เย่เฟิงลำบากใจเล็กน้อย เขาไม่มีห้องว่างจริงๆ
“ถ้างั้นเธอไปนอนห้องฉันก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันไปนอนที่ห้องรับแขกเอง” เขาพูดขณะพาเธอไปชั้นสองของบ้าน “เธอห้ามเข้าห้องอื่นนอกจากห้องนอนนี้ ยังไงเธอก็จัดของไปแล้วกัน เดี๋ยวฉันย้ายของลงไปข้างล่างเอง”
“นี่มัน…” ซูเมิ่งหานลำบากใจแปลกๆ ทั้งที่เธอเป็คนอาศัยแต่กลับให้เ้าของบ้านไปนอนห้องรับแขก แม้เธอจะไม่รู้ว่าทำไมถึงเข้าห้องอื่นไม่ได้ แต่ก็ไม่ถามอะไรมาก เย่เฟิงยังคงลึกลับในสายตาของเธอเสมอ
“ไม่ต้องลำบากใจหรอก ฉันจะให้ผู้หญิงไปนอนในห้องรับแขกได้ยังไง?” เย่เฟิงกล่าว ไม่ว่าจะนอนที่ไหนก็ไม่สำคัญสำหรับเขา ขณะอยู่ในโลกเทวะ เขาเคยนอนในถ้ำหรือบนหญ้ามาแล้ว เทียบกันแล้ว การนอนในห้องรับแขกยังถือว่าเลิศหรูเกินไปสำหรับเขา
“อืม” เมื่อได้ยินเย่เฟิงพูดเช่นนี้ เธอก็ไม่อาจปฏิเสธเขาอีก หญิงสาวหยุดนิ่งสักพัก จากนั้นค่อยๆ ยิ้มอย่างเขินอาย ก่อนวางมือทั้งสองของเธอบนไหล่ของเย่เฟิง ขณะไม่ทันตั้งตัว เธอก็จูบที่แก้มของเขา
เย่เฟิงไม่ทันได้ตั้งตัวแม้แต่น้อย เขาตกตะลึงกับการกระทำของเธอ
“เย่เฟิงขอบคุณนะ ไว้รอพวกเราสอบเข้ามหาวิทยาลัยเยี่ยนได้แล้วเราค่อยคบกันนะ…” ขณะพูด ใบหน้าของเธอพลันแดงเรื่อ หญิงสาวเขินมากจึงรีบหันตัวลงไปข้างล่าง เพื่อไปขนของจากบ้านของเธอ เด็กสาวรู้สึกว่าเย่เฟิงอธิบายเกี่ยวกับผู้หญิงหน้าโรงพยาบาล เพราะกลัวว่าเธอจะเข้าใจผิด แต่ทำไมต้องกลัวเธอเข้าใจผิดด้วยล่ะ? หรือว่าเขาเริ่มชอบฉันเเล้วงั้นเหรอ ไม่เช่นนั้นคงทำตัวเ็าใส่เธอเหมือนเมื่อก่อน
ขณะมองตามหลังร่างบาง เย่เฟิงจับแก้มที่ถูกจูบเมื่อครู่ เขาขบขันที่เห็นสาวน้อยคนนี้สดใสร่าเริง แต่เมื่อครู่เขาได้ยินเธอพูดว่าจะคบกันหลังสอบเข้ามหาลัยแล้วงั้นหรือ? ทันใดนั้นชายหนุ่มก็จำสิ่งที่ปู่ของเขาพูดได้ เมื่อเขาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเยี่ยน ปู่จะแนะนำหลานสาวตระกูลหลินให้เขารู้จัก ถึงเวลานั้นเขาควรทำอย่างไร
ช่างมันเถอะ เย่เฟิงส่ายหัวและตัดสินใจว่าจะไม่คิดเื่พวกนั้นในตอนนี้ หลังจากคิดได้ก็โทรหาโอวบีและถามเกี่ยวกับหินจิติญญาเมื่อตอนนั้น
“นายสนใจมันเหรอ? ประหลาดจังนะ รอแป๊บ ฉันไปถามพ่อแล้วจะส่งให้นะ” โอวบีพูดจบก็วางสาย
เย่เฟิงม้วนผ้าปูที่นอนจากห้องนอนมาวางที่ห้องรับแขก จากนั้นเริ่มนั่งขยายเส้นลมปราณที่มีพลังชี่ไหลเวียนอยู่ ครึ่งเดือนที่แล้วเขาพยายามขยายเส้นลมปราณ และตอนนี้เขาขยายเส้นลมปราณจนสามารถรับพลังชี่ได้ห้าถึงหกปีแล้ว ระหว่างการขยายเส้นลมปราณ เขาจำเป็ต้องฝึกฝนเป็ประจำและเสียเวลาไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
เมื่อซูเมิ่งหานเดินเข้ามาพร้อมกับสิ่งต่างๆ มากมาย เธอเห็นเย่เฟิงอยู่ในท่านั่งแปลกๆ เหมือนกับพวกหนังจอมยุทธ์ที่นั่งเพื่อฝึกกำลังภายใน หญิงสาวไม่คิดอะไรมากเพียงะโบอกเขา “เย่เฟิง จำไว้นะว่าฉันจะเชื่อใจนายแค่ครั้งนี้เท่านั้น เข้าใจไหม?”
หลังจากรอสักพัก เมื่อเห็นว่าเย่เฟิงไม่ตอบสนองจึงขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับของของตัวเอง เธอไม่้าความช่วยเหลือของเขา เพราะไม่้าให้คนอื่นช่วยในสิ่งที่เธอทำได้ อีกทั้งเย่เฟิงดูเหมือนจะไม่ว่าง
เมื่อเย่เฟิงได้ยิน ในตอนแรกเขาไม่เข้าใจว่าเธอพูดถึงเื่อะไร แต่สักพักก็รู้ว่าอีกฝ่ายพูดถึงหลงหว่านเอ๋อร์ เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวยังติดใจเื่นี้อยู่ หากเย่เฟิงและหลงหว่านเอ๋อร์ยังพัวพันกันอีก เธอจะไม่ให้อภัยเขา
ถึงอย่างนั้น เย่เฟิงก็ไม่รู้สึกอะไรมากนัก เขากับหลงหว่านเอ๋อร์ไม่มีความรู้สึกอะไรต่อกัน จึงไม่จำเป็ต้องกังวล แค่ไม่ให้เธอรู้ว่าเขาคือชายสวมหน้ากากในวันนั้นก็พอ อีกฝ่ายก็ไม่มีทางมาหาเขา
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของซูเมิ่งหานเดินขึ้นไปข้างบน ถึงรู้สึกโล่งใจ ดูเหมือนตอนนี้เธอจะฟื้นสภาพจากการถูกพ่อของเธอทอดทิ้งแล้ว เย่เฟิงไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้วซูซิ่นชางก็ไม่ได้ใส่ใจดูแลซูเมิ่งหานมากนัก สถานการณ์ตอนนี้ก็ถือว่าไม่แย่ ในทางตรงข้ามดูเหมือนความรักจะทำให้ซูเมิ่งหานอารมณ์ดีขึ้น
ตลอดบ่ายนี้ ซูเมิ่งหานมัวแต่ยุ่งอยู่กับการจัดของในห้องนอน ส่วนเย่เฟิงนั่งขยายเส้นลมปราณของตัวเองทั้งบ่ายจนพัฒนาขึ้นไม่น้อย
ซูเมิ่งหานเหงื่อท่วมตัวหลังจากจัดห้องเสร็จเรียบร้อย เธอเดินลงมาก็ยังเห็นเย่เฟิงนั่งท่าเดิม ยิ่งทำให้ประหลาดใจ แต่เธอเป็คนรู้กาลเทศะจึงตัดสินใจไม่รบกวนเขา และเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำ
ในบ้านหลังนี้มีห้องน้ำทั้งข้างบนและข้างล่าง แต่เย่เวิ่นเทียนเตือนไม่ให้เย่เฟิงเข้า ดังนั้นประตูห้องน้ำชั้นสองจึงถูกลงกลอนไว้ เปิดอย่างไรก็เปิดไม่ได้ เว้นแต่จะใช้กำลังเข้าไป ซูเมิ่งหานจึงอาบน้ำได้แค่ชั้นล่าง
ก่อนเข้าห้องน้ำ เธอแอบมองเย่เฟิงและนึกถึงตอนที่เขาปีนขึ้นมาเห็นเธออาบน้ำเมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว แค่คิดก็ทำให้เธออายจนหน้าแดง เธอเข้าห้องน้ำอย่างแ่เบาและล็อกประตู ไม่นานเสียงฝักบัวอาบน้ำก็ดังขึ้น
เมื่อเย่เฟิงได้ยินเสียงน้ำจากห้องน้ำก็อดคิดถึงวันที่เขาพึ่งมาโลกนี้ไม่ได้ ชายหนุ่มได้เห็นเรือนร่างสีขาวราวหิมะของเธอพอดี เมื่อนึกถึงตอนที่ตนกอดซูเมิ่งหาน ก็ทำให้เขาร้อนรุ่มไปทั้งหัวใจ
“เสี่ยวมี่เฟิง เสี่ยวมี่เฟิง เปิดประตูหน่อย พี่โอวมาหาแล้ว”
เสียงกริ่งดังขึ้น เย่เฟิงสะดุ้งใ ไอ้เด็กนี่ทำไมไม่โทรบอกก่อนว่าจะมา เขาลุกขึ้นยืนพร้อมยืดเส้นยืดสาย เวลานี้ไม่รู้ว่าเทียบกับตอนเพิ่งมาโลกนี้เขาจะแข็งแกร่งมากขึ้นขนาดไหน ความรู้สึกแข็งแกร่งขึ้นทีละนิดทำให้เขาพอใจและรู้สึกปลอดภัย เช่นคุณชายสามตระกูลหลิน หากเป็เย่เฟิงคงไม่รู้สึกปลอดภัยเลย ไม่ว่าครอบครัวของตนจะมีอำนาจแค่ไหน เพราะหากมีใคร้าฆ่าเขาจริงๆ มันก็ง่ายดายมาก
เย่เฟิงเดินไปเปิดประตู โอวบีในชุดเสื้อเชิ้ตเรียบง่ายยืนอย่างขะมักเขม้นพร้อมถือข้อมูลจำนวนหนึ่ง
“เสี่ยวมี่เฟิง ครั้งที่แล้วทั้งหินจิติญญาและหยกขาวรูปปลาหยินหยางล้วนถูกขายให้พวกเราโดยกลุ่มโจรขุดสุสาน” ทันทีที่โอวบีเห็นเย่เฟิงก็ยิ้มอย่างตื่นเต้น “สุสานโบราณอยู่ในูเาฉางไป๋ เขาถ่ายภาพมาจำนวนมากทั้งยังบังคับให้พวกเราซื้อ พ่อจึงซื้อมาในราคาหนึ่งหมื่นบาท ซึ่งเป็เื่น่าปวดหัวมาก แต่ยังไงรูปภาพพวกนี้ดูแปลกๆ เหมือนจะมีพวกผีสาวอยู่ในนั้นด้วย”
ผีสาว? เย่เฟิงสงสัย ในโลกนี้มีผีด้วยหรือ?
“เฮ้ย เสี่ยวมี่เฟิง ในห้องน้ำมีคนอยู่เหรอ?” โอวบีตั้งใจฟังสักพักก็ได้ยินเสียงน้ำไหลจากห้องน้ำจึงสงสัย เขาจำได้ว่าเย่เฟิงอยู่บ้านคนเดียว อีกฝ่ายก็ดูไม่เหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
“เอ่อ…” เย่เฟิงพูดไม่ออก เขาไม่รู้จะอธิบายเหตุการณ์นี้อย่างไร
ไม่นานเสียงน้ำก็เงียบลง ทันใดนั้นเสียงใสของเด็กสาวก็ะโเรียก “เย่เฟิงเอาเครื่องเป่าผมมาให้หน่อย เมื่อกี้ฉันลืมหยิบเข้ามา”
ทั้งโอวบีและเย่เฟิงต่างตกตะลึง…
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้