ตามล่า?
ยามได้ยินสองคำนี้และการวิเคราะห์ของเล่อเทียน หลงเซี่ยวเจ๋อก็สูญเสียความสงบในทันที
“เป็ไปได้อย่างไร ไม่มีทาง!” หลงเซี่ยวเจ๋ออุทาน เขารู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ศพทั้งสองเกี่ยวข้องโดยตรงกับมู่จื่อหลิง ดังนั้นหลงเซี่ยวเจ๋อจึงอดไม่ได้ที่จะไม่เชื่อ
หลงเซี่ยวเจ๋อรู้สึกตื่นตระหนกอีกครั้ง “ใครจะตามล่าพี่สะใภ้สาม? นางกำลังช่วยเสด็จพ่อแก้ปัญหาโรคระบาดไม่ใช่หรือ? นางจะถูกตามล่าที่นี่ได้อย่างไร?”
“ข้าตรวจดูกระดูกของพวกนางแล้ว คาดว่าใน่ชีวิตของพวกนางนั้นมีวรยุทธ์ที่ไม่ได้อ่อนแอเลย พวกนางต้องได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี สันนิษฐานว่านายของพวกนางน่าจะเป็คนมีอำนาจผู้หนึ่ง” เล่อเทียนยืนขึ้นหลังจากตรวจร่างกายหญิงสาว เขางุนงงยิ่ง
เท่าที่เขารู้ ยามนี้มู่จื่อหลิงเป็ศัตรูกับพวกผีวัวงูเทพเ่าั้ในวังหลวง
แต่กลุ่มนักฆ่าหญิงที่ถูกส่งมา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่วิสัยของหญิงในวังที่มีเพียงผมยาวและความรู้ที่สั้นกุด [1] เ่าั้
หากในอดีตยังกล่าวได้ว่าอาจเป็ฮองเฮา!
อย่างไรก็ตาม ฮองเฮาในยามนี้ย่อมหลีกเลี่ยงมู่จื่อหลิง
ยิ่งเื่ที่ฮองเฮาจะสังหารมู่จื่อหลิงยิ่งไม่ต้องพูดถึง เกรงว่าจะไม่ใช่เื่เกินจริงหากนางจะเข้าบูชามู่จื่อหลิง
หลงเซี่ยวเจ๋อะเิความโกรธ “นี่มันเื่บ้าอะไรกัน...คนที่ส่งมาล้วนแต่เป็ผู้หญิง”
จากนั้น เขาก็จ้องศพหญิงไร้ศีรษะอย่างเฉียบคม ถามองครักษ์เงาที่อยู่ข้างๆ ว่า “หัวของคนผู้นี้อยู่ที่ไหน? หาไม่พบหรือ?”
“ทูลองค์ชายหก ข้าได้ตรวจสอบบริเวณโดยรอบอย่างละเอียดแล้ว ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์เงาตอบ
“ให้ตายเถอะ! คนพวกนี้เป็ใครกัน คนหนึ่งใบหน้าเสียโฉม อีกคนไม่มีหัว แม้จะอยากใช้ใบหน้าค้นหาเบาะแสก็ไม่อาจทำได้” หลงเซี่ยวเจ๋อเกาผมอย่างหงุดหงิด
มันจะง่ายกว่ามากหากพวกเขารู้ว่าหน้าตาพวกนางเป็อย่างไร
เพราะไม่ว่าคนเหล่านี้จะลึกลับสักเพียงใด แต่ตราบใดที่พวกนางปรากฏตัวขึ้นในแผ่นดินนี้ ด้วยวรยุทธ์ที่มี พวกเขาย่อมสามารถค้นพบได้ในไม่ช้า!
ยามพูดถึงเื่นี้ เล่อเทียนก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อยเช่นกัน
กล่าวได้ว่าวิธีการทำลายศพของเสี่ยวหลิงเอ๋อร์นั้นไม่เหมือนผู้ใด
เสียโฉมหรือกระทบกระเทือนทางสมอง พูดสั้นๆ ว่านางเพียงโจมตีใบหน้า
กุ่ยเม่ยที่อยู่ไม่ห่างก็คิดเกี่ยวกับผู้บงการผู้นี้เช่นกัน
ยามนี้คนที่ขัดแย้งกับมู่จื่อหลิง มากที่สุดคือไทเฮา ดังนั้นกุ่ยเม่ยจึงนึกถึงไทเฮาในทันที
แต่ทันใดนั้นกุ่ยเม่ยก็ปฏิเสธการคาดเดานี้
เนื่องจากเมื่อคืนหลินเกาฮั่นได้เข้าเฝ้าไทเฮาเพื่อ ‘แจ้งข่าวดี’ และถึงแม้ไทเฮาจะทรงทราบว่าหวางเฟยยังมีชีวิตอยู่ นางก็ไม่อาจกระทำการได้เร็วเพียงนี้ อีกทั้งยังเริ่มจากปากทางเข้าถ้ำเท่านั้น จากเวลาย่อมไม่อาจเป็ไปได้
สิ่งนี้มีเหตุผล คาดว่าเมื่อวานนี้หลังจากหวางเฟยเห็นเขาจากไป นางตามออกไปทันที
แต่นางกลับถูกลอบสังหารที่ทางเข้าถ้ำศพ นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายปรากฏตัวเมื่อเขาจากไป แต่หวางเฟยกลับยังไม่ทันออกเดินทาง
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กุ่ยเม่ยก็ตบหัวตัวเองอย่างแรง รู้สึกเสียใจจนลำไส้เขียวคล้ำ [2]
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้กุ่ยเม่ยสับสนก็คือ ถึงแม้มู่จื่อหลิงจะถูกลอบสังหารตรงปากทางเข้าถ้ำศพ หลังจากสังหารอีกฝ่ายแล้ว นางต้องรีบร้อนจากไปไม่หยุดพักเป็แน่
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความเร็วดุจสายฟ้าของม้าเมฆา มันย่อมสามารถพามู่จื่อหลิงหลบหนีได้อย่างราบรื่น และควรพานางกลับถึงจวนอ๋องนานแล้ว
แต่ยามนี้พวกเขาเห็นการต่อสู้ไม่ไกลจากถ้ำศพ ความเป็ไปได้เดียวสำหรับเื่นี้คือม้าเมฆาก็ได้รับาเ็เช่นกัน มันไม่สามารถพาใครไปด้วยได้อีก
หากม้าเมฆาเป็เพียงม้าธรรมดา คงไม่ทำให้กุ่ยเม่ยสับสนและคิดมากเช่นนี้
แต่เนื่องจากกุ่ยเม่ยเข้าใจม้าเมฆา ด้วยความใกล้ชิดของมันกับมู่จื่อหลิงในยามนี้ หากมู่จื่อหลิงตกอยู่ในอันตราย ม้าเมฆาที่ฉลาดไม่ต่างจากมนุษย์ย่อมเข้าปกป้องอย่างสุดความสามารถ
แต่การที่คนหายตัวไปนับว่าสมเหตุสมผล แต่สำหรับม้าที่าเ็ ไม่ต้องพูดถึงความยากลำบากในการหนี ม้าตัวใหญ่ขนาดนั้นจะหายไปได้อย่างไร?
กุ่ยเม่ยครุ่นคิดอย่างหนักจนสมองของเขาแทบขมวดเป็ปม เขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเป็เพราะเหตุใด
เดาไปก็ไร้ประโยชน์!
ทันใดนั้น ดาบในมือของกุ่ยเม่ยก็หลุดออกจากฝัก ประกายดาบรุนแรงพุ่งเข้าหาใบไม้ที่ร่วงหล่นบนพื้น
ทันใดนั้นก็เกิดเป็ลมแรง ใบไม้ร่วงหล่นปลิวว่อน ฝุ่นละอองฟุ้งกระจาย
ทันใดนั้นใบไม้ที่ร่วงหล่นบนพื้นดินก็ปลิวหายไป เหลือเพียงพื้นดินว่างเปล่า
พฤติกรรมของกุ่ยเม่ยเป็สิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง
หลงเซี่ยวเจ๋อแสบตาเพราะฝุ่นที่กระจายฟุ้ง เขาเหลือบมองแล้วถามอย่างงงงวยว่า “เ้าคนเลินเล่อ เ้ากำลังทำอะไร?”
ดวงตากุ่ยเม่ยกวาดตาไปรอบๆ พื้นดินว่างเปล่า “เมื่อวานหวางเฟยมาที่นี่ด้วยม้าเมฆา แต่ข้าพบว่าไม่มีรอยเกือกม้าระหว่างทางมาที่นี่ นอกจากรอยเกือกม้าใกล้ปากทางเข้าถ้ำศพ หากหวางเฟยกำลังหลบหนีการไล่ล่าในยามนี้ นางต้องเดินเท้า...”
หากม้าเมฆาได้รับาเ็จริง เช่นนั้นมันหายไปได้อย่างไร? ช่างน่าฉงนยิ่งนัก
เล่อเทียนขมวดคิ้วแน่น “หากเป็เช่นนี้ จะยิ่งเป็เื่ยากสำหรับเสี่ยวหลิงเอ๋อร์ที่จะหลบหนีได้สำเร็จ นางอาจตกอยู่ในอันตรายมากยิ่งขึ้น แต่หลังจากหลบหนี หลังจากเื่เมื่อคืนนี้ ในยามนี้นางคงจะหมดแรงแล้ว เราต้องเร่งส่งคนออกตามหาให้มากยิ่งขึ้น อย่าปล่อยบุคคลน่าสงสัยและเบาะแสที่ปรากฏขึ้นรอดเร้นสายตา”
หลงเซี่ยวเจ๋อพยักหน้า กำหมัดแน่น ดวงตาของเขาฉายแสงเย็นอันตราย “หากข้ารู้ว่าใครกำลังตามล่าพี่สะใภ้สาม ข้าจะลอกิัคนผู้นั้นออกทีละชั้นอย่างแน่นอน!”
กุ่ยเม่ยััใบหน้าที่บวมของตนโดยไม่รู้ตัว เหลือบมองหลงเซี่ยวเจ๋อที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเต็มเปี่ยม
เ้าเหนือหัวตัวน้อยโเี้ไม่น้อยไปกว่านายท่านและหวางเฟย!
หลังจากนั้น หลงเซี่ยวเจ๋อก็ออกคำสั่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เ้าคนเลินเล่อ รีบสั่งคนจากอวี่กง แม้ว่าเราจะต้องพลิกเขาโฮ่วซาน เราก็ต้องตามหาพี่สะใภ้สามให้พบ ไม่ ไม่ใช่แค่โฮ่วซาน เราต้องตามหาในทุกที่ที่มีความเป็ไปได้”
ด้วยไม่เคยเห็นหลงเซี่ยวเจ๋อจริงจังเช่นนี้มาก่อน กุ่ยเม่ยจึงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
จากนั้น เขาก็พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม จากนั้นสัญญาณไฟก็ถูกยิงขึ้นไปบนฟ้า!
พวกเขาทั้งสามนำกลุ่มองครักษ์เงากลุ่มเล็กๆ ที่ตามมาก่อนหน้านี้ แยกย้ายกันค้นหาไปทุกทิศทุกทาง...
—
ไม่นานหลังจากที่หลงเซี่ยวเจ๋อและกลุ่มของเขาหายตัวไปอย่างสมบูรณ์ กลุ่มคนลึกลับก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศตรงปากทางเข้าถ้ำศพ
คนลึกลับกลุ่มนี้สวมชุดคลุมสีดำทั้งตัว ทั้งร่างถูกปกคลุมด้วยสีดำ มองไม่เห็นแม้กระทั่งใบหน้า พวกเขาแต่ละคนมีกลิ่นอายมืดมน ซึ่งให้ความรู้สึกน่าหดหู่ใจจนผู้คนหายใจไม่ออก
ทั้งกลุ่มนำโดยชายในชุดคลุมสีดำขนาดใหญ่ ใบหน้าราวภูตผีทั้งน่ากลัวและเ็า ซึ่งดูเหมือนจะถูกปกคลุมด้วยชั้นบรรยากาศสีดำแปลกประหลาดดูดุร้ายกระหายเื
แม้แต่ในยามกลางวัน เมื่อมีเขาอยู่ ยังสามารถรู้สึกได้ว่าตนถูกปกคลุมด้วยความมืด
ชายชุดดำผู้นี้เป็ดั่งเทพแห่งความตายในยามค่ำคืน พลังกดดันขู่เข็ญที่ไม่อาจมองเห็นได้แต่กลับทรงพลังแผ่ออกมาทั่วร่าง ราวกับเขาสามารถฆ่าคนได้ด้วยััเดียว
ในยามนี้ ดวงตาของชายชุดดำซึ่งลึกล้ำเกินกว่าจะมองเห็นได้ชัด กวาดเบาๆ เหมือนเหยี่ยว ตรวจดูสถานการณ์ภายนอกถ้ำอย่างละเอียดในทันที
จากนั้นชายชุดดำก็ดูเหมือนจะสามารถรู้สึกบางอย่างจากสถานการณ์เหล่านี้ ในพริบตา ร่างกายของเขาปลดปล่อยพลังเยือกเย็นไม่เป็มิตรออกมา ซึ่งดูเหมือนพลังนี้จะกระจายตัวคืบคลานไปรอบๆ ด้วยความเร็วที่มองไม่เห็น...
ในอากาศเกิดเสียง ‘ฉี่ ฉี่’ ปะทุขึ้นอย่างกะทันหัน
ในเวลาต่อมา ดอกไม้ พืชและต้นไม้รอบตัวเขาดูเหมือนจะถูกดูดหายไปในทันที ค่อยๆ เหี่ยวเฉา สุดท้ายก็มอดไหม้และกลายเป็ความว่างเปล่า
ขั้นตอนนี้อาจดูยาวนาน แต่กลับเกิดขึ้นในพริบตา
ทันใดนั้น ดวงตาบูดบึ้งที่ไม่อาจเข้าใจได้ของชายชุดดำก็พุ่งตรงไปที่ปากทางเข้าถ้ำ
ในชั่วพริบตา จู่ๆ ลมสีดำเย็นะเืก็ปรากฏขึ้นจากที่ใดที่หนึ่งกลางอากาศ ร่างของชายในชุดดำไม่อยู่ที่นั่นอีกต่อไป
คนข้างหลังตามมาติดๆ...
คนลึกลับกลุ่มนี้อยู่ที่ปากทางเข้าถ้ำศพไม่เกินสามวินาทีเท่านั้น
ทันใดนั้นพวกเขาก็กลายเป็ภาพติดตาสีดำ ก่อนจางหายไป
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้หายไปไหน แต่เพียงเข้าไปในถ้ำศพ
—
ภายในถ้ำศพ
ชายชุดดำยืนนิ่ง เขานิ่งเงียบมากจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
ร่างลึกลับหลายร่างที่ตามหลังเขายืนนิ่งเหมือนรูปปั้น
สถานที่เละเทะ คราบเืสกปรกกระจายทั่ว ซากค้างคาวเืแดงมีอยู่ทุกที่
ลมสีดำเย็นกระโชกออกมาจากร่างของชายในชุดดำราวกับสายน้ำไหลท่วมอย่างรุนแรง [3]
อากาศสีดำก่อตัวเป็เมฆรูปเห็ดขนาดใหญ่ในทันที พวยพุ่งเหมือนคลื่น สถานการณ์กำลังปั่นป่วน
ในชั่วพริบตา น้ำตกกำแพงมนุษย์ที่มีคลื่นเชี่ยวกรากซัดเข้าหาฝั่งก็ซัดสาดด้วยความรุนแรงที่ไม่อาจหยุดยั้งได้
ในเวลาต่อมา มีเพียงเสียงดังโครมคราม โครมครามมาจากการที่น้ำตกกำแพงมนุษย์ที่ปั่นป่วนขนาดใหญ่พังทลายลง แตกออกราวตะกรัน ถมทะเลสาบขุ่นลึกไร้ก้นบึ้งในทันที
เมื่อเศษซากศพชิ้นสุดท้ายตกลงไป ชายในชุดดำก็ก้าวขึ้นไปบนยอดศพนับพัน ดูเหมือนว่าเป็เพียงจุดเดียวที่เขายืนอยู่ พลังงานที่ออกอาละวาดอย่างอวดดีของเขาสามารถทำให้จิตใจของคนแตกตื่นออกเป็ชิ้นๆ ได้ พวกเขาที่เหลือจึงก้มศีรษะลงบูชาอย่างเต็มใจ
เขาเงยศีรษะขึ้นเล็กน้อยจ้องมองไปยังสถานที่เดิมที่น้ำตกกำแพงมนุษย์เคยตั้งอยู่
มีรังขนาดั์หลังน้ำตกกำแพงมนุษย์ที่ถล่มลงมา รูคดเคี้ยว ลึกไม่มีที่สิ้นสุดนั้นเงียบสงบ
อย่างไรก็ตาม รังขนาดั์ไร้ก้นบึ้งนี้มองเห็นได้ชัดเจนในสายตาของชายชุดดำ
ในขณะนี้ รังขนาดั์ว่างเปล่า มีเพียงโลงศพสีดำตั้งอยู่ตรงกลางรัง มีร่องรอยนักล่าแสนโหดร้ายกระจายไปทั่ว ดูน่าขนลุกยิ่ง
เดิมทีโลงศพไม่สามารถทำลายได้ ทั้งยังถูกปิดสนิท แต่ในขณะนี้โลงศพกำลังเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ค่อยๆ เปลี่ยนเป็ผุพัง
ในเวลาไม่ถึงอึดใจ กองซากศพเล็กๆ จำนวนมากก็พุ่งออกมาจากโลงศพที่สึกกร่อน
มองออกได้อย่างรวดเร็วว่าซากศพเล็กๆ เหล่านี้คือกู่ซากศพ
ชายในชุดดำยกมือขึ้นสะบัดเสื้อคลุมแขนกว้าง
ซากศพที่หนาแน่นของกู่ซากศพดูเหมือนจะอยู่ภายใต้การควบคุม ไหลลงมาจากรังอย่างสม่ำเสมอ ในที่สุดมันก็หยุดห่างจากเท้าของชายในชุดดำเพียงหนึ่งมี่
เมื่อมองเมฆสีดำบนพื้น ชายชุดดำก็แสดงความรุนแรงที่หาที่เปรียบไม่ได้ออกมา ซึ่งสิ่งนี้สามารถฆ่าคนได้ภายในเวลาเพียงไม่นาน
เสียงของชายชุดดำแหบแห้งลึกล้ำ “หลงเหวินอิ้นส่งใครมา?”
“เรียนนายท่าน เป็มู่จื่อหลิงบุตรสาวของมู่เจิ้นกั๋วขอรับ” บุคคลลึกลับผสานมือตอบกลับ
ชายชุดดำหันกลับมามองเศษซากปรักหักพังบนพื้นด้วยสายตาอันน่าสะพรึงกลัว ั์ตาของเขาเปล่งประกายด้วยแสงอันมืดมนในความมืด
จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกเผยให้เห็นฝ่ามือเหี่ยวแห้งน่าเกลียดน่าสยดสยองที่แทบไม่มีเืให้เห็น
มือทั้งสองข้างจับความว่างเปล่า มือข้างหนึ่งถือเศษดินแห้งชุ่มไปด้วยเืสีดำ อีกมือหนึ่งจับหัวกะโหลกที่น่าสยดสยอง
มีความหนาวเย็นที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ในดวงตาของชายชุดดำ เขาค่อยๆ ยกกะโหลกที่เปื้อนเืน่าขยะแขยงขึ้นมาวางไว้ระหว่างจมูกแล้วดมมัน ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งลูบดินแห้งอย่างไม่ใส่ใจ
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะแหบห้าวก็ดังขึ้นมาภายในถ้ำศพที่เงียบงัน คลื่นเสียงต่ำทำให้แก้วหูของผู้คนสั่นไหว
“ไม่ว่าอย่างไรต้องให้นางชดใช้อย่างสาสม...”
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] มีเพียงผมยาวและความรู้ที่สั้นกุด (头发长见识短) เป็วลี มีความหมายว่า ผู้หญิงที่มีวิสัยทัศน์คับแคบ คิดง่ายๆ ตื้นๆ
[2] เสียใจจนลำไส้เขียวคล้ำ (悔得肠子都青) เป็วลี มีความหมายว่า ความเสียใจหรือเสียดายอย่างถึงที่สุด
[3] สายน้ำไหลท่วมอย่างรุนแรง (洪水般涌现出来) เป็วลี มีความหมายว่า สิ่งที่มีมากเกินไปจนไม่อาจควบคุมได้ มีมากจนน่าตื่นตระหนก รุนแรงเกินต้าน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้