เื่ห้องเก็บของขวัญของสองพ่อลูกสกุลฉีหาได้ปิดบังเป็ความลับ แม้ไม่รู้รายละเอียดว่าเป็อย่างไร แต่กลับทำให้คนประหลาดใจอย่างมาก
มีทั้งคนชื่นชม มีทั้งคนริษยา อย่างไรเสียสำหรับคนนอกย่อมมีความคิดแตกต่างกันไป
แม้จะรู้สึกว่าจะต้องเป็เพราะฉีจือโจวไม่มีบุตรถึงให้ความสำคัญกับหลานชายและหลานสาวสายนอก แต่ก็ยังไม่อาจควบคุมความอยากรู้อยากเห็นในใจได้
จึงอยากจะดูว่าเด็กน้อยสกุลซูทั้งสามจะตอบถูกสักกี่ข้อ
เมื่อมาขบคิดอย่างละเอียด คุณหนูห้าสกุลซูขึ้นชื่อเื่ความฉลาดปราดเปรื่องเป็ที่ล่วงรู้ไปถึงด้านนอก นี่เป็สิ่งที่ไม่ต้องสงสัย เพียงแต่เด็กน้อยอีกสองคนแท้จริงเป็เช่นไร พวกเขากลับไม่ใส่ใจนัก ตอบถูกได้สักข้อสองข้อก็เพียงพอแล้ว
เมื่อมองเช่นนี้ เด็กๆ อาจจะเอาของขวัญเหล่านี้กลับไปไม่ได้ด้วยซ้ำ พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแย่กับความเ้าเล่ห์ของสองพ่อลูกสกุลฉี
ไม่ว่าคนนอกจะคิดเช่นไร วันเวลาก็ผ่านไปเร็วยิ่ง เพียงชั่วพริบตางานโคมไฟเทศกาลซ่างหยวนก็มาถึง
งานโคมไฟเทศกาลซ่างหยวนเป็งานที่มีคนเยอะที่สุด ไม่ว่าคนจากตระกูลสูงศักดิ์หรือชาวบ้านสามัญชนล้วนออกมาเดินชมงาน ถนนทุกสายั้แ่เหนือจรดใต้ทั่วเมืองหลวงต่างประดับโคมไฟ หน้าประตูแทบทุกครัวเรือนล้วนแขวนโคมที่หน้าประตู ส่วนแม่น้ำทางใต้ก็เต็มไปด้วยแสงสีจากดอกไม้ไฟ ถนนตลอดทั้งสายสว่างโชติ่ราวกับตะวันร้อยดวงก็ไม่ปาน แสงโคมสะท้อนในแม่น้ำงดงามตระการตายิ่ง
เทศกาลเช่นนี้นอกจากโคมไฟมากมายดาษดื่น ยังมีพ่อค้าเร่จำนวนมากออกมาทำการค้า ทั้งของกินของใช้ล้วนมีครบครัน
แม้ว่าทางใต้จะเป็คูเมือง แต่ก็เป็สีสันและหน้าเป็ตาของงานเทศกาลโคมไฟ แต่ชาวบ้านทั่วไปจะไม่นั่งเรือ มีเพียงหญิงคณิกาบางคนที่จะแขวนโคมแดงไว้บนเรือ เป็การสร้างภาพลักษณ์ที่สง่างาม
นอกจากสตรีเหล่านี้ คนอื่นๆ ที่จะเหยียบย่างขึ้นเรือโดยมากมักเป็คุณชายผู้มีอารมณ์สุนทรีย์ ที่ขึ้นเรือไปตอบปริศนาของสตรีบนเรือ เพื่อเรียกกระแสความนิยมชมชอบ แม้ว่าการขึ้นเรือจะเห็นปริศนาสะดวกกว่า แต่สตรีที่มีชาติตระกูลดีจะไม่ทำเช่นนี้ นี่เป็ประเพณีที่สืบทอดต่อกันมา
หลายวันมานี้เฉียวเยว่กับฉีอันแทบจะไม่ออกจากเรือน พวกเขาอยู่แต่ในห้อง วิเคราะห์ปริศนาโคมไฟ ลากซูซานหลางมาถามโน่นถามนี่ได้ทุกวัน ในที่สุดงานโคมไฟเทศกาลซ่างหยวนก็มาถึง พวกเขาต่างกระวนกระวายแต่เช้า เฝ้ารอให้ถึงเวลาย่ำค่ำโดยเร็ว
เมื่อถึงยามพลบค่ำไท่ไท่สามเห็นว่าข้างนอกอากาศค่อนข้างหนาวเย็น จึงสวมเสื้อผ้าให้บุตรทั้งสามหนาขึ้นหลายชั้น ก่อนกำชับว่า "ออกไปข้างนอกอย่าวิ่งเล่นซุกซน ต้องตามอยู่ข้างแม่ตลอดเวลา เข้าใจหรือไม่?"
เฉียวเยว่พยักหน้า "ทราบแล้วเ้าค่ะ"
สวมกางเกงบุนวมหนาขนาดนี้ ถึงอยากวิ่งก็คงจะวิ่งไม่ไหว!
ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง พอได้ยินว่าสองพ่อลูกสกุลฉีมาถึงแล้ว เฉียวเยว่ก็ร้องขึ้นทันควัน "ประเสริฐยิ่ง ท่านตากับท่านลุงมาถึงแล้ว พวกเราก็ไปงานโคมไฟได้แล้วสิ"
เฉียวเยว่มีความสุขอย่างยิ่ง นอกจากตื่นเต้นกับเทศกาลโคมไฟแล้ว ยังตื่นเต้นเกี่ยวกับของขวัญเ่าั้อีกด้วย
นางจูงมือฉีอัน "พวกเราต้องไม่ปล่อยมือกัน เดินตามท่านพ่อท่านแม่อย่างใกล้ชิด เช่นนี้ถึงจะไม่ถูกโจรลักพาตัวไป"
พูดตามตรง นี่เป็อาการตกค้างมาจากการชอบดูละครทีวีก่อนข้ามภพมา
"พี่สาวไม่ต้องเป็ห่วง ข้าไม่ปล่อยมือหรอก พวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป" ฉีอันเอ่ยอย่างจริงจัง
เห็นบุตรทั้งสองคุยกันประสาเด็ก ไท่ไท่สามก็เอ่ยว่า "พวกเ้าวางใจ พวกเราคนมาก จะดูแลพวกเ้าอย่างดี"
เพราะเรือนสามนัดหมายกับสองพ่อลูกสกุลฉี จึงมิได้ไปพร้อมกับคนอื่นๆ ในจวน แต่เื่นี้ได้รับความเห็นชอบจากท่านโหวและฮูหยินผู้ฒ่าแล้ว
ถึงอย่างไรคงจะไม่เป็การเหมาะสมหากจะให้สองพ่อลูกสกุลฉีไปพร้อมกับคนอื่นๆ ในจวน ประกอบกับเด็กน้อยสามคนของเรือนสามมีภารกิจทายปริศนาโคมไฟเพื่อของขวัญ หากไปด้วยกันเป็กลุ่มใหญ่ ไหนเลยจะเหมาะสม ล้วนมีแต่เด็กทั้งนั้น เ้าทายคำข้าทายคำ คงไม่พ้นกระทบกระทั่งกันอีก
ด้วยเหตุนี้ เรือนสามถึงแยกไปกับคนสกุลฉี พอได้ยินว่าพวกไท่ไท่ใหญ่ออกจากเรือนแล้ว เฉียวเยว่ก็ยิ่งร้อนใจ "พวกเรารีบหน่อยเถอะ"
ฉีอันพยักหน้า "ใช่แล้ว ใช่แล้ว หากพวกเขาชิงทายปริศนาทั้งหมดไปก่อน พวกเราจะทำอย่างไร"
กระต่ายน้อยสองตัวล้วนเป็กระต่ายเ้าเล่ห์
เด็กทั้งสามต่างถือโคมปลาทองน้อยที่ฉีจือโจวทำให้ แม้ว่าจำนวนคนจะไม่มาก แต่ก็นับว่าออกจากบ้านอย่างเอิกเกริก เด็กน้อยสามคนอยู่ตรงกลาง ไท่ไท่สามอยู่ด้านหลังอิ้งเยว่
เป็ไปตามคาด ออกมายังไม่ไกลนัก ก็เห็นฝูงชนมากมาย บ้างก็ค้าขาย บ้างก็แสดงปาหี่เล่นกล แน่นอนว่าเพื่อแลกเงิน เฉียวเยว่ไม่เคยเห็นการแสดงคนจริงมาก่อน จึงรู้สึกสนใจอย่างมาก
เพียงแต่ชมดูได้ครู่เดียว ฉีอันก็เริ่มลุกลี้ลุกลน ใจพะวงถึงการทายปริศนาโคมไฟ
ต้องบอกว่าปริศนาโคมไฟในงานนี้มีไม่น้อย
หน้าประตูบ้านทุกหลังคาเรือนล้วนมี ที่แขวนตามข้างถนนก็มีนับไม่ถ้วน
ดูเพียงว่าเ้ามีความสามารถทายถูกหรือไม่ หากทายถูกก็เชิญหยิบไปได้เลย
โคมไฟแต่ละดวงล้วนมีความแปลกตาและงดงามแตกต่างกันไป มีครบครันทุกรูปแบบ โคมปลาทองน้อยในมือของพวกเขาดูเรียบง่ายไปถนัดตา แต่แม้จะเป็เช่นนี้ เฉียวเยว่เปรียบเทียบดูแล้วก็ยังคงพูดอย่างหนักแน่น "โคมปลาทองน้อยของข้าดีที่สุด หนึ่งพันทองคำมาแลกก็ไม่เอา"
ฉีอันคล้อยตามทันที
มุมปากของฉีจือโจวเผยรอยยิ้มที่คล้ายมีคล้ายไม่มี แต่หัวใจกลับปลื้มปีติ
โคมไฟงดงาม แต่ไม่ว่าจะจ่ายเงินแค่ไหนก็ซื้อไม่ได้ ต้องทายปริศนาให้ถูกด้วยตนเองถึงจะนำไปได้ วันนี้ของทุกปีจึงเป็วันที่พิเศษมากสำหรับคนส่วนใหญ่
นอกจากสิ่งเหล่านี้แล้ว โรงน้ำชาเจ็ดสมบัติริมแม่น้ำใต้ก็มีออกปริศนาคำทายโคมไฟซึ่งมีความซับซ้อน ทั้งหมดเจ็ดชั้น ปรกติแล้วตอบถูกหนึ่งข้อ ก็จะได้รับของขวัญหนึ่งชิ้นที่สอดคล้องกัน ของขวัญที่ให้มิใช่เงินทองหรือเพชรนิลจินดาทั่วไป รางวัลในแต่ละปีล้วนมีความพิเศษ เป็ของ 'ล้ำค่าหายาก' แม้แต่ทองคำพันชั่งก็ไม่อาจแลกได้ แต่ถ้าตอบไม่ถูกชั้นใดชั้นหนึ่งก็จะไม่สามารถรับของขวัญในส่วนที่เหลือทั้งหมดได้ แน่นอนว่าสามารถเลือกที่จะหยุดไม่ขึ้นไปชั้นต่อไป และนำของขวัญข้อที่ตอบถูกกลับไปได้เลย ทว่านับแต่อดีตถึงปัจจุบันยังไม่มีผู้ใดล้มเลิกความตั้งใจ เพราะถึงอย่างไรของรางวัลก็ล้ำค่า และที่สำคัญมากกว่าก็คือชื่อเสียง
่สิบปีมานี้มีเพียงผู้เดียวในเมืองหลวงที่สามารถพิชิตได้ถึงชั้นที่เจ็ด นั่นก็คือซูจิ้งหรั่นคุณชายสามแห่งจวนซู่เฉิงโหว
แต่หลังจากนั้นเป็ต้นมา ก็ไม่มีผู้ใดได้สมหวังอีกเลย
เฉียวเยว่รู้สึกว่าตนเองก็สามารถเริ่มต้นสร้างชื่อจากที่นั่นได้ นางเป็ซาลาเปาน้อยอายุหกขวบ เด็กเล็กตอบคำถามง่ายๆ ก็พอ พูดตามตรง หากซับซ้อนมากนัก นางก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน
การข้ามภพมิได้ช่วยให้ไอคิวของนางสูงขึ้นถึงร้อยแปดสิบ
แม้ว่าวันนี้จะหนาวไปหน่อย แต่ท้องฟ้ากระจ่างหมู่ดาราดารดาษ ดวงจันทร์สุกสกาวทำให้คนรู้สึกอบอุ่น
เฉียวเยว่สะกิดฉีอัน "เ้าจะเริ่มก่อนหรือไม่?"
ฉีอันถูมือ "ข้าควรหาข้อที่ง่ายหน่อย แล้วไล่ขึ้นไปตามลำดับขั้นช่วยให้มีความมั่นใจมากขึ้น"
นี่คือสิ่งที่เฉียวเยว่สอนเขาก่อนหน้านี้ และเขาก็เรียนรู้ ได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ ซูซานหลางก็นึกทอดถอนใจ บุตรในบ้านของตนเป็เด็กประเภทไหนกันแน่
เฉียวเยว่มองโคมไฟสี่เหลี่ยมอันหนึ่ง ปริศนา้าค่อนข้างง่าย นางจึงสะกิดฉีอันอีกครา "อันนั้น เ้าทายก่อน"
"หยวนเซียวออกมาชมโคมไฟ ตรงกับภาษิตว่าอย่างไร"
ฉีอันขบคิดครู่หนึ่งก็ปรบมือหัวเราะ "ข้ารู้ ประโยคนี้คือ คนวงนอกชมความครึกครื้น"
ชายชราเห็นเด็กน้อยอย่างเขาทายถูกในชั่วพริบตา ก็พยักหน้ากล่าวว่า "คุณชายน้อยเป็เด็กฉลาดยิ่ง"
ฉีอันะโด้วยความดีใจ "เย่!"
เฉียวเยว่มองไปรอบด้าน แน่นอนว่ามีไม่มาก นางดูใกล้ๆ ทีละดวง หลังจากดูแล้วก็ชี้ไปที่หนึ่งในนั้น "ข้าขอลองอันนี้"
"นอกสวนแว่วสำเนียงเสียงวานร ดาราจันทร์ขจรเหนือสะพานสดับขลุ่ยเซียว เป็ชื่อเทศกาล ข้าเดาว่าเป็เทศกาลหยวนเซียว ถูกต้องหรือไม่?"
ต้องถูกอยู่แล้ว อิ้งเยว่ไม่ตอบแต่แรก แต่ยกให้น้องชายกับน้องสาวเลือกก่อน หากพวกเขาตอบไม่ถูก นางถึงจะตอบ
เด็กน้อยสองคนนี้เ้าเล่ห์แสนกล พวกเขาอยากได้ของขวัญเยอะๆ ด้วยเหตุนี้จึงมาขอให้อิ้งเยว่ช่วยตอบมากๆ อย่าได้ถ่อมตน
ควรรู้กันว่าการถ่อมตนเท่ากับไม่เห็นคุณค่าความสำคัญของของรางวัล และผิดต่อความตั้งใจของท่านตากับท่านลุงที่ช่วยกันห่อด้วยความยากลำบาก
ในขบวนของพวกเขามีทั้งอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือทั่วใต้หล้า มีฉีจือโจวเสนาบดีกรมอาญา แล้วยังมีคุณชายสามสกุลซูผู้สร้างสถิติไว้มากมายนับไม่ถ้วน ได้ยินว่าพวกเขามีเดิมพันของขวัญอะไรกัน คนที่ติดตามพวกเขาจึงเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ ต่างอยากดูว่าเด็กสามคนจะทำได้ถึงระดับไหน
เป็ไปตามที่ทุกคนคาดไว้ พวกผู้ใหญ่สามสี่คนต่างอยู่เงียบๆ รอให้เด็กน้อยคิดคำตอบเอง
ตลอดทางสนุกสนานครึกครื้น อย่าเห็นว่าฝาแฝดคู่นี้อายุเพียงหกขวบ พวกเขามีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ทายถูกหลายข้อ ส่วนข้อที่ตอบไม่ได้ คุณหนูห้าอิ้งเยว่ถึงจะทายปริศนาแทน
เฉียวเยว่ยิ้มร่าเริง "นี่พวกเรากวาดเรียบทั้งถนนเลยนะ"
กวาดถนน?
"พวกเราไม่ได้ไปปัดกวาดถนนเสียหน่อย" ฉีอันรู้สึกข้องใจ
"เ้าทึ่ม ข้าหมายถึงพวกเราทายปริศนาโคมไฟบนถนนสายนี้ ไม่มีพลาดแม้แต่ข้อเดียว นี่เรียกว่ากวาดเรียบทั้งถนน ข้าตั้งขึ้นมาเองแหละ"
อาจารย์ฉีหัวเราะออกมา หลังจากขบคิดดีๆ ก็มองเห็นภาพ
ไม่พลาดแม้แต่ข้อเดียว ก็คือกวาดเรียบ นี่เป็การสร้างปริศนาโคมไฟขึ้นมาใหม่อย่างง่ายๆ
หลังจากนั้นตลอดหลายปี ก็มีคนเลียนแบบเด็กสามคนนี้ด้วยการมาที่นี่เพื่อ "กวาดถนน" ให้เรียบ แต่ผลที่ได้ก็แตกต่างกันไปสุดแล้วแต่บุคคล
ไม่รู้ว่าเดินไปนานแค่ไหน แต่เฉียวเยว่รู้สึกเหนื่อยแล้ว ทั้งยังหิวอีกด้วย "ท่านแม่ ท้องข้าร้องแล้ว"
ดวงกลมโตกะพริบปริบๆ ไม่มีสิ่งใดจะน่าเอ็นดูไปกว่านี้อีกแล้ว
ไท่ไท่สามยังไม่พูดอะไร ฉีจือโจวก็อุ้มหลานสาวขึ้นมา "ไป ลุงจะพาไปดื่มน้ำชากินขนม หลังจากนั้นพวกเราค่อยมาทายปริศนากันต่อ"
ฉีอันะโหย็องแหย็ง "อุ้มข้าด้วย อุ้มข้าด้วย"
ฉีจือโจวมีกำลังวังชาเหลือเฟือ อุ้มเด็กทั้งสองคนได้อย่างสบายๆ คนที่มาชมโคมไฟจำนวนมาก เมื่อก่อนได้ยินว่าฉีจือโจวไม่ค่อยยิ้มหรือสนทนา เป็คนคบหายาก แต่ดูจากวันนี้ถึงรู้ว่าแท้จริงแล้วไม่ใช่เลย
ขนาดไม่ใช่บุตรของตนเองยังใส่ใจเพียงนี้ หากเป็บุตรของตนเองจะรักมากเพียงใด
เขาอุ้มเด็กสองคนเข้าไปใน "โรงน้ำชาเจ็ดสมบัติ" เขาวางเด็กๆ ลง มีบัณฑิตไม่น้อยมองมาทางนี้
พอเห็นอาจารย์ฉีมาถึง ก็พากันเข้ามาคารวะ ใต้หล้านี้มีบัณฑิตมากน้อยเพียงไรที่ปรารถนาอยากเป็ศิษย์ของเขา
เพียงแต่ผู้าุโท่านนี้ค่อนข้างมีนิสัยประหลาดยากจะเข้าใจ ยิ่งไปกว่านั้นลูกศิษย์ของเขาล้วนมีฐานะสูงส่ง ด้วยเหตุนี้คนธรรมดาจึงไม่กล้ามากราบเขาเป็อาจารย์
แน่นอนว่ามีคนพูดว่าเขาเป็ผู้มีอำนาจบารมี มิเช่นนั้นแล้วจะรับแต่ลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียงมีหน้ามีตาในสังคมได้อย่างไร
แต่อาจารย์ฉีก็ไม่เก็บมาใส่ใจ
"เอาชาร้อนมาหนึ่งกา ชาโม่ลี่ [1] ก็ได้ แล้วก็เอาขนมมาอีกสองชุด" คนที่ตั้งใจมากินจริงๆ คงมีแต่พวกเขา
เฉียวเยว่ปรบมือ "เอาด่วนเลยนะ ข้าหิวแล้ว"
ช่างเป็เด็กใจร้อนจริงๆ
ระหว่างรอ นางก็นับโคมที่อยู่ด้านหลังของตนเอง "ข้ามีสิบเอ็ดดวง ฉีอันแปดดวง พี่อิ้งเยว่สามสิบสองดวง"
คนที่มองอยู่รอบๆ ต่างคิดว่าเด็กชายตัวน้อยน่าจะไม่พอใจ แต่ไม่นึกว่า เขากลับกำมือขึ้นมาให้กำลังใจตนเอง "ดังนั้นข้าต้องสู้ เฉียวเฉียว เ้าก็เหมือนกันนะ สู้ๆ"
เฉียวเยว่ยกกำปั้นน้อยๆ ชูไปมา "สู้ๆ"
"สู้อันใดหรือ?" น้ำเสียงกังวานเจือไปด้วยความเ็าของชายหนุ่มดังขึ้น
เฉียวเยว่หันไปมองด้วยความตื่นเต้น "ท่านพี่จ้าน"
...
[1] ชาโม่ลี่ หมายถึง ชาดอกมะลิ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้