สำหรับหลินเยว่แล้วการพนันเจ๊งอาจจะไม่ใช่เื่เลวร้ายก็ได้
แต่แน่นอน หากพนันได้ย่อมเป็เื่ที่ดีมากกว่า
ดังนั้น ท่านเฮ่อฉางเหอจึงนั่งนิ่งอย่างใจเย็น และรอแค่หยกที่หลินเยว่ตัดออกมาตอนสุดท้ายแล้วเท่านั้นก็พอตอนนี้หยกในคลังของหรงเล่อเซวียนก็เริ่มไม่ค่อยพอเสียด้วย
เมื่อคิดถึงสถานการณ์ตลาดหยกในปัจจุบันท่านเฮ่อฉางเหอก็เริ่มรู้สึกกังวล
สถานการณ์ในอนาคตช่างน่าเป็ห่วงจริงๆ!
ท่านเฮ่อฉางเหอแอบถอนหายใจอย่างเงียบๆ
ผ่านไป 1 ชั่วโมงเพราะความพยายามของหลินเยว่ ในที่สุดเขาก็สามารถตัดหยกด้านในออกมา
ท่านเฮ่อฉางเหอเหลือบมองหยกที่มีความยาวหลายสิบเิเในมือของหลินเยว่ทันใดนั้น น้ำชาในปากของท่านเฮ่อก็เกือบจะพ่นพรวดออกมา ท่านรีบกลืนน้ำชาลงไปหลังจากนั้นจึงวางถ้วยชาแล้วพุ่งตัวเข้ามาอยู่ด้านข้างของหลินเยว่สายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นกำลังจดจ่ออยู่กับหยกตรงหน้า
เมื่อหลินเยว่เห็นเช่นนี้เขาจึงรีบส่งหินหยกถึงมือของท่านเฮ่อฉางเหอ
มือทั้งสองข้างของท่านเฮ่อที่กำลังจับหยกถึงกับสั่นเล็กน้อยถึงแม้ว่าตลอดชีวิตของท่านจะเคยเจอหยกมานับไม่ถ้วน และหยกมูลค่ามากกว่า 50 ล้านหยวนก็เจอมาไม่น้อยแต่ทว่าทุกครั้งที่เห็นหยกเหล่านี้ ท่านมักจะมีความตื่นเต้นที่บรรยายไม่ถูก
คนที่ชื่นชอบหยกมักจะมองหยกได้ไม่เบื่อ
“หยกชั้นเลิศเลยนะ!”
ท่านเฮ่อฉางเหอตื่นเต้นอยู่สักพักสุดท้ายจึงหลุดออกมาหนึ่งประโยค
หลินเยว่ที่อยู่ด้านข้างก็แอบอมยิ้มจากสถานการณ์นี้ อาจารย์ของเขาก็มิอาจต้านทานเสน่ห์ของหยกได้เหมือนกัน
ท่านเฮ่อฉางเหอเหลือบตามองหลินเยว่แล้วขึงตาใส่เขาพร้อมพูดขึ้น “อย่าทำเป็หัวเราะไปหน่อยเลยรอจนคุณอายุขนาดอาจารย์ก็อาจจะเป็ยิ่งกว่าอาจารย์ด้วยซ้ำหยกก้อนนี้คุณภาพไม่เลวเลย การทะลุของแสง ชนิด และความโปร่งใสอยู่ในระดับดีมาก ถือว่าเป็เนื้อแก้วเลยล่ะลายเส้นสีเขียวตรงกลางเป็สีเขียวสดใสอย่างแท้จริง น่าเสียดายที่มีรอยร้าวอยู่ตรงกลางไม่อย่างนั้นแล้วราคาของมันอาจจะสูงขึ้นได้อีกหนึ่งในสามหยกก้อนนี้มีมูลค่ามากกว่า 50 ล้านหยวนไอ้หนุ่มอย่างคุณโชคดีอีกแล้วสิ ไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมคุณถึงได้โชคดีขนาดนี้!”
ท่านอุทานพร้อมส่ายศีรษะ
หลินเยว่หัวเราะ “แหะๆ” และพูดตอบ “ปกติผมชอบทำความดีดังนั้น ์จึงเข้าข้างผม”
“ในวงการการพนันหินหยกมีคนตั้งมากมายที่สวดมนต์กินเจแต่ไม่เห็นว่าจะมีใครที่โชคดีเหมือนกับคุณเลย”ท่านเฮ่อฉางเหอกลอกตาใส่หลินเยว่แล้วพูดต่อ“คุณวางแผนว่าจะทำอย่างไรกับหยกก้อนนี้ล่ะ?”
“แหะๆ ของดีก็ต้องไม่ยอมให้ตกเป็ของคนอื่น ผมก็ต้องขายให้กับหรงเล่อเซวียนสิครับ”หลินเยว่พูดพร้อมรอยยิ้ม
“่นี้หรงเล่อเซวียนกำลังขาดแคลนหยกที่เป็วัตถุดิบอยู่เลยหยกก้อนนี้ก็มาได้ทันเวลาพอดี” ท่านเฮ่อฉางเหอกวาดตาประเมินหยกในมือ “ราคา 55ล้านหยวนเป็อย่างไรล่ะ?”
ทำไมหลินเยว่ถึงจะไม่รู้ว่าอาจารย์ของตนกำลังช่วยตนเองอยู่ท่านเพิ่มเงินส่วนหนึ่งให้เขา และทำให้หรงเล่อเซวียนต้องมีกำไรลดน้อยลงไปบางส่วนเขาจึงรีบส่ายศีรษะพร้อมพูดขึ้น “ให้ผม 50 ล้านหยวนก็พอแล้วครับผมไม่อยากให้หรงเล่อเซวียนกำไรน้อยลง ธุรกิจก็คือธุรกิจครับ”
ท่านเฮ่อฉางเหอเหลือบตามองหลินเยว่ด้วยสายตาราบเรียบแล้วพูดขึ้น“ในเมื่อธุรกิจก็คือธุรกิจ ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ก็ให้แค่ 40 ล้านหยวนแล้วล่ะ เลิกพูดได้แล้ว 55 ล้านก็คือ 55 ล้าน หากเก็บหยกก้อนนี้ไว้อีกสักสองสามปีไม่แน่ราคาของมันอาจจะเพิ่มขึ้นอีกสิบกว่าล้านก็ได้”
ท่านเฮ่อฉางเหอก็ไม่ได้สนใจว่าหลินเยว่จะตกลงหรือไม่ท่านขอหมายเลขบัตรธนาคารของหลินเยว่มา แล้วก็โทรศัพท์โอนเงินให้กับหลินเยว่
“คุณวางแผนจะทำอย่างไรกับเงิน 55 ล้านก้อนนี้ล่ะ?”
ท่านเฮ่อฉางเหอมองหลินเยว่ด้วยสายตาที่แฝงความนัยบางอย่างเงิน 55 ล้านหยวนไม่ได้เป็เงินก้อนเล็กๆลูกศิษย์ของเขาอายุยังน้อยเช่นนี้อาจจะหลงละเลิงไปกับเงินทองจนลืมตัวได้อย่างง่ายดายเขาคิดจะทำอะไรก็เป็ไปได้ทั้งนั้น แต่ที่น่ากลัวที่สุดก็คือการไม่แสวงหาความก้าวหน้าหรือไม่คิดจะพัฒนาตนเองต่อไป
“ผมคิดว่าจะซื้อบ้านสักหลังหลังจากนั้นก็รับพ่อแม่มาอยู่ด้วยกัน หากพวกเขาไม่อยากมาก็จะสร้างบ้านหลังใหญ่ให้พวกเขาอยู่อย่างสบายที่บ้านเกิดครับ” หลินเยว่ไม่ได้สังเกตเห็นสายที่แฝงความนัยบางอย่างของท่านเฮ่อฉางเหอ
ท่านเฮ่อฉางเหอพยักหน้าอย่างพอใจแล้วพูดขึ้น“เกิดมาทั้งที ก็ต้องรู้จักกตัญญูรู้คุณ คุณทำอย่างนี้ก็ไม่เลวเลย”
เมื่อนัดหมายไว้ว่ามะรืนนี้จะเริ่มอบรมหลักสูตรเข้มข้นที่ร้านวัตถุโบราณของหรงเล่อเซวียนแล้วหลินเยว่จึงบอกลาท่านเฮ่อฉางเหอแล้วก็มุ่งหน้ากลับบ้านของตนเอง
เขา้ากลับไปค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตดูว่าสำนักงานขายบ้านที่ไหนค่อนข้างดี
วันถัดมา หลินเยว่จึงบอกให้ฉินเหยาเหยาลางานอีก 1วัน หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสองจึงมุ่งหน้าไปยังสำนักงานขายบ้านที่พวกเขาช่วยกันเลือกไว้แล้วั้แ่เมื่อคืน
ในความคิดของฉินเหยาเหยาเธอคิดว่าซื้อบ้านขนาดหนึ่งร้อยกว่าๆ ตารางเมตรก็พอแล้วเพราะเธอพิจารณาถึงเงินของหลินเยว่เป็หลัก ส่วนหลินเยว่ก็กลัวว่าจะสร้างความใให้กับฉินเหยาเหยาดังนั้น เขาจึงไม่ได้บอกเธอว่าเขามีเงินเท่าไรกันแน่เขาบอกเธอแค่เพียงเขามีเงินเยอะมากเท่านั้นส่วนหลินเยว่ค่อนข้างสนใจโครงการคฤหาสน์ที่มีบรรยากาศสวยงามมีความสะดวกครบครันมากกว่าสุดท้าย พวกเขาจึงเลือกคฤหาสน์ที่ตั้งอยู่ในเขตของคนมีเงินหลังหนึ่ง
เนื่องจากคฤหาสน์มีการตกแต่งพร้อมอยู่อาศัยดังนั้น พวกเขาจึงจัดการเื่เงินกับเ้าของบ้านหลังก่อนเรียบร้อยแล้วจึงเข้าอยู่อาศัยในคฤหาสน์หลังใหม่ทันที
คืนนี้ก็เป็คืนอันร้อนแรงของพวกเขาอีกครั้งเพราะพวกเขา้าสร้างความทรงจำที่ยากจะลบเลือนให้กับคืนแรกในบ้านหลังใหม่
วันรุ่งขึ้น ฉินเหยาเหยาก็ตื่นมาั้แ่เช้าและก็ปลุกหลินเยว่ออกมาจากเตียงทั้งๆที่เขายังไม่อยากตื่นเลยสักนิด
ตอนนี้พวกเขาก็มีชีวิตเหมือนเมื่อหนึ่งเดือนก่อนหลินเยว่ต้องกลับมาใช้ชีวิตเหมือนตอนที่เขาเริ่มเรียนรู้เครื่องเคลือบตอนกลางวันศึกษาเครื่องเคลือบ ตอนกลางคืนฝึกฝนผ่าธูป แต่ทว่าเขาเลือกฝึกผ่าธูปในห้องว่างห้องหนึ่งเพราะเขากลัวว่าจะทำให้ฉินเหยาเหยาใ
หลินเยว่หาเวลาไปลงทะเบียนอบรมระยะสั้นที่โรงเรียนสอนขับรถของเมืองคุนิแห่งหนึ่งหากจ่ายเงินก้อนหนึ่งก็จะสามารถได้ใบขับขี่ได้ง่ายขึ้น
วันที่ได้รับใบขับขี่มา หลินเยว่จึงไปซื้อรถยนต์รุ่นที่ได้ปรึกษากับฉินเหยาเหยามาแล้วคันหนึ่งมันคือรถเมอร์เซเดส-เบนซ์สีบรอนซ์เงิน
ไม่ได้เป็เพราะหลินเยว่ไม่เห็นค่าของเงินแต่เป็เพราะเขาชอบรถรุ่นนี้มากจริงๆ มันดูสง่างามพร้อมประโยชน์ใช้สอยที่มากกว่านับั้แ่เขาเห็นรถรุ่นนี้บนอินเทอร์เน็ต เขาก็ไม่เคยสนใจรถรุ่นอื่นๆ อีกเลยบวกกับฉินเหยาเหยาก็ชอบด้วยเหมือนกัน ดังนั้น เมื่อมีความเห็นตรงกันหลินเยว่จึงตัดสินใจซื้อรถคันนี้
เฮ่อโย่วจ้างกลับมาถึงคุนิในวันที่ 5 หลังจากที่หลินเยว่กลับมาสิ่งที่ติดตัวเขามาด้วยก็คือหินหยกก้อนใหญ่หลายก้อน เมื่อเขากลับมาถึงเขาก็ขลุกตัวอยู่ในโรงงานไม่ออกมาอีกเลย
มีอยู่เช้าวันหนึ่งขณะที่หลินเยว่กำลังฝึกขับรถอยู่บนพื้นที่ว่างที่ไว้สำหรับหัดขับรถนั้นเขาก็รับโทรศัพท์ที่ท่านฉางไท่โทรมา
“อาจารย์ครับ ทำไมถึงคิดโทรหาผมล่ะครับ ตอนนี้อาจารย์กำลังสอนอยู่ไม่ใช่หรือ?”
หลินเยว่ถามด้วยสีหน้าข้องใจหลังจากกลับมาจากเถิงชงแล้ว หลินเยว่ก็ไปหาท่านฉางไท่อยู่หลายครั้งถึงแม้ว่าท่านฉางไท่จะเข้มงวดกับหลินเยว่มากแต่ท่านก็เห็นด้วยที่ลูกศิษย์ของตนเองจะค่อยๆเรียนรู้ด้านการแกะสลักั้แ่พื้นฐาน ดังนั้น ท่านจึงไม่ได้สั่งให้หลินเยว่ต้องทำอย่างอื่น
“ทำไมอาจารย์ถึงจะโทรหาคุณไม่ได้ล่ะอาจารย์คิดว่าคุณกับตาแก่เฮ่อเอาแต่อยู่ด้วยกันทุกวันจนลืมอาจารย์คนนี้แล้วน่ะสิ”น้ำเสียงของท่านฉางไท่มีความอิจฉาแฝงอยู่เล็กๆ
“อาจารย์ครับ ท่านอย่าพูดอย่างนี้เลย อาจารย์โทรหาผมมีธุระอะไรหรือ?”
หลินเยว่ฝืนยิ้มออกมาแล้วถามขึ้น
“มาหาอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยคุนิแล้วพกมีดแกะสลักจันทราหนาวเหน็บมาด้วยพอมาถึงคุณก็โทรศัพท์หาหลี่ชิงเมิ่งศิษย์พี่ของคุณล่ะ”ท่านฉางไท่พูดจบก็ตัดสายทันที
ไม่กี่วันก่อน หลี่ชิงเมิ่งก็ได้ขอคารวะอาจารย์และเป็ลูกศิษย์ของสำนักท่านฉางไท่แล้วถึงแม้ว่าเธอจะกลายเป็ลูกศิษย์อย่างเป็ทางการช้ากว่าหลินเยว่แต่ทว่าเธอได้เริ่มศึกษาจากท่านฉางไท่มาก่อนเขา ดังนั้นหลินเยว่จึงเรียกเธอว่าศิษย์พี่ ถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุมากกว่าหลี่ชิงเมิ่ง 2ปี
หลินเยว่เกิดอาการสงสัยอย่างจริงจัง แต่ทว่าในเมื่อเป็คำพูดของอาจารย์ของเขาเขาจึงต้องเชื่อฟัง ดังนั้นเขาจึงกลับไปหยิบมีดแกะสลักจันทราหนาวเหน็บที่บ้านแล้วรีบขับรถมุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยคุนิทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้