หลังซ่งอี้เฉินจากไปไม่นาน พลันมีข่าวเกี่ยวกับตำหนักอี้คุนออกมาว่า เซียวหรูเสวี่ยได้เลื่อนตำแหน่งเป็เป่าหลิน ซึ่งสมศักดิ์ศรีมากกว่าเหยียนอู๋อวี้ยิ่งนัก ตามกฎเดิมของวังหลวง ฮ่องเต้จะต้องนอนค้างคืนในวันที่นางได้รับตำแหน่ง
เหยียนอู๋อวี้แอบหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อนางไม่ต้องเห็นใบหน้านั้นอีก ทว่านางยังคงไม่ปล่อยวางความคิดสงสัยไป
ไทเฮาไม่สนใจเื่ราวของตำหนักหลังมาหลายปีแล้ว ทว่าวันนี้จู่ๆ กลับเข้าดำเนินการเพื่อเซียวหรูเสวี่ยนั้นช่างเป็เื่ที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ
หากคิดให้รอบคอบคงพอจะเข้าใจได้
เซียวกุ้ยเฟยในอดีตฮ่องเต้มีข้อพิพาทบางอย่างกับไทเฮา ทว่าต่อมาไทเฮายอมลดศักดิ์ศรีไปร่วมมือกับตระกูลเซียวเพื่อซ่งอี้เฉิน เดิมทีความสัมพันธ์ควรจะเป็ไปด้วยดี อย่างไรก็ตามหลังจากซ่งอี้เฉินขึ้นครองบัลลังก์แล้ว ตระกูลเซียวกลับถูกละเลย ใน่หลายปีที่ผ่านมา เปลือกนอกแลดูเจริญรุ่งเรือง ทว่าความเป็จริงแล้วกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤติอย่างหนัก เพียงแต่ไทเฮายังคงรักษาความสัมพันธ์อย่างผิวเผินเอาไว้ และความเคลื่อนไหวในวันนี้ก็คงจะกระทำไปเพื่อให้บุคคลภายนอกได้เห็นเท่านั้น
ร่วมมือกันมานานก็ย่อมต้องมีความระหองระแหงกันบ้าง แม้แตกแยกกันมานานก็ย่อมกลับมาร่วมมือกันใหม่ได้เช่นกัน ในโลกนี้ก็เป็เช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอำนาจและจิตใจของคน?
แม้ว่าตระกูลเซียวจะถูกกดดันอย่างหนัก กระนั้นกลับยังไม่ถึงกับพ่ายแพ้ราบคาบเสียทีเดียว ไทเฮายังมีความเกรงกลัวอยู่หลายส่วน
สำหรับการหานางจนพบนั้น คาดว่านางเป็ผู้ที่ริเริ่มและตระกูลเซียวก็ใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ แม้ว่ายามนี้นางจะเป็เพียงเป่าหลินตำแหน่งเล็กๆ ก็ตาม ทว่านางก็เป็สนมคนโปรดของซ่งอี้เฉิน มิหนำซ้ำซ่งอี้เฉินยังหนุ่มยังแน่นย่อมทำกิจไหว
“คุณหนู ด้านนอกลมแรง พวกเราเข้าไปด้านในกันเถิด!” ป้าโฉ่วหยิบเสื้อคลุมมาสวมบนกายของเหยียนอู๋อวี้
นางหันหน้าไปมองป้าโฉ่วโดยมิได้เอ่ยสิ่งใด
ตระกูลอวิ๋นมีความภักดีมาหลายชั่วอายุคน ทว่าสาเหตุการล่มสลายนั้น เกิดจากการสมคบคิดกับศัตรูและทรยศต่อบ้านเมือง จากอำนาจที่แข็งแกร่งของไทเฮาคงไม่สามารถทำได้ เื้ัมีมือจำนวนมากซึ่งต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ร่วมกัน
ทว่าเหตุใดจึงเป็ตระกูลอวิ๋น!
คนของตระกูลอวิ๋นล้วนเป็คนดี แต่ละคนล้วนแข็งแกร่งเด็ดเดี่ยว กระนั้นกลับมิได้ตายในสนามรบ ทว่ากลับตายด้วยน้ำมือของคนที่พวกเขาปกป้อง!
เหยียนอู๋อวี้รู้สึกจุกตรงหน้าอกคล้ายหายใจไม่ออก ใบหน้าซีดขาวและเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาบนใบหน้า
เมื่อเห็นเช่นนี้ สีหน้าของป้าโฉ่วพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นจึงตรวจดูชีพจรของเหยียนอู๋อวี้ นางััได้เพียงชีพจรที่อ่อนแอเท่านั้น ก่อนนางจะช่วยประคองเหยียนอู๋อวี้กลับไปเข้ากินยาภายในห้อง
ความเ็ปกัดกินกระดูกทำให้นางหายใจลำบาก นางกัดฟันทนพลางเอนกายพิงข้างโต๊ะ
ความเ็ปค่อยๆ บรรเทาลง สภาพอารมณ์ของนางจึงค่อยๆ สงบลงเช่นกัน ทว่าร่างกายของนางเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเหนียวเหนอะหนะ ป้าโฉ่วเกรงว่านางจะไม่สบายจึงรีบเรียกนางกำนัลมาเพื่อเตรียมน้ำอุ่นอาบ
ไอน้ำลอยฟุ้งบางเบา ผิวของนางขาวนวลราวกับสีรากบัวชุ่มน้ำ เหยียนอู๋อวี้หลับตาลงเล็กน้อยราวกับกำลังดำดิ่งอยู่ในความอบอุ่นของสายน้ำ หลังผ่านไปครู่หนึ่ง นางพลันขมวดคิ้วและกลับคืนสู่ท่าทางสงบนิ่งทันที บริเวณพื้นที่ด้านหลังปรากฏมือคู่หนึ่งกำลังเปิดม่านด้านข้างพร้อมกับเดินเข้ามาหาผู้ที่อยู่ด้านในทีละก้าว
ความเย็นค่อยๆ ไล่ััจากแก้มไปจนถึงกระดูกไหปลาร้า เหยียนอู๋อวี้พลันตัวสั่นสะท้าน นางลืมตาทั้งคู่ขึ้น ก่อนเอ่ยเสียงแ่เบาด้วยความประหลาดใจ “ฝ่าา!”
ผู้ที่เดินเข้ามาคือซ่งอี้เฉิน บุรุษที่ควรจะอยู่กับเซียวหรูเสวี่ย ทว่าเขามิได้เอ่ยอันใดมากนัก เพียงโน้มตัวลงแล้วจุมพิตแก้มของเหยียนอู๋อวี้เบาๆ พลางค่อยๆ ซุกไซ้เคลื่อนกายลงไปด้านล่าง ทิ้งรอยสีกุหลาบหลายจุดบนร่างกายขาวผ่อง ก่อนจะหยุดอยู่ที่กระดูกไหปลาร้า
“น้ำเย็นแล้ว ถึงเวลาที่สนมสุดที่รักต้องลุกขึ้นแล้ว” จู่ๆ เขากลับยกริมฝีปากออกและหยิบผ้าห่มที่อยู่ด้านข้างห่อตัวนางก่อนจะอุ้มนางขึ้นมาไว้บนเตียง
นางซุกศีรษะไว้ที่หน้าอกของเขาเพื่อปกปิดสายตาที่เ็าของนาง
“เหตุใดวันนี้เ้าจึงไปที่เรือนหลินหลาง?” ซ่งอี้เฉินเอ่ยถามนางขณะที่มองนางค่อยๆ เคลื่อนกายออกมา
“ลี่เจาอี๋เพิ่งเสียชีวิตได้เพียงหนึ่งวัน ตระกูลเซียวก็ส่งคนใหม่เข้ามาในวังหลวง หม่อมฉันจึงไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นเพคะ!” หลังตอบคำถามด้วยสีหน้าจริงจังแล้ว นางพลันกัดริมฝีปากก่อนจะถามคำถามด้วยความประหม่า “ฝ่าากล่าวว่าจะทรงพักผ่อนอยู่กับเซียวเป่าหลินมิใช่หรือเพคะ? เหตุใดจึงมาที่นี่ได้?”
“หึงหรือ?” เขาเอ่ยถามพลางแย้มยิ้ม ก่อนจะวางมือลงบนเอวของนางอย่างแ่เบา “ไม่ต้องกลัว เป็เจิ้นที่ไม่อาจลืมเ้า”
นางหันศีรษะและตอบกลับอย่างไม่ยินยอมว่า “ฝ่าาจะทรงไม่ลืมหม่อมฉันได้อย่างไร เซียวเป่าหลินขับร้องและเต้นรำเก่งกว่าหม่อมฉัน......ยามนี้หม่อมฉันไม่กลัวที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์อีกต่อไป นางเลื่อนตำแหน่งเร็วกว่าหม่อมฉันเสียอีก อีกไม่กี่วันหม่อมฉันเกรงว่าจะต้องคุกเข่าคำนับนางแล้ว!”
“นั่นเป็พระประสงค์ของไทเฮา เจิ้นต้องทำตามความประสงค์ของพระองค์สิ ยามนี้เจิ้นก็มาอยู่กับเ้าแล้วมิใช่หรือ?”
ซ่งอี้เฉินปลอบใจนางเสียงอ่อนเสียงหวาน เหยียนอู๋อวี้ออดอ้อนขอให้เขาสัญญาบางอย่างก่อนนางถึงจะเชื่อใจ
วันรุ่งขึ้น ข่าวลือเื่ฮ่องเต้ไม่ได้บรรทมกับเซียวหรูเสวี่ยได้แพร่สะพัดไปทั่วตำหนักหลัง และกลายเป็หัวข้อสนทนาหลังอาหารของผู้คนส่วนใหญ่ในวังหลวงทันที เดิมทีเหล่าสนมคิดว่ามีเซียวหรูเสวี่ยมาเพิ่มอีกนางหนึ่ง สามารถลดความเย่อหยิ่งของเหยียนอู๋อวี้ได้ ทว่าการการะทำของซ่งอี้เฉินทำให้พวกเขายิ่งไม่พอใจมากขึ้น
เหยียนเป่าหลินผู้นี้้าเป็ที่โปรดปรานเพียงผู้เดียวจริงๆ และไม่รู้ว่าบุตรสาวของเ้าเมืองเล็กๆ จะสมควรได้รับความโปรดปรานมากถึงเพียงนั้นหรือไม่!
เหยียนอู๋อวี้ไม่ได้สนใจเื่เหล่านี้ ขณะที่ส่งเสด็จซ่งอี้เฉินออกไปแล้ว นางจึงกลับไปที่เรือนของตนเอง นางกำลังรอคนผู้หนึ่งอยู่
“คุณหนู ลองปิ่นปักผมสีทองนี้ดูเถิด!” ป้าโฉ่วจัดแต่งทรงผมให้เหยียนอู๋อวี้พลางหยิบปิ่นปักผมสีทองจากกล่องเครื่องประดับมาเสียบลงบนศีรษะของนาง
เมื่อมองจากระยะไกลจะเห็นปิ่นปักผมสีทองนี้ที่มีทับทิมขนาดใหญ่ฝังอยู่ตรงกลางสะดุดตาอย่างมาก
กล่าวกันว่าเป็ทับทิมที่ใหญ่ที่สุดในใต้หล้าและนำออกมาจากกระโจมของฮองเฮาชาวมองโก
เหยียนอู๋อวี้หยิบปิ่นปักผมสีทองมามองดูโดยไม่คิดอันใด สิ่งของทุกอย่างที่เบื้องบนมอบให้ต้องจัดเก็บไว้ให้ดี แม้ว่าสิ่งของจะเป็ของนางก็ตาม เอ่ยให้ถูกก็เป็เพียงช่วยเก็บรักษาและใช้งานเท่านั้น หากเกิดการเปลี่ยนแปลงในอนาคตก็จะต้องถูกยึดคืนไปโดยไม่มีการผ่อนปรนใดๆ ตัวอย่างเช่น ขณะที่อยู่ในตำแหน่งครานั้นปิ่นปักผมสีทองที่อยู่ตรงหน้านางเป็ของรักของหวงของนาง ทว่าต่อมากกลับมิได้เป็ของนางอีก ไม่คาดคิดว่ามันจะวนเวียนไปมาแล้วกลับมาตกอยู่ในมือนางอีกครั้ง
“ใช้ชิ้นนี้แล้วกัน!” นางเงยหน้าขึ้นมองแล้วไม่ได้คิดมากอันใด
ในเวลานั้นเองซูอิ่งเดินเข้ามาและบอกว่าเซียวเป่าหลินมาหา
นางวางปิ่นปักผมสีทองลงก่อนนะเดินออกไป นางเห็นร่างที่บอบบางซึ่งรออยู่ในตำหนักจากระยะไกล เมื่อเซียวเป่าหลินเห็นนางจึงก้าวไปข้างหน้าพลางโน้มตัวกล่าวคำทักทาย ทว่าเหยียนอู๋อวี้กลับเข้าไปประคองไว้ เมื่อนางเงยหน้าขึ้นเห็นเหยียนอู๋อวี้แย้มยิ้มกล่าวว่า “เ้ากับข้าต่างก็เป็เป่าหลิน น้องหญิงไม่ต้องมากพิธี”
“เมื่อเข้าวังหลวงครั้งแรก ข้าควรจะมาคำนับพี่หญิง” เซียวเป่าหลินเอ่ยอย่างจริงใจ ราวกับว่าข่าวลือภายนอกเป็เพียงลมที่ผ่านหูเท่านั้น
เหยียนอู๋อวี้โบกมือ ป้าโฉ่วพานางกำนัลทุกคนถอยออกไป ขณะที่ตนเองยืนรออยู่ที่หน้าประตู ไม่รอให้เหยียนอู๋อวี้เอ่ยอันใด เซียวเป่าหลินซึ่งยังคงแย้มยิ้มพลันคุกเข่าลงกับพื้นทันที
“ขอร้อง เหยียนเป่าหลินโปรดชี้หนทางสว่างให้หรูเสวี่ยด้วยเถิด” หลังจากนางเอ่ยจบ นางพลันโขกศีรษะลงบนพื้น
เหยียนอู๋อวี้มองคนที่คุกเข่าตรงหน้าด้วยแววตาเ็า มุมปากพลันยกยิ้มพลางช่วยประคองนางให้เดินไปที่โต๊ะและเอ่ยว่า “คำพูดของเซียวเป่าหลินพี่หญิงไม่อาจรับไว้ได้”
“พี่สาวของน้องจากไปอย่างน่าประหลาด หรูเสวี่ยกลัวยิ่งนัก” ขณะที่เซียวหรูเสวี่ยเอ่ย ร่างกายพลันสั่นเทาขึ้นมา
เหยียนอู๋อวี้ตบมือนางเบาๆ พลางเอ่ยว่า “พี่หญิงก็รู้สึกว่าเื่ของลี่เจาอี๋นั้นแปลกประหลาดเกินไป น่าเสียดายที่นางกำนัลคนสนิทถูกโบยจนตายไปแล้ว”
“เสียชีวิตโดยไม่มีหลักฐานเช่นนี้เลยหรือ?” เซียวหรูเสวี่ยถามย้ำเสียงต่ำ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้