ซูซานหลางพาภรรยาและบุตรสาวไปเยี่ยมฝาแฝดสองพี่น้อง
จวนสกุลฉียังเก็บกวาดไม่เรียบร้อยทั้งหมด เดิมทีซูซานหลางวางแผนไว้ว่าอีกสองสามวันจะหาฤกษ์มงคลมาคารวะ แต่กลับต้องเปลี่ยนแผนเลื่อนขึ้นมาเร็วขึ้น
อิ้งเยว่คารวะผู้ใหญ่อย่างน่ารัก ฉีจือโจวลูบศีรษะนาง ก่อนจะหันไปมองน้องสาวและน้องเขย "ท่านพ่อเขียนอักษรอยู่ห้องหนังสือ เฉียวเยว่กับฉีอันก็ติดตามอยู่ที่นั่น"
ซูซานหลางยิ้มบางๆ "พวกเราสร้างปัญหาให้ท่านพ่อตากับพี่ใหญ่แล้ว เมื่อก่อนกว่าข้าจะบังคับให้พวกเขาเขียนอักษรได้ ยากยิ่งกว่าปีนขึ้น์ บัดนี้ดูท่าคงมิใช่ไม่ชอบเขียนอักษร แต่อักษรของบิดาเช่นข้าคงไม่น่าดึงดูดเท่าของท่านพ่อตา"
ฉีจือโจวมองซูซานหลาง ฟังเขาพูดจนจบอย่างเงียบเชียบ ค่อยเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ "แเีไร้ที่ติ"
ซูซานหลางหนังตากระตุก สัญชาตญาณบ่งบอกว่าเ้าตัวเล็กปากมากของตนเองต้องพูดอะไรบางอย่างแน่ๆ
เขายิ้มสุภาพ "พี่ใหญ่ ข้าเตรียมอาหารมาเป็มื้อค่ำ โรงครัวของจวนเราเพิ่งทำออกมา รสชาติอาจสู้จวนสกุลฉีไม่ได้ แต่ก็ยังมีความสดใหม่"
ฉีจือโจวยกยิ้ม "เช่นนั้นก็ต้องขอบใจน้องเขยแล้ว"
พอเขายิ้ม ซูซานหลางก็ยิ่งขนลุก ไม่ว่าอย่างไรก็รู้สึกว่าเ้าตัวเล็กของพวกเขาต้องมิได้ทำเื่ดีอย่างแน่นอน
ฉีจือโจวพาพวกเขามายังห้องหนังสือ ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของเฉียวเยว่มาแต่ไกล "ข้าจะวาดกุ๋นกุ่นให้พวกท่าน? อะไรนะ กุ๋นกุ่นคือสิ่งใดน่ะหรือ? ก็สยงเมา [1] ไงล่ะ โอไม่ใช่สิ เมาสยงต่างหาก ข้าจะวาดให้พวกท่าน"
เฉียวเยว่ไม่ใช่เด็กเสียงดัง แต่ปัญหาคือนางพูดมาก แม้ว่าเสียงเล็กๆ นุ่มนวลจะดังขึ้นมา แต่ไม่ทำให้คนรู้สึกรำคาญ ตรงข้ามกลับมีความลุกลี้ลุกลนอยู่หลายส่วน
ซูซานหลางกระอักกระอ่วนเล็กน้อย "เด็กคนนี้... ไม่รู้จริงๆ ว่าเหมือนใคร"
เขาชำเลืองมองพี่ภรรยา ในใจคิดว่าหลานย่อมจะเหมือนลุง
แต่ซูซานหลานกลับเห็นฉีจือโจวชำเลืองมาที่เขาเช่นกัน ฉีจือโจวก็พูดในใจ ช่างเหมือนกับบิดานางยิ่งนัก
สายตาของทั้งสองประสานกันพอดี ต่างฝ่ายต่างมองเห็นความหมายเดียวกันจากสายตาของฝ่ายตรงข้าม ทุกอย่างกระจ่างแจ้งโดยไม่ต้องเอ่ยปาก
ไท่ไท่สามเห็นภาพฉากนี้โดยบังเอิญ ก็กลั้นหัวเราะ เอ่ยขึ้น "พี่ใหญ่ พวกเขาคงมิได้ก่อเื่ให้พวกท่านกระมัง?"
ฉีจือโจวยกยิ้ม "ไม่เลย น่ารักมากทั้งคู่ เฉียวเยว่... ช่างพูดเป็พิเศษ"
หนังตาของซูซานหลางกระตุกอีกครา
ฉีจือโจวเคาะประตู ก่อนที่จะพาพวกเขาเข้ามา "ท่านพ่อ น้องสาวกับน้องเขยมาขอรับ"
ฉีอันวิ่งออกมาโผเข้ากอดไท่ไท่สาม พลางร้องเสียงดัง "ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่าน"
ไท่ไท่สามก็ตื่นเต้น "แม่ก็คิดถึงเ้า"
เฉียวเยว่มือถือพู่กัน น้ำหมึกเลอะทั้งใบหน้าและตามตัว นางจับมุมกระดาษอย่างกระวนกระวาย "แล้วข้าจะกอดท่านแม่อย่างไรเล่า"
ไท่ไท่สามเห็นเปียน้อยๆ ที่ตนเองถักให้นางเมื่อเช้าคลายหลุดออกมาหมดแล้ว กระดาษเซวียนจื่อแผ่นใหญ่กางอยู่บนโต๊ะ นางนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ราวกับนกกระทาตัวน้อย กำลังวาดบางอย่างอยู่บนโต๊ะ
ไท่ไท่สามยื่นมือออกไป "มาให้แม่กอด"
เฉียวเยว่วิ่งเข้าสู่อ้อมแขนของมารดาโดยไม่แยแสว่าตนเองจะเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปทั้งตัว "ท่านแม่ ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านต้องมาดูข้า ท่านแม่ขาดข้าไม่ได้"
ซูซานหลางเดินมาถึงหน้าโต๊ะ ดูภาพเขียนของเฉียวเยว่
ภาพของเฉียวเยว่ธรรมดามาก แต่เห็นได้ว่าเป็ผลงานที่เต็มไปด้วยความสดใสไร้เดียงสาของเด็กๆ
อาจารย์ฉีถอนหายใจ "ดูสิ ดูสิ เฉียวเยว่ของพวกเรามีพร์มากเพียงใด จุดนี้คล้ายคลึงกับคนสกุลฉีที่สุด คนสกุลฉีของเราล้วนเกิดมาพร้อมกับพร์ด้านนี้"
พอพูดจบก็ตวัดสายตามองซูซานหลางอย่างรังเกียจ "หากเหมือนเ้าก็จบเห่"
"ท่านพ่อตากล่าวมีเหตุผล ท่านพ่อตา พี่ใหญ่ ให้อาอิ่งอยู่เล่นกับเด็กๆ สักครู่ ส่วนพวกเราออกไปนั่งข้างนอกดีหรือไม่? ศิษย์มิได้พบกับท่านนานแล้ว มีความรู้บางประการที่ข้องใจมาโดยตลอด อยากได้คำชี้แนะจากท่านขอรับ"
อาจารย์ฉีล้างมือเสร็จ ก็กล่าวว่า "ไกวเยว่ [2] วาดต่อๆ เดี๋ยวตาค่อยมาเล่นเป็เพื่อนเ้า"
ไกวเยว่?
ซูซานหลางมุมปากกระตุก
เฉียวเยว่ตอบทันควัน "เ้าค่ะ"
นางยื่นมือน้อยๆ ชี้ไปที่ชั้นวางหนังสือ "ท่านตา ข้าอ่านตำราได้หรือไม่เ้าคะ?"
อาจารย์ฉีอมยิ้มพยักหน้า "ย่อมได้สิ"
เมื่อเห็นบุรุษสามคนออกไปจากห้องแล้ว ไท่ไท่สามก็สั่งให้อวิ๋นเอ๋อร์ซักผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดตาให้เฉียวเยว่ แล้วพูดว่า "ดูเ้าสิ ยังสะอาดสู้น้องชายของเ้าไม่ได้เลย"
ฉีอันหัวเราะเอิ๊กอ๊าก "เฉียวเฉียวถูกรังเกียจแล้ว"
เขาฉอเลาะอยู่ข้างกายไท่ไท่สาม "ท่านแม่ ห้องที่ท่านตาเตรียมให้พวกเราสวยมาก ข้าจะพาท่านไปดูดีหรือไม่ ข้ากับเฉียวเฉียวนอนด้วยกัน พวกเราคุยกันตอนกลางคืนได้"
ไท่ไท่สามยิ้ม "ได้"
เฉียวเยว่ละล้าละลัง "ข้าไปด้วย ข้าไปด้วย"
อิ้งเยว่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง "เ้าวาดเสร็จแล้วหรือ"
เฉียวเยว่เกาหน้า ตอบอย่างไม่นำพา "วาดไม่เสร็จก็ช่างปะไร อย่างไรเสียก็แค่วาดเล่นเท่านั้น"
อิ้งเยว่คว้ามือน้อยๆ ของเฉียวเยว่เอาไว้ "ไม่ได้ ไม่ว่าสิ่งใดเมื่อเริ่มต้นแล้วก็ต้องทำให้เสร็จสิ้น พวกเรามาวาดด้วยกัน หลังจากนั้นค่อยไปดูห้องด้วยกันดีหรือไม่? พี่สาวอยากเห็นเฉียวเยว่วาดภาพให้เสร็จ ภาพของเฉียวเยว่ต้องสวยมากแน่ๆ ใช่หรือไม่?"
เด็กน้อยไม่มีความอดทนต้องกล่อมเช่นนี้
"ใช่" เฉียวเยว่ตอบทันควัน แล้ววาดภาพต่อ "ข้าเก่งมาก"
หากนางไม่สามารถเป็ยอดอัจฉริยะหญิงแห่งยุคได้ ก็คงรู้สึกผิดต่อการข้ามภพมา
เฉียวเยว่ก้มหน้าก้มตาวาดต่อไป
...
น้ำในกาเริ่มเดือดไอน้ำพวยพุ่งออกมาเป็สาย
อาจารย์ฉีสีหน้าบูดบึ้ง "อาอิ่งไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีกแล้วรึ?"
ซูซานหลางเสียใจมาก แต่ไม่แสดงออกทางสีหน้า "ใช่ขอรับ นางยังไม่ทราบ ข้าเองก็ไม่อยากให้นางรู้ พวกท่านก็รู้ดี นางเป็คนคิดมาก หากให้รู้เื่นี้ ก็คงเ็ปเสียใจอย่างเลี่ยงไม่ได้"
อาจารย์ฉีหัวเราะเยาะ "บุตรสาวข้าไม่เคยแก่งแย่งชิงดี นางไปขวางทางผู้ใดกันแน่ ถึงกับต้องลอบสังหารนางหลายต่อหลายครั้ง หากไม่เพราะความเฉลียวฉลาดของไกวเยว่ของข้า อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ยังมิอาจคาดคิด"
เขากำหมัดแน่น "เห็นข้ารังแกกันง่ายนักรึ"
"ท่านพ่อตาอย่ามีโทสะเกินไป อาจเสียสุขภาพได้ เดิมทีข้าไม่อยากพูด แต่กลัวว่าถ้าเก็บงำเื่นี้ไว้ อีกฝ่ายอาจสบช่องลงมือซ้ำอีก บัดนี้ท่านพ่อตากับพี่ใหญ่กลับมาแล้ว ย่อมสามารถช่วยข้าจับตาเฝ้าระวังได้"
"ข้าไปจากกั๋วจื่อเจียนแค่ไม่กี่วันก็มีคนลอบสังหารบุตรสาวข้า คิดว่าข้าไร้ความสามารถใช่หรือไม่"
"ท่านพ่อตา..."
ฉีจือโจวซึ่งสงวนวาจามาั้แ่ต้นจู่ๆ ก็เอ่ยปาก "เื่ที่อาอิ่งมิสามารถตั้งครรภ์ได้ปิดไม่อยู่หรอก"
ซูซานหลางตกตะลึง ถามอย่างงุนงง "พี่ใหญ่หมายความเช่นไร?"
ฉีจือโจวเ็าขึ้นมา "เ้าคิดว่าตนเองไม่พูด หมอไม่พูด ก็จะไม่มีคนรู้หรือ เ้าควรตระหนักได้ว่าคนวางยาพิษก็รู้ ผลของการแก้พิษเป็เช่นไร เขาย่อมรู้ั้แ่ก่อนวางยา"
ฉีจือโจวเว้นจังหวะ ก่อนหัวเราะด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม "นี่เป็กลอุบายทั้งก่อนและหลัง เ้ายังประสบการณ์น้อยเกินไป เหตุผลที่ผู้บงการอยู่เื้ัเลือกใช้พิษชนิดนี้ก็คำนวณถึงจุดนี้ไว้แล้ว ถึงงานจะไม่สำเร็จ แต่ก็สามารถทำให้ฉีอิ่งมิอาจตั้งครรภ์อีก เ้าลองตรองดู เขาคิดจะทำสิ่งใดถึงได้ทิ้งความลับใหญ่ไว้เช่นนี้ เกรงว่าคงจะวางแผนก้าวถัดไปไว้แล้ว หากข้าเดาไม่ผิด แผนการต่อไป เื่อาอิ่งมิอาจตั้งครรภ์จะต้องถูกผู้อื่นล่วงรู้อย่างรวดเร็ว ถึงเวลา จวนซู่เฉิงโหวของพวกเ้าควรทำเช่นไร?"
"เื่ภายในครอบครัวตนเอง ควรทำเช่นไรอันใดกัน? ใช่ว่าข้าไร้บุตรเสียที่ไหน ข้ามีบุตรแล้วสามคน จะต้องแยกทางกับอาอิ่งเพราะเื่นี้กระนั้นหรือ? แม้จะมีคนใช้เื่นี้ทำให้เป็เื่เป็ราวขึ้นมา ข้าก็ไม่ยอมให้ผู้อื่นทำอะไรได้ บิดามารดาของข้าเป็คนเที่ยงธรรมมีเหตุผล พวกเขาย่อมเข้าใจจุดนี้" ซูซานหลางเคยใคร่ครวญมาก่อน ถึงแม้เื่นี้จะแพร่งพรายออกไป แต่ตราบใดที่เขามีความแน่วแน่ ก็ไม่มีสิ่งใดที่เป็ไปไม่ได้
"ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่แน่นอน เมื่อทิ้งหมากเช่นนี้เอาไว้ ย่อมมีแผนการของตนเอง บิดามารดาเ้าย่อมเที่ยงธรรมมีเหตุผล แต่บุรุษที่ไม่มีอนุภรรยาในโลกนี้จะมีสักกี่คนกันเล่า?"
ซูซานหลางตะลึงพรึงเพริด
นิ้วของฉีจือโจววนรอบขอบถ้วยชา เอ่ยอย่างช้าๆ "การมีลูกหลานเต็มบ้านคือสิ่งที่ดีที่สุด บุตรชายจะเลวอย่างไรก็เป็บุตรชาย แต่สะใภ้ไม่เหมือนกัน"
ซูซานหลางขบคิดเกี่ยวกับคำกล่าวนี้
"ท่านตา ท่านตา" เสียงเรียกเจื้อยแจ้วดังแว่วมา ก่อนที่เฉียวเยว่จะะโโลดเต้นเข้ามา "ข้าเพิ่งพาท่านแม่ไปดูห้องของพวกเรา ท่านแม่บอกว่าท่านตาตกแต่งห้องได้อบอุ่นเหลือเกินเ้าค่ะ"
นางวิ่งแล่นมาถึงข้างกายของพวกเขา แล้วปีนขึ้นไปหย่อนก้นนั่งบนตักของฉีจือโจว
"ท่านลุง ข้าก็อยากดื่มชาเหมือนกัน"
"ไม่ได้ เด็กดีไม่ควรดื่มน้ำชา ตอนค่ำอาจนอนไม่หลับ เฉียวเยว่คนดี พรุ่งนี้ลุงจะสั่งให้โรงครัวทำขนมของเจียงหนาให้เ้ากินดีหรือไม่?"
เฉียวเยว่ดวงตาเป็ประกาย ย้อนถามอย่างจริงจัง "จริงหรือเ้าคะ ท่านลุงไม่โกหกข้านะเ้าคะ?"
"ไม่อยู่แล้ว" ฉีจือโจวอมยิ้ม
จากตุ๊กตาน้อยมอมแมมกลายเป็ตุ๊กตาหยกสลักเสลางดงาม เมื่อมีมารดาอยู่ก็ต่างออกไปจริงๆ
"วันนี้เฉียวเฉียวเหนื่อยหรือไม่?" เขาถาม
เฉียวเยว่ส่ายหน้า "ไม่เหนื่อยเ้าค่ะ"
นางมองซูซานหลาง "ท่านพ่อ เหตุใดสีหน้าท่านถึงซีดเซียวนักเล่า ถูกท่านปู่ยิงฟันใส่หรือ? ท่านเป็มือตบสะโพกม้าที่ช่ำชองที่สุดมิใช่หรือ อย่าบอกนะว่าตบไปจนถึงกีบเท้าม้าแล้ว?"
ซูซานหลางม้วนแขนเสื้อ "เ้าเด็กแสบคนนี้ ข้าว่าแล้ว สายตาของทุกคนมองข้าแปลกๆ วันนี้ข้าต้องตีเ้าให้ได้ ให้เ้าได้รู้ความร้ายกาจของข้าเสียบ้าง"
"แฮ่ม แฮ่ม!" อาจารย์ฉีกระแอมกระไอขึ้นมา
"ข้าศึกษาเล่าเรียนกับท่านตาของเ้าั้แ่เด็ก เห็นการโน้มน้าวผู้อื่นด้วยหลักคุณธรรมเป็สิ่งสำคัญ มิเช่นนั้นหากเปลี่ยนเป็ครอบครัวของคนทั่วไป ป่านนี้เ้าถูกตีไปนานแล้ว เป็เด็กเป็เล็กจะพูดจาหยาบคายเช่นนี้ไม่ได้"
เฉียวเยว่หันไปฟ้องอย่างกระมิดกระเมี้ยน "ท่านตา ท่านพ่อขู่ข้า"
ซูซานหลางแทบกระอักโลหิต นี่คือหมาป่าตาขาวของบ้านเขาเอง
"ห้ามว่าร้ายไกวเยว่ของข้า นางแค่เป็คนซื่อ ตรงไปตรงมา"
ซูซานหลางแหงนหน้ามองฟ้าเงียบๆ
อิ้งเยว่เห็นสถานการณ์ตรงหน้า ก็ค่อยๆ ยิ้มออกมาแล้วถอนหายใจ "มารน้อยกอดต้นขาเทพ์หลายองค์ อย่างไรก็ไม่พลาด สงสารแต่ซุนต้าเซิ่ง [3] อุตส่าห์ปราบปิศาจกำจัดมารตลอดทาง แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถต้านทานพลังของการกอดต้นขาอย่างดีได้"
ซูซานหลางหน้าเศร้า บุตรของผู้อื่นล้วนแต่น่ารักฉลาดเฉลียว ถึงแม้จะไม่ฉลาดเฉลียว อย่างน้อยก็ยังมีความเป็เด็กอยู่บ้าง แต่ครอบครัวเขาสิ ที่ฉลาดก็ฉลาดเป็กรด ที่แสบก็แสบเข้าไส้
แน่นอนว่าไม่ว่าจะฉลาดหรือแสบสันล้วนไม่นับว่าเป็อันใด แต่การชอบพูดเรื่อยเปื่อยกับขี้ฟ้องคือสิ่งที่เขารับไม่ได้จริงๆ
หันมามองเฉียวเยว่ บุตรสาวที่น่ารักราวกับตุ๊กตาหยก ซูซานหลางก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมารำไร
"ท่านพ่อ ท่านปวดฟันหรือเ้าคะ?" เฉียวเยว่ทำสีหน้าจริงจัง "อาการปวดฟันไม่ใช่โรค ปวดขึ้นมาทีเหมือนเอาชีวิตกันเลย"
...
[1] สยงเมา หมายถึง หมีแพนด้า
[2] ไกว หมายถึง ฉลาด ว่านอนสอนง่าย เยว่ หมายถึงพระจันทร์
[3] ซุนต้าเซิ่ง หมายถึง ซุนหงอคง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้