จิ่นเซวียนเอื้อมมือไปหยิกแก้มของหานเอ๋อร์น้อยด้วยความเอ็นดูแล้วพูดว่า “หานเอ๋อร์น้อย นี่คือทองคำกินไม่ได้หรอก เดี๋ยวพี่สาวซื้อของเสร็จแล้วค่อยพาเ้าไปกินของอร่อย”
“พี่สาว กินถังหูลู่ [1] ได้หรือไม่เ้าคะ?” หานเอ๋อร์น้อยจ้องจิ่นเซวียนอย่างน่ารักแล้วยิ้มแหย
“ได้แน่นอน”
“เซวียนเซวียน มีของอีกมากที่เ้าต้องซื้อ พวกเรารีบไปซื้อของกันก่อนเถิด” ซย่าชุนอวิ๋นรีบเรียกจิ่นเซวียนให้ไปซื้อของก่อน เมื่อนึกถึงเื่ที่ต้องทำ
“ท่านอา ข้ามีเงินพอใช้ในงานแต่งแล้ว มิสู้อยู่ร้านลุงฉิวเลือกของขวัญดีๆ มอบให้ทางบ้านซ่งเล่าเ้าคะ” จิ่นเซวียนอยากใช้สิ่งของมีราคาข่มคนบ้านซ่ง ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงคิดว่านางโลภในทรัพย์สมบัติถึงแต่งให้ซ่งจื่อเฉิน
“เซวียนเซวียน อายุเ้าเพิ่งเท่าใดก็แต่งงานเสียแล้ว” ฉิวจั่งกุ้ยใเมื่อได้ยินว่าจิ่นเซวียนกำลังจะแต่งงาน จิ่นเซวียนไม่มีทางเลือกได้แต่บอกเื่ซ่งจื่อเฉินให้ฉิวจั่งกุ้ยฟัง
“คุณชายบ้านซ่งผู้นั้นพิการ พ่อเ้าทำใจปล่อยให้เ้าแต่งงานกับเขาได้อย่างไร” ฉิวจั่งกุ้ยรู้จักซ่งจื่อเฉิน ก่อนเกิดอุบัติเหตุซ่งจื่อเฉินคือตำนานของเมืองจินจู๋ เขาไม่เพียงหล่อเหลาแต่ยังเป็อัจฉริยะทั้งบู๊และบุ๋น
มีเศรษฐีหลายคนสนใจซ่งจื่อเฉิน อยากจะให้บุตรสาวแต่งกับเขา!
“ท่านลุงฉิว ข้าทำสิ่งใดไม่ได้หรอกเ้าค่ะ ท่านพ่อรับเงินสินสอดมาแล้ว ข้ามิอาจทำลายชื่อเสียงของท่านปู่ เพราะงานแต่งของข้าได้เ้าค่ะ” จิ่นเซวียนรู้สึกดีที่ได้แต่งกับซ่งจื่อเฉิน เพราะเขาช่วยนางจัดการปัญหายุ่งยากได้มาก สตรียุคโบราณไม่อาจตัดขาดกับพ่อของตนเองได้ ตราบใดที่นางยังไม่ออกเรือน พ่อเฮงซวยก็มีสิทธิ์บังคับนางเื่แต่งงาน
“เซวียนเซวียน หากเ้าไม่รังเกียจ ให้ข้าไปดื่มสุรามงคลในงานแต่งของเ้าเถิด” ฉิวจั่งกุ้ยได้ยินว่าจิ่นเซวียนจะแต่งงาน เขาเลยอยากใช้โอกาสนี้แสดงน้ำใจที่มีต่อจิ่นเซวียน
“ท่านลุงฉิวให้ความสำคัญกับหลานเช่นนี้ หลานยินดีมากเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนยิ้มไม่ปฏิเสธคำขอของฉิวจั่งกุ้ย
“ท่านลุงฉิว ร้านของท่านมีปิ่นปักผมกับกำไลที่เหมาะเป็ของขวัญ และราคาไม่สูงมากหรือไม่เ้าคะ?”
“ซื้อของขวัญเป็กำไลเงินกับปิ่นเงินแพงไปหรือไม่ ชาวบ้านแต่งงานเขามิให้ของมีราคาเช่นนี้กัน” ฉิวจั่งกุ้ยรู้สึกว่าจิ่นเซวียนใจกว้างเกินไป คนชนบทแต่งงานมอบผ้าฝ้ายยาวไม่กี่ฉื่อ[2] ก็ถือว่าดีแล้ว
“เ้ามีพี่สะใภ้สามคน หลานสาวหนึ่งคน หลานชายสองคนและแม่สามีหนึ่งคน นับแล้วต้องจ่ายหลายตำลึงเชียวนะเซวียนเซวียน” ซย่าชุนอวิ๋นนับจำนวนคนให้จิ่นเซวียนแล้วรู้สึกว่าของพวกนี้สิ้นเปลืองเกินไป
“ภรรยา ข้าคิดว่าเราควรจ่ายส่วนนี้ บ้านซ่งให้สินสอดเซวียนเซวียนไม่กี่ตำลึง พวกสะใภ้เ่าั้ก็คิดว่าตระกูลซย่าขายลูกสาวให้บ้านซ่ง หากเซวียนเซวียนซื้อเครื่องประดับให้จะได้ใช้เป็ของปิดปากพวกนาง” หูเหยียนซูรู้สึกว่าจ่ายส่วนนี้ไปก็ไม่ขาดทุน
“น้องสะใภ้ ข้าคิดว่าหูเหยียนซูพูดถูก สินสอดบ้านซ่งมีกี่ตำลึง เซวียนเซวียนไม่ใส่ใจหรอก แต่สินสมรสเ้าสาวกับของขวัญนั้นเกี่ยวพันถึงสถานะในครอบครัวสามี” ฉิวจั่งกุ้ยก็มีบุตรสาวเช่นกัน ตอนบุตรสาวแต่งงานออกไป เขาขนทรัพย์สินออกไปเกือบครึ่ง มอบแต่สิ่งดีๆ ให้ เพื่อมิให้นางเสียเปรียบบ้านสามี
“ท่านลุงฉิว รบกวนท่านช่วยเลือกปิ่นเงินไม่ซ้ำแบบห้าอัน กำไลเงินปรับขนาดได้หนึ่งเส้นมาห่อแล้วค่อยคิดเงินรวมกันเถิดเ้าค่ะ”
“เช่นนั้นแม่สามีเล่า เ้าจะไม่ซื้อของขวัญให้นางหรือ?” ซย่าชุนอวิ๋นนับได้เจ็ดคน มีของขวัญเพียงหกชิ้น ยังขาดอีกชิ้นหนึ่ง
“ข้าให้กำไลทองนางเส้นหนึ่งแล้วกันเ้าค่ะ ราคาแพงขึ้นหน่อย”
“ไม่ต้องให้ราคาแพงเช่นนั้นหรอก ให้นางเพียงสี่สิบห้าสิบเค่อ[3] เส้นหนึ่งก็ใช้ได้แล้ว” ฉิวจั่งกุ้ยแนะนำ
“ลำบากท่านลุงฉิวแล้วเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนเชื่อว่าฉิวจั่งกุ้ยจะไม่หลอกนางแน่ เพราะเขาอยากผูกมิตรกับนาง
“เซวียนเซวียน ปิ่นปักผมทั้งหมดนี้ ข้าคิดราคาอันละแปดตำลึง กำไลเงินก็ด้วย ส่วนกำไลทองคิดห้าสิบหกตำลึงแล้วกัน” จากราคาในท้องตลาดทั่วไป จิ่นเซวียนรู้ว่าไม่มีทางที่เธอจะได้ของถูกขนาดนี้
นางหยิบตั๋วเงินออกมาจ่ายด้วยความพึงพอใจ เงินจากการขายแบบภาพเหลือเพียง 346 ตำลึงแล้ว
“ท่านลุงฉิว พวกเราไปก่อนนะเ้าคะ” เพื่อให้จิ่นเซวียนถือของขวัญที่ซื้อได้อย่างสะดวก ฉิวจั่งกุ้ยจึงให้ผ้ากับนาง เพื่อมาห่อกล่องเครื่องประดับหิ้วออกไป
“ฉิวจั่งกุ้ย คุณหนูซย่าผู้นั้นทุ่มจริงๆ สินสอดที่บ้านสามีให้นางมีไม่กี่สิบตำลึง นางกลับซื้อของขวัญราคาเป็ร้อยให้เช่นนี้” เด็กในร้านอุทานด้วยความใ เมื่อจิ่นเซวียนออกจากร้านไปแล้ว
“คุณหนูซย่ามิยอมอยู่เช่นนี้แน่ จากนี้ไปหากนางมาซื้อของที่ร้าน พวกเ้าก็ต้อนรับดีๆ” ฉิวจั่งกุ้ยละสายตากลับมา ตัดสินใจส่งแบบภาพไปเมืองหลวง
“เซวียนเซวียน แหวนเ้าสะดุดตานัก แล้วเ้าซื้อของพวกนี้กลับไปด้วย ย่าเ้าต้องคิดไม่ซื่อแน่” ซย่าชุนอวิ๋นกังวล ว่าแม่หัวสูงของนางจะขโมยของของจิ่นเซวียน
“ข้าเก็บเงินซื้อของเหล่านี้มาเอง นางมีสิทธิ์อะไรมายุ่งเล่าเ้าคะ” จิ่นเซวียนอยากให้ย่าชั่วร้ายเสียใจ ในอนาคตหากนางแต่งออกไปบ้านซ่งแล้วได้เงินมา นางจะไม่ให้ย่าชั่วแม้แต่อีแปะเดียว
“ภรรยาไม่ต้องกังวล ความสามารถของจิ่นเซวียนเวลานี้ แม่ยายไม่มีทางรังแกนางได้หรอก” หูเหยียนซูพูดปลอบให้ภรรยาสบายใจ ถึงแม้แม่ยายจะก่อเื่ก็ยังมีพวกเขาอยู่
“ท่านอาเล็ก ตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้งให้คนของร้านเครื่องเรือนไปส่งที่บ้านดีหรือไม่เ้าคะ พวกเราเสียค่าส่งก็มิได้หนักหนาเท่าใดนัก” พ่อเฮงซวยมาซื้อของกับนาง แต่เขารีบเดินทิ้งนางไว้กับท่านอาเล็กเพราะไม่อยากออกเงินให้นาง
“ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้งรวมไปถึงเครื่องนอนข้าจองแล้ว เ้าห้ามแย่งข้าซื้อเด็ดขาด” ซย่าชุนอวิ๋นคิดในใจ ของเหล่านี้ใช้เงินเพียงสิบตำลึงนิดๆ เท่านั้น พอเซวียนเซวียนได้เงินมา นางก็ซื้อเครื่องประดับราคาแพงให้เสี่ยวหานเอ๋อร์เลย ช่างเป็เด็กที่มีน้ำใจนัก ในฐานะอา นางต้องทำเพื่อเซวียนเซวียนบ้าง
“ได้ ข้าฟังท่านเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนยิ้มให้ท่านอาเล็กอย่างมีความสุข
“ท่านอาเล็ก ข้ายังไม่ได้ซื้อชุดแต่งงานเลยเ้าค่ะ เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ท่านอาเขย ท่านไปซื้อตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้งให้ข้า ส่วนข้า ท่านอาเล็กและหานเอ๋อร์ไปเดินดูร้านตัดเสื้อกันเถิดเ้าค่ะ”
“ได้ พวกเราแยกกันเดินเถิด” หูเหยียนซูส่งลูกสาวให้ภรรยาแล้วมุ่งหน้าไปร้านเครื่องเรือน
จิ่นเซวียนไปร้านตัดเสื้อเลือกซื้อชุดแต่งงานง่ายๆ และชุดกระโปรงปักลายสี่ชุด นางเอาไว้ใส่ใน่หน้าร้อน
“เซวียนเซวียน อาเขยเ้าก็สวมผ้าต่วนเช่นนี้ หนึ่งพับราคาเจ็ดถึงแปดตำลึงถือว่าคุ้มค่า เ้าเอาไปสามพับมอบให้พี่สามีกับหลาน ส่วนพ่อสามีก็เอาผ้าต่วนลายชั้นดีให้เขา”
“ฮูหยินช่างสายตาเฉียบแหลมยิ่งนักเ้าค่ะ ผ้าต่วนนี้คือสินค้าใหม่สำหรับหน้าร้อน ข้าแนะนำสีฟ้า จะใช้ได้กับทั้งชายและหญิงเ้าค่ะ”
เถ้าแก่เนี้ยเห็นจิ่นเซวียนซื้อของมากมาย นางเลยเสนอขายผ้าอย่างกระตือรือร้น
“เถ้าแก่เนี้ย ข้าเอาผ้าลายนี้สามพับ สีฟ้า สีเงิน สีขาวอย่างละหนึ่งพับ ส่วนพื้นดำลายแดงนั้นเอามาหนึ่งพับเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนสั่งผ้าแล้วให้เถ้าแก่เนี้ยห่อไปส่งที่บ้านซย่า และนางจ่ายค่าส่งของเอง
“เ้าซื้อของมากเช่นนี้ หากไม่ซื้อให้ย่ากับพ่อของเ้า พวกเขาคงตามตอแยแน่ เซวียนเซวียน ข้าแนะนำให้ซื้ออาภรณ์สำเร็จคุณภาพดีหน่อยไปให้พวกเขาด้วย” ซย่าชุนอวิ๋นเตือนจิ่นเซวียน ให้นางทำให้พ่อเฮงซวยกับย่าชั่วร้ายตายใจ แล้วหลังแต่งออกไปแล้วหากมิจำเป็ก็ไม่ต้องกลับมาดูแลคนบ้านนี้อีก
“ข้าไม่รู้ขนาดตัวพวกเขาเ้าค่ะ ท่านอาเล็ก ท่านช่วยข้าเลือกหน่อยเถิด คนละสองชุด ส่วนของอวิ๋นเอ๋อร์กับเผิงเฟยก็เอาผ้าต่วนที่ใช้ได้กับทั้งหญิงและชายหนึ่งพับแล้วกันเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนครุ่นคิด ในเมื่อจะสร้างภาพก็ยกผลประโยชน์ให้น้องชายน้องสาวชั่วร้ายสักหน่อย ทุกคนในหมู่บ้านซย่าจะได้รู้ว่านางซย่าจิ่นเซวียนเป็พี่สาวที่ดีรักน้องบุตรอนุเพียงใด
“แม่นาง อาภรณ์ผ้าต่วนสำหรับผู้ชายราคาจะสูงหน่อย ตัวละหกตำลึง หากเป็ผู้สูงวัยสวม ข้าแนะนำสีเขียวประกายกับสีทองหม่นเ้าค่ะ”
“เถ้าแก่เนี้ย ข้าซื้อของในร้านมากถึงเพียงนี้ไม่ลดหน่อยหรือเ้าคะ?”
จิ่นเซวียนคำนวณแล้วพบว่านางซื้อของในร้านไปมากกว่าหนึ่งร้อยตำลึง เฮ้อ เสียเงินไปมากจริงๆ!
“ผ้าต่วนธรรมดา ข้าคิดท่านพับละเจ็ดตำลึง ส่วนผ้าที่แพงกว่านั้น ข้าให้ต่ำสุดพับละสิบหกตำลึงเ้าค่ะ” น้อยครั้งที่เถ้าแก่เนี้ยจะเจอลูกค้าเช่นจิ่นเซวียน นางเลยตัดสินใจลดให้นางถึงสองในสิบส่วน
ลดราคาให้จิ่นเซวียนอย่างเหมาะสม
“ข้าเอาสีเขียวประกายกับสีทองหม่นอย่างละหนึ่งชุด สีกรมท่ากับสีฟ้าอย่างละหนึ่งชุด ส่งรวมกันทั้งหมดที่หมู่บ้านสกุลซย่า บ้านซิ่วไฉเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนไม่มีเวลาต่อราคานัก นางเร่งจ่ายเงินแล้วกลับไปรวมตัวกับท่านอาเขยที่สี่แยก
“ข้าเหลือเงินอยู่ 246 ตำลึง เสียเงินโดยใช่เหตุเสียจริงเ้าค่ะ” หลังออกจากร้านเสื้อจิ่นเซวียนก็ถอนหายใจ “ข้าใช้เงินซื้อของให้คนบ้านซ่งไปกว่าสองร้อยตำลึงเชียวเ้าค่ะ”
เชิงอรรถ
[1] ถังหูลู่ หมายถึง ขนมขบเคี้ยวหรือของหวานแบบจีนภาคเหนือ ใช้น้ำตาลเคลือบบนผิวผลไม้สดที่เสียบก้านไม้ยาว โดยเฉพาะแบบดั้งเดิมที่ใช้น้ำตาลกรวดเคลือบผลซานจาสด เป็ที่มาของชื่อเต็มคือ ปิงถังหูหลู
[2] ฉื่อ หมายถึง หน่วยวัดความยาวของจีน เท่ากับหนึ่งไม้บรรทัด
[3] เค่อ หมายถึง กรัม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้