วันนี้เสิ่นเสวียนสวมชุดคลุมสีเทา มีสายรัดเอวสีเทา มัดผมหลวมๆ ไว้ด้านหลัง เพื่อให้เหมาะสมกับความหล่อเหลาของเขา สีหน้าของเขาดูผ่อนคลาย ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา ไม่เหมือนเด็กหนุ่มที่มีอายุเพียงสิบหกปีคนหนึ่งเลย
เขาเข็นรถเข็นของเสิ่นเสี่ยวเม่ยเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
“เขามาแล้ว!”
มีคนะโขึ้นท่ามกลางผู้คน
ในแววตาของคนเหล่านี้ที่กำลังจ้องมองเสิ่นเสวียนบางส่วนมีความคาดหวัง ทว่าก็มีบางส่วนที่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น ทั้งยังมีแววตาหยอกล้ออีกด้วย
คนส่วนหนึ่งรู้ว่าวันนี้คนตระกูลหานต้องเข้ามาก่อความวุ่นวาย เสิ่นเสวียนต้องเจอปัญหาใหญ่แน่ๆ
“ท่านพี่ วันนี้ท่านมั่นใจหรือไม่”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยที่นั่งอยู่บนรถเข็นกล่าวขึ้นอย่างเป็กังวล
ในวันนั้นนางได้เห็นหานเฟิงและเสิ่นเสวียนต่อสู้กันแล้ว เสิ่นเสวียนมีพลังต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด หากครั้งนี้หานเฟิงเป็คนท้าสู้ ใครจะแพ้ชนะยังมิอาจรู้ได้
“เด็กโง่ พี่เคยโกหกเ้าั้แ่เมื่อไรกัน วันนี้เ้าทำใจให้สบายๆ ดูเื่สนุกไปก็พอ อ้อ ใช่แล้ว เ้าจะต้องกินยาให้ตรงเวลาด้วยนะ ขาของเ้าเป็อย่างไรบ้าง”
“อืม สองวันที่ผ่านมาขาของข้าดีขึ้นมาก ยานั้นได้ผลจริงๆ ด้วย ข้าคิดว่าหากเป็อย่างนี้ต่อไป อีกสักสิบวันข้าคงยืนได้แล้ว”
เมื่อกล่าวถึงขาของตนเอง เสิ่นเสี่ยวเม่ยก็สลัดความคิดหมองหม่นก่อนหน้านี้ไป นางมั่นใจ ั้แ่ที่ได้เจอกับเสิ่นเสวียนครั้งนี้ เขาไม่เคยโกหกนางเลยสักครั้ง
ทั้งสองพูดคุยกันจนมาถึงด้านหน้าลานประลอง
“เ้ามาแล้วหรือ นั่งลงเถอะ”
เสิ่นล่างพยักหน้าให้เสิ่นเสวียนพลางกล่าว
“ขอรับ ผู้าุโใหญ่”
เสิ่นเสวียนพยักหน้าตอบกลับ จากนั้นก็เข็นรถเข็นของเสิ่นเสี่ยวเม่ยไปยังตำแหน่งที่จับจองไว้ล่วงหน้า
คนตระกูลเสิ่นมีจำนวนมากกว่าเจ็ดร้อยคน นอกจากคนที่ต้องดูแลการค้าของตระกูลอยู่ภายนอกแล้ว คนอื่นๆ ต่างมารวมตัวกันที่นี่ ้าเป็สักขีพยานในพิธีแต่งตั้งวันนี้
ผู้ดูแลและผู้าุโทั้งหลายในตระกูลเสิ่นมีพลังถึงขั้นแม่ทัพกันทั้งนั้น ในจำนวนนั้นมีอยู่หกคนที่พลังถึงขั้นแม่ทัพระดับสูงสุด ซึ่งรวมถึงเสิ่นเหวินเทาด้วย ผู้าุโสองและผู้าุโสามมีพลังขั้นกึ่งก้าวบรรพบุรุษ หากพลังของทั้งสองคนถึงขั้นบรรพบุรุษอย่างแท้จริง พลังของตระกูลเสิ่นและตระกูลหานก็จะเทียบเท่ากัน
ตระกูลเสิ่นเป็สามอำนาจสูงของเมืองอวี่ฮว่าได้ แน่นอนว่ามีความแข็งแกร่งเป็ของตนเองอยู่แล้ว
“เริ่มเลยเถอะ!”
เสิ่นล่างมองทุกคนในที่นี้ จากนั้นก็กล่าวกับผู้าุโสี่ที่เป็ประธาน เสิ่นเหวินเทานั่งอยู่ข้างๆ เขาหลับตาและไม่กล่าวอะไรเลย คล้ายว่าคาดการณ์ทุกอย่างเอาไว้แล้ว
ผู้าุโสี่ก้มหัวให้เสิ่นล่างเล็กน้อย จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน
“ทุกท่าน ตำแหน่งผู้นำตระกูลเสิ่นว่างเปล่ามาสามปีแล้ว วันนี้ถึงฤกษ์ดีในการจัดพิธีแต่งตั้ง ตอนนี้...”
“ช้าก่อน”
ขณะนั้นเอง เสียงที่ไม่รู้จักกาลเทศะดังเข้ามาจากด้านนอก
เมื่อได้ยินเสียงนั้น เหล่าคนตระกูลเสิ่นก็เบนสายตามองไปยังด้านนอกโดยพร้อมเพรียง จากนั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินผ่านประตูตระกูลเสิ่นเข้ามา
คนกลุ่มนี้มีมากกว่าสามสิบคน นำมาโดยคุณชายเจี้ยนแห่งสำนักกระบี่ผู้นั้น
เขาสวมชุดคลุมขนนกสีขาวเหลือบทอง ในมือถือพัดขนนก เดินเข้ามาพร้อมกับชุดคลุมที่พลิ้วไหว ส่งให้เขาดูสง่างาม ส่วนหานเฟิงเดินอยู่ข้างหนึ่งของเขา และผู้ที่กล่าวออกมาเมื่อครู่นี้ก็คือเขา
สิ่งที่ทำให้ผู้คนประหลาดใจก็คือ อีกข้างหนึ่งของคุณชายเจี้ยนยังมีซือหม่าหว่านเอ๋อร์ยืนอยู่ด้วย นางยังคงแต่งกายเหมือนเมื่อวาน ดูงดงาม ทรงพลัง และโเี้ แต่เมื่อเทียบกับคุณชายเจี้ยนแล้ว นางด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ด้านหลังพวกเขามีผู้าุโจากตระกูลหานอีกหลายคน ขาดไปเพียงคนเดียว นั่นก็คือหานเตา
องครักษ์ของคุณชายเจี้ยนเข้าล้อมประตูใหญ่ตระกูลเสิ่นเอาไว้ พวกเขายืนเรียงสองแถว เว้นที่ว่างตรงกลางให้เดินผ่านได้ เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง
เดิมทีหานเฟิงเพียงคนเดียวก็ทำให้ตระกูลเสิ่นปวดหัวมากพอแล้ว วันนี้ได้เห็นคุณชายเจี้ยนมาด้วย จึงมีทั้งคนที่สงสัยและคนที่ตื่นใ!
เห็นได้ชัดว่ามีคนจำคุณชายเจี้ยนได้
ในที่นั่งตำแหน่งผู้าุโ เสิ่นล่างมองคุณชายเจี้ยน ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย ใบหน้าคล้ายจะไร้อารมณ์ แต่ภายในใจกลับตื่นกลัว ผู้าุโคนอื่นๆ ต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเช่นกัน
“ข้าขอแนะนำให้ทุกคนรู้จัก คุณชายเจี้ยนอู๋เฉินแห่งสำนักกระบี่”
หานเฟิงกวาดตามองคนตระกูลเสิ่นกว่าเจ็ดร้อยคนพร้อมกับกล่าวขึ้นเบาๆ แต่เสียงนั้นกลับดังชัดเจนในหูของทุกคนที่อยู่ที่นี่
‘สำนักกระบี่’ คำนี้เพียงพอที่จะสั่นะเืแนวป้องกันสุดท้ายภายในจิตใจของพวกเขาได้
“สามอำนาจสูงในตำนาน!”
“ข้าเคยได้ยินชื่อเจี้ยนอู๋เฉินมาก่อน การประลองครั้งใหญ่เมื่อสามปีก่อนของสำนักกระบี่ เขาคว้าอันดับหนึ่งมาครอง ทั้งยังเป็ศิษย์สายตรงของประมุขสำนัก มีข่าวลือว่าจะได้เป็ประมุขสำนักในภายหน้า”
คนตระกูลเสิ่นกระซิบกระซาบกัน แต่ละคนแสดงความหวาดกลัวออกมา แต่ก็ไม่แปลกเลย เพราะเจี้ยนอู๋เฉินกลายเป็บุคคลแบบอย่างรุ่นเยาว์ของแคว้นชิงหยุนไปแล้ว
เขามีอายุเพียงสิบหกปีก็ฝึกฝนถึงขั้นบรรพบุรุษแล้ว!
แค่พร์ของเขา ก็เหนือกว่าทุกคนในที่นี้แล้ว
“คุณชายเจี้ยนอยากดูพิธีแต่งตั้งของพวกเ้าด้วย ข้าว่าพวกเ้าน่าจะเห็นด้วยใช่หรือไม่!” หานเฟิงมองทุกคนด้วยแววตาเย็นะเืแฝงรอยยิ้มเหยียด ทั้งยังกล่าวอย่างเหยียดหยาม
เทียบกับเมื่อสามวันก่อนที่ต้องจากไปอย่างเสียหน้า วันนี้เขา้าเรียกศักดิ์ศรีทั้งหมดของเขากลับคืน รวมไปถึงชำระแค้นให้หานเตาด้วย
“คุณชายเจี้ยนมาเยือนถึงที่ นับเป็เกียรติแก่ตระกูลเสิ่นของข้า ใครก็ได้ไปเตรียมที่นั่ง”
ผู้าุโสี่ที่เป็ประธานกล่าวขึ้นทันที พวกเขามิอาจล่วงเกินสำนักกระบี่ได้
“พวกเ้าดำเนินการต่อได้เลย ข้าเพียงมาดูเท่านั้น”
เจี้ยนอู๋เฉินยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเขาก็โบกพัดขนนกเดินไป
เจี้ยนอู๋เฉินนั่งลงตรงที่รับรองแขกสำคัญ หานเฟิงและซือหม่าหว่านเอ๋อร์นั่งอยู่ข้างๆ เขา
อันที่จริง ผู้าุโตระกูลเสิ่นบางคนเห็นซือหม่าหว่านเอ๋อร์แล้ว เพียงแต่ชื่อเสียงของเจี้ยนอู๋เฉินยิ่งใหญ่เกินไป จึงลดทอนความสง่างามของซือหม่าหว่านเอ๋อร์ลง
“ได้ เช่นนั้นข้าขอประกาศให้พิธีแต่งตั้งผู้นำตระกูลเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้”
ผู้าุโสี่รอให้รอบข้างเงียบลง แล้วจึงประกาศเปิดพิธีอย่างเป็ทางการ
“ตระกูลเสิ่นให้ความเคารพต่อพลัง ในฐานะของผู้นำตระกูลจะต้องให้ความสำคัญต่อพลังเป็อันดับแรก ขอเชิญนายน้อยขึ้นมาบนลานประลอง”
หลังจากผู้าุโสี่กล่าวจบ เสิ่นเสี่ยวเม่ยมองเสิ่นเสวียนที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะกล่าว “ท่านพี่ สู้ๆ”
“อืม เสี่ยวเม่ยตั้งใจดูพี่นะ”
เสิ่นเสวียนยิ้มให้เสิ่นเสี่ยวเม่ยอย่างอ่อนโยน แล้วค่อยย่างขึ้นไปบนลานประลอง
หากบอกว่าในตระกูลเสิ่นยังมีอะไรที่ต้องห่วงอีก ก็คงมีเพียงเสิ่นเสี่ยวเม่ยคนเดียว อาจเป็เพราะนางเดินไม่ได้ ต้องนั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น จึงดูน่าสงสาร หรือเสิ่นเสวียนอาจไม่เคยได้รับความรู้สึกอบอุ่นจากครอบครัวมาก่อน เขาจึงรักน้องสาวคนนี้มาก
เสิ่นเสี่ยวเม่ยก็เช่นเดียวกัน หลังจากที่เสิ่นเสวียนหลุดจากการถูกคุมขังมา นางก็เชื่อมั่นในตัวเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข ราวกับไม่ว่าเขาจะกล่าวอะไรออกมา มันจะต้องเกิดขึ้นจริงอย่างแน่นอน
เสิ่นเสวียนสวมชุดคลุมสีเทาย่างเท้าขึ้นไปบนลานประลอง อาจเป็เพราะรูปร่างของเขาค่อนข้างผอมแห้ง จึงทำให้เขายิ่งดูอ่อนแอเปราะบาง
แน่นอนว่าผู้คนด้านล่างลานประลองไม่ได้คิดอย่างนั้น โดยเฉพาะเื่ที่เกิดขึ้นในหอประชุมเมื่อสามวันก่อน ส่งผลให้เสิ่นเสวียนเหมือนมีผ้าคลุมหน้าปิดอยู่ดูลึกลับ
“เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”
เจี้ยนอู๋เฉินมองเสิ่นเสวียนที่ขึ้นไปบนลานประลอง พยักหน้าเล็กน้อย
“คุณชายเจี้ยน เขาดูดีแค่ภายนอกเท่านั้น วันนี้ข้าจะสั่งสอนเขาเอง”
หานเฟิงกล่าวกับเจี้ยนอู๋เฉินเบาๆ
“เ้าอย่างนั้นหรือ เหอๆ หวังว่าจะเป็ไปได้แล้วกัน!”
เจี้ยนอู๋เฉินปรายตามองหานเฟิงพลางหัวเราะ
เมื่อััได้ถึงความคลางแคลงใจของเจี้ยนอู๋เฉิน หานเฟิงมุมปากกระตุกเล็กน้อย เขากำหมัดแน่น ตั้งปณิธานไว้ว่าจะใช้พลังพิสูจน์ตนเอง
ซือหม่าหว่านเอ๋อร์ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยแววตาไร้อารมณ์ หากไม่ใช่เพราะคำเชิญของเจี้ยนอู๋เฉิน นางไม่มีทางมาดูการประลองที่ไร้สาระอย่างนี้แน่
“บัดนี้ คนในตระกูลสามารถเข้าท้าสู้กับนายน้อยได้”
เสียงผู้าุโสี่ดังขึ้น
“ข้าเอง”
ผู้าุโสี่เพิ่งจะกล่าวจบ เสิ่นเทาพลันะโมาจากในหมู่คนตระกูลเสิ่น จากนั้นก็ะโขึ้นไปบนลานประลอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้