หลี่ลั่วทำปากคว่ำ “ข้าไม่ได้ชมชอบเด็กผู้หญิง ไฉนเลยจะไปจุมพิตพวกนางเล่า”
กู้จวิ้นเฉินปวดศีรษะขึ้นมาในทันใด “เด็กผู้ชายก็ไม่ได้...เด็กผู้ชายมีชื่อเสียงเช่นกัน”
“เช่นนั้นหรือ...” หลี่ลั่วพยักหน้า “เช่นนั้นต่อไปกระหม่อมจะไม่จุมพิตแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม เช่นนี้จึงจะเป็เด็กดี” กู้จวิ้นเฉินลงจากเตียงแล้วสวมอาภรณ์
จวิ้นอีที่ยืนแอบฟังั้แ่ต้นจนจบคิดในใจว่า เด็กผู้ชายมีชื่อเสียงผายลมน่ะสิ
คนตัวใหญ่หนึ่งคนและคนตัวเล็กหนึ่งคนเปิดประตูออกมาเห็นจวิ้นอีที่อยู่หน้าประตู หลี่ลั่วดวงตาเป็ประกายหันไปหาเขาแล้วกางแขนทั้งสองข้างออก “พี่จวิ้นอี อุ้ม”
กู้จวิ้นเฉินหยุดชะงักฝีเท้า แล้วจึงก้าวข้ามประตู จวิ้นอีอุ้มหลี่ลั่วขึ้นมาเดินตามหลังกู้จวิ้นเฉิน
“พี่จวิ้นอี ข้าชมชอบท่านเสมือนพี่ชายของข้า แล้วท่านเล่า? ชมชอบข้าเหมือนน้องชายหรือไม่?” สองมือของหลี่ลั่วโอบรอบลำคอของจวิ้นอี ถามอย่างอ่อนหวาน
“ชมชอบแน่นอนขอรับ” จวิ้นอีตอบอย่างไม่ลังเล เขาชมชอบหลี่ลั่วจริงๆ เสี่ยวโหวเหฺยน่ารักเฉลียวฉลาด แม้แต่ท่านอ๋องยังตามใจเขา ตนเองจะไม่ชมชอบได้อย่างไรเล่า
หลี่ลั่วยิ้มหวานกว่าเดิมอีก จากนั้นจึงจุมพิตลงไปบนแก้มของจวิ้นอีอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด เสียง ‘ม๊วบบบ’ ดังขึ้นครั้งหนึ่ง “พี่จวิ้นอี ท่านพี่ฉีอ๋องบอกว่าหากพบพี่ชายหรือน้องชายที่ชมชอบให้จุมพิตได้ ท่านชมชอบที่ข้าจุมพิตท่านหรือไม่?”
กู้จวิ้นเฉินหยุดการก้าวเดิน จวิ้นอีกำลังจะพูดแต่ทว่ากลับหยุดลง จะตอบเช่นใดดีเล่า? และไม่รู้ด้วยเหตุใดเขาถึงได้รู้สึกว่านายท่านของตนโมโหแล้ว รังสีอำมหิตอันแรงกล้าที่แผ่ของออกมานั้นทำให้เขาใเล็กน้อย เขารีบตอบว่า “ข้าน้อยมิกล้า โหวเหฺยเป็นาย ข้าน้อยเป็บ่าว ต่อให้ชมชอบโหวเหฺยก็เป็บ่าวชมชอบเ้านายขอรับ”
หลี่ลั่วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริง “ท่านไม่ใช่บ่าวของข้า จะเป็ไรไปเล่า ข้าชมชอบท่านเสมือนพี่ชาย”
กู้จวิ้นเฉินเดินย้อนกลับมาหยุดอยู่เบื้องหน้าหลี่ลั่ว เขาถามเสียงต่ำ “ก้นยังเจ็บอยู่หรือไม่?” สายตาเย็นเยียบนั้นจ้องมองหลี่ลั่ว ความโมโหกราดเกรี้ยวปรากฏอยู่ในนั้น
หลี่ลั่วรีบเอามือทั้งสองข้างปิดก้นของตนเอาไว้ ถลึงตาใส่กู้จวิ้นเฉิน
กู้จวิ้นเฉินตรงเข้าไปอุ้มหลี่ลั่วมาจากอกของจวิ้นอี ฝ่ามือลูบไล้ไปที่ก้นของหลี่ลั่ว นิ้วมือราวกับไม่เจตนาที่จะลูบผ่านไป เขาถามเสียงต่ำ “ยังเจ็บอยู่หรือไม่?”
หลี่ลั่วอยากร้องไห้ แต่พยักหน้า “เจ็บ” ขอร้องอย่าตีนะ
“แม้เ้าจะคิดว่าจวิ้นอีเป็เหมือนพี่ชาย แต่ฐานะของพวกเ้านั้นแตกต่าง” กู้จวิ้นเฉินเดินไปด้วยอบรมไปด้วย “หากถูกแพร่งพรายออกไป ผู้อื่นจะพูดได้ว่าจวิ้นอีไม่ดี อย่าทำร้ายเขา”
“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องสั่งสอนได้ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ” หลี่ลั่วตอบอย่างสิ้นท่า
กู้จวิ้นเฉินยกยิ้มริมฝีปาก “เ้าเป็ขุนนางที่เสด็จอารักและเอ็นดู เปิ่นหวางแม้จะมีฐานะสูงศักดิ์เป็ชินอ๋อง แต่ยังเป็พี่ชายของเ้าได้”
“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องกล่าวได้ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ” หลี่ลั่วตอบอย่างโง่งม
“เปิ่นหวางอนุญาตให้เ้าเรียกพี่ชายได้” กู้จวิ้นเฉินเอ่ยขึ้นอีก
“พ่ะย่ะค่ะ ลั่วเอ๋อร์จดจำคำพูดของท่านอ๋องเอาไว้แล้วพ่ะย่ะค่ะ” มือทั้งคู่ของหลี่ลั่วกำเป็หมัดแน่น อยากจะชกคนผู้นี้สักหมัดหนึ่ง
“เจ็บก้นจนพูดไม่ออกแล้วหรือไร?” กู้จวิ้นเฉินถาม
หลี่ลั่วหัวใจหดเกร็งทันใด “ท่านพี่ฉีอ๋องพูดสิ่งใดล้วนถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ” จากนั้นศีรษะเล็กๆ ของเขาซุกก็เข้าไปที่ลำคอของกู้จวิ้นเฉิน
“อืม” กู้จวิ้นเฉินตอบรับคำหนึ่ง รู้สึกพอใจกับคำตอบของหลี่ลั่วยิ่งนัก
ค้างคืนอยู่ที่โรงเตี๊ยมหนึ่งคืน เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นหลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จ พวกเขาก็ออกเดินทางกลับเมืองหลวง ยามที่กลับไปถึงเมืองหลวงเป็เวลากลางดึก ประตูเมืองได้ปิดลงแล้ว
“ฉีอ๋องกลับเมืองหลวง รีบเปิดประตูเมือง” จวิ้นอีสั่งการเสียงดัง
ผู้บัญชาทหารผู้รักษากำแพงเมืองรีบวิ่งลงมาเปิดประตูข้างให้ทันที ซ้ำยังแอบๆ มองโอรส์ผู้สูงศักดิ์ท่านนี้แวบหนึ่ง ผู้ที่มีรูปโฉมองอาจหล่อเหลาเช่นนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงไม่มีคนที่สอง
“ท่านอ๋องกลับมาแล้ว” เดิมทีจวนฉีอ๋องเมื่อเข้าสู่กลางดึกแล้วจะเงียบสงบยิ่ง บ่าวรับใช้ในจวนต่างรีบลุกขึ้นมาจุดโคมไฟให้ความสว่าง จากด้านในถึงด้านนอกสามประตู ไม่ว่าจะถูกเรียกใช้หรือไม่ต่างลุกขึ้นมารอคำสั่ง
กู้จวิ้นเฉินลงจากหลังม้า อุ้มหลี่ลั่วเข้ามาในเรือนของตน “เตรียมน้ำร้อนอาบน้ำ”
“เตรียมพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ั้แ่พวกเขาปรากฏกายที่หน้าประตูนั้น พ่อบ้านได้สั่งการให้คนไปเตรียมการแล้ว
กู้จวิ้นเฉินเดินเข้าไปในห้องข้างด้านในห้องนอนของตน แล้ววางหลี่ลั่วลงบนเก้าอี้เอนหลังในห้องข้าง “เยียนเซ่อมาปรนนิบัติเสี่ยวโหวเหฺย อย่าทำให้เขาตื่น เช็ดตัวก็พอแล้ว”
“เพคะ” เยียนเซ่อรับคำ นางเป็สาวใช้รุ่นใหญ่ข้างกายกู้จวิ้นเฉิน
ห้องข้างนั้นแบ่งเป็ด้านในและด้านนอก หลี่ลั่วอยู่บนเก้าอี้เอนหลังด้านนอก กู้จวิ้นเฉินเข้าไปด้านในของห้องข้างแล้วปลดเปลื้องอาภรณ์ของตนออก เยียนเซ่อปลดอาภรณ์ของหลี่ลั่ว เด็กน้อยผิวอ่อนบางนัก นางเช็ดตัวให้ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง เกรงว่าหากเช็ดตัวหนักมือไปสักเล็กน้อยจะทิ้งรอยให้เห็น เพียงแต่ขณะที่นางเช็ดตัวให้หลี่ลั่วอยู่นั้น นางพลันเงยหน้าขึ้น เห็นเงาร่างล่ำสันของกู้จวิ้นเฉินที่ทาบทับอยู่บนฉากกันลม แก้มนางแดงขึ้นเล็กน้อยก่อนจะรีบก้มหน้าลง
หลังจากที่เช็ดตัวให้หลี่ลั่วเสร็จเรียบร้อยแล้ว เยียนเซ่อก็เดินไปรายงานที่ฉากกันลม “เรียนท่านอ๋อง เช็ดตัวเสี่ยวโหวเหฺยเสร็จแล้วเพคะ แต่ไม่มีเสื้อตัวในของเสี่ยวโหวเหฺยเพคะ”
กู้จวิ้นเฉินอาบน้ำเสร็จแล้วเช่นกัน เขาใช้จ่าวโต้วอาบอย่างลวกๆ เท่านั้น ใช้น้ำอุ่นราดรดอีกทีเสร็จก็ก้าวออกจากถังอาบน้ำ ยังได้ยินเสียงน้ำหยดดังติ๋งๆ จากด้านในอยู่เลย “วางไว้ เ้าออกไปเถิด”
“เพคะ”
กู้จวิ้นเฉินสวมเสื้อคลุมเดินออกมา นำร่างล่อนจ้อนของหลี่ลั่วมาวางลงบนเตียงของตน เขาเอื้อมมือไปหยิบสายรัดเอวเส้นหนึ่งมารัดเอวตนไว้ จากนั้นจึงเดินไปที่ประตู “พรุ่งนี้ไปหยิบเสื้อผ้าของเสี่ยวโหวเหฺยที่จวนจงหย่งโหวแต่เช้าตรู่ เพื่อให้เหล่าฮูหยินจวนจงหย่งโหวสบายใจด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านยืนรออยู่หน้าประตู
“...ให้ช่างตัดเย็บเสื้อผ้าตัดเสื้อผ้าให้เสี่ยวโหวเหฺยสำหรับผลัดเปลี่ยนสักหลายชุด...ทิ้งไว้ในจวนเถิด”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่มีอันใดแล้ว เ้าไปได้”
“ท่านอ๋อง...” พ่อบ้านเอ่ยขึ้นแล้วหยุดลง
“มีเื่อันใด?”
“วันที่ท่านออกจากจวนไปนั้นฝ่าามีพระราชโองการลงมาพ่ะย่ะค่ะ ทรงพระราชทานสมรสให้แก่ท่าน”
จากนั้นก็มีเสียงกระแทกประตูดัง ‘ปัง’ กู้จวิ้นเฉินเปิดประตูออกมา “เ้าว่าอะไรนะ?”
พ่อบ้านนำราชโองการมาถวายให้แก่เขา กู้จวิ้นเฉินเปิดราชโองการ หลังจากที่อ่านรายละเอียดด้านในแล้ว คิ้วของเขาก็ขมวดจนเป็เส้นเดียวกัน “ออกไปเถิด” จากนั้นจึงหับประตูปิดลง
หลังจากปิดประตูแล้วกู้จวิ้นเฉินก็ยืนอยู่หน้าประตูเนิ่นนาน ในเวลานี้เขาเองไม่รู้ว่าตนนั้นอยู่ในอารมณ์ใด เสด็จอายกเ้าสารเลวตัวน้อยมาพระราชทานสมรสให้แก่เขา นี่มันหมายความอย่างไร? แม้ว่าในรัชสมัยนี้จะมีความรักของหลงหยาง (ความดีของั) แต่นี่เป็ครั้งแรกที่ฝ่าาพระราชทานสมรสให้ กู้จวิ้นเฉินไม่ได้รังเกียจ หลี่ลั่วนั้นเป็เสมือนน้องชายของเขา เขาตั้งใจจะรักและเอ็นดูเขาให้เขาเป็เด็กที่เติบโตขึ้นมาอย่างมีความสุข แต่...แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะรักและเอ็นดูให้เป็ชายาเอกนี่นา
กู้จวิ้นเฉินเดินมาถึงข้างเตียง มองดูเ้าสารเลวตัวน้อยที่นอนอยู่บนเตียงของตนอย่างมีความสุข ท่าทางเช่นนั้นต่อให้เอาเขาไปขายเ้าตัวก็ยังไม่รู้ตัว ใบหน้าขาวผ่องนั้นยังมีริ้วรอยของความเหนื่อยล้าปรากฏให้เห็น ผิวหน้าค่อนข้างแห้ง เนื่องจากเร่งเดินทางมาจนเหน็ดเหนื่อย กู้จวิ้นเฉินรู้ว่าเขาฉลาดเฉลียวอย่างยิ่ง ถูกลักพาตัวไปแต่กลับรู้จักวิเคราะห์เหตุการณ์แล้วะโหนีเอาตัวรอด จะไม่ฉลาดได้อย่างไรเล่า?
กู้จวิ้นเฉินครุ่นคิด จากนั้นเขาจึงคิดว่าหากไม่สามารถหาคนที่เหมาะสมกับเ้าสารเลวตัวน้อยได้ ให้เขาเป็ชายาเอกของตนก็ไม่เป็กระไร เขาจะรักและเอ็นดูหลี่ลั่วต่อไป จะได้ไม่ต้องให้เขาไปสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น เมื่อฉีอ๋องคิดตกแล้วจึงเลิกผ้าห่มแล้วขึ้นไปนอนบนเตียง เขาเพียงแค่ขึ้นไปบนเตียงเท่านั้น เ้าสารเลวตัวน้อยก็ซุกเข้ามาในอ้อมกอดของตนเสียแล้ว
ยังคง...ให้เขาอยู่ข้างกายตนเช่นนี้เถิด คนที่เอาแต่ใจและขวัญกล้าเช่นนี้ คนธรรมดาสามัญทั่วไปที่ไหนจะรับไหว กู้จวิ้นเฉินคิดอีก แต่ว่า เสด็จอาพระราชทานสมรสเพื่อจุดประสงค์อันใดกัน?
วันถัดมา
หลี่ลั่วยังไม่ตื่น กู้จวิ้นเฉินตื่นและลุกจากเตียงแล้ว ด้วยเหตุที่เขาไม่อยู่ในจวนหลายวันและมีพระราชโองการพระราชทานสมรสลงมา จึงทำให้ต่งจือที่ปรึกษาแห่งจวนฉีอ๋องถึงกับนั่งไม่ติด
ครั้งนั้นไท่จื่อเยี่ยนรั้งให้ที่ปรึกษาของตนอยู่ข้างกายกู้จวิ้นเฉินด้วยเหตุที่กู้จวิ้นเฉินต้องพิษ ทุกคนต่างจากไปกันหมดเหลือเพียงแต่ต่งจือ ต่งจือผู้นี้มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในเมืองหลวง แม้ว่าเขาจะปลดเกษียณตัวเองไม่ปรากฏโฉมหน้าต่อผู้คน แต่หากเอ่ยถึงชื่อต่งจือแล้วนั้น เื่ที่ต่งจือสังหารมารดาเลี้ยงของเขาซึ่งสั่นะเืไปทั้งเมืองหลวง เป็เื่ที่ทุกคนไม่มีวันลืม
ต่งจือมีความสามารถเหนือธรรมดา เขาเป็อาจารย์นักวางแผนที่มีพร์มาแต่กำเนิด แต่ด้วยคดีมารดาเลี้ยงของเขา จึงได้ถูกปลดออกจากตำแหน่งจ้วงหยวน ต่อมาถูกเนรเทศเป็เวลาห้าปี หากไม่ใช่ด้วยความโหดร้ายทารุณของมารดาเลี้ยงของเขา มีความเป็ไปได้อย่างยิ่งว่าเขาอาจถูกตัดสินปะาชีวิตไปแล้ว และเป็ไท่จื่อเยี่ยนที่ออกหน้าพูดเื่นี้ให้กับเขา เมื่อกลับมาจากการถูกเนรเทศ เขาจึงกลายมาเป็ที่ปรึกษาของไท่จื่อเยี่ยน
ด้วยเหตุที่เขามีอดีต ไท่จื่อเยี่ยนจึงไม่สามารถให้ลาภยศหน้าตาแก่เขาได้ ดังนั้นเขาจึงได้แต่อาศัยอยู่ในในมุมหนึ่งของวังบูรพาที่ค่อนข้างห่างไกลผู้คนมาโดยตลอด และด้วยเหตุนี้เช่นกันที่ทำให้เขาสามารถรอดพ้นจากภัยร้ายเมื่อหกปีก่อน
ต่อมาจ้าวหนิงฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์ คนข้างกายของไท่จื่อเยี่ยนบางส่วนคิดจะสวามิภักดิ์ต่อกู้จวิ้นเฉิน ความหมายคือช่วยเหลือและสนับสนุนให้กู้จวิ้นเฉิน่ชิงตำแหน่งฮ่องเต้ แต่เื่ที่กู้จวิ้นเฉินต้องพิษทำให้พวกเขาต่างเลิกล้มความคิดดังกล่าว มีเพียงต่งจือผู้เดียวที่ยังคงเหลืออยู่ข้างกายฉีอ๋อง
“เื่พระราชทานสมรสของเปิ่นหวางทำให้ท่านต่งกังวลใจแล้วใช่หรือไม่?” กู้จวิ้นเฉินตลอดมานั้นเ็ายิ่ง แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าต่งจือเขากลับเกรงอกเกรงใจอย่างหาได้ยาก ต่งจือไม่ได้ไปจากจวนฉีอ๋องท่ามกลางสถานการณ์ที่เขาจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินยี่สิบปี เพียงความซื่อสัตย์จงรักภักดีในส่วนนี้ ทำให้กู้จวิ้นเฉินรู้สึกนับถือเขายิ่ง
“ไม่ใช่ทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ” ต่งจือสวมหน้ากากครึ่งหน้า น้ำเสียงเ็าเช่นกัน “ฝ่าาและนายท่านนั้นความสัมพันธ์พี่น้องแน่นแฟ้น ย่อมไม่พระราชทานสมรสชายหนุ่มให้นายน้อยเพียงเพราะพิษของนายน้อยได้รับการถอนแล้วเพื่อเป็การตัดเส้นทางการ่ชิงบัลลังก์ของนายน้อยพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านกลับเห็นทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง” กู้จวิ้นเฉินรินน้ำชาให้ต่งจือด้วยตัวเอง “ในเมื่อท่านมองออกเช่นนี้ ท่านคงมองออกใช่หรือไม่ว่าพิษของเปิ่นหวางในครั้งนั้นผู้ใดเป็คนวางยาพิษ?”
ต่งจือเงียบงัน
“ท่านรู้จริงๆ ด้วยสินะ” กู้จวิ้นเฉินยกมุมปากขึ้นแล้วยิ้มออกมา
“นายน้อยเริ่มสงสัยั้แ่เมื่อใด” ต่งจือถาม
“ลั่วเอ๋อร์บอกกับเปิ่นหวางว่า พิษนี้มีสองชนิด ชนิดหนึ่งคือออกฤทธิ์เรื้อรัง อีกชนิดหนึ่งคือเฉียบพลัน เปิ่นหวางเริ่มสงสัยั้แ่เวลานั้น” กู้จวิ้นเฉินตอบ “พิษของเปิ่นหวางเป็ชนิดเฉียบพลัน
“ไฉนท่านอ๋องจึงกล่าวเช่นนี้” สีหน้าและท่าทางของต่งจือสงบนิ่งเป็อย่างยิ่ง
“หกปีก่อนเสด็จปู่ทรงตไปก่อน จากนั้นจึงเป็เสด็จพ่อ เปิ่นหวางถือกำเนิดในราชสกุล หากต้องพิษชนิดเรื้อรัง จุดประสงค์ของอีกฝ่ายคืออันใดเล่า? พิษเรื้อรังต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง เช่นนั้นฝ่ายตรงข้ามต้องวางยาพิษเปิ่นหวางั้แ่เสด็จปู่ยังมีชีวิตอยู่ แต่เวลานั้นบัลลังก์ัมาไม่ถึงเปิ่นหวาง ต่อให้วางยาพิษ ย่อมสมควรที่จะวางยาพิษเสด็จพ่อหรือไม่ก็บรรดาเสด็จอาทั้งหลายมากกว่า ดังนั้นจึงเป็พิษเฉียบพลัน” กู้จวิ้นเฉินค่อยๆ พูดทีละคำอย่างช้าๆ และมั่นใจยิ่งนัก “ทันทีที่เปิ่นหวางต้องพิษ เมิ่งเต๋อหลางก็ถูกพวกท่านตามตัวจนพบ เขาปรากฏตัวในเวลาประจวบเหมาะเกินไป หกปีก่อนการนองเืเพิ่งจะสงบลง เสด็จอาขึ้นครองราชย์ เปิ่นหวางต้องพิษ หากเปิ่นหวางยังสุขสบายไม่เป็อันใดเลยย่อมต้องเข้าไปเกี่ยวพันกับเื่หนึ่ง นั่นก็คือบัลลังก์ั มีคนตั้งใจ้าให้เปิ่นหวางต้องพิษ มีเพียงเหตุผลเดียว คือให้สิ้นวาสนาต่อบัลลังก์ั แต่เมื่อเป็เช่นนี้ หากวางยาพิษให้เปิ่นหวางตายไปย่อมดีกว่า ทว่าฝ่ายตรงข้ามกลับไม่ได้ทำ ดังนั้นเขาไม่ได้้าให้เปิ่นหวางตาย ทั้งไม่้าให้เปิ่นหวางตายและยังไม่้าให้เปิ่นหวางต้องตกอยู่ท่ามกลางการ่ชิงบัลลังก์ั เช่นนั้นย่อมเพื่อเป็การปกป้องเปิ่นหวาง”
น้ำเสียงของกู้จวิ้นเฉินแหบพร่า “ใต้หล้านี้ ผู้ที่สามารถคิดแทนเปิ่นหวางได้ถึงเพียงนี้มีเพียงเสด็จพ่อ ดังนั้นพิษที่อยู่ในร่างของเปิ่นหวางนั้น เป็เสด็จพ่อที่สั่งให้คนวางยาพิษ ถูกต้องหรือไม่?”