พลังฝ่ามือแผ่ปกคลุมฟ้าดิน คลื่นทำลายล้างพวยพุ่งไปหาเย่เฟิงที่อยู่บนแท่นหินใต้น้ำตก
“ตูม!!!” เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว พลังฝ่ามือของเฟิงเฉียนปะทะกับม่านแสงประหลาดที่สร้างขึ้นจากกระแสน้ำตก พลอยทำให้ห้วงอากาศสั่นไหวไปด้วย ส่วนคลื่นทำลายล้างแผ่ขยายเป็วงกว้าง ทำให้น้ำตกเทียนเชี้ยนเกิดการสั่นะเืเล็กน้อย
ด้วยคลื่นกระแทกจากพลังโจมตีของฝ่ามือนั่น ทำให้แสงที่รายล้อมร่างเย่เฟิงเกิดการบิดเบี้ยวจนเขาโอดครวญ ตัวสั่นสะท้านเล็กน้อย และมีเืไหลตรงมุมปาก
“ยังยืนหยัดได้อยู่เหรอ?” เฟิงเฉียนรู้สึกผิดคาดเล็กน้อย การโจมตีของเขาทำอะไรเย่เฟิงไม่ได้
“ไสหัวลงมาเดี๋ยวนี้!” เฟิงเฉียนแผดเสียงคำราม ก่อนจะมีพลังโจมตีแห่งการทำลายล้างเข้าจู่โจมกระแสน้ำตกอีกครั้งแล้วไปเยือนเย่เฟิง คลื่นสั่นะเืแผ่ขยายออกไปอย่างต่อเนื่อง ส่วนเย่เฟิงก็ตัวสั่นแรงกว่าเดิม กระอักเื คิ้วขมวดแน่น ทว่าเขายังคงไม่ขยับเขยื้อน
ผู้คนด้านล่างต่างตกตะลึง การกระทำของเฟิงเฉียนทำให้พวกเขารู้สึกละอายใจ เฟิงเฉียนเป็ใคร แล้วใครเล่าจะยอมลุยน้ำโคลนที่สกปรกนี้?
“เฟิงเฉียน เ้าบ้าไปแล้วรึไง? หยุดนะ!” ฉินเยียนหรานตวาดใส่เฟิงเฉียน แต่เฟิงเฉียนกลับไม่สนใจฉินเยียนหราน
“หยุดเหรอ?” เฟิงเฉียนกล่าวเสียงเบา ก่อนเขาจะะโอย่างโกรธเกรี้ยวพร้อมไอชั่วร้ายปะทุออกจากร่าง “ตายซะเถอะ!”
การโจมตีที่สามถูกปล่อย ซึ่งการโจมตีสองครั้งทำอะไรเย่เฟิงไม่ได้ เฟิงเฉียนจึงรู้สึกขายหน้ามาก เขาคิดว่าการโจมตีนี้ต้องปลิดชีวิตของเย่เฟิงได้
“เฟิงเฉียน เ้ามันเลวจริง ๆ!” ฉินเยียนหรานด่าทอเฟิงเฉียนพลางคิ้วขมวดแน่น นางยอมรับกับการกระทำของเฟิงเฉียนไม่ได้
ฉู่หานและเฉิงเฟยตาแดงก่ำ พวกเขาดูโกรธอย่างเห็นได้ชัด แต่ใน่เวลาสั้น ๆ นี้พวกเขากลับช่วยอะไรเย่เฟิงไม่ได้
การโจมตีของเฟิงเฉียนสร้างภัยคุกคามให้กับเย่เฟิงอย่างใหญ่หลวง ถึงอย่างนั้นก็มิอาจทำร้ายเย่เฟิงได้ แต่ว่ากลับรบกวนการเรียนรู้ของเย่เฟิงได้
ผลลัพธ์ที่อาจตามมาคือ ทำให้เย่เฟิงได้รับาเ็สาหัส วิถีมารเข้าแทรก และอาจถึงแก่ชีวิตได้!
ทว่าเฟิงเฉียนไม่สนใจฉินเยียนหราน ในสายตาเขาเฟิงเฉียน ชีวิตของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 6 ไม่ต่างจากมดแมลงตัวน้อย ๆ ที่สามารถฆ่าตอนไหนก็ได้
จากนั้นเฟิงเฉียนปล่อยพลังฝ่ามืออีกครั้ง การโจมตีนี้เขาใช้เคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุด เขาเชื่อว่าการโจมตีนี้ฆ่าเย่เฟิงได้แน่นอน ในตอนนั้นเองมีม่านแสงโคจรบนกระแสน้ำตก เมื่อการโจมตีของเฟิงเฉียนไปเยือนม่านแสงนั่น ม่านแสงก็เกิดการบิดเบี้ยวพร้อมมีพลังมหาศาลมากัน
เฟิงเฉียนเห็นฉากนี้ก็ต้องนิ่งงันราวกับเพิ่งตระหนักได้และ้าถอยหนีไป ทว่าเฟิงเฉียนยังไม่ทันขยับตัว พลังที่ไปบนม่านแสงก็ถูกปล่อยออกมาด้วยความเร็วแสง หนำซ้ำพลังเช่นนั้นยังแข็งแกร่งกว่าการโจมตีของเฟิงเฉียนหลายเท่า
“นี่...” ผู้คนต่างตกตะลึง ส่วนเฟิงเฉียนที่รับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของพลังนั่นก็อดใจสั่นรัวไม่ได้
“ปัง!” นาทีต่อมาพวกเขาได้ยินเสียงะเิดังสนั่นสั่นะเืแก้วหูของพวกเขา แต่ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวน ก่อนจะเห็นร่างของเฟิงเฉียนกระเด็นออกไป ร่างเขายังไม่แตะพื้นดินก็กระอักเืออกมา จากนั้นกระแทกกับพื้นอย่างแรง
“พลังนี้ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก แม้แต่เฟิงเฉียนผู้อยู่อันดับที่ 5 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายาก็ยังถูกทำร้ายจนสาหัส ดูท่าลำพังพร์ของเฟิงเฉียนยังไม่พอที่จะขึ้นไปบนแท่นหินลำดับห้า” ผู้คนพึมพำในใจ เฟิงเฉียนถูกซัดจนกระเด็นปลิวไปไกล หรือนี่เป็การพิสูจน์แล้วว่าพร์ของเฟิงเฉียนด้อยกว่าเย่เฟิง?
ผู้คนไม่น้อยต่างคาดเดากันไปต่าง ๆ นานา และอดสนใจเย่เฟิงมากกว่าเก่าขึ้นมาไม่ได้
ทันทีที่เฟิงเฉียนดีดตัวลุกขึ้น เขาก็กินยาเม็ดเพื่อฟื้นฟูร่างกาย จากนั้นเขามองไปที่เย่เฟิงตรงนั้นด้วยสายตาอาฆาตเยือกเย็น
เขาเฟิงเฉียนพ่ายแพ้แล้ว ทั้งยังถูกพลังแห่งกระแสน้ำตกโจมตีจนสาหัส สำหรับเฟิงเฉียนแล้ว มันคือความอัปยศอดสู เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเคียดแค้นเย่เฟิงยิ่งกว่าเก่า
“เ้าแพ้แล้ว!” ฉินเยียนหรานกล่าวเสียงเย็นขณะเดินมาที่ด้านข้างเฟิงเฉียน เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ฉินเยียนหรานก็พบว่าตัวเองชิงชังเฟิงเฉียนมากเพียงใด
“แพ้แล้วอย่างไรเล่า? คนบนแท่นหินนั่นคงเทียบเคียงข้าได้หรอก?” เฟิงเฉียนกล่าวอย่างโอหัง เขาเชื่อมั่นว่าตัวเองคือคนที่เย่เฟิงมิอาจเทียบเคียงด้วยได้
“เ้ามั่นใจมากไปแล้ว” ฉินเยียนหรานปรายตามองเฟิงเฉียนแวบหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
ขณะมองฉินเยียนหราน เฟิงเฉียนก็กัดฟันกรอดพลางคิดในใจว่าต้องได้ตัวผู้หญิงคนนี้มาให้ได้
ในขณะเดียวกัน ชายหนุ่มตระกูลเฉินที่อยู่บนแท่นหินลำดับหกก็สิ้นสุดการเรียนรู้แล้ว เขาลงจากแท่นหินด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ เห็นชัดว่าเขาได้รับผลประโยชน์และพลังก็ยกระดับขึ้นไม่น้อย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ชายหนุ่มตระกูลเฉินหันกลับไปมองที่น้ำตก แวบแรกก็เห็นเย่เฟิงอยู่บนแท่นหินลำดับห้า จึงอดใจเต้นระรัวไม่ได้ และกล่าวถามกุ่ยเตาเช่นนั้น
สีหน้าของกุ่ยเตาดูไม่ดีตลอดเวลา แต่ก็ตอบกลับไป “เขาขึ้นไปเอง”
“หือ?” ชายหนุ่มตระกูลเฉินย่อมรู้ว่าการขึ้นไปบนแท่นหินลำดับห้ามันหมายความเช่นไร จากนั้นเขาก็ถามกุ่ยเตาต่อ “คนผู้นี้ฆ่าคนของตระกูลเฉินข้า ข้าว่าจัดการสหายสองคนนั้นก่อน พอเขาลงมาแล้วก็ค่อยจัดการ”
“ได้” กุ่ยเตาตอบตกลงอย่างไม่ลังเล เพราะเขาไม่เคยเกลียดใครเข้าไส้อย่างเย่เฟิงมาก่อน
เมื่อกล่าวจบ ทั้งสองเดินไปหาฉู่หานและเฉิงเฟยทันที เมื่อพวกเขาเห็นพวกกุ่ยเตาเดินมาทางนี้ ฉู่หานและเฉิงเฟยก็ขมวดคิ้ว เหมือนรู้ว่าอีกฝ่ายมาด้วยเจตนาไม่ดี
“พวกเ้าคิดจะทำอะไร?” ฉู่หานกล่าวถามเสียงเย็น เขารู้ความสามารถของกุ่ยเตา ส่วนชายหนุ่มตระกูลเฉินคนนั้นเพิ่งผ่านการเรียนรู้ จึงดูถูกพลังไม่ได้
“ก็มาจัดการพวกเ้าสองคนน่ะสิ” ชายหนุ่มตระกูลเฉินกล่าวด้วยความมั่นใจ ราวกับมีมันมาั้แ่เกิด
“ข้าไม่เชื่อว่าเ้าสองคนจะลงมือตอนกลางวันแสก ๆ แบบนี้” ฉู่หานกล่าวเสียงเ็า ถึงแม้จะรู้ว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ แต่น้ำเสียงก็ยังคงแข็งกร้าว
“น่าขัน สำนักยุทธ์เทียนเสวียนไม่เคยห้ามปรามศิษย์ในการแข่งขัน ตราบใดที่ข้าไม่สังหารเ้าสองคน ข้าจะทำอะไรก็ย่อมทำได้หมด” กุ่ยเตาเย้ยหยัน
“ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ศิษย์น้องเย่เพิ่งเข้าสำนัก แล้วไปล่วงเกินเ้ากุ่ยเตาั้แ่เมื่อไหร่ ถึงกับทำให้เ้ากัดศิษย์ใหม่ไม่ปล่อยเหมือนหมาแบบนี้?” ฉู่หานกล่าว เขารู้ว่ากุ่ยเตาหมายหัวเย่เฟิงไว้
“เพราะว่าเขาอยู่ใกล้ฉินเยียนหรานมากเกินไป ข้าก็เลยอยากฆ่าเขา ส่วนพวกเ้าสองคน หากคุกเข่าขอโทษข้าตอนนี้และรับปากว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับไอ้สวะนั่นอีก ข้าจะพิจารณาปล่อยพวกเ้าไป หาไม่แล้วผลที่จะตามมาพวกเ้าคงรู้ดี” กุ่ยเตากล่าวด้วยท่าทียโสโอหัง เพียงเพราะเย่เฟิงใกล้ชิดฉินเยียนหรานมากเกินไป กุ่ยเตาจึง้าฆ่าเย่เฟิง ซ้ำยังให้ฉู่หานและเฉิงเฟยคุกเข่าขอโทษเขา
ท่าทีเย่อหยิ่งวางอำนาจ นี่แหละกุ่ยเตาตัวจริงเสียงจริง มีเพียงเกียรติยศของผู้ฝึกยุทธ์แห่งรายนามขั้นบ่มเพาะกายา และคำพูดของเขาราวกับตัดสินชะตากรรมของเย่เฟิง ฉู่หาน และเฉิงเฟยได้ แต่ขณะพูดกุ่ยเตาก็ไม่ลืมที่จะเหลือบมองฉินเยียนหราน
“คุกเข่าขอโทษเ้าเนี่ยนะ?” ฉู่หานคิ้วขมวดแน่น ก่อนกล่าวต่อ “เ้าอย่าสำคัญตัวเองเกินไป ฉินเยียนหรานคือผู้หญิงของศิษย์น้องเย่ข้า อยู่ใกล้ชิดกันแล้วเ้าจะทำอะไรได้?”
คำพูดของฉู่หานดึงดูดให้คนรอบข้างสนใจ ฉินเยียนหรานมีความสัมพันธ์ระดับนั้นกับชายหนุ่มที่อยู่บนแท่นหินลำดับห้างั้นหรือ?
ฉินเยียนหรานย่อมได้ยินเช่นเดียวกัน นางไปเป็ผู้หญิงของคนหน้าไม่อายนั่นั้แ่เมื่อใดกัน? คำพูดของฉู่หานส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของนางเป็อย่างมาก แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ แม้นางอยากอธิบายก็สรรหาคำมาอธิบายไม่ได้
“ในเมื่อเ้าดื้อดึงไม่ยอมรับผิด งั้นก็อย่าหาว่าข้าลงมือโเี้แล้วกัน!” คำพูดของฉู่หานทำให้กุ่ยเตาบันดาลโทสะ ตอนนั้นเองกุ่ยเตาปลดปล่อยพลังปราณ ก่อนจะใช้ฝ่ามือเงาพรายโจมตีฉู่หาน
ในขณะเดียวกันชายหนุ่มตระกูลเฉินคนนั้นก็เดินไปหาเฉิงเฟย เขาเหยียดยิ้มชั่วร้ายพลางกล่าว “รูปร่างไม่เลว อีกเดี๋ยวมาทำให้ข้าสนุกสักรอบสิ!”
เมื่อกล่าวจบ ชายหนุ่มตระกูลเฉินคนนั้นก็เริ่มรุกรานเฉิงเฟย
“หน้าไม่อาย!” เฉิงเฟยเผยสีหน้าเย็นเยียบ ในฐานะผู้หญิง นางจะยอมโดนดูถูกได้อย่างไร นางจึงปล่อยพลังฝ่ามือเข้าสู้กับชายหนุ่มตระกูลเฉินคนนั้น
ทั้งสองฝ่ายเกิดศึกต่อสู้ใหญ่ เหล่าผู้คนต่างถอยหลังไปห่าง ๆ ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นโล่งมากขึ้น
การโจมตีของกุ่ยเตาช่างเผด็จการ พอศึกเริ่มก็เป็ฝ่ายได้เปรียบ และเข้ากดดันฉู่หาน
“ตอนนี้เ้ารู้หรือไม่ ว่าการที่เ้าต่อต้านข้ามันโง่เง่าแค่ไหน?” กุ่ยเตากล่าว ก่อนจะปลดปล่อยพลังโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวไม่ปล่อยให้ฉู่หานมีโอกาส
ฉู่หานเผยสีหน้าบูดเบี้ยว พลันมีแสงส่องระยิบระยับรอบกาย จากนั้นเงาเสือขาวทะยานขึ้นฟ้าพร้อมความน่าเกรงขามที่น่าหวาดกลัว
“ิญญาาเสือขาวขั้นเหลือง!”
ศิษย์ทุกคนในสำนักยุทธ์เทียนเสวียนจำต้องปลุกิญญาาขั้นเหลืองเป็อย่างต่ำ ฉู่หานก็ไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งิญญาาเสือขาวขั้นเหลืองที่เขาปลุกถือว่าค่อนข้างแข็งแกร่งในหมู่ิญญาาขั้นเหลือง
“โฮก!” เสือขาวแผดเสียงคำราม พร้อมพลังอันน่าเกรงขามเข้ารายล้อมตัวของเสือขาว
กุ่ยเตาอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นก็เหยียดยิ้มอย่างเย็นะเืพร้อมพลังภูตพรายแผ่ออกจากร่าง เงาพรายขนาดั์พลันปรากฏ ประหนึ่งาาภูตพรายสูงสุดก็ไม่ปาน ซึ่งก็คือิญญาาของกุ่ยเตา อยู่ขั้นเหลืองเช่นเดียวกัน เงาพรายนั่นก้าวออกมาพร้อมพลังภูตพรายอันแกร่งกล้า ห้วงอากาศราวกับแข็งตัว จากนั้นกรงเล็บภูตพรายขนาดใหญ่เข้าตะปบเสือขาว
“ตูม” เสียงะเิดังขึ้น พลอยทำให้กระแสอากาศสั่นไหวไปด้วย การโจมตีของิญญาาทั้งสองตนเข้าปะทะกัน คลื่นทำลายล้างแผ่ขยายเป็วงกว้าง ฉู่หานเซถอยหลังหลายก้าวพร้อมมีเืไหลออกที่มุมปาก สีหน้าก็ยังซีดลง
ิญญาาเสือขาวของเขาถูกิญญาาาาภูตพรายของกุ่ยเตากำราบในหนึ่งการโจมตี ช่องว่างของทั้งสองฝ่ายห่างชั้นอย่างเห็นได้ชัด
“รีบมาจับข้าเร็ว ๆ สิ หากปรนนิบัติข้า ข้าอาจปล่อยเ้าไปก็ได้!”
อีกด้านหนึ่ง ชายหนุ่มตระกูลเฉินบีบบังคับจนเฉิงเฟยถอยหลังไม่หยุด เขาเหยียดยิ้มชั่วร้ายขณะกวาดมองเรือนร่างน่าเย้ายวนของเฉิงเฟย หากเขาได้ตัวหญิงสาวผู้งดงามเช่นนี้มาก็คงคุ้มค่ากับการมาครั้งนี้
“หน้าด้านไร้ยางอาย!” เฉิงเฟยตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ สีหน้ามีแต่ความเย็นะเื ทว่านางมิอาจต่อต้านพลังของชายหนุ่มผู้นี้ได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้