กองกำลังที่หวังจิ่งหลงส่งเทียบเชิญมานั้น ทุกคนล้วนเป็ผู้ฝึกตนที่แกร่งกล้าที่เคยมีหนี้น้ำใจต่อกันทั้งสิ้น ขุมกำลังระดับนี้กล่าวว่าเหนือชั้นกว่ากองกำลังของกลุ่มอิทธิพลทั่วไปอย่างแท้จริง สำหรับสถานที่ตั้งของสำนักเทพมารทมิฬนั้นจริงอยู่ที่พวกเขาพอรับรู้ถึงบริเวณดังกล่าว แต่ใคร่จะไปเยือนโดยง่ายก็หาได้เป็เช่นนั้นไม่ พึงทราบว่าทุกกลุ่มอิทธิพลในมหาทวีปบูรพาแห่งนี้นล้วนมีม่านปราการป้องกันการรุกล้ำกันทั้งสิ้น
ผ่านไปเป็เวลาหลายชั่วยามในการเคลื่อนทัพตามเส้นทางที่ถูกกำหนด ตรงเบื้องหน้าได้ปรากฎเป็ผืนป่าขนาดใหญ่ที่เงียบสงบไร้ซึ่งเสียงแห่งชีวิตของทุกสรรพสิ่ง ยามราตรีกาลอันมืดมิดเช่นนี้มีเพียงแสงจากจันทราเท่านั้นที่ยังคงสาดส่องทอแสงให้พอเห็นอยู่เรือนลาง แต่ถึงอย่างไรแล้วความเงียบสงบจนน่าผิดวิสัยเช่นนี้ย่อมบ่งชี้ได้ว่าสถานที่ดังกล่าวหาใช่สถานที่ธรรมดาดั่งที่เห็น
"เรียนท่านหวังจิ่งหลง ตอนนี้กองกำลังของพวกเราได้มาถึงเขตป่าชั้นนอกที่เปรียบได้ดั่งค่ายกลธรรมชาติที่คอยคุ้มครองสำนักเทพมารทมิฬแล้วขอรับ..." หวังฮุ่ยเอ่ยขึ้นกับนายเหนือหัวของตนด้วยความยำเกรง โทสะของท่านประมุขนั้นหาสงบลงได้โดยง่ายแล้วในยามนี้
สำนักเทพมารทมิฬ นับว่าเป็อีกหนึ่งกลุ่มอิทธิพลที่ตั้งรกรากอยู่บนมหาทวีปบูรพาแห่งนี้นับร้อยปีแล้วเสียด้วยซ้ำ ขุมกำลังและพลังฝีมือต่างได้ถูกฝึกฝนเป็แนวทางเฉพาะที่ไม่ธรรมดาจึงไม่อาจกระทำสิ่งใดโดยความประมาทได้ ด้วยเพราะยามนี้พวกเขาเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าอีกฝ่ายนั้นได้เตรียมการต้อนรับอย่างไรบ้าง
"ฟังว่าสำนักเทพมารทมิฬนั้นมีชัยภูมิที่ตั้งค่อนข้างจะได้เปรียบเป็อย่างยิ่ง เขตผืนป่าที่อยู่โดยรอบโอบล้อมพื้นที่สำนักนั้นไม่ต่างไปจากค่ายกลปกป้องจากธรรมชาติที่ไม่อาจดูแคลนได้ สถานที่ที่แปลกประหลาดพิศดารปานนี้ช่างเหมาะสมกับชนชั้นมุสิกพวกนี้ยิ่งนัก!!!" ชายวัยกลางคนที่มีกลิ่นอายกล้าแกร่งเอ่ยขึ้นแสดงความคิดเห็นอย่างเสียไม่ได้
"การบุกทะลายค่ายกลธรรมชาตินี้คงต้องรบกวนท่านผู้เฒ่าทั้งสามแล้ว รบกวนด้วย..." หวังจิ่งหลงเอ่ยสั่งการขึ้นกับชายชราทั้งสามที่ยืนอยู่ไม่ไกลไปนัก
สิ้นคำกล่าวนั้นสามผู้เฒ่าได้ปลดปล่อยพลังิญญาของผู้ฝึกตนราชทินนามราชันิญญาขั้นสูงออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ผู้เฒ่าทั้งสามต่างสอดประสานท่วงท่าเข้ากับิญญายุทธ์เฉพาะของตน ทันใดนั้นคลื่นพลังอหังการของปราณธาตุอัคคีได้บังเกิดก่อตัวขึ้นก่อนจะสาดซัดพุ่งเข้าโจมตีเบื้องหน้าด้วยความรุนแรง
ตู้ม!!!
เปลวเพลิงสามสีอันเกิดจากการบัญชาการของผู้เฒ่าทั้งสามได้ะเิม่านป้องกันธรรมชาติตรงหน้าจนแตกกระจายออกไป นอกจากนั้นแล้วหลักหมุดสีดำขนาดใหญ่นับสิบนั้นถึงกับพังทลายลงอย่างรวดเร็ว จนเกิดเป็ช่องว่างขนาดใหญ่ที่สามารถทะยานเข้าไปได้อย่างพอดิบพอดี
สิ่งที่ปรากฎตรงเบื้องหน้าคือซุ้มประตูหินอันเป็ป้ายทางเข้าของสำนักเทพทมิฬที่ถูกประกอบขึ้นจากหินแกร่งสลักลวดลายอักขระโบราณที่ไม่ธรรมดาสามัญ กลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาคล้ายกับล่วงรู้ว่ายามนี้ได้มีผู้บุกรุกเข้ามายังบริเวณพื้นที่หวงห้าม เงาร่างสีดำนับไม่ถ้วนต่างปรากฎขึ้นตรงหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน
กองกำลังที่โผล่ปราดต้อนรับกลุ่มของหวังจิ่งหลงนั้นล้วนเป็ชนชั้นที่มีความแข็งแกร่งไปไม่แพ้กันด้วยกลวิธีพิศดารเฉพาะของสำนัก พลังิญญาระดับที่ไม่อ่อนด้อยไปกว่าราชทินนามเทวะิญญาต่างได้ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างไม่หวั่นเกรง
"ผู้บุกรุกเตรียมใจมาเป็อย่างดีแล้วใช่หรือไม่ ตำหนักเทพมารทมิฬแม้จะไม่ยิ่งใหญ่และมากไปด้วยกองกำลังเท่ากับตำหนักหลักก็จริง แต่ก็หาได้หวั่นเกรงอย่างใดไม่!!!" กลิ่นอายของราชทินนามราชันิญญาผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับกองทัพผู้ติดตามที่อยู่เื้ั
"สังหารให้หมด ไม่ว่าผู้ใดก็อย่าปล่อยให้หลุดรอดไปได้!!!" หวังจิ่งหลงหาได้สนใจคำกล่าวของมุสิกตรงหน้านี้เพียงนิด วาจาประกาศกร้าวสั่งการอย่างไม่ลังเลสิ่งใด
ขุมพลังมหาศาลที่อัดแน่นจากบัญชาการได้แปรเปลี่ยนเป็กระบี่เพลิงเล่มหนึ่ง เพียงตวัดไปหนึ่งครั้งเท่านั้น ร่างกายของชายวัยกลางคนตรงหน้าได้ถูกฟาดฟันสังหารตายตกไปอย่างง่ายดาย ท่ามกลางสายตาหวาดกลัวของผู้คนโดยรอบทั้งสิ้น
การรุกฆาตสังหารราชทินนามราชันิญญาขั้นกลางถึงกลับง่ายเพียงนี้ เมื่อสูญเสียหนึ่งในผู้บัญชาการไปอย่างไม่ทันตั้งตัวได้ เงาร่างหลากหลายสายของสำนักเทพมารทมิฬต่างกระโจนพุ่งพรวดด้วยความรวดเร็วเข้าปะทะกองกำลังของหวังจิ่งหลงที่กำลังตั้งท่ารออยู่อย่างไม่ประมาท
เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้หาใช่เป็เพียงการประชันฝีมือแต่กลับเป็การเปิดฉากเข่นฆ่าสังหารอย่างแท้จริง ด้วยพลังฝีมืออันแข็งแกร่งที่หวังจิ่งหลงรวบรวมมาได้จึงไม่ใช่เื่ยากที่จะจัดการกองกำลังนี้ของตำหนักเทพมารทมิฬ อย่างไรแล้วพวกเขาเหล่านี้หาได้เป็ผู้มีคุณธรรมน่ายกย่องไปเสียเมื่อไหร่ การที่ยอมเข้าร่วมเช่นนี้ก็เป็เพียงการตอบหนี่น้ำใจที่เคยติดค้างแต่เพียงเท่านั้น มโนธรรม คุณธรรมในจิตใจอย่าได้เอ่ยให้ระคายหู ผู้ที่ชื่นชอบการสังหารเป็ชีวิตนั้นหาได้เข้าใจแต่อย่างใด
ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามเสียด้วยซ้ำ ปราการป้องกันชั้นนอกของสำนักเทพมารทมิฬต่างถูกทำลายจนย่อยยับไปสิ้น การปะทะครั้งนี้จบลงด้วยความสูญเสียของอีกฝ่ายที่ไม่อาจประเมินได้ แน่นอนว่าทางฝั่งกองกำลังของหวังจิ่งหลงนั่นต่างได้รับาเ็กันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อาศัยเวลาเพียงชั่วครู่ในการกินโอสถและดูดซับปราณฟ้าดินเพียงไม่นานก็สามารถฟื้นคืนกำลังได้หลายส่วนแล้ว
ใบหน้าของหวังจิ่งหลงยังคงเต็มไปด้วยร่องรอยของความเคียดแค้นใจ แม้ว่าเมื่อครู่พวกเขาจะสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดายนั้น ความจริงนี่เป็เพียงการเริ่มต้นที่ฝ่ายนั้นส่งกองกำลังมาประเมินพวกเขาเสียมากกว่า อย่างไรก็ตามจากพื้นที่ส่วนนอกนี้กว่าจะถึงพื้นที่ปกครองส่วนในพวกเขาคงต้องปะทะรับมือเช่นนี้อีกไม่น้อยเป็แน่ อย่างไรวิธีการหลังจากนี้ต้องรัดกุมรอบคอบจะเป็การดีที่สุด...
ขณะที่กองกำลังของหวังจิ่งหลงเข้าโจมตีจากพื้นที่ส่วนนอกเพื่อตีวงล้อมเข้าไป จุดหมายนั่นคือใจกลางของสำนักเทพมารทมิฬที่คาดว่าอยู่ลึกเข้าไปอีกไม่ไกลนัก ทว่ายิ่งเมื่อใกล้เข้าพื้นที่มากเท่าใด กระแสพลังลึกลับที่ไม่อาจระบุต้นกำเนิดนั้นได้สร้างความหวั่นเกรงในจิตใจไปได้ไม่น้อยเช่นกัน พวกเขาทุกคนในที่นี้แม้จะเป็ผู้ฝึกตนชนชั้นเรืองนามที่มากไปด้วยฝีมือและความสามารถก็จริง แต่อย่างไรแล้วส่วนลึกภายในใจทุกคนล้วนต่างหวงแหนชีวิตของตนกันทั้งสิ้น
พรึบ!!
พลังปราณสีดำอันชั่วร้ายพวยพุ่งทะลุจากพื้นที่โดยรอบเข้าโอบล้อมปิดกั้น ก่อนที่กระแสพลังลี้ลับสุดล้ำลึกต่างถาโถมสาดสัดพุ่งเข้าโจมตีจากทุกสารทิศ พลังปราณมารที่ไหลเวียนอย่างไม่ขาดสายจากััของการรับรู้ นี่จึงเป็อีกสิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้ว่าผู้ที่อยู่เื้ัของตำหนักเทพมารทมิฬนั้นย่อมมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกมารไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน
"ไม่คาดคิดว่าท่านประมุขตระกูลหวังจะเหี้ยมโหดสังหารผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องราวกับผักปลาได้เช่นนี้ ช่างเป็การกระทำที่โอ้อวดไร้สตินึกคิดอย่างแท้จริง คิดเห็นเป็เช่นเดียวกันหรือไม่ท่านหวังจิ่งหลง??" น้ำเสียงที่ถูกถ่ายทอดออกมาจากชายชราตรงหน้านั้นแม้จะแหบพร่าฟังยากลำบากไปนิด ทว่ากลับแฝงถ้อยคำตำหนิไปไม่น้อย ด้วยหมายว่าสิ่งนี้จะทำให้เกิดความละอายใจกับผู้ที่ถูกเอ่ยถึงอยู่บ้าง
"รองเ้าสำนักเทพมารทมิฬ ฉายาตาเฒ่ามารทมิฬวิปลาศ ผู้นิยมฉุดคร่าเด็กหนุ่มสาวอายุไม่ถึงสิบปี มาสนองความ้าของตนมีสิทธิเอ่ยถ้อยคำตำหนิผู้อื่นได้อย่างนั่นรึ ช่างน่าขันยิ่งนัก!!" หวังจิ่งหลงโต้กลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน
"ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านคงจะคิดไม่ถึงว่ายามที่ได้ยินเสียงกรีดร้องของพวกมันเ่าั้ไพเราะมากเพียงใด เสียดายที่หลานชายของเ้า เด็กหนุ่มนามว่าหนิงอ้ายผู้นั้นกลับ..."
"อย่าได้ใช้ปากอันเน่าเหม็นเอ่ยนามของหลานชายข้า ตำหนักเทพมารทมิฬนี้ต้องชดใช้ นั่นคือนามนี้จะต้องหายออกไปจากหน้ามหาทวีปบูรพาแห่งนี้!!!"ึ
ตู้ม!!!
เพียงหนึ่งตวัดมือผายออกไปอย่างไร้รีลานั้น ฝ่ามือเพลิงสีส้มเหลืองประกายได้เข้าฟาดฟันกระหน่ำใส่ชายชราตรงหน้าเต็มแรง ขุมพลังปราณที่สำแดงออกมาเกินสามส่วนนั้นลี้ลับสุดหยั่งคาด แต่ถึงอย่างนั้นการโจมตีนี้หาได้สร้างรอยแผลใดแก่ชายชราตรงหน้าได้ทั้งสิ้น
"ข้าให้โอกาสพวกเ้าจงคืนตัวหวังหนิงอ้ายหลานข้ามาเสีย หากไม่เช่นนั้นพวกเ้าจะได้รับรู้ว่าการอยู่ไม่สู้ตายนั้นเป็อย่างไร!!!"
"วาจาของท่านประมุขหวังช่างโอ้อวดยิ่งนัก ดูท่าแล้วข้าคงต้องเอาจริงเสียบ้างแล้วกระมัง!!!"
ชายชราได้สาดซัดพลังปราณสีดำเข้าโจมตีกลับไปในทันที อานุภาพที่แสดงออกมาไม่อ่อนด้อยกว่าบทเวทย์โจมตีจากผู้ฝึกตนราชทินนามราชันิญญาเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นหวังจิ่งหลงยังคงรับมือได้อย่างไม่ยากเท่าใดนัก
หากจะกล่าวถึงพลังฝีมือของหวังจิ่งหลง ผู้เป็ประมุขตระกูลหวังสายหลักนั้นย่อมมิได้ธรรมดาสามัญ เพราะพลังิญญาในเขตขั้นราชทินนามราชันิญญาขั้นสูงย่างก้าวราชทินนามเทพยุทธ์ิญญาขั้นต้นย่อมมีรากฐานบ่มเพาะเคี่ยวกรำที่ลึกล้ำประมาณได้ แม้จะติดอยู่ในคอขวดเช่นนี้มาเนินนานนับสิบปีก็จริง ทว่าอย่างไรแล้วก็นับได้ว่าเป็อีกหนึ่งตัวตนที่แข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าผู้อื่นเช่นกัน
"แสดงฝีมือให้ข้าเห็น ว่าพวกเ้าสามารถต่อกรกับทาสิญญาเหล่านี้ได้มากน้อยเพียงใด!!' ชายชราผู้เป็ถึงรองเ้าสำนักเทพมารทมิฬเข่นหัวเราะออกมาอย่างเ็า
ทันใดนั้นผู้าุโหลายคนที่ติดตามมานั้นต่างรับคำสั่งนี้ก่อนจะพุ่งทะยานขึ้น้าด้วยความรวดเร็ว ป้ายหยกสีดำที่ห้อยอยู่ด้านข้างเอวนั้นถูกบีบออกก่อนจะสลายเป็กลุ่มหมอกควันสีดำด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะประสานท่วงท่าพิศดาาพร้อมกับถ่ายเทพลังิญญาลงในเงาร่างกะโหลกขนาดใหญ่ ไม่นานนักกระแสพลังอันชั่วร้ายจากทั่วทุกสารทิศต่างถูกชักนำมายังบริเวณนี้
ไม่นานหลังจากนั้นเสาแสงสีดำที่ก่อตัวเป็รูปกะโหลกค่อย ๆ ชัดขึ้นพร้อมกับส่งกลิ่นอายสะกดออกมาอย่างน่าพรั่นพรึง กระแสพลังที่เข้มข้นปานนี้ได้ส่งผลให้บริเวณห้วงมิติดังกล่าวบิดเบี้ยว บ้างถึงกับโดนดึงดูดหายไปอย่างไร้ร่องรอย กลิ่นอายพลังปราณมารที่เต็มไปด้วยความอาฆาตเข้าปกคลุมพื้นที่โดยรอบ ค่ายกลที่ถูกเสริมแต่งด้วยพลังปราณมารนี้ได้เสริมแกร่งผู้ฝึกตนที่สังกัดสำนักเทพมารทมิฬทั้งสิ้น
ฉับพลันนั้นเงาร่างสีดำที่หลากหลายต่างพวยพุ่งออกมาจากดวงตาไร้แววของหัวกะโหลกนี้โดยพร้อมเพรียงกัน ร่างิญญาเหล่านี้ล้วนเป็ผู้ฝึกตนชายหญิงที่มากไปด้วยฝีมือทั้งสิ้น จิติญญาของแต่ละตนนั้นล้วนเต็มไปด้วยจิตอาฆาตสังหารที่มีความรุนแรงกว่าจิติญญาทั่วไปไม่รู้กี่ร้อยพันเท่า
"ทาสิญญาเหล่านี้ ในอดีตล้วนเป็ผู้ฝึกตนที่มากไปด้วยฝีมือและความสามารถกันทั้งสิ้น ตำหนักเทพมารทมิฬของพวกเราเฝ้าฟูกฟักบ่มเพาะมายาวนานมาไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยปีเสียด้วยซ้ำ ิญญาแต่ละตนในยามนี้ต่างอัดแน่นไปด้วยจิตอาฆาตพยาบาทที่ถูกเสริมเติมแต่งด้วยพลังปราณมารบริสุทธิ์ทั้งสิ้น"
"หากเทียบกับกองกำลังที่ประมุขตระกูลหวังนำมานั้น อาจจะเสียเปรียบในเื่ของจำนวนไปบ้าง ทว่าอย่างไรแล้วการโจมตีทางร่างกายย่อมไร้ซึ่งผลกระทบทั้งสิ้น ไม่อาจกล่าวว่าสามารถเอาชนะได้หรือไม่ แต่ข้าเชื่อว่าจำนวนของทาสิญญาที่มากมายปานนี้ย่อมสร้างความเสียหายแก่พวกท่านไปไม่น้อยเช่นกัน ฮ่าฮ่าฮ่า" กล่าวจบลงเงาร่างของชายชราผู้เป็ถึงรองเ้าสำนักได้เลือนหายไปในที่สุด
ภาพที่ปรากฎตรงเบื้องหน้าในยามนี้คือเหล่าบรรดาทาสิญญาต่างเข้าจู่โจมกองกำลังของหวังจิ่งหลงอย่างบ้าคลั่งจนเกิดเป็ความวุ่นวายตามจุดประสงค์ที่หมายมาดไว้ั้แ่แรกในที่สุด...
สายตาเ็าของหวังจิ่งหลงยังคงทอดตามองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่ยินดียินร้าย ทาสิญญาของสำนักเทพมารทมิฬที่ต้องเผชิญยามนี้หาใช่ว่าจะจัดการโดยง่าย แม้ว่ากองกำลังที่รวบรวมมานั้นทุกคนล้วนมีระดับฝึกตนที่ไม่อ่อนด้อยกว่าราชทินนามเทวะิญญาก็จริง อย่างไรแล้วกลวิธีต่ำช้าพิศดารที่อาจซ่อนเร้นอยู่นั้น หากประมาทไปเพียงนิดแล้วสถานการณ์ทางฝั่งของพวกเขาย่อมพลิกกลับเป็ฝ่ายเสียเปรียบเป็แน่
การสอดประสานร่วมมือกันจึงบังเกิดขึ้นโดยพร้อมเพียงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ท่ามกลางลานสังหารลอยฟ้าเช่นนี้ แม้ทุกคนในที่นี้จะต่างที่มาก็จริงแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้นั่นคือหากพวกเขาไม่ร่วมมือกันแล้วคงยากที่จะผ่านพ้นไปวิกฤตินี้ได้โดยง่าย ยิ่งต้องเผชิญหน้ากับเหล่าทาสิญญาที่มีความลึกลับที่พวกตนยังไม่กระจ่าง ดังนั้นการรวมกลุ่มต่อสู้จึงนับได้ว่าเป็วิธีการที่ดีที่สุดในยามนี้แล้ว
เสียงะเิดังสนั่นเลือนลั่นอย่างต่อเนื่องไม่รู้จบสิ้น ความพิศดารของทาสิญญานับไม่ถ้วนที่แสดงยามนี้ นอกจากที่กองกำลังของหวังจิ่งหลงจะไม่สามารถทำลายจัดการอีกฝ่ายได้แล้ว ยามนี้วิชายุทธ์ประจำตัวครั้งที่พวกมันยังมีชีวิตอยู่กลับสามารถบัญชาการใช้งานได้ดั่งใจนึกไม่ขัดข้อง ดังนั้นสถานการณ์ในตอนนี้จึงไม่ต่างจากการที่พวกเขากำลังปะทะรับมือกับผู้แกร่งกล้าทั่วไปคงไม่เกินจริงไปนัก
"เป็ไปได้อย่างไรกัน!!!" เสียงของผู้กล้าท่านหนึ่งร้องดังออกมาด้วยความใ ไม่คาดว่าหนึ่งวิชายุทธ์พิฆาตนั้นจะไม่อาจทำลายบรรดาเหล่าทาสิญญาได้เลยเพียงนิด
"ทาสิญญาเหล่านี้แม้จะมีระดับพลังิญญาที่อ่อนด้อยไปบ้าง แต่กลับไม่ส่งผลเสียเปรียบแต่เพียงนิด ชวนให้รำคานใจเสียจริง!!"
"ระวังตัวด้วยอย่าได้ประมาท วิชายุทธ์พิฆาตที่แฝงด้วยปราณมารชั้นต่ำของพวกมันไม่ต่างจากพิษร้ายที่กัดกินทำลายพลังลมปราณ ทุกคนรวมกลุ่มใช้ม่านพลังป้องกัน!!" ผู้าุโมากประสบการณ์ท่านหนึ่งร้องบอกดังลั่นเพื่อให้กองกำลังพันธมิตรของพวกเขาระวังตัว ไม่ช้ากลุ่มผู้ฝึกตนที่รวมกลุ่มกันก่อนหน้าต่างสำแดงสมบัติวิเศษ บ้างก็สำแดงค่ายกลป้องกันออกมาต้านรับอย่างทันท่วงที
ยิ่งเวลาผันผ่านนานไปเท่าใด ความเหนื่อยล้าได้เริ่มปรากฎในกองกำลังของหวังจิ่งหลงไปไม่น้อย แม้จะได้รับการเสริมพลังปราณด้วยโอสถระดับสูงก็จริง แต่หากยังเป็เช่นนี้ต่อไปพวกเขาคงเป็ฝ่ายที่เพลี้ยงพล้ำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยามนี้พวกเขาถึงกับเผยถึงความเคร่งเครียดมาบ้างแล้ว ดูเหมือนกับคำกล่าวของชายชราวิปลาสผู้เป็รองเ้าสำนักเทพมารทมิฬกล่าวไว้เสียจริง เพราะยามนี้กองกำลังของพวกเขาล้วนเหนื่อยล้าและได้รับาเ็กันทั้งสิ้น
ิญญายุทธ์มหาราชันย์วิหคเพลิงทมิฬ ทักษะิญญาที่ห้า ปราการหมื่นกระบี่ราชันย์วิหคปกปักษ์ สำแดงเดช!!!
หวังจิ่งหลงรีดเค้นิญญายุทธ์ปราณธาตุไฟออกมาสำแดงเป็ค่ายกลป้องกันขนาดใหญ่คลอบคลุมกองกำลังที่ขณะนี้ถูกบีบครั้นให้รวมกระจุกอยู่ตรงกลาง กระแสพลังมารลึกลับจากค่ายกลรูปกะโหลกมารขนาดั์ยังคงไหลเวียนไปมาอย่างไม่รู้จบสิ้น ยิ่งเมื่อประสานเข้ากับหมุดค่ายกลที่ซุกซ่อนอยู่ใต้พิภพด้านล่างยิ่งเสริมกำลังของบรรดาเหล่าทาสิญญาให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นจนยากจะรับมือได้แล้วยามนี้
"ผู้ฝึกตนราชทินนามเทวะิญญาขั้นสูงสิบคนรวมกำลังทำลายเสาศิลาค่ายกลตรงด้านล่างให้สิ้นซาก ไม่ว่าผู้ใดขัดขวางจงสังหารไปให้สิ้น!!!"
"ผู้แกร่งกล้าราชทินนามราชันิญญาสามคนช่วยข้าทำลายค่ายกลกะโหลกมารที่ตรงนั้น ประสานพลังิญญายุทธ์ขัดขวางการทำงานของค่ายกลอุบาทว์นี่เสีย!!"
สิ้นเสียงออกคำสั่งของหวังจิ่งหลงที่ประกาศก้องสะท้านไปทั่ว เสียงขานรับดังขึ้นอย่างไม่ลังเลในการตัดสินใจครั้งนี้ทั้งสิ้นก่อนที่พวกเขาจะพุ่งทะยานออกไปจัดการราวกับไม่คิดสิ่งใดให้มากความ บรรดาผู้มีพลังฝีมือไม่ถึงขั้นต่างถูกปกป้องกำลังด้วยสมบัติวิเศษและม่านปราการหลากสีสันอันเกิดจากผู้ฝึกตนหลากหลายปราณธาตุที่รวมกลุ่มกันยามนี้
ทางด้านของผู้แกร่งกล้าชายหญิงนับสิบคนต่างช่วยกำบังทำลายพายุคลื่นพลังมารที่ถาโถมเข้ามาอย่างหนักหน่วง ผู้าุโราชทินนามเทวะิญญาขั้นสูงท่านหนึ่งเรียกสมบัติวิเศษระดับสูงจากแหวนมิติออกมา สถูปทองคำที่สลักด้วยลวดลายอักขระเวทย์โบราณเก่าแก่ แสงสว่างทอแสงแวววับวูบวาบเป็ประกายลึกล้ำ
ผู้แกร่งกล้าที่เหลือไม่รอช้าถ่ายเทพลังลมปราณเข้าสู่สมบัติวิเศษนี้ ไม่กี่รอบลมหายใจกระแสพลังปราณที่เข้าเสริมได้ส่งผลให้ตราผลึกบนนั้นคลายออกส่งผลให้สถูปทองคำนี้ขยายพรวดพราดขึ้นจนมีขนาดเทียบเท่าูเาลูกหนึ่งเลยทีเดียวก่อนที่ขุมพลังอันมหาศาลบริสุทธิ์จะกระหน่ำเข้าสู่หมุดค่ายกลธรรมชาติตรงด้านล่างอย่างไม่ยั้ง ห้วงพสุธาอากาศสั่นะเืเลือนลั่นรุนแรงยิ่ง
ตู้ม!! ตู้ม!! ตู้ม!!
ขณะที่ผู้แกร่งกล้ากำลังร่วมมือทำลายหมุดค่ายกลอยู่ไม่ไกลไปนั้น ท่าร่างวิชาตัวเบาของเคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆาได้ถูกเรียกใช้ระดับสูงสุดออกมาทันที หวังจิ่งหลงไม่รอช้าเหินทะยานนำผู้ผู้ฝึกตนราชทินนามราชันิญญาอีกสามคนพุ่งตรงเข้าทำลายกะโหลกมารั์ตรงหน้าอย่างไม่รั้งรอ เปลวเพลิงสีส้มประกายเข้มข้นอันแสดงถึงผู้ฝึกตนปราณธาตุไฟระดับสามปรากฎขึ้นในฝ่ามือก่อนจะขยายใหญ่พรวดพราดเมื่อได้รับพลังปราณธาตุไฟจากผู้ฝึกตนอีกสามคนตรงด้านหลัง
เปลวเพลิงที่ได้รับการเสริมแกร่งอหังการนี้ได้ผนึกขึ้นเป็วิหคเพลิงขนาดใหญ่ท่าท่างดุร้ายราวกับมีชีวิต สะเก็ดเพลิงจาก้ากระหน่ำ ไม่รอให้ผู้เสกสรรได้บัญชาการเพียงหนึ่งกระพือปีกเท่านั้นเปลวเพลิงที่อัดแน่นด้วยพลังอันแข็งกร้าวได้แผดเผากะโหลกมารนั่นโดยไร้ซึ่งการต่อต้านไม่กี่ชั่วจิบชาจึงสูญสลายหายไปในที่สุด เหล่าทาสิญญายามเมื่อไร้ซึ่งแรงหนุนดังกล่าวจึงถูกวิชายุทธ์พิฆาตจากกองกำลังของหวังจิ่งหลงทำลายไปสิ้นในที่สุด
บรรดาผู้ที่สังเกตการณ์โดยรอบที่ซ่อนตัวอยู่ไม่รอช้ารีบส่งสารแจ้งกลับไปยังตำหนักหลักด้านในของสำนักเทพมารทมิฬเพื่อเตรียมการรับมืออย่างไม่ประมาทพลาดพลั้ง กองกำลังที่ประมุขหวังจิ่งหลงผู้นี้นำมาด้วยนั้นไม่อาจดูเบาได้อย่างแท้จริง...
