“น้องสี่เ้าจัดการหมาป่าเพลิงที่เหลือ น้องห้าเ้าดูแลพี่รองกับตัวเองให้ดี ส่วนข้าจะไปช่วยพี่ใหญ่ฆ่าเ้าัพันธุ์ผสมนั่น”
เสว่ซานฟันหมาป่าเพลิงตัวหนึ่งลอยปลิวออกไป กวาดสายตามองหมาป่าเพลิงที่หลงเหลืออยู่ในสนามรบไม่มาก จากนั้นร้องบอกออกมาด้วยเสียงอันดังแล้วะโอยู่สองสามทีก่อนจะวิ่งพุ่งทะยานออกไปทางด้านขวาตำแหน่งที่เสว่อีต่อสู้อยู่กับสไปโนซอรัส
เสว่ซื่อกระชากผ้าปิดหน้าที่ถูกลูกไฟเผาจนไหม้ออกจากนั้นหัวเราะขึ้น “วางใจได้พี่สาม! หมาหน้าขนแค่ยี่สิบกว่าตัวข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว น้องห้าเ้าดูแลตัวเองได้ไม่มีปัญหาใช่ไหม?”
เสว่อู่ที่แบกเสว่เอ้ออยู่ข้างๆ พยักหน้าตอบรับเงียบๆ ทำการหลบหลีกลูกไฟอย่างคล่องแคล่วแล้วพูดออกมา “พี่สามท่านรีบจัดการหมาหน้าขนพวกนี้ให้เสร็จโดยเร็ว ข้ายังพอรับมือได้อีกสักระยะหนึ่ง”
มองเห็นท้องที่ถูกไหม้จนดำกับความเร็วที่ช้าลงอย่างมากกว่าเวลาปกติของเสว่อู่ เสว่ซื่อรู้ว่าเสว่อู่ตอนนี้ได้รับาเ็อย่างหนักแต่ก็ยังฝืนทนอยู่ เขาร้องคำรามออกมาครั้งหนึ่งะโขึ้นไปบนต้นไม้ จากนั้นพุ่งทะยานลงไปอีกด้านหนึ่งที่มีฝูงหมาป่าเพลิงอยู่ราวเจ็ดแปดตัวราวกับราชสีห์ที่บ้าคลั่ง
แสงดาบวาบผ่านหมาป่าเพลิงสี่ตัวถูกฟันเอวขาดในคราเดียว หมาป่าเพลิงที่เหลือรีบโจมตีเข้าใส่ในทันที เสว่ซื่อตอนนี้ใช้พลังฝีมือที่มีทั้งหมดออกมาห้ำหั่นใส่ฝูงหมาป่าที่โจมตีเข้ามา เขาถูกกรงเล็บของหมาป่าตัวหนึ่งโตมจีเข้าที่ด้านหลัง แต่ในเวลาเดียวกันนั้นก็ตวัดดาบฟันไปยังหมาป่าสองตัวที่อยู่ด้านซ้ายขวาด้วยเช่นกัน
ฉัวะ!
เสียงดังราวกับแตงโมที่ถูกผ่า หมาป่าเพลิงสองตัวถูกผ่าท้องออก เสว่ซื่อยืมแรงจากกรงเล็บหมาป่าที่โจมตีด้านหลังพุ่งออกไปฟันใส่หัวอีกตัวที่กำลังพ่นลูกไฟเสร็จ สุดท้ายค่อยหันมาฆ่าตัวที่อยู่ด้านหลัง ในเวลาอันสั้นไม่กี่นาทีหมาป่าเพลิงทั้งแปดตัวถูกกำจัดไปอย่างรวดเร็ว
มองเห็นเสว่ซื่อฆ่าเพื่อนของตนเองอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดหมาป่าเพลิงสิบกว่าตัวที่เหลือก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นมา มันพากันพ่นลูกไฟออกมามั่วๆ สิบกว่าลูกก่อนที่จะหนีแตกกระเจิงออกไปยังทิศทางต่างๆ
เสว่อู่ขยับเท้าหลบลูกไฟอย่างผ่อนคลาย หมาป่าเพลิงหนีไปหมดแล้ว การต่อสู้อีกด้านมีเสว่ซานเข้าช่วยอีกแรงเ้าสไปโนซอรัสตายแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย เขาถอนหายใจยาวออกมา กวาดสายตามองไปรอบๆ ตรวจสอบดูว่ายังมีหมาป่าเพลิงหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่ แต่เมื่อมองไปยังทิศทางที่ร่างของาาหมาป่าเพลิงอยู่คิ้วของเขาต้องขมวดขึ้นในทันที พร้อมกับพูดออกมาว่า
“พี่สี่ ท่านไปตรวจสอบดูเป้าหมายหน่อย ที่ด้านหลังของมันถูกไฟไหม้ ถ้าหากยังไม่ตายก็อย่าให้มันตาย เพราะต้องจับกลับไปส่งให้นายน้อยเสว่อู๋เหิน”
เสว่ซื่อเมื่อได้ยินจึงมองตามไปยังทิศทางเดียวกับสายตาของเสว่อู่แล้วหัวเราะเหอะๆ ขึ้น คิดในใจไอ้นายน้อยขยะของตระกูลเย่คนนี้ช่างซวยเสียจริงๆ ไม่เพียงล่วงเกินนายน้อยเสว่ ถูกพี่ใหญ่ซัดฝ่ามือหนึ่งเป็หรือตายไม่รู้ แถมยังมาถูกลูกไฟไหม้เข้าอีก
ในตอนนี้เย่งชิงหานเ็ปทุกข์ทรมานอย่างที่สุดแต่ก็ไม่กล้าขยับเขยื้อนตัวแม้แต่น้อย ยังคงนอนคว่ำหน้าอยู่เช่นเดิมแต่ภายในใจร้องออกมาอย่างร้อนรน “เสี่ยวเฮยเสร็จรึยัง? เร็วหน่อย ไม่อย่างนั้นพวกเราได้ซี้แหงแก๋แน่...”
สวบๆๆ!
ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หัวใจของเย่ชิงหานแทบหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ในใจร้องเรียกเสี่ยวเฮยอยู่ไม่หยุด รู้สึกว่าเวลาทุกวินาทีที่ผ่านไปในตอนนี้ช่างยาวนานราวกับเป็ศตวรรษ จนกระทั่งได้ยินเสียงที่ทำให้ปลื้มปีติยินดีดังขึ้น
“เสร็จแล้ว!”
เย่ชิงหานได้ยินรู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันทีรีบพูดคุยกับเสี่ยวเฮยไปสามสี่ประโยค จากนั้นร่างกายเริ่มบิดงอหมุนกลิ้งไปมาบนพื้นเพื่อดับไฟที่ไหม้อยู่ด้านหลัง ในเวลาเดียวกันก็ร้องออกมาอย่างเ็ปทรมาน
“อ๊ากกก...!”
เสียงร้องด้วยความเ็ปของเย่ชิงหานดังก้องไปทั่วป่า สภาพร่างกายบิดงอด้วยความเ็ปมองดูแล้วอนาถยิ่ง ส่วนเสว่ซื่อก็ถูกเสียงร้องด้วยความเ็ปที่ดังขึ้นมาอย่างฉับพลันนั้นทำให้ใจนหยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่ชั่วครู่ก็เปลี่ยนเป็หัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมาอย่างชอบใจ
“น้องสี่ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”
เสว่อีที่กำลังต่อสู้อยู่กับสไปโนซอรัสอย่างดุเดือดที่อยู่ห่างออกไป ได้ยินเสียงพลันกวาดสายตาเ็ามองมาแวบหนึ่งแล้วก็ต่อสู้ต่อ ส่วนเสว่ซานหันหน้ากลับมาถามด้วยความห่วงใย
“เหอะๆ ไม่มีอะไร เป้าหมายยังไม่ตายแค่ถูกลูกไฟไหม้เพียงเท่านั้น เดี๋ยวข้าจับมันมัดเสร็จจะรีบไปช่วยพวกท่าน” เสว่ซื่อร้องตอบกลับไปแล้วหันหน้าเดินตรงเข้าไปหาเย่ชิงหาน
ตอนนี้เย่ชิงหานหยุดการกลิ้งไปมาเนื่องจากไฟที่ไหม้อยู่ได้ดับลงแล้ว เขาอยู่ในท่านอนตะแคงข้างสูดหายใจเฮือกใหญ่ ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเ็ป ดวงตาหรี่มองเสว่ซื่อที่เดินตรงเข้ามาอย่างช้าๆ
“ทำไมต้องโจมตีใส่ข้า? ข้ารู้พวกเ้าไม่ใช่ผู้ล่า”
เย่ชิงหานสูดลมหายใจเข้าลึกใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเ็ป การแสดงเมื่อสักครู่แม้จะเกินความจริงจนเกินไป แต่ก็แสดงได้อย่างไม่มีที่ติ เนื่องจากประสบการณ์ความเ็ปราวกับตกนรกที่ได้มาจากการทะลวงจุดชีพจร ทำให้เขาซาบซึ้งได้เป็อย่างดี ประกอบทั้งความรู้สึกแสบร้อนจากการถูกไฟลวกยังทำให้ใจสั่นอยู่ เขาหรี่ตามองเสว่ซื่อที่กำลังเดินตรงเข้ามาพร้อมกับเอ่ยปากพูดขึ้น
“ต่อไปเดี๋ยวเ้าจะรู้เอง” เสว่ซื่อพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม
“คงเป็เสว่อู๋เหินสินะ” เย่ชิงหานพูดเสียงต่ำออกมา เมื่อสักครู่เขาคล้ายว่าได้ยินเสว่อู่พูดออกมาคำหนึ่ง "นายน้อยเสว่อู๋เหิน" ในใจของเขาเกิดความสงสัยขึ้น ในตอนนั้นที่มีเื่กับเสว่อู๋เหินในเมืองชาง หากเป็คนของตระกูลเย่คงไม่มีใครกล้าส่งคนมาตามฆ่าหรือจับกุมตัวเขาอย่างเปิดเผยขนาดนี้เป็แน่ ดังนั้นจึงได้ลองเอ่ยชื่อออกไปเพื่อดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย
“หืม? ย่อมไม่ใช่อย่างแน่นอน? บอกแล้วต่อไปเ้าจะรู้เอง ตอนนี้อยู่นิ่งๆ อย่าขัดขืน” ดวงตาของเสว่ซื่อมีประกายของความตื่นตะลึงวาบผ่านแต่ก็ถูกซ่อนเร้นไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน แต่จะซ่อนเร้นจากเย่ชิงหานที่คอยจับจ้องอยู่ั้แ่แรกได้อย่างไร เมื่อมองเห็นเสว่ซื่อที่แสดงออกถึงอาการร้อนรนพยายามที่จะยื่นมือมาทำการสกัดจุดชีพจรเพื่อปิดกั้นพลังปราณรบภายในร่างของตน ดวงตาของเย่ชิงหานยิ่งหรี่ลงมากขึ้น
“รวมร่างสัตว์อสูร!”
เย่ชิงหานร้องออกมาด้วยเสียงทุ้มลึก มือข้างที่ถูกลำตัวทับอยู่กำกริชที่อยู่ขาอ่อนไว้แน่น หลังจากสิ้นเสียงที่ร้องออกมา เบื้องหน้าของเขาปรากฏเงาร่างของสุนัขจมูกราชห์ที่มีเขางอกออกมาตัวหนึ่ง ดวงตาของมันดุดันแหลมคมน่าหวาดหวั่น พลังกดดันรุนแรงอย่างน่าเกรงขาม แผ่พุ่งกลิ่นอายพลังสูงส่งดึกดำบรรพ์ออกมาโดยอัตโนมัติ เงาร่างของมันทำเพียงแค่กวาดตาผ่านเสว่ซื่ออย่างเ็า จากนั้นกลายเป็เงาเลือนรางค่อยๆ เลือนหายไปยังบริเวณอกของเย่ชิงหาน
ปุด ปุด!
ตอนนี้เย่ชิงหานรู้สึกได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งมหาศาลกำลังมุดเข้ามาภายในร่างของเขา ทั้งจุดชีพจร ทั้งกล้ามเนื้อทั่วร่างกายเริ่มกระตุกสั่นไปมาตามเสียงปุดๆ ที่ดังขึ้น กระแสพลังอบอุ่นหลายสายไหลเวียนไปตามร่างกายทั่วทุกแห่ง ทุกที่ที่มันไหลเวียนไปถึงกล้ามเนื้อในที่แห่งนั้นล้วนกระตุกสั่นขึ้นแล้วก็หดตัว และสุดท้ายขยายพองโตขึ้น
รสชาติของความรู้สึกนี้กลับไม่ได้ทำให้ร่างของเขาะเิแตกออกแต่อย่างใด แต่ให้ความรู้สึกที่ได้ดื่มด่ำกับความสุขสบายอย่างที่สุดเสียมากกว่า ในตอนนี้้าหางตาซ้ายของเขาค่อยๆ ปรากฏรอยสักสีดำรูปอสูรกลืนิญญาขนาดเล็กขึ้น ลายเส้นสีดำจากรูปรอยสักเ่าั้ไม่ได้ทำให้ใบหน้าที่งดงามของเขาดูน่าเกลียดลง แต่กลับทำให้ดูดีมีเสน่ห์ที่ลึกลับมากยิ่งขึ้นเป็พิเศษ หลังจากหนึ่งวินาทีให้หลังดวงตาทั้งสองที่หรี่ลงของเย่ชิงหานพลันเบิกกว้างขึ้น ดวงตาดำบริสุทธิ์ปราศจากสิ่งเจอปนเปล่งประกายแสงแวววาวราวกับฟ้าแลบแปลบปลาบที่ทำให้ตาพร่ามัว
มองดูเสว่ซื่อที่เบิกตากว้างอ้าปากค้างยืนอยู่กับที่ เขาขยับกายในทันทีวูบหายเป็เงาเลือนรางสายหนึ่ง มือขวาที่ถือกริชไว้แน่นตวัดผ่านเสว่ซื่อไปอย่างรวดเร็วและแ่เบา
“นี่? นี่คือร่างสัตว์อสูรของตระกูลเย่? ทำไมถึงได้มีอานุภาพน่ากลัวขนาดนี้? สัตว์อสูรเขาเดียวเมื่อสักครู่คุณภาพระดับเท่าใดกัน? ทำไมถึงได้แผ่พลังกดดันออกมาได้รุนแรงถึงเพียงนี้? มันแค่มองมาที่ข้าเพียงครั้งเดียวกลับทำให้รู้สึกว่าดวงิญญาจะหลุดออกจากร่างอย่างไรอย่างนั้น...”
สัตว์อสูรตระกูลเย่สำหรับชาวบ้านคนธรรมดาทั่วไปสิ่งนี้อาจจะเป็เพียงแค่ตำนานที่ถูกเล่าขานเท่านั้น แน่นอนว่าลูกหลานของตระกูลเย่คงไม่มีใครที่เบื่อไม่มีอะไรทำจนต้องเอาสัตว์อสูรออกไปเดินเที่ยวตามชุมชน ดังนั้นชาวบ้านคนธรรมดาทั่วไปจึงเป็ไปไม่ได้ที่จะได้เห็นสัตว์อสูรของตระกูลเย่ แต่เสว่ซื่อต่างออกไปเพราะเป็องครักษ์ของเส่วอู๋เหิน พวกเขาพี่น้องพบเห็นสัตว์อสูรของตระกูลเย่มามากมาย และเคยเห็นสัตว์อสูรคุณภาพระดับเจ็ดหมีคลั่งของเย่ชิงขวงมาแล้วด้วย คุณภาพระดับเจ็ดหมีคลั่ง อานุภาพรุนแรง ทั้งบ้าคลั่งและทรงพลัง ตอนที่เสว่ซื่อเห็นหมีคลั่งเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ แต่ว่าสัตว์อสูรของเย่ชิงขวงตัวนั้นเข้าสู่่ระยะเติบโตเต็มวัยแล้วนี่สิ...
ส่วนเ้าเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้านี้ตามข้อมูลที่ได้รับมาเพิ่งจะเรียกสัตว์อสูรออกมาได้เพียงสองเดือนเท่านั้นเอง อืม! เหมือนว่าจะเป็สัตว์อสูรคุณภาพระดับสี่สุนัขจมูกราชสีห์? ไม่! ไม่ถูกต้อง! ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ใช่สัตว์อสูรสุนัขจมูกราชสีห์คุณภาพระดับสี่อย่างแน่นอน บัดซบที่สุด! ข่าวกรองผิดพลาด ดูแค่พลังอำนาจกดดันที่แผ่ออกมาอย่างต่ำก็คุณภาพระดับเจ็ดขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ช่างมันเถอะคุมตัวไว้ก่อนค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน