หลินเสี่ยวฉีรู้สึกราวกับกำลังนั่งอยู่บนเข็มหมุด
หลังจากฟังถ้อยคำของอวี้ฉู่เฉิง ภายในใจพลันขนลุกวาบ คิดว่ามันช่างแตกต่างจากที่ตนเองจินตนาการเอาไว้เหลือเกิน
หัวใจของหลินเสี่ยวฉีเต้นรัว นางลอบมองอวี้ฉู่เฉิงที่เข้ามาใกล้ภายใต้ผ้าคลุมหัวที่ปิดอยู่ ฝ่าเท้าคู่นั้นที่ก้าวเข้ามาเหมือนแอบแฝงไปด้วยเจตนาไม่ดี
จากนั้น อวี้ฉู่เฉิงก้าวมาหยุดยืนนิ่งอยู่ตรงหน้านาง
“โอ้ย!”
ทันใดนั้น ผ้าคลุมหัวของหลินเสี่ยวฉีถูกอวี้ฉู่เฉิงดึงออก แม้แต่กวนมงคลสมรสที่สวมอยู่บนหัวก็ถูกดึงออกไปด้วย ก่อนที่ร่างของนางจะร่วงลงไปบนพื้น
การกระทำของอวี้ฉู่เฉิงทำให้หลินเสี่ยวฉีตะลึงงัน
หลินเสี่ยวฉีมองไปยังปิ่นไข่มุกรูปดอกไม้ที่ตกอยู่ที่พื้น พร้อมกับเส้นผมที่ติดออกมาด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ
“ท่าน!” นางเงยหน้าขึ้นมองอวี้ฉู่เฉิง ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตา “เหตุใดท่าน…”
“เหอะ เหตุใดจึงทำเช่นนี้กับเ้า ใช่หรือไม่?” อวี้ฉู่เฉิงตัดบทหลินเสี่ยวฉี ช่วยนางเอ่ยถามข้อสงสัย
หลินเสี่ยวฉีใจนน้ำตาไหลอาบเป็สาย นางไม่เข้าใจเอาเสียเลย
เพราะเหตุใดกัน มิใช่ว่าองค์ชายสี่ตั้งใจเลือกนางด้วยตนเองหรอกหรือ? นางเป็สนมรองเพียงหนึ่งเดียวขององค์ชายมิใช่หรือไร คืนแรกของการเข้าหอก็ควรจะให้เกียรติกันสิ
แต่…
เมื่อมองไปยังอวี้ฉู่เฉิง อย่าว่าแต่สวมซีฝู1 เลย แม้แต่ชุดที่เหมาะแก่การสวมในวันมงคลเขายังไม่สวม
ภายใต้ชุดสีดำทองที่เรียบง่าย มองออกได้โดยทันทีว่าเพิ่งออกไปข้างนอกมา การสู่ขอนางในวันนี้เป็เพียงเื่ที่ทำให้ผ่านๆ ไปเท่านั้น ราวกับเป็เพียงเื่เล็กน้อยที่ไม่ควรต้องมาใส่ใจ
หลินเสี่ยวฉีมองอวี้ฉู่เฉิงที่ปรายตามองนางด้วยสายตาดูถูกเสมือนมองมดมองแมลง
โอกาสครั้งสุดท้ายในชีวิตที่นางได้เลือกนับว่าผิดมหันต์ ล้มเหลวอย่างไม่เป็ท่า
อวี้ฉู่เฉิงนั่งอยู่บนเตียงก่อนกล่าว “เปิ่นหวงจื่อเหนื่อยแล้ว ไปตักน้ำรอสิ ประเดี๋ยวเปิ่นหวงจื่อจะไปอาบน้ำเสียหน่อย”
หลินเสี่ยวฉียกมือปาดน้ำตาออกจากใบหน้าพลางลุกขึ้นยืน หลังจากยืนอย่างมั่นคงได้ไม่นาน นางก็ถูกอวี้ฉู่เฉิงเตะจากด้านหลังจนล้มลงไปกับพื้น “เร็วๆ เข้า อย่าชักช้า”
“เพคะ” หลินเสี่ยวฉีกัดริมฝีปากแน่น พยายามสกัดกั้นเสียงแห่งความเศร้าโศก
หลินเสี่ยวฉียังคงสวมชุดแต่งงานที่เธอแสดงท่าทีไม่พอใจนักเมื่อเช้านี้ นางค่อยๆ ตักน้ำเพื่อไปเติมในสระน้ำในห้องอาบน้ำทีละถัง
ใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ผมเผ้ารุงรัง แม้แต่เครื่องประดับศีรษะที่นางไม่้ายังแทบปักเอาไว้ไม่อยู่
“องค์ชาย ตักน้ำเสร็จแล้วเพคะ”
หลังจากทำงานอย่างหนักจนเสร็จสิ้น ฉับพลันอวี้ฉู่เฉิงกลับหัวเราะออกมา “เ้านี่มันช่างโง่เขลาเสียจริง ในห้องอาบน้ำมีท่อน้ำต่อเข้ามา แต่เ้ากลับยังไปแบกน้ำมาทีละถัง”
หลินเสี่ยวฉีรู้สึกตะลึงงัน
นางไม่เคยพบเคยเจอห้องอาบน้ำที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อน อีกทั้งสระน้ำยังกว้างเช่นนั้น นางจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องทำเช่นไร
“เ้าคงมาจากตระกูลต่ำต้อย กับมารดาของเ้า”
พอหลินเสี่ยวฉีได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยถึงมารดาของตนขึ้นมา ทำเอาหัวใจเกือบหยุดเต้นอย่างกะทันหัน ไม่กล้าแม้แต่จะสบตา
“มารดาของเ้ามาจากตระกูลต่ำต้อยสินะ ทั้งยังเป็หญิงขี้อิจฉา คนหยาบคายเช่นนั้นดันสอนลูกสาวให้กลายเป็หญิงที่ไม่เคยพบเจอโลกภายนอก”
หลังจากเยาะเย้ยเสร็จ อวี้ฉู่เฉิงก็เดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ “เข้ามา”
หลินเสี่ยวฉีเดินตามหลังเข้าไปด้วยท่าทีตื่นตระหนก
อวี้ฉู่เฉิงย่อตัวลง เขายื่นมือลงไปตรวจวัดอุณหภูมิของน้ำ
“ทำไมถึงเย็นขนาดนี้!”
แค่อวี้ฉู่เฉิงเอ่ยออกมาก็ทำให้หลินเสี่ยวฉีรับรู้ได้ทันทีว่าต้องเกิดเื่อีกแน่ ร่างของนางจึงสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่อยู่
เหตุใดองค์ชายสี่ถึงได้น่ากลัวเพียงนี้ เมื่อนึกถึงวันที่เลือกพระสนมในวันนั้น เขายังส่งรอยยิ้มให้นางอยู่เลย
ครั้งนี้นางมั่นใจว่าสิ่งที่นางเลือกต้องไม่ผิดอย่างแน่นอน คิดว่าอย่างไรก็ต้องเป็วันที่พลิกชะตาชีวิตของนาง
อวี้ฉู่เฉิงหันกลับมามองหลินเสี่ยวฉีก่อนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “มัวตัวสั่นอะไร หนาวหรือไง?”
หลินเสี่ยวฉีไม่เอ่ยตอบ ครู่ต่อมา นางได้ยินเสียงอวี้ฉู่เฉิงเรียกคนมาจากด้านนอก
“เอาน้ำออกให้สะอาด!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากนั้น ชายคนดังกล่าวก็ได้ดึงจุกปิดของสระน้ำออก เพียงเวลาไม่นาน น้ำในสระน้ำก็ไหลออกจนหมด
หลังจากรอคนผู้นั้นถอยออกไป อวี้ฉู่เฉิงเดินไปทางกำแพงก่อนจะใช้ฝ่ามือคลายเกลียวท่อซึ่งดูคล้ายกับวาล์วน้ำ เพียงครู่เดียว สายน้ำจึงไหลออกมาด้วยความรวดเร็ว
อวี้ฉู่เฉิงมองไปทางหลินเสี่ยวฉีที่ยังตัวสั่น เขาเดินไปใกล้นางแล้วเอ่ยถาม “หนาวหรือ? นี่ก็เดือนสี่แล้ว อากาศอบอุ่นเช่นนี้แต่เ้ากลับรู้สึกหนาว เช่นนั้นมันจะหนาวเพียงไหนกันนะที่คุณชายน้อยตระกูลหลินผู้นั้นถูกเ้าผลักลงไปในทะเลสาบกลางฤดูหนาวเดือนสิบสอง…”
หลินเสี่ยวฉีเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง นางมองอวี้ฉู่เฉิงอย่างไม่น่าเชื่อ
แววตาของอวี้ฉู่เฉิงช่างน่ากลัว อย่างกับเขารู้สึกโกรธแค้นนางยิ่งนึก จึงมองมาที่นางด้วยสายตาดั่งมีดอันแหลมคม
“ต้องขอบคุณคุณชายน้อยที่ฟื้นคืนจากความตาย”
อวี้ฉู่เฉิงยื่นมือมาลูบใบหน้าด้านข้างของหลินเสี่ยวฉีแล้วยกขึ้น ก่อนจะบีบคางนางและจ้องมองดวงตาทั้งสองข้างที่แดงก่ำ พรั่งพรูไปด้วยหยาดน้ำตา “เด็กตัวเล็กๆ ขนาดนั้น เ้ายังกล้าที่จะลงมือ ช่างมีจิตใจโเี้ คล้ายกับงูพิษเสียจริง”
หลินเสี่ยวฉีตัวแข็งทื่อ หวาดกลัวจนแทบยืนไม่ไหว นางหายใจถี่ เนื้อตัวสั่นเทา
คนที่อยู่เบื้องหน้านางในตอนนี้ช่างน่ากลัว ราวกับปีศาจกำลังจ้องมองมาที่นางเขม็ง ยากนักที่จะหลีกหนี
หลินเสี่ยวฉีคิดว่าวันนี้นางต้องจบชีวิตเป็แน่
“แล้วก็คราวก่อนที่เ้าผลักเขาลงไปในทะเลสาบ น้ำลึกขนานนั้น...เหตุใดถึง? หรือเ้าอยากจะตายไปพร้อมคุณชายน้อย...คนดีๆ เช่นนั้นเ้ายังอยากจะเอาชีวิต จิตใจของเ้ามันเติบโตมาแบบไหนกันนะ?”
“...”
“เหอะ ข้าเดาว่าเ้าคงยังจำความรู้สึกตอนจมน้ำได้ดีสินะ?” อวี้ฉู่เฉิงก้าวเข้าไปใกล้พร้อมเอ่ยข้างใบหูของนาง
น้ำเสียงอันแ่เบาของอีกฝ่ายทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวจนยากที่จะควบคุม
จากนั้น อวี้ฉู่เฉิงถึงปล่อยหลินเสี่ยวฉี
นางอ่อนแรงจนถอยหลังไปสองก้าว แต่ก็ถูกอวี้ฉู่เฉิงดึงกลับมาก่อนจะกดศีรษะให้ลงไปในสระน้ำ
“นี่ อย่าหนีสิ ได้ยินว่าคุณชายน้อยหนาวสั่นจนเป็ไข้ แต่เ้ากลับไม่เป็อะไรเลย...เปิ่นหวงจื่อคิดว่าสิบปีก็คงไม่สายที่จะแก้แค้น ด้วยหลักการเืต้องชำระด้วยเื ชีวิตย่อมชำระด้วยชีวิต...ถ้าเช่นนั้น วันนี้เ้าก็มาชดใช้ให้คุณชายน้อยเถิด”
หลินเสี่ยวฉีจ้องไปยังสระน้ำที่น้ำค่อยๆ เต็มขึ้นเรื่อยๆ ไอความร้อนพวยพุ่งขึ้นมาราวกับน้ำเดือด
“ไม่ องค์ชาย ไม่นะเพคะ องค์ชาย ไม่...” หลินเสี่ยวฉีเริ่มกรีดร้อง แล้วอวี้ฉู่เฉิงก็ผลักร่างของนางลงไปในน้ำร้อนด้วยการออกแรงเพียงครั้งเดียว
หลินเสี่ยวฉีล้มลงก่อนจะแผดเสียง ร้องขอความเมตตาเสียงดัง
“โอ้ย ร้อนๆ องค์ชาย...หม่อมฉันผิดไปแล้ว หม่อมฉัน...ผิด...ผิดไปแล้วเพคะ ร้อน...องค์ชาย โอ้ย”
แม้ว่าน้ำในสระอาจไม่ได้ร้อนจนลวกคนให้ตายได้ แต่ก็ทำให้รับรู้ได้ถึงความรู้สึกร้อนรุ่มอย่างกับลาวาจากูเาไฟ เ็ปจนแทบทนไม่ไหว
หลินเสี่ยวฉีพยายามตะเกียกตะกายร้องขอชีวิต ทว่า ไม่ว่าอย่างไรนางก็หลีกหนีออกไปจากสระน้ำนี้ไม่ได้
อวี้ฉู่เฉิงมองหญิงสาวที่ตะเกียกตะกายด้วยสีหน้าเรียบเฉย ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกมีความสุข
หลังจากนั้น ิัของหลินเสี่ยวฉีก็เปรียบเสมือนเพิ่งโดนเผาไหม้
เวลานี้ อวี้ฉู่เฉิงเริ่มรู้สึกพึงพอใจ ถึงได้เรียกคนเข้ามาดึงนางออกจากสระน้ำ
อวี้ฉู่เฉิงนั่งอยู่บนเตียง เขานั่งมองหลินเสี่ยวฉีที่ถูกโยนไปกองลงบนพื้นด้วยสภาพที่ิัไหม้ไปทั่วร่างแล้วถึงเอ่ยถาม “คุณหนูใหญ่ตระกูลหลิน ขอให้มีความสุขในวันแต่งงาน เ้าชอบของขวัญวันแต่งงานที่เปิ่นหวงจื่อมอบให้หรือไม่?”
หลินเสี่ยวฉีไม่มีเรี่ยวแรงและพลังแม้แต่น้อย นางนอนอยู่บนพื้นโดยไร้ซึ่งความรู้สึก ไร้เรี่ยวแรงที่จะขยับเคลื่อนไหว
อวี้ฉู่เฉิงมองหลินเสี่ยวฉีด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข เขาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ดูเหมือนว่าคืนส่งตัววันนี้ช่างน่าผิดหวัง เช่นนั้นก็รอก่อนแล้วกัน รอให้สมองของเ้าปลอดโปร่งค่อยมาคุยกันใหม่”
กล่าวจบ อวี้ฉู่เฉิงจึงออกไปจากเรือนของหลินเสี่ยวฉี ก่อนออกไปยังไม่ลืมบอกคนให้จับตาดูอย่างใกล้ชิด
ห้ามให้ยากับอาหารเป็เวลาหนึ่งวัน และอย่าให้ตายเป็อันขาด
--------------------------------------------------
1 ซีฝู หมายถึง ชุดวิวาห์ หรือชุดที่สวมใส่สำหรับงานมงคล
