตาย
แต่ยังไม่จบเพียงแค่นั้น
ลองใช้กายาศาสตราสังหารดู
จากนั้นร่างของสหายหลี่น้อย พลันแผ่กลิ่นอายสังหารอันคมกล้าออกมาอย่างรุนแรง
ผู้คนรอบข้างมองไปยังหลี่โม่ รู้สึกราวกับเขากลายเป็ศาสตราล้ำค่า ขนลุกซู่ราวกับมีคมดาบแขวนอยู่เหนือศีรษะ
ตูม—
โจมตีอีกครั้ง
ประกายไฟพุ่งกระจาย คลื่นพลังงานม้วนตัวออกไป พร้อมเสียงโลหะกระทบกันที่ดังสนั่นไม่หยุดหย่อน
ฝุ่นบนหลังคาก็ถูกแรงสั่นะเืจนร่วงหล่นลงมามิใช่น้อย
รอจนควันฝุ่นจางหายไป
หินปะการังนั้น ครึ่งหนึ่งได้เปลี่ยนเป็สีเขียวแล้ว
ขอบเขตปราณโลหิต ะเิพลังโจมตีได้ถึงระดับขอบเขตปราณภายในขั้นสุราหยกเช่นนั้นหรือ?
ลานฝึกขนาดใหญ่ พลันเงียบสงัดลงทันที
“เซียวเอ๋อร์”
มู่หรงไห่ใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะคืนสติได้
“ขอรับ?” มู่หรงเซียวหุบปากที่อ้าค้างอยู่
“เ้าเคยบอกว่าสิ่งที่ดีที่สุดของสหายหลี่น้อย แท้จริงแล้วคือวิชาดาบมิใช่หรือ?”
“น่าจะ...ใช่มั้งขอรับ?”
.....
ยามค่ำคืน
ในเรือนพัก
หลี่โม่สะบัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้า แล้วจึงผลักประตูเข้าไป
เขาไม่ได้ทดลองต่อ
การทำความเข้าใจความสามารถของตนเองทั้งหมดนั้น แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
การใช้เคล็ดวิชาต่อสู้ ก็เป็เพียงการเพิ่มพูนพลังจากพื้นฐานที่มีอยู่เท่านั้น
ไม่ต้องลอง เขาก็ย่อมรู้
“หากมีค้อนที่เหมาะมือในตอนนี้”
“ข้าก็น่าจะสู้กับผู้ที่อยู่ในขอบเขตปราณภายในขั้นแก่นแท้ได้แล้วกระมัง?”
เขาข้อกังขาเล็กน้อย
แม้การโจมตีเต็มกำลังของเขาในตอนนี้จะเทียบเท่ากับพลังของผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตปราณภายในขั้นแก่นแท้ก็ตาม
ทว่าเขาก็ยังมิได้อยู่ในขอบเขตนั้น อีกทั้งยังไม่รู้ว่าผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตนั้นจะมีลูกเล่นอะไรบ้าง
ยิ่งกว่านั้น หินปะการังของปลาวาฬก็เป็เพียงสิ่งไร้ชีวิต ผู้คนเป็ๆ ย่อมไม่ยืนอยู่ตรงนั้นให้โจมตี
แน่นอน หากเขาสามารถฝึกฝนขอบเขตปราณโลหิตจนสมบูรณ์แล้ว ก็จะเป็อีกเื่หนึ่ง
เพราะถึงครานั้น เขาอาจจะมีไพ่ตายใหม่ๆซ่อนอยู่
เมื่อมีพละกำลังเพียงพอ ก็จะสามารถนำค้อนอุกกาบาตบรรลัยกัลป์ออกมาได้ แม้จะเป็การโจมตีเพียงครั้งเดียว ก็มิใช่สิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตปราณภายในจะรับไหว
“อย่างนั้นก็หมายความว่าตอนนี้ข้าแข็งแกร่งมากเลยสินะ?”
สหายหลี่น้อยยิ้มมุมปาก ประสานมือหนุนศีรษะแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียง
เขาทอดสายตามองเพดานอย่างเหม่อลอย
การต่อสู้ข้ามขอบเขต เป็สิทธิพิเศษของบุตรแห่งลิขิตฟ้า
บัดนี้บุตรแห่งลิขิตฟ้าผู้นี้ก็มิใช่คนธรรมดาแล้ว จะด้อยกว่าศิษย์ของนิกายใหญ่ในใต้หล้าได้อย่างไรกัน?
พลันเขานึกขึ้นได้ ว่าท่านผู้เฒ่ามู่หรงยังมอบของขวัญให้ด้ย
เขาจึงเปิดกล่องไม้ข้างเตียงดู
ของที่อยู่ในนั้นล้วนอยู่ในขอบเขตความรู้ของเขา
ยาเม็ดทะลวงเส้นชีพจรหนึ่งเม็ดซึ่งมีสี่อักษร
ไม้โบราณสีดำสนิทซึ่งมีกลิ่นหอมสะอาดตา แม้จะดูคล้ายท่อนไม้ธรรมดา แต่แท้จริงแล้วมันกลับเงางามยิ่งกว่าหยก
และยังมีหนังสือเล่มเล็กๆ อีกหนึ่งเล่ม
ยาเม็ดนั้นสหายหลี่น้อยมิได้สนใจเลยแม้แต่น้อย เขากลับหยิบไม้ที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาทันที
เขาไม่ทราบว่าของสิ่งนี้มีชื่อว่าอะไร แต่ดูจากลักษณะแล้วน่าจะเป็ของวิเศษที่ช่วยบำรุงจิติญญาได้
“ของเช่นนี้หายากยิ่ง”
หลี่โม่ลูบไล้ท่อนไม้ พลันรู้สึกสบายกายสบายใจ
ท่านผู้เฒ่ามู่หรง คงนำของที่เก็บไว้ก้นหีบออกมาแล้วกระมัง?
แต่ของสิ่งนี้ เขากลับนำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้เลย...
“เดี๋ยวก่อน”
“ข้างกายศิษย์พี่เซียวฉิน ไม่ใช่มีท่านผู้เฒ่าอยู่คนหนึ่งหรอกหรือ?”
จากประสบการณ์การในการอ่านนิยายจีนโบราณของเขา ก็พลันบังเกิดปัญญาขึ้น
ท่านผู้เฒ่าเ่าั้ ส่วนใหญ่มักปรากฏในรูปแบบของดวงจิต
เป็ที่รู้กันดีว่าพวกท่านหลับใหลมานาน ย่อม้าที่สิงสถิตดีๆเป็แน่
“สามารถนำไปมอบให้ศิษย์พี่เซียวได้เลย”
“ท่านผู้เฒ่าแบบพกพา...”
สหายหลี่น้อยเล่นกับท่อนไม้ในมือ จิตใจพลันแจ่มกระจ่างขึ้น
ปัญหาบางอย่างที่รบกวนเขามานาน ดูเหมือนจะปรากฏแสงแห่งความหวังขึ้นในยามนี้
“ใช่เลย! ท่านผู้เฒ่าแบบพกพา!”
สมองอันชาญฉลาดของหลี่โม่พลันผุดความคิดขึ้นมาได้
เขามีโลกจำลอง
และเขาสามารถนำสิ่งที่อ่อนแอกว่าตนเองเข้ามาได้
เช่นเจียงชูหลง
หากเขานำสิ่งของชิ้นหนึ่ง แล้วฝากพลังของเมล็ดพันธุ์โลกไว้บนนั้น ก็จะทำให้คนอีกฝั่งไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ก็สามารถเข้าสู่เมล็ดพันธุ์โลกได้
ในฐานะผู้ควบคุม สิ่งนี้ย่อมเป็ไปได้อย่างแน่นอน
ถ้าเช่นนั้น...
เขาก็สามารถเป็ ‘ท่านผู้เฒ่าแบบพกพา’ ของเจียงชูหลงได้!
“ข้านี่มันอัจฉริยะจริงๆ!”
คิดได้ดังนั้นก็ลงมือทันที
สหายหลี่น้อยใช้เวลาอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็เลือกแหวนวงหนึ่งจากกองสมบัติ
แหวนลายสนโบราณ
รูปทรงเก่าแก่โบราณ วิจิตรบรรจง ทว่ามิใช่งานฝีมือของยุคนี้ โดยรวมแล้วให้ความรู้สึกน่าเกรงขามยิ่งนัก หากนำไปประเมินค่า คงมีราคาค่างวดมิใช่น้อย
ที่สำคัญคือมันแข็งแกร่งทนทานอย่างยิ่ง คาดว่าสร้างขึ้นจากโลหะล้ำค่าที่หาได้ยากในยุคนี้
“เปิดประตู...”
สหายหลี่น้อยกำแหวนโบราณไว้ในมือ แล้วสื่อสารกับเมล็ดพันธุ์โลก