“เหตุใดนางถึงมาที่นี่?”
คำถามนี้เป็สิ่งที่จิ้งจอกน้อยคิดอยู่ในใจเหมือนกัน
นางใช้นิ้วเกาศีรษะของจิ้งจอกน้อยอย่างเบามือก่อนจะชะงักเล็กน้อย “นางอยู่ที่ไหน?”
“ประตูด้านข้างเพคะ”
โหยวพิงถิงครุ่นคิดก่อนจะเอ่ย “ให้นางเข้ามา”
ไม่มีผู้ใดเห็นว่าแววตาของจิ้งจอกน้อยที่ถูกโหยวพิงถิงกอดไว้ในอ้อมแขนฉายแววลึกล้ำ
ผ่านไปเพียงหนึ่งถ้วยชา ไป๋หว่านหนิงก็เดินเข้ามา ทว่านางกลับสวมชุดสาวใช้
ใช่แล้ว
แม้ว่าตอนนี้ไป๋เสียนอันจะไม่อยู่ในจวน ทว่าเขาได้มอบหมายให้ไป๋เหล่าฮูหยินดูแลความเรียบร้อยภายในจวน
ในฐานะไท่จื่อเฟยในอนาคต ทุกคำพูดและทุกการกระทำของไป๋หว่านหนิงย่อมได้รับความสนใจ
แล้วไป๋เหล่าฮูหยินจะยอมให้นางออกจากจวนอย่างง่ายดายได้อย่างไร?
“หม่อมฉันถวายบังคมจวิ้นจู่เพคะ”
“ไม่ต้องมากพิธี ไม่ทราบว่าว่าที่ไท่จื่อเฟยมาหาข้าด้วยเหตุอันใด?” โหยวพิงถิงกล่าวพลางก้มหน้ามองสัตว์ตัวน้อยน่ารักที่ดูราวกับกำลังตั้งอกตั้งใจเล่นอะไรบางอย่างอยู่บนฝ่ามือของนาง
“จวิ้นจู่ทรงล้อเล่นแล้วเพคะ”
“ข้าคิดว่าความสุภาพเหล่านี้ไม่จำเป็แล้วกระมัง โปรดบอกเจตนาของเ้ามาตามตรงเถิด”
สุดท้ายแล้วบุคคลที่เติบโตอย่างอิสระที่ชายแดน ก็ไม่ชอบความอ้อมค้อมเช่นนี้
“จวิ้นจู่ชมชอบเซ่อเจิ้งอ๋องหรือไม่เ้าคะ?”
โหยวพิงถิงได้ฟังก็หัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นก็ป้อนองุ่นบนโต๊ะให้จิ้งจอกน้อยลูกแล้วลูกเล่า
“ข้าเพียงนับถือท่านอ๋องเป็พี่ชายเท่านั้น”
เมื่อไป๋หว่านหนิงมองเห็นแววตาที่ดูบริสุทธิ์คู่นั้น นางก็ถอดใจทันที
“แต่ท่านลองนึกถึงยามอยู่ที่ชายแดนในอดีตสิเ้าคะ ท่านอ๋องดีต่อท่านเพียงใด แต่วันนี้ความดีเ่าั้กลายเป็ของผู้อื่นไปเสียแล้ว ในใจท่านไม่รู้สึกเสียใจหรือเ้าคะ?”
แม้ว่าไป๋หว่านหนิงจะไม่เคยเห็นเื่เหล่านี้เองกับตา ทว่ามีข่าวลือแพร่สะพัดในเมืองหลวงไม่น้อย
ว่ากันว่ายามที่ทหารฝ่ายศัตรูกล่าววาจาดูิ่อันหนิงจวิ้นจู่ เซ่อเจิ้งอ๋องก็นำทัพออกรบอย่างโกรธเกรี้ยวจนทำให้อีกฝ่ายสูญเสียเมืองไปสองเมือง
ว่ากันว่าครั้งหนึ่งที่ค่ายทหารบนูเา อันหนิงจวิ้นจู่เป็ไข้อยากทานโจ๊กฟักทอง เซ่อเจิ้งอ๋องก็รีบพุ่งไปซื้อโจ๊กมาจากเมืองเล็กๆ ที่อยู่ใกล้เคียงโดยไม่สนใจอันตรายใดๆ
และยังมีข่าวลืออีกมากมาย
มือของโหยวพิงถิงปอกองุ่นไม่หยุดราวกับกำลังฟังเื่เล่าที่ไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง นางคลี่ยิ้มบางๆ ด้วยความอ่อนโยนและมีเมตตา “คุณหนูรอง หวังเฟยคือพี่สาวแท้ๆ ของเ้า เ้าไม่ควรทำเช่นนี้”
ไป๋หว่านหนิงแทบจะกัดลิ้นตนเองเสียแล้ว
หรือว่านางจะได้ข่าวมาผิด?
“เ้ากลับไปเถิด ข้าจะถือว่าเื่ในวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ภายภาคหน้าเ้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้อีก”
“แม้ว่าเ้าจะอิจฉาพี่สาวของเ้าที่เกิดมาเป็บุตรีของภรรยาเอก ทั้งยังได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋อง แต่เ้าก็ไม่ควรเล่นงานนางเช่นนี้”
สีหน้าของไป๋หว่านหนิงหมองคล้ำ ท่าทีดูเปลี่ยนไปไม่รู้จบ สุดท้ายนางก็พยักหน้า “เป็ข้าที่หุนหันพลันแล่นเอง ขออภัยเ้าค่ะ”
หลังไป๋หว่านหนิงจากไป สาวใช้ของโหยวพิงถิงก็เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “จวิ้นจู่เพคะ เหตุใดคุณหนูรองสกุลไป๋ถึงได้...”
ยังไม่ทันจบคำ โหยวพิงถิงก็ยกมือห้าม
“หยาเอ๋อร์ เ้าต้องจำไว้ว่าวันหน้าเราต้องอยู่ห่างจากนางเสียหน่อย คนเช่นนี้อันตรายเกินไป นางคิดว่าเข้ามาทางประตูด้านข้างแล้วจะไม่เป็อะไรอย่างนั้นหรือ? หารู้ไม่ว่าทั่วทั้งจวนเซ่อเจิ้งอ๋องนั้นถูกคุ้มกันด้วยอินทรีโลหิต”
“เรียกได้ว่าไร้จุดบอด!”
จู่ๆ นางก็วางจิ้งจอกน้อยลง ไป๋เซี่ยเหอจึงถือโอกาสวิ่งจากไป
นึกไม่ถึงเลยว่าไป๋หว่านหนิงจะมาหาโหยวพิงถิง
ทว่าการปฏิเสธของโหยวพิงถิงก็อยู่เหนือความคาดหมายของไป่เซี่ยเหอเช่นเดียวกัน
โหยวพิงถิงไม่ได้ชมชอบฮั่วเยี่ยนไหวจริงหรือ?
หากเป็เช่นนี้คงคุยกันง่าย
ส่วนไป๋หว่านหนิงนั้น ไป๋เซี่ยเหอย่อมไม่เห็นนางอยู่ในสายตา
เมื่อฮั่วเยี่ยนไหวที่อยู่ในห้องหนังสือได้ยินข่าวจากอินทรีโลหิต เขาก็ไม่แสดงท่าทีอะไร ไป๋หว่านหนิงเพียงคนเดียวไม่อาจก่อคลื่นลมได้
หารู้ไม่ว่าเพราะความประมาทเลินเล่อในครานี้แทบจะพรากชีวิตของคนสองคนไป
เวลาผ่านไปสามวันด้วยความรวดเร็ว
เนื่องจากไป๋เซี่ยเหอไม่ได้คืนร่างมนุษย์ นางจึงไม่อาจกลับจวนสกุลไป๋ได้ โชคดีที่นางได้คำตอบที่ชัดเจนจากโหยวพิงถิงแล้ว นางจึงเปลี่ยนไปติดตามฮั่วเยี่ยนไหวแทน
ฮั่วเยี่ยนไหวไม่รอโหยวพิงถิง เขาเข้าวังแต่เช้าตรู่ เพื่อทำหน้าที่คอยคุ้มกันอยู่ข้างกายของฮ่องเต้และฮองเฮาในขณะเดินทางไปยังเขตล่าสัตว์
จิ้งจอกน้อยสีขาวขนปุกปุยถูกเขาซ่อนไว้ในอกเสื้อ
โชคดีที่เสื้อผ้าใน่เหมันตฤดูมีความหนาเป็ทุนเดิมอยู่แล้ว ทั้งยังมีเสื้อคลุมทับอีกชั้น จึงไม่มีผู้ใดรู้ว่าฮั่วเยี่ยนไหวซ่อนจิ้งจอกน้อยเอาไว้
เมื่อได้ยินเสียงหัวใจเต้นที่สม่ำเสมอและทรงพลังของฮั่วเยี่ยนไหว จิ้งจอกน้อยก็ถูกกล่อมให้หลับไปทั้งอย่างนั้น โดยหลับอยู่ในอกเสื้อของอีกฝ่ายตลอดการเดินทางสองวัน
“ข้าเพิ่งเคยเห็นจิ้งจอกจำศีลเป็ครั้งแรก”
เขาใช้นิ้วตรวจสอบลมหายใจของมันหลายครั้ง ด้วยเกรงว่าสหายตัวน้อยจะถูกห่ออยู่ในเสื้อผ้าหนาเตอะจนขาดอากาศหายใจตาย
ทว่าผู้ใดจะรู้ว่ามันกลับหลับสบายไปตลอดทาง มีความสุขยิ่งกว่าผู้ใด
จิ้งจอกน้อยทำเสียงสูดน้ำลาย ก่อนจะถูไถใบหน้าเข้ากับฝ่ามือของฮั่วเยี่ยนไหว จากนั้นก็เหยียดขาสั้นๆ ทั้งสี่ข้างจนสุดแรงเพื่อยืดตัวอย่างเกียจคร้าน
“หงิง?”
เหตุใดถึงยังไม่ออกเดินทางอีก?
“ถึงแล้ว เ้านอนหลับมาสองวันเต็ม”
ฮั่วเยี่ยนไหวลูบหางของจิ้งจอกน้อยด้วยท่าทีเป็ธรรมชาติ ทว่าจิ้งจอกน้อยกลับะโลงจากฝ่ามือของเขาทันที
ใบหน้าของจิ้งจอกน้อยแดงก่ำราวกับจับไข้ก็ไม่ปาน
หางเป็จุดที่จิ้งจอกเพศผู้ใช้ในการกระตุ้นอารมณ์ของจิ้งจอกเพศเมีย
เพราะฉะนั้นจับหางจิ้งจอกตามอำเภอใจได้อย่างไร?
หน้าไม่อาย!
ฮั่วเยี่ยนไหวเลิกคิ้ว ผ่านไปนานกว่าเขาจะได้สติกลับมา แววตาล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความพึงพอใจและความหยอกเย้า
“เ้าคงไม่ได้คิดว่าข้ามีความคิดเกินเลยกับจิ้งจอกตัวหนึ่งหรอกกระมัง?”
ผู้ใดจะไปรู้เล่า?
ถึงอย่างไรร่างจริงของนางก็เป็สตรีที่รูปโฉมงดงาม!
และยังเป็คู่หมั้นของเขาอีกด้วย
เมื่อคิดเช่นนี้ ใบหน้าของไป๋เซี่ยเหอก็ยิ่งแดงขึ้น
นางอายแทบตายแล้ว
นางยกอุ้งเท้าจ้ำม่ำคู่หนึ่งขึ้นมาป้องศีรษะโดยไม่เงยหน้า
“ยังไม่ไปอีก?”
เสียงของฮั่วเยี่ยนไหวฟังดูห่างไกลออกไปเล็กน้อย จิ้งจอกน้อยเหยียดขาสั้นขนปุกปุยทั้งสี่ข้างแล้วรีบตามไป
ลานล่าสัตว์ตั้งอยู่ในสถานที่ที่คนไม่พลุกพล่าน ตอนนี้อากาศสดชื่น ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ
กระโจมสูงต่ำคละกันได้ถูกตระเตรียมไว้นานแล้ว กระโจมหลังที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดถูกกระโจมหลังอื่นล้อมไว้ตรงกลาง
นั่นคือกระโจมของฮ่องเต้และฮองเฮา
สายลมอันหนาวเหน็บพัดมา เสียงเกือกม้าวิ่งเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว
วันนี้โหยวพิงถิงสลัดชุดกระโปรงยาวทิ้ง แล้วหันมาสวมชุดจิ้นจวง[1]แทน ทำให้ความบอบบางลดลงไปสามส่วน ความองอาจเพิ่มขึ้นถึงห้าส่วน
“ท่านอ๋องพาข้าขี่ม้าไปรอบๆ ได้หรือไม่เ้าคะ? ข้าไม่ได้ขี่ม้ามานานแล้ว รู้สึกคิดถึงจริงๆ เ้าค่ะ”
แววตาของนางเต็มไปด้วยความโหยหาอิสรภาพ
นางคิดถึงวันเวลาที่อาศัยอยู่ในชายแดน ส่วนจะคิดถึงสิ่งใดนั้น มีเพียงตัวนางเองที่รู้
“ได้”
ครั้งนี้ฮั่วเยี่ยนไหวไม่ได้ปฏิเสธ เขายื่นจิ้งจอกน้อยให้อิ๋งเฟิง
“ดูแลจิ้งจอกน้อยให้ดี หากเกิดเื่กับมันแม้เพียงเล็กน้อย ก็เตรียมทำท่าม้าได้เลย”
เป็ท่าม้าอีกแล้ว
อิ๋งเฟิงมีสีหน้าอมทุกข์ ท่านอ๋องโปรดทรงเปลี่ยนบทลงโทษจะได้หรือไม่?
เขาอุ้มจิ้งจอกน้อยด้วยความทะนุถนอม ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าอมทุกข์ “จิ้งจอกน้อย ท่านเซียนจิ้งจอก ขาสองข้างของข้าต้องพึ่งเ้าช่วยรักษาไว้เสียแล้ว พวกเราต้องสามัคคีปรองดองกันนะ”
จิ้งจอกน้อยผงกศีรษะรับปาก
ไม่รู้ว่าเหตุใดสองสามวันมานี้นางถึงได้ง่วงงุนเป็พิเศษ ถือโอกาสนี้พักผ่อนน่าจะดี
“จิ้งจอกน้อย ดูเหมือนว่าเ้าจะ...โตแล้วสินะ”
อิ๋งเฟิงจำได้ว่ายามที่พบจิ้งจอกน้อยในคราแรก มันเพิ่งจะมีขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้น ตอนนี้ยาวเกือบจะเท่าแขนแล้ว
แม้แต่ขนก็ดูเงางามยิ่งกว่าเดิม
เก้าหางแกว่งไกวอยู่ด้านหลังอย่างงดงามไร้ที่ติ
ความรู้สึกอันคุ้นเคยจู่โจมเข้ามาอีกครา ไป๋เซี่ยเหอไม่ได้สังเกตว่าตนเองเติบโตั้แ่เมื่อใด
จู่ๆ ร่างกายของนางก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็ร้อนรุ่ม
------------------------
[1] ชุดจิ้นจวง หมายถึง ชุดที่มีความทะมัดทะแมง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้