เมื่อสือเลี่ยหยางเห็นเ้าสามกับเ้าสี่กลับมาก็รู้สึกวางใจทันที
“เหตุใดถึงได้นานเช่นนี้?”
เ้าสี่รีบรายงาน “เหยื่อในครั้งนี้เป็ผู้มีวรยุทธ์ติดตัว หากมิใช่เพราะจับจุดอ่อนของเขาไว้ได้ เกรงว่าคงจะจัดการไม่ง่ายนัก”
สือเลี่ยหยางมองดูคนที่ถูกแบกมาด้านหลัง “เช่นนั้นเหตุใดยังไม่รีบจัดการให้จบอีก จะเก็บเอาไว้ทำอะไร?”
เ้าสี่กระซิบข้างหูสือเลี่ยหยาง จากนั้นสือเลี่ยหยางก็พยักหน้า “ช่างเ้าเล่ห์เพทุบายจริงๆ”
“ไป พาพี่น้องเรากลับค่ายโจร!”
เดิมทีสันเขาิญญาเป็เพียงแหล่งกบดานที่พวกเขาเพิ่งได้มา เมื่อสินค้าอยู่ในมือ พวกเขาย่อมไม่อยู่ที่นี่ต่อนาน
เ้าสามรีบเอ่ยถาม “พี่ใหญ่ แล้วแม่นางน้อยผู้นั้น จะทำอย่างไร?”
แม่นางน้อยที่เขากล่าวถึงก็คือหญิงสาวที่แกล้งเป็ิญญาบนสันเขาิญญา ใบหน้าร้อนใจของจางซาน สือเลี่ยหยางที่เป็ลูกพี่ใหญ่มีหรือจะไม่กระจ่าง
“พาไปด้วยได้ แต่เ้าห้ามแตะต้องนาง!” ผู้หญิงตัวคนเดียวสามารถยึดครองสันเขาิญญาเพียงลำพังได้นานหลายปี ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา อีกอย่างพวกเขาเพิ่งสังหารสามีของนางไป ที่ยังสามารถทำให้นางเชื่อฟังได้ก็เพราะว่าจับตัวลูกของนางไว้ คนที่มีจุดอ่อนนั้นควบคุมง่ายแต่หากเวลาขัดขืนนั้นน่ากลัวยิ่งนัก
หากเ้าสามแตะต้องนางจริง เกรงว่าคงทำเสียเื่
ดวงตาตกของจางซานกลอกไปมาหนึ่งรอบก่อนจะรีบตอบรับ “พี่ใหญ่วางใจได้ ข้ารู้ขอบเขตดี ก็แค่เห็นว่าเป็สตรีมีความสามารถ ต่อไปยังสามารถช่วยงานกองโจรเลี่ยหยางของเราได้อีก”
ชีเหนียงเงี่ยหูฟังคำสนทนาของพวกเขา ชัดเจนว่าคนกลุ่มนี้ไม่ได้ระมัดระวังตัวเลย แม้อยู่ต่อหน้าพวกนางก็ยังไม่ลดระดับเสียงลงแม้แต่น้อย ส่วนแม่นางที่กองโจรเลี่ยหยางพูดถึง ขณะนี้กำลังเดินอยู่ข้างชีเหนียง สายตาของนางก็ตามติดอยู่ที่ตัวเด็กน้อยวัยหกถึงเจ็ดหนาวที่อยู่ข้างสือเลี่ยหยางตลอด
สายตาของนางนั้นมีความห่วงใยและกังวล เหมือนว่าเด็กน้อยจะหันกลับมาดูเป็พักๆ เมื่อมองเห็นอีกฝ่าย สายตาก็เป็ประกาย
ดูจากสายตาของผู้ใหญ่และเด็กคู่นี้ ชีเหนียงก็รู้ทันทีว่าที่คนกลุ่มนี้พูดถึงเมื่อครู่น่าจะเป็เด็กคนนี้
เพียงแต่ตลอดการเดินทางพวกนางไม่มีหนทางให้ได้คุยกันดีๆ จนเมื่อดวงตาของพวกนางถูกปิดไว้ จากนั้นพอเดินผ่าน่ทางเขาที่คดเคี้ยว ถึงเพิ่งได้เห็นแสงสว่างอีกครั้ง พวกของชีเหนียงถูกมัดไว้ด้วยกัน มีเพียงหญิงสาวชุดดำคนนั้นที่ไม่ถูกพันธนาการ
ส่วนเด็กน้อยคนนั้นกลับไม่ได้อยู่กับนาง ยาสลบที่กรอกให้จ้าวจือชิงนั้นออกฤทธิ์ดียิ่งนัก จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงสลบไสลอยู่
ชีเหนียงมองดูหญิงสาวชุดดำ “เสียงโหยหวนก่อนหน้านั้นมาจากเ้าสินะ?”
หญิงสาวชุดดำได้ยินชีเหนียงถามก็ลุกพรวดและขยับห่างออกไปสองก้าว เมื่อชีเหนียงเห็นท่าทางหวาดกลัวตัวเองเช่นนั้นก็รีบขยับออกไปเองอีกสองก้าว
“ขออภัยที่จู่ๆ ก็โพล่งขึ้นมาทำให้เ้าใ เพียงแต่ในสำนักคุ้มภัยที่ติดตามก่อนหน้านี้เคยบอกไว้ว่า ในสันเขาิญญามีิญญาหลอกหลอน เวลานั้นข้ายังไม่ค่อยเชื่อ ตอนนี้พอได้เห็นเ้า จึงสงสัยอยู่บ้าง”
หญิงสาวชุดดำมองสำรวจชีเหนียง เมื่อเห็นว่านางไม่ได้ดูคิดร้ายอะไร ความหวาดกลัวในใจจึงลดทอนลงไป ผ่านไปไม่นานนักนางก็เลื่อนสายตามองมาที่ชีเหนียงอีกครั้ง เห็นเพียงชีเหนียงกระซิบกระซาบอะไรไม่รู้กับบัณฑิตข้างกาย สายตานั้นแฝงด้วยความปลอบโยนและรักใคร่ราวกับนางและจินเป่า
หญิงสาวชุดดำไม่กระจ่าง เหตุใดพวกนางที่ถูกคนชั่วเหล่านี้จับตัวไว้ดูไม่กังวลแม้แต่น้อย นางได้ยินกับหูของตนว่าพวกโจรจะฆ่าผู้หญิงคนนี้
ด้วยความสงสัย ในที่สุดหญิงสาวชุดดำจึงเอ่ยถาม
“เ้ากับเขาเป็อะไรกันหรือ?”
เมื่อชีเหนียงได้ยินคำถามก็เงยหน้าขึ้น แล้วมองจิ่งเฉินก่อนจะเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “นี่คือลูกชายคนโตของข้าปีนี้อายุสิบหกแล้ว”
“ลูกชายเ้าจริงหรือ? แต่เ้าดูแล้วยังไม่เกิน่วัยยี่สิบกว่า...”
เมื่อมีคนชมว่าอ่อนเยาว์ ชีเหนียงย่อมดีใจ ดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มที่ส่งไปถึงดวงตาออกมา “ที่ไหนกัน ข้าอายุสามสิบกว่าแล้ว ตอนนี้นอกจากคนนี้ ในบ้านก็ยังมีอีกสองคน คนเล็กสุดยังโตไม่เท่าลูกของเ้าเลย”
“ลูกสามคน? เ้าช่างวาสนาดีนัก” หญิงสาวชุดดำเหมือนจะเลื่อมใสอยู่บ้าง แต่หลังจากนั้นก็หวาดระแวงอีกครั้ง “เ้ารู้ตัวตนของจินเป่าได้อย่างไร?”
“อ้อ ที่แท้เด็กคนนั้นก็ชื่อจินเป่านี่เอง เป็ชื่อที่ดี” ชีเหนียงเอ่ยชมจากนั้นค่อยอธิบาย “เมื่อครู่ตอนที่เราเดินด้วยกัน ข้าเห็นเ้าเอาแต่จ้องเด็กคนนั้น ในฐานะแม่ย่อมเข้าใจหัวอกคนเป็แม่เหมือนกัน เ้าคงเป็ห่วงลูกสินะ”
“ใช่แล้ว ข้าห่วงจินเป่า จินเป่าเติบโตมาจนถึงตอนนี้ยังไม่เคยห่างกายข้า นับั้แ่คนเหล่านี้มา สามีของข้าก็ถูกพวกเขาฆ่าตาย ลูกก็ถูกจับ พวกเขายังให้ข้าแกล้งเป็วิญาณ แล้วเข่นฆ่าผู้คนทั้งหมดที่สัญจรผ่านสันเขาิญญา”
หญิงสาวชุดดำนึกถึง่เวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ใบหน้าก็แฝงด้วยความหวาดวิตกและหวาดกลัว พวกเขาฆ่าคนจริงๆ! หากในคณะเดินทางนั้นมีสตรีอยู่ด้วย พวกเขาจะตรวจสอบเป็พิเศษอีกด้วย ต่อมานางถึงเพิ่งได้ยินจากคนกลุ่มนั้นว่า ที่แท้พวกเขา้าตามหาตัวหญิงสาวที่ชื่อว่าลั่วชีเหนียง
หน่วยคุ้มภัยเมื่อวานถูกพวกเขาสังหารจนไม่เหลือ หากมิใช่เพราะพวกโจรหลุดปากเอ่ยชื่อของ ‘ลั่วชีเหนียง’ ออกมา จนหัวหน้าหน่วยคุ้มภัยได้ยินเข้าคิดว่าตอนนั้นหัวหน้าหน่วยคุ้มภัยคนนั้นคงถูกพวกเขาสับร่างเป็ชิ้นๆ ไปนานแล้ว
“เ้าคือลั่วชีเหนียงใช่หรือไม่?”
เนื่องจากทั้งสองได้พูดคุยและเข้าใจหัวอกคนเป็แม่เหมือนกัน หญิงสาวชุดดำก็เหมือนจะไม่กลัวนางอีก จากนั้นจึงเดินเข้าไปหานางสองก้าวและเอ่ยถามเสียงค่อย
ชีเหนียงใเล็กน้อย “เ้ารู้จักชื่อของข้าได้เยี่ยงไร?”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายยอมรับ หญิงสาวชุดดำก็ขบริมฝีปาก “คนกลุ่มนั้นมาที่สันเขาิญญาก็เพื่อฆ่าเ้า หลายวันก่อนข้าแอบได้ยินมา”
ส่วนที่ว่าเหตุใดจึงยังไม่ลงมือเสียที คาดว่าคงเพราะยังไม่ได้ตกลงราคากับผู้ที่สั่งการ
“หากเ้ามีความสามารถหนีไป ก็รีบหนีเถอะ คนกลุ่มนี้ฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตาจริงๆ นะ”
ชีเหนียงยังอยากถามอะไรอีก แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนเดินมา ส่วนผู้ที่มาก็คือเ้าสี่
เ้าสี่ที่อยู่ด้านนอกห้องขังมองดูจ้าวจือชิงที่ยังคงหมดสติและสั่งให้ลูกน้องลากเขาออกมา
ชีเหนียงมีหรือจะปล่อยให้คนที่สลบไสลถูกพาตัวไป จึงรีบขวางไว้ด้านหน้าเขา “พวกเ้าคิดจะทำอะไร? คิดจะพาเขาไปไหน?”
เ้าสี่มองชีเหนียงอย่างรำคาญใจ หากไม่ใช่เพราะพี่ใหญ่ต้องตกลงกับนายจ้าง เขาคงจัดการผู้หญิงคนนี้ไปนานแล้ว เขาไม่เชื่อว่าหากผู้หญิงคนนี้ตายไป ชายร่างใหญ่ผู้นี้จะยังไม่ยินยอม ถึงเวลานั้นเมื่อกองโจรเลี่ยหยาง ้าสตรีประเภทใดก็ย่อมได้มาโดยง่าย
เ้าสี่โบกมือสั่งลูกน้องแล้วผลักลั่วชีเหนียงไปอีกทาง คนทั้งหมดหามตัวจ้าวจือชิงออกไป ก่อนจากไปเ้าสี่ยังมองหญิงสาวชุดดำด้วยสายตาตักเตือน
“อยู่ที่นี่ จงจำไว้ว่าเ้าอะไรควรทำไม่ควรทำ!”
“รู้แล้ว รู้แล้ว…”
หญิงสาวชุดดำรีบรับปาก ที่นางถูกจับขังไว้ที่นี่ก็เพราะคนกลุ่มนี้้าใช้ความสามารถในการแกล้งเป็ิญญาของนางช่วยพวกเขาทำร้ายผู้คนเพียงแต่นางไม่ได้ยินยอม แต่จินเป่าอยู่ในมือพวกเขาทำให้นางไม่อาจขัดขืนได้ ส่วนที่พวกโจรจับพวกนางขังไว้ด้วยกันก็เพื่อเป็การทดสอบ
ลั่วจิ่งเฉินใช้ร่างกายขยับเข้าไปหาชีเหนียง “ท่านแม่ ท่านไม่ต้องห่วง คนกลุ่มนี้เล็งเห็นความสามารถของลุงจ้าว จึงอยากให้เขาอยู่ในค่ายโจร”
ชีเหนียงประหลาดใจเล็กน้อย “เ้ารู้ได้อย่างไร?”
-----