ฉือหางขมวดคิ้วบอกเป็นัยให้ฉือเย่ไปที่บ้าน
ทันทีที่เข้าประตู ฉือเย่ก็เห็นว่าหลินกู๋หยู่ได้ตั้งอาหารบนโต๊ะและวางชามตะเกียบเรียบร้อยแล้ว
"พี่ พี่สะใภ้สาม" ฉือเย่เม้มริมฝีปากเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองหลินกู๋หยู่ เอ่ยทักอย่างทำตัวไม่ถูก
"เข้ามากินข้าวเถอะ" หลินกู๋หยู่มองฉือเย่ด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าของเขาซีดขาวจากความหนาวเย็น "เ้าวางหนังสือของเ้าไว้ที่นี่ ถึงเวลานั้นก็มาอ่านทบทวนที่นี่ได้ ที่บ้านของเ้าหนาวมากขนาดนั้น อ่านทบทวนเข้าหัวหรือไม่?"
หลังจากล้างมือแล้ว ทุกคนก็นั่งลงและเตรียมรับประทานอาหาร
ฉือหางทานอาหารไปหนึ่งคำแล้วพยักหน้า "พี่สะใภ้ของเ้าพูดถูก เ้ามาอ่านหนังสือที่นี่เถอะ ถึงเวลานั้นข้าจะทำความสะอาดโต๊ะอาหารให้เ้าไว้อ่านหนังสือด้วย"
ฉือเย่ฝืนยิ้มอย่างไม่เป็ธรรมชาติ แต่เขาไม่ได้พูดอะไร
"ประจวบเหมาะกับพี่สะใภ้ของเ้าว่าง นางจะสอนข้าอ่านหนังสือ เ้านำหนังสือมาให้ข้าสองสามเล่ม เช่นนี้พวกเราทั้งครอบครัวจะได้อ่านกัน" ฉือหางทานกับข้าวเต็มคำ ยิ่งเขาทานมากเท่าไร เขารู้สึกอร่อยมากขึ้น
ฉือเย่มองฉือหางด้วยความประหลาดใจ "พี่สามอยากจะเรียนหนังสือหรือ?"
“ข้าไม่ใช่คนประเภทที่จะเรียนหนังสือ แค่อ่านหนังสือให้ได้สองสามคำก็เพียงพอแล้ว” ฉือหางพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองหลินกู๋หยู่
หลินกู๋หยู่มองดูการเคลื่อนไหวของฉือหาง มุมปากกระตุกเล็กน้อย "ไส้เกี๊ยวเตรียมพร้อมหมดแล้ว ไม่ต้องทำอะไรมากมายแล้ว เ้าสามารถมีสมาธิกับการเรียนที่นี่ได้"
“ข้าก็จะเรียนหนังสือเช่นกัน!”
ก่อนที่ฉือเย่จะทันได้ตอบก็ได้ยินโต้ซาซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เขาพูดอย่างภาคภูมิใจ
มีอะไรให้ภาคภูมิใจนัก?
เขาได้ยินหลินกู๋หยู่หัวเราะแล้วบีบปลายจมูกของโต้ซา "โต้ซาฉลาดจริงๆ จะอ่านหนังสือได้แล้วด้วย!"
เมื่อโต้ซาได้ยินดังนั้น เด็กน้อยก็ถือช้อนในมือตักน้ำแกงขึ้นซดด้วยรอยยิ้ม
"ตกลง" ฉือเย่รับคำอย่างลังเล
หลังทานอาหาร หลินกู๋หยู่เห็นว่าฉือเย่กำลังจะไปขนหนังสือมาที่นี่จึงเช็ดโต๊ะให้สะอาด "อ้อ ใช่แล้ว น้องสี่ เ้านำเสื้อผ้าของเ้ามาที่นี่ด้วย"
ฉือเย่ที่ยืนอยู่ที่ประตูถึงกับตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยถามด้วยความสับสน "พี่สะใภ้สามจะ… เอาไปทำอะไรหรือ?"
"จะถึง่ปีใหม่แล้วไม่ใช่หรือ ข้าจะทำเสื้อผ้าให้เ้า" หลินกู๋หยู่หรี่ตายิ้มขณะกล่าว หลังจากเช็ดโต๊ะให้สะอาดแล้ว นางลองใช้มือถูดู มันสะอาดมาก
ฉือเย่ลดศีรษะลง พยักหน้าแล้วเดินออกไปข้างนอก
ไม่นานก็กลับมา เขายื่นเสื้อผ้าในมือให้หลินกู๋หยู่อย่างทำตัวไม่ถูกหลายส่วน "พี่สะใภ้สาม รบกวนพี่แล้ว"
พวกเขาสองคนจะไม่มีวันได้อยู่ด้วยกัน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฉือเย่ก็รู้สึกอึดอัดหลายส่วน
ฉือเย่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะ แต่ในบางครั้งสายตาของเขาก็มองไปที่ฉือหางและโต้ซาสองคนที่นั่งอยู่บนเตียงเล็ก
"อันคนเราแรกเกิดเดิมที ท่านว่ามีนิสัยดีที่งดงาม แต่ละคนแต่ละผู้แต่ละนามจะเปลี่ยนตามสิ่งแวดล้อมการอบรม" จากนั้นหลินกู๋หยู่ก็อธิบายสิ่งเหล่านี้อย่างจริงจังระคนเคร่งขรึมว่า "พี่ฉือหาง วันนี้เ้าเขียนคำเหล่านี้ได้ก็เพียงพอแล้ว"
สำหรับโต้ซานั้นหลินกู๋หยู่ตั้งเป้าหมายไม่สูงนัก เพียงแค่ให้โต้ซาท่องจำคำเหล่านี้ได้ก็เพียงพอแล้ว
เดิมทีโต้ซายังเป็เด็กเล็ก ท่องเพียงไม่นานก็จำได้แล้ว เขาสามารถอ่านได้แล้วจึงเริ่มเล่นกับของเล่นของตัวเอง
ฉือหางถือหนังสือด้วยตัวเองมองดูคำในนั้น เขารู้สึกเพียงว่า แม้ว่าคำเหล่านี้จะรู้จักเขา แต่เขากลับไม่รู้จักคำเหล่านี้
มองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยอาการปวดศีรษะ เขารู้สึกกลัดกลุ้มเล็กน้อย
แต่ในตอนนี้หลินกู๋หยู่ไม่มีเวลา นางง่วนอยู่กับการทำเสื้อผ้าสำหรับฉือเย่
ฉือเย่เป็นักเรียน อายุของเขาก็ไม่มากด้วย
พวกเขาถูกแบ่งแยกออกมาเป็ครอบครัวเดียวกัน หลินกู๋หยู่ไม่้าให้คนนอกพูดว่าฉือเย่ได้รับการปฏิบัติไม่ดีจากพวกเขา
การฝึกฝนทำให้เกิดความสมบูรณ์แบบ ในตอนแรกหลินกู๋หยู่ทำเสื้อผ้าได้ช้ามาก โดยปกติแล้วจะต้องใช้เวลาสองสามวัน แต่ตอนนี้นางทำได้เร็วขึ้นมาก นางใช้เวลาในการเย็บผ้าหนึ่งตัวเพียงหนึ่งวันเท่านั้น
ฉือหางพยายามจ้องไปที่คำเ่าั้ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เริ่มอ่านอีกครั้ง
ภายในห้องเงียบมาก ทุกคนกำลังง่วนอยู่กับเื่ของตัวเอง
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของซ่งซื่อลอดดังมาจากข้างนอก
หลินกู๋หยู่วางสิ่งที่กำลังทำอยู่ในมือ วางเสื้อผ้าบนชั้นวางแล้วเดินออกไปข้างนอก
หลินกู๋หยู่เปิดประตูใหญ่
ใบหน้าของซ่งซื่อแดงก่ำ นางมองหลินกู๋หยู่ด้วยน้ำตาคลอเบ้า สูดจมูกอย่างแรง "ฉือเย่มาที่นี่ใช่หรือไม่?"
"อืม" หลินกู๋หยู่มองท่าทีของซ่งซื่อ เอ่ยถามอย่างเป็ห่วง "พี่สะใภ้ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นหรือ?"
ซ่งซื่อยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้า เม้มริมฝีปาก ก่อนที่จะยกมือขึ้นปาดน้ำตาอีกหน "พี่สะใภ้รองของเ้าไม่ใช่มนุษย์จริงๆ!"
เดินตามซ่งซื่อเข้าไปในบ้าน ซ่งซื่อเห็นว่าฉือเย่กำลังอ่านหนังสือจึงก้าวไปข้างหน้า "น้องสี่"
ฉือเย่ลุกขึ้นมองซ่งซื่อด้วยสีหน้างุนงง "พี่สะใภ้ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นหรือ?"
“เ้ากลับไปดูว่าเงินของเ้ายังอยู่หรือไม่ แต่ข้าคิดว่ามันน่าจะหายไปแล้ว” ซ่งซื่อสะอึกสะอื้น “จะต้องเป็พี่รองและพี่สะใภ้รองของเ้าขโมยไปแล้วอย่างแน่นอน แต่พวกเขาทั้งสองคนไม่ยอมรับ"
เมื่อได้ยินสิ่งที่ซ่งซื่อพูด ฉือเย่มีสีหน้าลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย เขารีบสาวเท้าเดินออกไปข้างนอก
เมื่อเห็นฉือเย่เดินออกไป ซ่งซื่อก็เดินตามไป
เมื่อเห็นคนทั้งสองออกไป หลินกู๋หยู่ก็รีบปิดประตู จากนั้นก้มลงหยิบกล่องไม้ออกมาจากรูบนเตียงเล็ก เปิดกล่องไม้ออกดู เห็นว่าเงินทั้งหมดถูกวางไว้ข้างในอย่างเงียบๆ ก่อนที่จะนำเงินวางกลับไปยังที่เดิมอย่างปลอดภัย
หลังจากนั้นไม่นาน ฉือเย่ก็กลับมา
การแสดงออกบนใบหน้าของฉือเย่ไม่น่าดูนัก หลินกู๋หยู่จึงยื่นมือออกไปผลักแขนของฉือหางออกไป
"น้องสี่ เ้า..." ฉือหางเงยหน้าขึ้นจากหน้าหนังสือ คำเหล่านี้ดูแล้วก็ทำให้คนปวดศีรษะ
"เงินหายไปแล้ว" ฉือเย่ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ เขาคิ้วขมวดแน่น "ตอนนี้ข้ากำลังวางแผนที่จะสอบคัดเลือกเข้ารับราชการระดับท้องถิ่น"
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเช่นกัน นางเงยหน้าขึ้นมองฉือเย่ก่อนจะเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ "ว่าแต่พี่สะใภ้ใหญ่รู้ได้อย่างไรว่าพี่สะใภ้รองเป็คนทำ?"
"วันนี้พวกเราไปไหว้บรรพบุรุษ ไม่มีใครอยู่บ้านนอกจากพี่สะใภ้รองกับพี่รอง" สีหน้าของฉือเย่ย่ำแย่ยิ่งขึ้น เขาเม้มริมฝีปากเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองหลินกู๋หยู่
เมื่อมองไปที่การแสดงออกของฉือเย่ หลินกู๋หยู่ก็ขมวดคิ้วแน่น
เงินจำนวนห้าสิบตำลึงไม่ใช่เงินน้อยๆ เลย หากครอบครัวของพวกเขาจะให้เงินทั้งหมดแก่ฉือเย่เพื่อการศึกษา ชีวิตของครอบครัวของพวกเขาก็จะยิ่งยากจนลงอย่างแน่นอน
เมื่อคิดถึงเื่นี้ หลินกู๋หยู่ก็มองไปที่ฉือหางด้วยอาการปวดศีรษะเล็กน้อย นางเดินไปนั่งข้างฉือหาง
ใบหน้าของฉือหางก็ไม่น่ามองหลังจากรับรู้เื่ทั้งหมด "พี่สะใภ้ใหญ่สูญเงินไปเท่าไรหรือ?"
"ประมาณหกสิบตำลึง ของข้าคือห้าสิบตำลึง" ฉือเย่ปิดหนังสือด้วยอาการปวดศีรษะ เขาไม่รู้จะพูดอะไรไปชั่วขณะหนึ่ง
“เป็เงินทั้งหมดหนึ่งร้อยสิบตำลึง” หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น “แล้วทำไมครอบครัวพี่รอง้าเงินมากขนาดนี้ เดิมทีพวกเขาก็มีเงินห้าสิบตำลึงอยู่แล้วนี่”
ด้วยเงินมากมายเท่านี้ มากเกินพอที่จะซื้อบ้านในเมืองได้หนึ่งหลังแล้ว
ฉือเย่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
เขาเป็ผู้เรียนหนังสือ และเขาก็รู้ว่าเขาไม่มีทางสอบคัดเลือกได้โดยไม่มีเงิน
“ข้าจะไปดูที่นั่น” หลินกู๋หยู่ถอนหายใจเบาๆ “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราควรให้พี่รองและพี่สะใภ้รองรู้ถึงความร้ายแรงของเื่นี้”
"พี่สะใภ้ใหญ่ทะเลาะกับพี่สะใภ้รองทั้งวันแล้ว แต่พี่สะใภ้รองไม่ยอมรับ" ใบหน้าของฉือเย่น่าเกลียดเล็กน้อย เสียงของเขาฟังดูหดหู่ "พี่สะใภ้สาม ถึงพี่ไปก็ไม่มีผลลัพธ์อะไรขึ้น"
"ท่านแม่รู้หรือไม่ว่าเ้าทำเงินหาย?" จู่ๆ หลินกู๋หยู่ก็นึกขึ้นได้ว่าโจวซื่อยังมีเงินอยู่ เดิมทีเงินก้อนนั้นก็มีไว้สำหรับการศึกษาของฉือเย่
ใบหน้าของฉือเย่ไม่น่าดูนัก เขาพยักหน้าช้าๆ
ตอนนี้โจวซื่อรู้เื่นี้แล้ว หลินกู๋หยู่ก็หันหลังกลับและไปทำเสื้อผ้าต่อไป โจวซื่อเป็มารดาของฉือเย่ ดังนั้นนางจะต้องหาทางแก้ไขเื่นี้อย่างแน่นอน
ทางฝั่งเรือนใหญ่ก็ยังคงมีเสียงทะเลาะดังลอดมา ใน่สองวันที่ผ่านมา ฉือเย่ไม่มีกะจิตกะใจจะอ่านหนังสือ เขามักจะถอนหายใจเสมอ
พริบตาเดียววันส่งท้ายปีเก่าก็มาถึง แต่ยังคงไม่รู้ว่าเงินก้อนนั้นหายไปไหน
หลินกู๋หยู่เห็นสภาพของฉือเย่ นางยิ้มปลอบโยน "เ้าไม่ต้องกังวล เ้าจะได้ไปสอบคัดเลือกอย่างแน่นอน ครอบครัวของเรายังมีเงินอยู่ ถึงเวลานั้นเ้าใช้เงินของเราก่อนก็ได้"
ฉือเย่เงยหน้ามองหลินกู๋หยู่อย่างซาบซึ้ง ขณะที่เขากำลังจะพูด จู่ๆ มีคนตบไหล่ของเขา
เมื่อมองไปด้านข้างฉือหางที่ยืนอยู่ข้างๆ "เ้าจะกังวลทำไมหรือ อย่างไรเสียครอบครัวของเราก็สำคัญที่สุด รอให้อากาศอบอุ่นกว่านี้ ข้าขึ้นไปบนูเาสองสามครั้ง บางทีข้าอาจหาเงินได้มากพอ"
ถ้อยคำเหล่านี้ทำให้หัวใจของฉือเย่อบอุ่น
ในตอนเย็นหลินกู๋หยู่คลึงแป้งเกี๊ยว นางขอให้ฉือหางและฉือเย่ช่วยกันห่อเกี๊ยว
เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังง่วนอยู่กับการห่อเกี๊ยว โต้ซาจึงเอะอะอยากจะห่อเกี๊ยวด้วย หลินกู๋หยู่จึงให้แป้งชิ้นเล็กๆ แก่โต้ซาและบอกให้เขาเล่นด้วยตัวเอง
ทุกครัวเรือนจะจุดประทัดใน่กลางดึก หลินกู๋หยู่จับมือของโต้ซาเดินออกมาจากบ้าน จากนั้นยกสองมือช่วยโต้ซาปิดใบหู คลี่ยิ้มมองไปที่ฉือหางที่กำลังจะจุดประทัด
อาจเป็เพราะเทศกาลปีใหม่ จึงไม่มีเสียงทะเลาะดังจากเรือนใหญ่ของสกุลฉือ
หลังจากส่งท้ายปีเก่า ฉือเย่ก็บอกว่าเขาง่วงแล้ว จากนั้นขอตัวกลับไปนอน
เดิมทีโต้ซายังเป็เด็กเล็ก อยู่ส่งท้ายปีนานขนาดนี้ เขาก็หาวั้แ่ก่อนหน้าแล้ว หลังจากที่หลินกู๋หยู่ช่วยโต้ซาอาบน้ำ นางและฉือหางก็อาบน้ำแล้วขึ้นเตียงเข้านอน
วันแรกของปีใหม่
เมื่อหลินกู๋หยู่ลืมตาขึ้น นางเห็นม่านเตียงสีเทา พลันรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ความจริงอยู่หลายส่วน
ผู้ชายที่อยู่ข้างๆ ตื่นแล้ว เมื่อเห็นนางลุกขึ้นนั่ง เขาโน้มตัวไปที่จูบหน้าผากเบาๆ "น้องหญิง เ้าตื่นแล้วหรือ?"
หลินกู๋หยู่ยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย "สวัสดีปีใหม่!"
ในวันแรกของปีใหม่ทางจันทรคติ ผู้คนต่างออกจากบ้าน กล่าวคำที่เป็สิริมงคลกับเพื่อนๆ และคนรอบข้าง และยังมอบขนมหวานให้กับเด็กๆ
สำหรับเด็กแล้ว จะทานขนมหวานลูกกวาดได้เฉพาะ่ปีใหม่เท่านั้น
หลินกู๋หยู่สวมเสื้อผ้าชุดใหม่ให้โต้ซาั้แ่เช้า ชุดสีเขียวอ่อนทำให้เด็กน้อยดูกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา สวมหมวกสีแดงบนศีรษะด้วย
“ท่านแม่ สวัสดีปีใหม่!” โต้ซากล่าวพร้อมโค้งคำนับอย่างตื่นเต้น
ไม่รู้ว่าโต้ซาเรียนรู้จากใคร ท่าทางของเขานั้นตลกมาก หลินกู๋หยู่ยิ้มก่อนจะมอบเหรียญทองแดงให้โต้ซาห้าเหรียญ โดยบอกว่ามันเป็เงินนำโชคและเป็เงินกำจัดปีศาจ
โต้ซายัดเงินนำโชคลงในกระเป๋าข้างของตนเองอย่างระมัดระวัง จากนั้นตบมันอย่างแรง เด็กน้อยพูดอย่างตื่นเต้นว่า "ข้าก็มีกระเป๋าเงินด้วยเช่นกัน"
หลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลินกู๋หยู่ก็ยัดอะไรบางอย่างเข้าไปในแขนเสื้อ คนในครอบครัวทั้งสามคนก็ออกไปเตรียมตัวสำหรับอวยพรปีใหม่
แน่นอนว่าการอวยพรวันปีใหม่ ก่อนอื่นจะต้องไปที่เรือนใหญ่ของสกุลฉือ เด็กสาวนำโต้ซาเข้าไปข้างใน หลินกู๋หยู่ทำความเคารพโจวซื่อ โดยโขกศีรษะจรดพื้นตามฉือหาง ก่อนจะลุกขึ้นยืน
ใบหน้าของโจวซื่อไร้อารมณ์ความรู้สึก ใบหน้าของนางไม่น่าดูนัก แต่กระนั้นนางก็ยังให้เหรียญทองแดงให้กับโต้ซาสองเหรียญ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้