หุบเขาไร้โศก
"ท่านหัวหน้าเิ รอข้าด้วย!" ซ่งฉิงซูร้องลั่นด้วยความหวาดกลัว
โฮกๆๆ!
หลังจากถูกสัตว์อสูรห้าสิบตัวไล่กวด ซ่งฉิงซูและคนอื่นๆ ก็ถูกต้อนเข้าไปในหุบเขา
อ๊าก!
ซ่งฉิงซูก้าวพลาด และกลิ้งตกไปตามไหล่เขา
เิไท่กับศิษย์หออี้ผิน มาหยุดกลางหุบเขา และเงยหน้ามองสัตว์อสูรห้าสิบตัว ที่หยุดยืนอยู่บนเนินอย่างกังวล
โฮกๆๆ!
เสียงคำรามดังก้องจากทุกสารทิศ เห็นได้ชัด ว่าพวกมันกระจายไปทั่วทุกเนินเขาที่รายล้อมหุบเขาไร้โศก ปีศาจหมาป่า ปีศาจเสือดาว ปีศาจงู ปีศาจเสือ มีสัตว์อสูรอยู่มากมาย ซึ่งต่างก็มีสีหน้าดุร้าย และร้องคำรามลั่น ขณะไล่ต้อนผู้คนเข้าไปในหุบเขาทีละคน
“เป็ไปได้อย่างไร?”
“เหตุใดถึงมากมายเช่นนี้? มีสัตว์อสูรมากเช่นนี้ได้อย่างไร?”
"ปล่อยข้าไปเถอะ! ข้าไม่ได้ตั้งใจ และไม่ได้สังหารผู้ใด!"
"ข้าจะรีบไสหัวออกจากดินแดนนี้ทันที ปล่อยข้าไปเถอะ!"
สัตว์อสูรที่อยู่รอบๆ ส่งเสียงคำราม ขณะเดียวกันชายชุดดำที่เป่าขลุ่ย ก็ค่อยๆ ปรากฏตัวด้านหลังฝูงสัตว์เ่าั้
เสียงขลุ่ยไพเราะยิ่ง แต่เมื่อได้ยิน กลับรู้สึกว่าเป็ดั่งเสียงมรณะ
“ท่านหัวหน้าสังกัด?” ศิษย์หออี้ผินผู้หนึ่ง จ้องเิไท่เขม็ง
"ดูเหมือน เรากำลังจะหายนะแล้ว!" เิไท่กล่าว สีหน้าบิดเบี้ยว
นอกหุบเขา บนยอดเขาแห่งหนึ่ง คุณชายเก้าในชุดสีแดงกระตุกยิ้มเ็า ขณะมองดูผู้ฝึกตนที่กำลังร่ำไห้ และร้องะโในหุบเขา
“คุณชายเก้า คนนอกที่อยู่โดยรอบ ได้ถูกกวาดต้อนมาที่นี่ทั้งหมดแล้ว มีจำนวนราวสองพันหกร้อยคนขอรับ!” ชายชุดดำรายงานด้วยท่าทีนอบน้อม
"ทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว? เช่นนั้นก็ดี!" คุณชายเก้ากล่าวเสียงเย็น ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ก่อนก้มมองด้านล่างด้วยสายตาเยียบเย็น
"เ้าเป็ใคร? มิใช่ว่าศิษย์ของอี้เทียนเก๋อ จะไม่เข้ามาแทรกแซงกิจของพวกเราหรอกหรือ?" เิไท่ะโถาม
“ไม่แทรกแซง? หึ! นั่นเป็เพราะพวกเ้าแส่หาเื่เองต่างหาก นับวันยิ่งเหิมเกริม!” คุณชายเก้ากล่าวเสียงเยือกเย็น
โฮก!
สัตว์อสูรนับไม่ถ้วนคำรามพร้อมกัน ขณะจ้องฝูงชน ทุกคนมองไปทางคุณชายเก้าด้วยสีหน้าหวาดหวั่น
"เหตุใดเ้าถึงต้อนพวกเรามาที่นี่ คิดจะทำสิ่งใด? กฎของแดนแรกสาบสูญ..." เิไท่ถามอีก
"อย่ามาพูดเื่กฎ ข้าก็แค่อยากได้ยินเสียงร้องโหยหวน แล้วอย่างไร?
เดี๋ยวจะหาว่าข้าไม่เหลือทางรอดให้ เอาเป็ว่า หากสามารถแก้กลหมากที่ง่ายที่สุด ซึ่งท่านประมุขแห่งอี้เทียนเก๋อเหลือทิ้งไว้ในปีนั้นได้ ข้าจะปล่อยพวกเ้าไป
แต่ถ้าไม่อาจแก้ได้ ก็ให้กลหมากกระดานนี้ ตัดสินความเป็ตายของพวกเ้า!" คุณชายเก้ากล่าวเสียงเย็นเฉียบ
ขณะพูด ก็สะบัดแขนเสื้อกว้างของตนครั้งหนึ่ง
ตูม!
จากนั้น หมอกสีดำก็พุ่งออกจากแขนเสื้อ แผ่กระจายไปบนท้องฟ้า กลายเป็เมฆดำ ปกคลุมทั่วหุบเขาไร้โศกในพริบตา
เหนือเมฆดำ มีแสงระยิบระยับผุดขึ้นมาทีละดวง ราวกับดวงดาวที่สาดแสงยามราตรี
"กลหมากที่ผู้าุโกวนฉีเหลือทิ้งไว้?" เิไท่โพล่งออกมาอย่างหวาดกลัว
เหล่าผู้ฝึกตนจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ด้านล่างหุบเขา ต่างมีสีหน้าหวั่นผวา
"อะไรนะ? แก้กลหมากสุดท้ายที่ผู้าุโกวนฉีเหลือทิ้งไว้ เราจะแก้ได้อย่างไร?"
"ผู้าุโกวนฉี เป็ยอดฝีมืออันดับหนึ่งในใต้หล้า แล้วผู้ใดจะแก้มันได้?"
"นี่มันเขตแดนอันใด? ทำไมถึงรู้สึกเหมือนความตาย กำลังแผ่ปกคลุมรอบตัวเช่นนี้"
"ข้าก็เช่นกัน ขนลุกไปทั้งตัว ราวกับว่ามีมีดแขวนอยู่เหนือศีรษะอย่างนั้น!"
กลุ่มผู้ฝึกตนโวยวายเสียงดัง ด้วยความหวาดกลัว
"บอกแล้ว ว่านี่มิใช่กลหมากที่ยากที่สุด เป็เพียงสิ่งที่ท่านประมุขสร้างขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ! แต่ข้าคิดว่าคงไม่มีใครแก้มันได้อยู่ดี!
ก่อนหน้านี้ พวกเ้าเคยล่าสังหารผู้คนในหุบเขาไร้โศกอย่างโเี้มิใช่หรือ? เช่นนั้น ก็ลองัักับความสิ้นหวังแบบเดียวกันดูบ้างเป็ไร!?” เสียงหัวเราะเย็นะเืของคุณชายเก้า ดังจากม่านเมฆสีดำ
“เื่นี้ไม่เกี่ยวกับข้า ข้ามิได้ฆ่าพวกเขา!”
“ข้าไม่ได้ทำ ปล่อยข้าไปเถอะ!”
"ข้าจะรีบไปทันที ขอร้องล่ะ ได้โปรดปล่อยข้าเถอะ!"
ทุกคนต่างวิงวอนขอร้อง
ตูม!
พลัน เวทีขนาดใหญ่ก็หล่นจากก้อนเมฆดำ ตกลงมากลางหุบเขา
ฟิ้ว!
กระดานหมากล้อมขนาดใหญ่ ปรากฏขึ้นบนเวที มีเม็ดหมากจำนวนมากวางบนกระดาน... เป็กลหมากกระดานหนึ่ง
จู่ๆ แสงระยิบระยับคล้ายดวงดาวกลางเมฆดำ ก็ส่องลงบนเม็ดหมากแต่ละเม็ด คล้ายเม็ดหมากทุกเม็ดเชื่อมโยงกับดวงดาว
"นี่คือกลหมากใดกัน?" เิไท่ะโถามอย่างพรั่นพรึง
"กลหมากกระบี่์ หากชนะก็รอด ถ้าแพ้ก็ตาย! ทุกท่านพร้อมแล้วใช่หรือไม่? ฮ่าๆๆ!" เสียงหัวเราะเย้ยหยันของคุณชายเก้า ดังจากกลางเมฆดำ
"วิ่ง!"
ผู้ฝึกตนผู้หนึ่งรีบทะยานขึ้นไปบนูเาด้วยความกลัว ้าหนีออกจากบริเวณใต้เมฆดำให้เร็วที่สุด
ชิ้ง!
ทันใดนั้น เสียงคมกระบี่ตัดผ่านอากาศก็ดังขึ้น หัวใจของทุกคนต่างหนาวเยือก แสงสีขาวสายหนึ่งปรากฏท่ามกลางเมฆหมอกสีดำ
กระบี่ชี่ขนาดใหญ่และยาวกว่าร้อยจั้ง พุ่งแหวกอากาศ พร้อมเสียงดังเสียดหู ตรงไปยังชายคนที่วิ่งขึ้นเขาผู้นั้น
“อ๊าก!”
ชายผู้นั้นร้อง และชักกระบี่ออกมารับการโจมตีจากกระบี่ชี่ทันที
ชิ้ง
กระบี่ของเขาหยุดค้างกลางอากาศ ขณะที่กระบี่ชี่ทะลุร่าง ก่อนจะหายลับไป
ดวงตาทุกคู่เบิกกว้าง มองดูชายผู้นั้น ซึ่งคล้ายถูกตรึงร่างเอาไว้ไม่ให้หนี
ขณะที่กำลังจ้องอยู่นั้น...
ซ่า!
พลัน ร่างของชายที่คิดจะหลบหนี ก็แบ่งออกเป็สองซีก ลากยาวั้แ่กลางหว่างคิ้วลงมา และร่างทั้งสองซีก ก็ร่วงลงไปในแอ่งเื
“กรี๊ด!”
“อ๊า!”
เสียงกรีดร้องของผู้ฝึกตนหญิงส่วนหนึ่ง ดังจากกลางฝูงชน อยู่ดีๆ คนผู้หนึ่งก็ถูกกระบี่ชี่ผ่าร่างออกเป็สองส่วนอย่างง่ายดาย?
"พวกเรารีบไปเถอะ! กระจายกันออกไป ต้องสามารถหนีออกไปได้แน่!" ใครบางคนในฝูงชนะโขึ้น
"เหอะ!" คุณชายเก้าแค่นหัวเราะออกมาจากกลางเมฆหมอกสีดำ
"ภายในกลหมาก มีกระบี่์เก้าพันสามร้อยยี่สิบสี่เล่ม ผู้ใดไม่เชื่อ ก็ลองดู!" คุณชายเก้ากล่าว
ทุกคนพลันตื่นกลัวทันที
ผู้ฝึกตนทั้งหมด มีเพียงสองพันกว่าคนเท่านั้น แต่กระบี่์กลับมีเก้าพันกว่าเล่ม?
เมื่อแหงนมองเมฆทึบที่ปกคลุมอยู่ ทุกคนต่างก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งร่าง ราวกับว่ามีกระบี่แขวนอยู่บนท้องฟ้า ขอเพียงพวกเขาขยับแม้แต่นิดเดียว ก็จะถูกมันผ่าร่างเป็สองซีกในพริบตา
"ไม่!... ข้าไม่อยากตาย! ฮือๆๆ… ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว!"
“ข้ามิได้ฆ่าผู้ใด! ข้าไม่เคยสังหารผู้ใด!”
เสียงะโอย่างตื่นตระหนกดังขึ้นในหุบเขา ผู้ฝึกตนที่จิตอ่อนหลายคนร่ำไห้ออกมา การสังหารที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ ทำให้ทุกคนเข้าใจสถานการณ์ได้แจ่มชัด
ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้พลังของพวกเขา ต่างอยู่แค่ระดับก่อ์เท่านั้น ต่อให้อยู่ในระดับแก่นทองคำ ก็คงถูกสังหารในดาบเดียวอย่างแน่นอน แม้แต่ระดับหยวนอิง ก็คงไม่อาจหลบหนีกระบี่์เก้าพันกว่าเล่มที่อยู่เหนือศีรษะไปได้ ทุกคนล้วนมีสีหน้าหมดหวัง
เิไท่มีสีหน้าไม่น่าดูนัก
ดวงตาของซ่งฉิงซูเบิกกว้าง สีหน้าปรากฏแววสิ้นหวัง
...
สระิญญา ภายในหุบเขาไร้โศก
ตูม!
มีเสียงดังจากร่างเกาเซียนจือ คลื่นพลังกระจายรอบตัว
"บรรลุแล้ว? ข้าไปถึงขั้นที่สองของระดับก่อ์แล้ว?" เกาเซียนจือโพล่งออกมาด้วยความตื่นเต้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าทุกคนต่างกำลังคร่ำเคร่งกับการโคจรพลัง เขาก็รีบระงับความตื่นเต้น และดูดซับพลังชี่ต่อไป
....
ในสระเล็กๆ ที่กู่ไห่แช่ตัวอยู่
แสงสีฟ้าส่องสว่าง พลังชี่วารีทรงพลังมาก แต่ร่างกายเสี่ยวโหรวนั้น ราวกับบ่อไร้ก้น พลังชี่ในสระซึมซาบเข้าสู่ร่าง ด้วยความเร็วที่น่ากลัว เพื่อฟื้นฟูอาการาเ็ของนาง
เสี่ยวโหรวใช้หางโอบรอบไหล่กู่ไห่หลวมๆ พลางเพลิดเพลินไปกับพลังชี่ที่มากมายไม่มีที่สิ้นสุด
ส่วนกู่ไห่ ก็ยังคงมีพลังชี่สีม่วงโอบล้อมรอบตัวเช่นเดิม
พลังชี่ต้นกำเนิดหลอมรวมเข้ากับร่างชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแม้แต่น้อย ราวกับสระน้ำนี้มีพลังชี่ไม่รู้หมด
หนึ่งชั่วยาม สองชั่วยาม สามชั่วยาม... หลังจากผ่านไปสี่ชั่วยาม กู่ไห่ก็รู้สึกว่าตัวเอง้าพลัง มากกว่าตอนที่หัวหน้าสำนักชิงเหอใช้หินิญญาช่วยผลักดันในคราก่อนเสียอีก
โฮก!
เสียงัคำรามดังก้อง ที่จุดตันเถียนของกู่ไห่
ทันใดนั้น พลังชี่ดั้งเดิมที่มีเพียงหยดเดียว ก็กลายเป็เก้าหยด
ตูม!
พลังชี่ดั้งเดิมเก้าหยดหลอมรวมเป็หนึ่ง และเปลี่ยนเป็ก้อนพลังชี่ที่มีขนาดเท่าเมล็ดถั่ว พลังมหาศาลแผ่กระจายจากทั่วร่าง ทำให้น้ำในสระกระฉอกออกไปรอบด้าน
"รวมหยดพลังชี่เป็ลูกปัด ขั้นที่สองของระดับก่อ์?" กู่ไห่ลืมตาขึ้น ั์ตาวาบประกาย
ชายหนุ่มหลับตาลงอีกครั้ง และดูดซับพลังชี่ในน้ำต่ออย่างบ้าคลั่ง
หลังจากนั้นหนึ่งวัน อาการาเ็ของเสี่ยวโหรวก็หายสนิท บัดนี้นางมองกู่ไห่ด้วยท่าทางโง่งม ในขณะที่เขาแผ่คลื่นพลังชี่ออกมา จ้องไปพลาง ใบหน้าก็แดงระเรื่อ พร้อมคลี่ยิ้มหวานละมุน
...
ผ่านไปอีกวัน
ในสมาธินั้น กู่ไห่กำลังจับจ้องลูกปัดแก่นแท้ภายในตันเถียนของตัวเอง เขามองดูพลังชี่ที่ไหลทะลักเข้าไป ลูกปัดแก่นแท้นั้นดูดซับพลังอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็เก้าเม็ดแล้ว และลูกปัดแก่นแท้ทั้งเก้าเม็ด ก็ดูเหมือนว่ากำลังจะหลอมรวมเข้าด้วยกันอีกครั้ง เพื่อบรรลุเข้าสู่ขั้นที่สามของระดับก่อ์
โฮก!
ัพลังชี่ ดูเหมือนกำลังสะสม และรวบรวมพลังจำนวนมากยิ่ง ขึ้นไปอีก เพื่อบรรลุไปสู่ขั้นที่สาม
วูบ!
พลันสีหน้ากู่ไห่ก็เปลี่ยนไป และลืมตาขึ้น
เสี่ยวโหรวที่จ้องดูอยู่ สะดุ้งเฮือก หลบตาอย่างตื่นตระหนก
“ไม่มีพลังชี่เหลือแล้วหรือ?” กู่ไห่มองสระน้ำ พลางนิ่วหน้า
ภายในสระไร้ประกายแสง ไม่ว่าจะสีฟ้าหรือม่วง ล้วนหายไปสิ้น
"อ๊ะ! ดูเหมือนจะหายไปหมดแล้วเ้าค่ะ" เสี่ยวโหรวก็เพิ่งพบการเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน
เกาเซียนจือและเฉินเทียนซานที่อยู่ใกล้ๆ ก็ลืมตาแล้วเช่นกัน ขณะมองน้ำใสในสระซึ่งปราศจากแสง สายตาปรากฏแววเสียดาย
"เสียดาย! คิดว่าจะอยู่ได้นานกว่านี้อีกหน่อย!" เฉินเทียนซานเอ่ย
กู่ไห่เองก็รู้สึกเสียดายอยู่ครู่หนึ่งเช่นกัน แต่ไม่นานก็ยิ้มบางๆ และกล่าวว่า "ช่างเถอะ... ความก้าวหน้าครานี้ ก็นับว่าเพียงพอแล้ว!"
“อืม! เหตุใดไต้ซือเหลียนเซิงถึงยังไม่ตื่นล่ะเ้าคะ?” เสี่ยวโหรวถามขึ้นด้วยความกังขา
ทุกคนมองไต้ซือเหลียนเซิงอย่างแปลกใจ ภิกษุชรานั่งนิ่งมิไหวติงแม้แต่น้อย
"หรือว่าเราควรจะปลุกท่านดี?" เฉินเทียนซานถาม พลางขมวดคิ้ว
"ไม่จำเป็! ไต้ซือได้บอกเอาไว้ก่อนแล้ว ว่าอย่ารบกวน" กู่ไห่กล่าว พร้อมส่ายหน้า
“อืม!” ทุกคนพยักหน้า
"ใช่แล้ว! ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าข้าจะได้ยินเสียงร้องจากด้านนอก... ไม่สิ! ดูเหมือนว่าเสียงนั้นจะดังขึ้นเป็ระยะๆ เ้าค่ะ!" เสี่ยวโหรวเล่า คิ้วขมวดมุ่น
“เอ๊ะ?” ทุกคนต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้