“ของชุดถัดไปทำเอาไว้แล้วเ้าค่ะ” หลินฟู่อินพยักหน้า “ในเมื่ออาหารที่ทำจากไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสนขาดแคลน ภัตตาคารของท่านก็ควรทำขายจำนวนจำกัดเ้าค่ะ มาก่อนได้ก่อน เช่นนี้ยังทำให้ลูกค้าไม่คุ้นชินกับรสชาติด้วย”
หากกินอะไรมากเกินไปสักวันก็ต้องเบื่อ แต่ถ้าชอบกินอะไรแล้วต้องรอจนกว่าจะได้กินอีกครั้ง รสชาติก็จะยังอร่อยอยู่เสมอ
ภัตตาคารหลิวจี้ยามนี้ขายออกไปอย่างไม่จำกัด เถ้าแก่หลิวจึงได้ร้อนใจ แต่ความคิดของหลินฟู่อินทำให้หลิวฉินเบิกตากว้าง คำนับนางด้วยท่าทีขึงขัง สีหน้านักเลงหายไปแทบหมดสิ้น “ฟู่อิน ความคิดเ้าดีมาก ต้องขอบคุณเ้าแทนท่านพ่อข้าด้วย”
หลินฟู่อินโบกมือไปมาไม่ได้คิดมาก นางไม่ได้ใจดีอะไรหรอก ก็แค่ไม่อยากให้ไข่ดอกสนกับไข่เยี่ยวม้าที่ภัตตาคารหลิวจี้หมดเร็วเท่านั้นเอง
แต่แน่นอนว่าหลิวฉินไม่ทราบว่าเด็กสาวอายุเพียงสิบสามสิบสี่ปีจะสามารถคิดอะไรได้ลึกล้ำ ในตอนนี้เขาจึงได้มองนางให้ดีอีกครั้ง เด็กสาวตัวน้อยสวมชุดผ้าฝ้ายฤดูร้อนสีชมพูกลีบบัว ใบหน้าเล็กงามดูอ่อนเยาว์
โดยเฉพาะดวงตาสีดำสุกใสมีชีวิตชีวาจนผู้คนไม่กล้าสบตา
หลิวฉินรู้สึกว่าตาแก่ที่บ้านนี่ปราดเปรื่องจริงๆ ถึงกับย้ำกับเขานักหนาว่าให้ทำตัวดีๆ มีมารยาท อย่าได้ล่วงเกินนาง…
คุณชายใหญ่หลิวกะพริบตาสองสามครั้ง ตัดสินใจจะผูกมิตรกับแม่นางน้อยให้ได้ จึงกล่าวด้วยท่าทางยินดี
“ฟู่อิน ที่เ้าขายไข่ดอกสนและไข่เยี่ยวม้าให้ร้านเยว่เค่อก่อนก็สมเหตุสมผล กิจการร้านนั้นไม่มีทางแย่ไปกว่าร้านข้า แต่เหตุใดข้ามาหาเ้า ส่วนทางนั้นไม่มาเล่า เ้าเคยลองคิดหาเหตุผลหรือไม่?”
หลินฟู่อินมองเขาแล้วส่ายหน้า
อันที่จริง นางอยากรู้ว่าคุณชายใหญ่หลิวผู้นี้คิดจะพูดอะไร
หลิวฉินเห็นหลินฟู่อินส่ายหน้าก็คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย ลดเสียงลง “คาดว่าทางนั้นระหว่างขายก็คงนำไข่ดอกสนกับไข่เยี่ยวม้าของเ้าไปลองศึกษาดูด้วยจนหาวิธีทำออกมาได้เอง”
เื่นี้ใช่ว่าจะเป็ไปไม่ได้ แต่ต่อให้มีคนมากความสามารถอยู่ในร้านก็ใช่จะคิดวิธีทำออกมาได้เช่นนาง
ดังนั้นนางจึงไม่กังวลแม้แต่น้อย
หลิวฉินเห็นหลินฟู่อินฟังแต่กลับไม่แตกตื่นไม่กังวล มีแต่ความมั่นใจกึ่งเย้ยหยันก็อดมิได้ให้สงสัยอยู่ในใจ
แต่เขาก็ฉลาดพอจะรู้ว่าถึงถามไปนางก็คงไม่ตอบ จึงเก็บงำความสงสัยเอาไว้
หลิวฉินรับสินค้าแล้วขึ้นรถม้าจากไป คนที่สงสัยต่างก็เข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น หลินฟู่อินจึงเล่าออกไปไม่ปิดบัง
เมื่อชาวบ้านได้รู้ว่านายน้อยจากภัตตาคารหลิวจี้มาหานางถึงบ้านเพื่อซื้อไข่เยี่ยวม้ากับไข่ดอกสนก็ยิ่งอิจฉากว่าเดิม
“ฟู่อิน ภัตตาคารหลิวจี้มาซื้อของเราถึงที่นี่ ก็นับว่ากิจการครั้งนี้ไปได้สวยแล้วแน่นอน” ทันใดนั้นย่าหลี่ก็พูดด้วยสายตาตื่นเต้น
หลินฟู่อินมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ ย่าหลี่ใช้น้ำเสียงในเชิงบวก แต่นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงได้มั่นใจนัก
“สกุลหลิวเป็งูเ้าถิ่น ทั้งคนของทางการ พ่อค้า แรงงานต่างก็ต้องกินข้าวทั้งนั้น ขอเพียงคนเหล่านี้ยอมรับสินค้าเ้า เช่นนี้เ้าก็มั่นคงแล้ว อีกหน่อยขอเพียงคนพวกนี้ไม่มาข่มขู่กิจการบ้านเราก็นับว่ามีคนปกป้องจากโลกเื้ัแล้ว” ย่าหลี่มองหลินฟู่อินอย่างชื่นชม “ฟู่อินสายตาดี เลือกสกุลหลิว หาใช่ภัตตาคารเยว่เค่อนั่น”
ย่าหลี่ได้ยินหลิวฉินกับหลินฟู่อินคุยกันเื่ภัตตาคารเยว่เค่อก็เดาเื่ราวได้แล้ว ต้องเป็ภัตตาคารเยว่เค่อทำอะไรไม่เหมาะสมเพราะถือว่าตัวเองเป็ร้านใหญ่ หลินฟู่อินจึงเลือกร่วมมือกับสกุลหลิวแทน
แต่ก็ถือเป็ตัวเลือกที่ถูกต้องมาก
หากย่าหลี่ไม่ลงรายละเอียด หลิวฟู่อินก็คงไม่รู้ว่าร่วมมือกลับภัตตาคารหลิวจี้จะมีผลประโยชน์เช่นนี้ด้วย ยามนี้จึงรู้สึกดีใจจริงๆ ที่ไม่ได้ตัดสินใจผิดั้แ่แรก
วันสบายๆ ผ่านไปอีกหลายวัน ในที่สุดบ้านเก่าก็เริ่มอยู่ไม่สุขอีกครั้ง
ที่แท้เมื่ออู๋ซื่อจ้าวซื่อได้ยินเื่ไข่ดอกสนกับไข่เยี่ยวม้าที่หลินฟู่อินทำ ขายดีมากจนคุณชายสกุลหลิวถึงกับนั่งรถมามาซื้อด้วยตัวเองก็อิจฉาจนตาแดง
และเมื่อได้ยินว่าหลินฟู่อินถึงกับรับซื้อไข่เป็ดไข่ไก่ หลินซานหลางที่เพิ่งย้ายออกไปก็ทำงานให้หลินฟู่อินซ้ำยังได้ค่าแรง ยังไม่พอ หลินฟู่อินยังให้สะใภ้ใหญ่บ้านเฉียนช่วยนางรับซื้อไข่เป็ดแบบได้ค่าแรงอีก!
สองแม่สามีลูกสะใภ้ต่างก็โมโหด่าหลินฟู่อินว่าเป็คนทรพีอยู่ในใจ
หลายวันมานี้ปู่หลินรำคาญเสียจนต้องะโด่าให้อู๋ซื่อเลิกทำตัวจุ้นจ้านน่ารำคาญเสียที
“ตาแก่ ข้าอยู่กับเ้ามาทั้งชีวิตยังไม่เคยได้ใช้ชีวิตดีๆ เลยสักวัน ข้าเพียงอยากได้เงินอีแปะมาสนับสนุนครอบครัวข้า เหตุใดเ้าต้องขึ้นเสียงใส่ข้าด้วย?” นางร้องไห้ตบหน้าตัก สบถด่าหลินฟู่อินไม่ให้ได้ดีไปด้วย
เดิมทีปู่หลินนึกอยากจะออกไปดูผลผลิตในทุ่งนา เมื่อเห็นภรรยาที่แก่ปานนี้ยังลงไปนอนกลิ้งร้องไห้โวยวายทำตัวไม่อายลูกหลานในบ้าน ใบหน้าแก่ชราก็มืดครึ้มทันที
แต่เขารู้นิสัยภรรยาของตัวเองดี ครั้งนี้คงห้ามไม่ได้แล้ว ได้แต่อดทนเท่านั้น คนบอกว่าหลินฟู่อินให้คนบ้านสองช่วยงาน เพราะตอนคนบ้านสองสร้างบ้านใหม่ เด็กสาวให้พวกเขายืมเงิน
ยามนี้คนบ้านสองกำลังทำงานเพื่อใช้หนี้
ต่อให้ไม่จริงแต่ก็พูดเช่นนี้ได้อยู่
อู๋ซื่อเห็นเช่นนี้ก็ไม่ได้ไปยุ่งกับบ้านสองอีก ถึงอย่างไรทางนั้นก็ลูกชายหลานชายของนางทั้งนั้น หลินฟู่อินช่วยคนบ้านนั้นก็ไม่ได้เสียหายอะไร
แต่ที่สะใภ้ปู่เฉียนกับหลานสาวได้เงินด้วย เื่นี้นางไม่ยอม!
ชายชราสูดลมหายใจเข้า ยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว “แถวบ้านแม่ของสะใภ้เหล่าเฉียนมีเป็ดเยอะ ให้คนไปเก็บไข่เป็ดที่นั่นย่อมได้ราคาถูกกว่าที่อื่น เ้าจะไปรู้อะไร?”
อู๋ซื่อตัวแข็งที่อ ได้ยินเช่นนี้ก็หยุดร้องไห้ไม่สร้างปัญหาอีก นางไม่คิดว่าเื่นี้จะมีที่มาที่ไป
จ้าวซื่อหลบอยู่หลังประตูฟังสองผัวเมียทะเลาะกันอยู่นาน เห็นว่าแม่สามีของตนไร้ประโยชน์ก็วิ่งออกไปทันที นางยิ้มมองหน้าปู่หลิน “ท่านพ่อ ท่านแม่กับข้าต่างก็ทราบความหมายของท่าน แต่คิดดูว่าฝั่งหลินฟู่อินจับภัตตาคารหลิวจี้ในเมืองเอาไว้ได้ ข้าได้ยินว่าภัตตาคารเยว่เค่อก็ซื้อไข่เยี่ยวม้าไข่ดอกสนจากนางเช่นกัน แปลว่านางต้องหาเงินได้มากแน่ ย่อมต้องทำของมากกว่านี้อีก ทั้งขายทั้งทำจะต้องขาดแรงงานแน่นอน เช่นนั้นให้ท่านแม่กับข้า เสี่ยวเถาเสี่ยวเหอไปทำงานให้นางก็ได้ทั้งนั้น!”
อู๋ซื่อได้ยินจ้าวซื่อพูดเช่นนี้ก็กลอกตา ตบหน้าตักทันทีแล้วลุกขึ้น “เื่ก็เป็เช่นนี้แหละ ตาเฒ่า คนของบ้านเราก็จะไปช่วยนางทำงานรับเงินเดือนด้วย!”
หน้าอู๋ซื่อเต็มไปด้วยความตื่นเต้น นางคิดอยากรีบพุ่งไปที่บ้านหลินฟู่อินเสียเดี๋ยวนี้
เดิมทีปู่หลินคิดจะห้ามเอาไว้ แต่พอคิดถึงครั้งก่อนที่เชิญหมอหลี่มาถึงบ้าน ตั้งใจจะชวนรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน กลับเป็หลินฟู่อินที่้าออกจากบ้านใหญ่ไปต้อนรับหมอหลี่คนเดียว ยามนี้คนค้าขายใหญ่โต ในใจไม่ได้รู้สึกดีแม้แต่น้อย
หากเป็เช่นนั้น…