เหล่าผู้คนให้ความสนใจกับศึกต่อสู้นี้เป็อย่างมาก ทั้งยังชมด้วยความตื่นเต้น เพราะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 5 ปะทะกับผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่สองคน มันดุเดือดเกินความคาดหมายของพวกเขาไปมาก
เย่เฟิงเผยสีหน้าเย็นเยียบ พลังหอกรายล้อมร่างกายและมีปราณเฉียบคมแผ่ออกมา เก้าวัชรหุนหยวนขั้นสามเริ่มโคจรภายในร่างเขา ก่อนพลังหุนหยวนจะแปรเปลี่ยนเป็พลังหยวนอันมหาศาล ไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ทำให้พลังปราณของเขายกระดับขึ้นไม่หยุด กระทั่งน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม
“ัคำรามเก้าชั้นฟ้า!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ รังสีหอกดุจั์พุ่งออกไป พลังอันแกร่งกล้าทำให้ห้วงอากาศสั่นไหวคล้ายจะถล่มก็ไม่ปาน
“ไปให้พ้น!” ชิงหลงเว่ยะโเสียงดังลั่น เขาตวัดดาบัครามสามครั้งติด ก่อนจะเข้าปะทะกับั์
“ตูม!!!” เสียงะเิดังสามครั้งติด รังสีดาบสามสายจู่โจมั์ พร้อมกับแสงทำลายล้างถูกปลดปล่อย แต่จู่ ๆ พลังประหลาดพวยพุ่งออกจากร่างั์ ก่อนจะแปรผันเป็รังสีหอกหลายสาย แล้วเข้าปะทะกับรังสีดาบสามสายนั่นทันที ั์แผดเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดโดยที่ยังคงพุ่งเข้าเขมือบกินชิงหลงเว่ยอย่างต่อเนื่อง
“ทำไมพลังโจมตีของหมอนี่ถึงแปลกพิลึกเช่นนี้?” ชิงหลงเว่ยเผยหน้าบูดเบี้ยว ก่อนหน้านี้เขาประเมินเย่เฟิงสูงเกินไป จึงใช้รังสีดาบสามสายเข้าต่อต้านหอกของเย่เฟิง แต่ในความเป็จริงเขาก็ยังคงประเมินพลังของหอกนี้ต่ำเกินไป ขณะที่มองเงาั์ที่เหมือนเขมือบทุกสิ่งได้ ชิงหลงเว่ยก็มิกล้าปลดปล่อยพลังเข้าต่อต้าน แต่สำแดงเคล็ดวิชาท่าร่างเพื่อหลบหนีการเขมือบกินของั์
“โฮก!” ั์แผดเสียงคำราม พลันแปรเปลี่ยนเป็พลังหอกมหาศาลในพริบตา ก่อนจะเข้าปกคลุมร่างชิงหลงเว่ย
“วูบ!” พลังหอกเชือดเฉือนร่างกายของชิงหลงเว่ย เขาแผดเสียงไม่หยุดพร้อมกับกวัดแกว่งดาบัครามอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อต้านการเชือดเฉือนของพลังหอก แต่ดาบของเขาก็ยังคงช้าเกินไป พลังหอกนั่นราวกับไร้ที่สิ้นสุด มันได้ทิ้งรอยเืไปทั่วร่างเขาในชั่วพริบตา
“ตาย!” ขณะเดียวกันกริชของจูเชวี่ยเว่ยก็ตรงมายังด้านหลังในตำแหน่งหัวใจของเย่เฟิง แต่เย่เฟิงรับรู้ได้ถึงอันตรายในทันที จึงหมุนตัวไปอย่างฉับพลันก่อนจะแทงหอกัเงินประกายออกไป
“เคร้ง!” ปลายหอกเข้าปะทะกับกริชของจูเชวี่ยเว่ย แต่ด้วยพลังมหาศาลจึงทำให้จูเชวี่ยรู้สึกชาที่แขน และกริชก็เกือบหลุดออกจากมือ
จำต้องบอกว่าหลังจากที่เย่เฟิงผ่านการชำระล้างร่างกายจากเคล็ดวิชาบ่มเพาะกายาทั้งสอง พลังกายก็น่าสะพรึงกลัวขึ้น แม้เขาจะอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 5 แต่พลังกายกลับไม่ด้อยไปกว่าผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ กระทั่งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่หลาย ๆ คน แม้แต่จูเชวี่ยเว่ยก็ยังด้อยกว่าเย่เฟิงในด้านของพลัง นางจึงตกเป็เบี้ยล่าง
“พลังของจูเชวี่ยเว่ยสู้ชิงหลงเว่ยไม่ได้ เช่นนั้นจัดการจูเชวี่ยเว่ยก่อนแล้วกัน!” เย่เฟิงคิดในใจ พลังของเขานั้นสู้อีกสองคนไม่ได้ หาก้าชนะศึกนี้ เขาจำต้องใช้สมองให้เกิดประโยชน์
“หอกมรณะ!” เมื่อวางแผนได้แล้ว เย่เฟิงก็สำแดงทักษะหอกปลิดชีวีกระบวนท่าที่หนึ่งทันทีโดยไม่ปล่อยให้จูเชวี่ยเว่ยได้มีโอกาสใด ๆ รังสีหอกพลันกลายเป็ลำแสงทำลายล้าง ก่อนจะไปถึงจูเชวี่ยเว่ยในพริบตาจนนางหน้าถอดสี นางััได้อย่างชัดเจนว่าหอกนี้ของเย่เฟิงมีพลังแกร่งกล้ากว่าหอกก่อนหน้านี้หลายเท่าตัว ทั้งยังว่องไวกว่าด้วย
“กรี๊ด!” แม้จูเชวี่ยเว่ยจะหลบหนีอย่างสุดความสามารถ แต่ยังคงช้าไปหนึ่งก้าว รังสีหอกนั่นเร็วเกินไป มันทะลวงผ่านหัวไหล่ข้างหนึ่ง นี่ทำให้จูเชวี่ยเว่ยกรีดร้องด้วยความเ็ปจนนางเซถอยหลังไปหลายก้าว ทั้งยังมีเืไหลทะลักออกจากาแไม่หยุด
“ข้าเย่เฟิงไม่ฆ่าผู้หญิงง่าย ๆ ไสหัวไปซะ!” แสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตาของเย่เฟิง จากนั้นแขนข้างหนึ่งของเย่เฟิงพลันสั่นระริก จู่ ๆ ตัวหอกแปรเปลี่ยนเป็กระบองก่อนจะตีไปที่ร่างจูเชวี่ยเว่ย ตามมาด้วยเสียงโอดครวญ จูเชวี่ยเว่ยต้องส่งเสียงกรีดร้องอีกครั้งพร้อมกับร่างกระเด็นปลิวออกไปกระแทกกับโต๊ะที่เว่ยฉีเทียนกับเว่ยซินหย่าอยู่ ทำให้โต๊ะแตกเป็เสี่ยง ๆ
เว่ยฉีเทียนและเว่ยซินหย่าต่างต้องใก่อนสีหน้าจะดูย่ำแย่ สี่มหาองครักษ์ผู้เลื่องชื่อแห่งอาณาจักรเว่ยของพวกเขากลับพ่ายแพ้เย่เฟิงถึงสามในสี่ แม้แต่จูเชวี่ยเว่ยที่แข็งแกร่งอันดับสองในบรรดาสี่คนและยังมีชิงหลงเว่ยคอยสนับสนุน ก็ยังคงถูกเย่เฟิงซัดกระเด็นปลิว หากไม่ใช่ว่าเย่เฟิงยั้งมือ ป่านนี้จูเชวี่ยเว่ยคงตายไปตั้งนานแล้ว
“เย่เฟิงผู้นี้แข็งแกร่งมาก แม้แต่ชิงหลงเว่ยและจูเชวี่ยเว่ยแห่งอาณาจักรเว่ยที่ผลึกกำลังกัน ก็ยังคงพ่ายแพ้ให้เย่เฟิงผู้อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 5 ไม่รู้ว่าเย่เฟิงผู้นี้ฝึกเคล็ดวิชาอะไรถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้ ไม่นึกว่าจะทำให้พลังต่อสู้ของเขาถึงจุดยากที่ผู้คนจะจินตนาการถึง แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวขณะมองเย่เฟิงด้วยสายตาผันผวน
“ดี ดีมากเย่เฟิง!” จู่ ๆ มีเสียงโห่ร้องดังขึ้น นาทีต่อมาเสียงโห่ร้องแสดงความดีใจก็ดังกึกก้องไปทั่วห้องโถง หลาย ๆ คนต่างกู่ร้องด้วยความยินดี ในหมู่คนเ่าั้มีทั้งคนที่ไม่ชอบขี้หน้าเย่เฟิงรวมอยู่ด้วย
การที่ชายหนุ่มขั้นรวมชี่ที่ 5 ต่อสู้มาถึงจุดนี้ได้ ทำให้พวกเขาต้องนับถือและชื่นชม เย่เฟิงเอาชนะใจพวกเขาด้วยการกระทำของตน
แววตาของจ้าวซินอี๋สั่นระริกด้วยความตื่นเต้นดีใจ แต่นางไม่ได้พูดมันออกไป ศึกต่อสู้นี้สุดท้ายแล้วไม่ว่าเย่เฟิงจะเอาชนะชิงหลงเว่ยได้หรือไม่ เขาก็ทำได้ดีเยี่ยม
“สั่งคนไปตรวจสอบประวัติของเย่เฟิงโดยเร็วที่สุด จำไว้ว่าข้าต้องได้รายละเอียดมากที่สุด ภายในสามวันเ้าต้องนำคำตอบมาให้ข้า!” จ้าวเยี่ยเผยสีหน้าเบิกบานใจ แต่ด้วยความสงสัยที่คับแน่นอยู่ในใจ เขาจึงสั่งองครักษ์ข้างกายด้วยเสียงแ่เบา
“ขอรับ องค์ชาย!” เมื่อองครักษ์ได้รับคำสั่งก็ถอยหลังไปทันที
การแสดงของเย่เฟิงในวันนี้ได้พิชิตใจจ้าวเยี่ย เด็กหนุ่มที่มีพร์ยอดเยี่ยมเช่นนี้ แม้องค์ชายอย่างจ้าวเยี่ยก็ยังหาวิธีที่จะได้เข้าใกล้และดึงมาเป็พวก หากวันใดวันหนึ่งเย่เฟิงเติบใหญ่อย่างแท้จริง แล้วเขาจ้าวเยี่ยไม่ได้เป็สหายกับเย่เฟิง วันนั้นเขาคงเสียใจมากแน่ ๆ และเขายังเชื่อว่าต่อไปคงส่งผลกระทบต่ออาณาจักรจ้าวเป็อย่างมาก
ต้องรู้ว่าผู้ฝึกยุทธ์ชั้นยอดที่มากฝีมือมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศชาติเป็อย่างมาก โดยเฉพาะในโลกที่มีวรยุทธ์เป็ใหญ่ อย่างเช่นหากอาณาจักรจ้าวมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาาปกครอง เช่นนั้นฐานะของอาณาจักรจ้าวในแดนชิงอวิ๋นก็จะถูกยกระดับไปอีกขั้น อยู่เหนืออาณาจักรเว่ยและอาณาจักรอื่น ๆ จนกลายเป็อาณาจักรศูนย์กลางแห่งแดนชิงอวิ๋น กระทั่งเหนือกว่าสำนักชิงอวิ๋นและกลายเป็ผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนชิงอวิ๋น ในจุดนี้จะเห็นได้ทันทีว่าผู้ฝึกยุทธ์ชั้นยอดคนหนึ่งมีผลกระทบต่อประเทศชาติมากเพียงใด
การที่จ้าวเยี่ยสนใจเย่เฟิง นั่นไม่ใช่เพราะคิดว่าเย่เฟิงอาจกลายเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาา แต่เป็เพราะศักยภาพของเย่เฟิง เขาจึงไม่อยากพลาดโอกาสใด ๆ ไป
นี่ก็คือความแตกต่างระหว่างเขากับองค์ชายใหญ่ เมื่อเทียบกับความเผด็จการขององค์ชายใหญ่ องค์ชายรองมีจิตใจเมตตากว่ามากและยังให้ความสำคัญกับคนรอบข้าง พวกเขาสองคนคือองค์ชายที่โดดเด่นที่สุดในราชวงศ์จ้าว และหนึ่งในสองคนนี้จะต้องดำรงตำแหน่งาาองค์ต่อไป
บัดนี้องค์ชายใหญ่ได้ถูกองค์าาแต่งตั้งเป็ว่าที่าา ทั้งยังได้รับจวนเซิ่งอ๋อง การสนับสนุนจากสำนักศึกษาเสินเจียงและกองกำลังอื่น ๆ เพื่อช่วยให้เขาได้รับตำแหน่งองค์าาในภายภาคหน้า อาจกล่าวได้ว่าบัดนี้องค์ชายใหญ่แสดงความสามารถออกมาทั้งหมดแล้ว
ส่วนองค์ชายรองจ้าวเยี่ย้าความมั่นคงมากกว่า ฐานะของเขาในราชวงศ์จึงด้อยกว่าองค์ชายใหญ่ และไม่มีพรรคพวกเหมือนองค์ชายใหญ่ แต่เพื่อคว้าชัยชนะในศึกชิงตำแหน่งองค์าา ก็มีแต่ต้องพึ่งพาชื่อเสียงคุณธรรมอันดีงามของเขา
แม้วันนี้เย่เฟิงจะเอาชนะชิงหลงเว่ยไม่ได้ แต่จ้าวเยี่ยจะพยายามปกป้องเขาอย่างสุดความสามารถ
เย่เฟิงซัดจูเชวี่ยเว่ยกระเด็นปลิว ทำให้ชิงหลงเว่ยหรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมกับมีไอเย็นแผ่ออกจากร่าง “อย่าเพิ่งได้ใจไป ข้าคนเดียวก็จัดการเ้าได้เหมือนกัน!”
เมื่อกล่าวจบ ชิงหลงเว่ยยกเท้ากระทืบพื้นเต็มแรงจนห้องโถงสั่นะเื พร้อมกับมีพลังปราณพวยพุ่งออกจากร่างเขา นาทีนี้ผู้คนพบว่ามีเงาัครามปรากฏตัวที่ด้านหลังชิงหลงเว่ย ดูน่าเกรงขามอย่างมาก ทั้งยังมีพลังที่ส่งผลต่อวิสัยทัศน์ของผู้คน
“ิญญาาัครามขั้นเขียว ช่างทรงพลังเหลือเกิน!”
ด้วยพลังของิญญาา ร่างชิงหลงเว่ยจึงดูสูงใหญ่ขึ้น จากนั้นเขากล่าวอย่างได้ใจว่า “เห็นหรือยัง ิญญาาของข้าคือสิ่งที่เ้ามิอาจเอาชนะได้ ตายซะเถอะ!”
ชิงหลงเว่ยเผยสีหน้าดุร้าย จากนั้นเขาขับเคลื่อนิญญาาัครามให้ไปสังหารเย่เฟิง
สาเหตุที่เขากล้าทำตัวยโสโอหัง นั่นเพราะิญญาาัครามขั้นเขียวเป็ิญญาาที่หาได้ยาก และมีไม่กี่คนในอาณาจักรจ้าวที่ทัดเทียมเขาได้
“ิญญาาัครามขั้นเขียว ช่างทรงพลังเหลือเกิน ดูท่าเย่เฟิงจะโชคร้ายแล้ว ชิงหลงเว่ยสมแล้วที่เป็ผู้ฝึกยุทธ์ใกล้บรรลุขั้นยุทธ์แท้ เมื่อเทียบกับเขา เย่เฟิงยังถือว่าด้อยกว่ามาก!” เหล่าผู้คนต่างต้องตกตะลึง พวกเขาคิดว่าครั้งนี้เย่เฟิงต้องตายอย่างแน่นอน เพราะแม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ต่ำกว่าขั้นยุทธ์แท้ก็ต้านการโจมตีนี้ของชิงหลงเว่ยไม่ได้
“ิญญาาัครามขั้นเขียว?”
อย่างไรก็ตามขณะที่เย่เฟิงมองเงาิญญาาที่กำลังพุ่งเข้ามาเขมือบ เขากลับมีท่าทีนิ่งเฉย กระทั่งเผยสีหน้าดูแคลนแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่รู้จริง ๆ ว่าเ้าไปเอาความภาคภูมิใจมาจากไหนกะอีแค่ิญญาาขยะนี่ กระทั่งไม่รู้ความแตกต่างระหว่างเ้ากับข้าด้วยซ้ำ ต่อไปข้าจะทำให้เ้าได้รู้ซึ้งถึงพลังแห่งิญญาาเผ่าพันธุ์ัที่แท้จริง!”
ขณะนั้นแสงศักดิ์สิทธิ์โคจรรอบกายเย่เฟิง พร้อมกับพลังไร้ที่สิ้นสุดโหมกระหน่ำไปทั่วพื้นที่ และคล้ายกับมีปราณัแผ่ออกมาจากร่างเย่เฟิง
นาทีนี้ผู้คนพบว่ามีเงาเทพัที่น่าเกรงขามปรากฏตัวที่ด้านหลังเย่เฟิง ประหนึ่งเทพัามาเยือนอย่างไรอย่างนั้น ปราณัไร้ที่สิ้นสุดราวกับกลายเป็แรงกดดันอันทรงพลังได้เข้าปกคลุมทั่วฟ้าดิน ทำให้ทุกคนในที่แห่งนั้นรู้สึกกดดันเป็อย่างมาก
“ิญญาาเทพั! เย่เฟิงปลุกิญญาาเทพัได้จริง ๆ งั้นหรือ เห็นทีข่าวลือจะเป็ความจริง เป็อัจฉริยะอย่างที่คิดไว้!” ผู้คนต่างต้องใขณะมองเงาเทพัมหึมานั่น พร้อมดวงตาสั่นระริกด้วยความตื่นเต้น
“ขั้นคราม! ถ้าข้ามองไม่ผิด ิญญาาเทพัของเย่เฟิงน่าจะอยู่ขั้นคราม หาใช่ขั้นเขียวอย่างในข่าวลือไม่ นี่จะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ดูท่าก่อนหน้านี้เย่เฟิงจะปกปิดพลังของตนไว้ แต่จริง ๆ แล้วไม่ว่าจะเป็พลังต่อสู้หรือพร์ เย่เฟิงก็ล้วนมีคุณสมบัติทัดเทียมระดับนั้นที่สูงสุดในอาณาจักรจ้าว!”
ผู้คนต่างรู้ระดับิญญาาของเย่เฟิง แต่ด้วยความรู้สึกตกตะลึง จึงมิอาจอธิบายออกมาเป็คำพูดได้
“โฮก!” เทพัแผดเสียงคำรามที่แฝงด้วยความเกรงขาม ประหนึ่งประกาศอำนาจของตน แต่เมื่อิญญาาัครามพุ่งเข้ามา จู่ ๆ ิญญาาเทพัอ้าปากกว้าง พร้อมกับมีพลังกลืนกินถูกปลดปล่อยออกมาจากปาก นี่ทำให้ิญญาาัครามส่งเสียงร้องคร่ำครวญและดิ้นรนไม่หยุด แต่ก็ไร้ประโยชน์ ด้วยพลังกลืนกินที่ิญญาาเทพัปลดปล่อยออกมา มันมิอาจต้านทานได้เลย ร่างกายจึงถูกกลืนกินทีละนิด ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยในชั่วพริบตา!
