“ตูม!” เสียงดังที่เคยเกิดขึ้นในสระทำให้น้ำกระจายทั้งสามคนออกวิ่งโดยไม่ได้นัดหมาย
“เกิดอะไรขึ้นขอรับพี่ใหญ่ข้าและน้องเล็กใแทบแย่”ปลาตัวใหญ่ที่ะโขึ้นมาจากน้ำคล้ายกำลังพบเหยื่อโชคดีแล้วที่พวกนางไม่ได้ลงน้ำไม่งั้นคงแย่แน่
“พวกเรารีบออกจากที่นี่กันเถอะไม่แน่ว่า จะมีตัวอะไรมาอีกถ้าพวกเ้าหิวพวกเรากินผลไม้ ที่เก็บเมื่อวานกันเถอะ”
“เด็กน้อยพวกเ้าเป็ใครมาจากไหนและเข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”
เสียงของผู้เฒ่าดังขึ้น ก่อนจะมีชายชราอายุประมาณเจ็ดสิบปี มีเส้นผมสีขาวยาวมาถึงเอว ท่าทางใจดีดวงตาใส หน้ามีเืฝาด เหมือนคนแก่สุขภาพดีเดินเข้ามาหาทั้งสามคน
“คารวะท่านผู้เฒ่าพวกข้าสามพี่น้อง เดินหลงทางเข้ามากำลังจะหาทางออกอยู่เ้าค่ะ”
“ข้าอยู่ที่แห่งนี้มานานแล้วไม่เคยมีมนุษย์หน้าไหนมาที่นี่เลย เป็ไปได้ยังไงที่พวกเ้าจะเข้ามาอยู่ตรงที่แห่งนี้ได้”
“ท่านปู่ขอรับข้าและพี่ใหญ่และน้องเล็กถูกพายุหมุนพัดเข้ามาั้แ่เมื่อวานขอรับ”
“พายุหมุนยังงั้นรึ คงเป็ฝีมือใครสักคนเป็แน่ เอาเถอะไหนๆ พวกเ้าก็เข้ามาแล้วข้าจะพาเ้าไปส่งตรง ทางออกเองตามมาข้าจะพาไปส่ง”
“ว่าแต่เ้าแม่นางน้อย เ้าโดนพิษมาหรือไม่ทำไมหน้าตาเ้าขาวซีดเช่นนี้ มาให้ข้าช่วยตรวจชีพจรให้”
“ท่านผู้เฒ่าเป็หมอหรือเ้าคะ งั้นช่วยตรวจให้น้องทั้งสองคนของข้าได้ด้วยหรือไม่เ้าคะ”
“น้องของเ้าไม่เป็อะไรหรอกมีแต่เ้าเท่านั้น”พูดแล้วชายชราก็จับข้อมือของเด็กสาวเพื่อตรวจชีพจร
ผ่านไปสักพักหนึ่งเขามองหน้าเด็กสาวอีกครั้ง
“เ้าโดนพิษมาจริงๆ ด้วย แต่เพิ่งโดนมาไม่นานนี่เองน่าจะไม่ถึงหนึ่งปีที่ผ่านมา”
เด็กสาวได้ยินก็มองหน้าน้องทั้งสอง ด้วยความสงสัยว่านางไปโดนพิษมาั้แ่เมื่อไหร่
“ไม่น่าล่ะพี่ใหญ่ถึงใช้พลังไฟไม่ได้ น่าจะเป็เพราะว่าโดนพิษนี่เอง ท่านตาพอจะรักษาพี่สาวของข้าได้หรือไม่ขอรับ”
“พิษที่ว่าเป็พิษสลายพลังิญญา ต้องใช้เวลารักษาถ้าหากอยากให้ข้ารักษาพี่สาวของพวกเ้า ทุกคนจะต้องพักอยู่ที่นี่นานเป็เดือนพวกเ้าจะยอมหรือไม่”
“ยอมเ้าค่ะ ขอรับ” น้องทั้งสองตอบพร้อมกัน
“อย่างนั้นพวกเ้าตามมา ข้าจะพาพวกเ้าไปที่พักเพื่อรักษาพี่สาวของเ้า”
“ขอบคุณเ้าค่ะท่านผู้เฒ่า ที่ท่านจะช่วยรักษาข้า”
“พวกเ้าเรียกข้าว่าท่านตาเถอะแล้วพวกเ้าล่ะมีชื่อว่า อะไรบ้าง”
“ข้าเป็พี่ใหญ่มีชื่อว่าหลิวซี น้องรองชื่อว่าหลิวหยางและน้องเล็กชื่อว่าหลิวซิงเ้าค่ะ”
ทั้งสามพี่น้องเดินตามผู้เฒ่าหนวดขาว มาได้สักระยะหนึ่งก็เห็นกระท่อมหลังกะทัดรัดอยู่กลางหุบเขา ใต้ต้นไม้ใหญ่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสมุนไพรลอยล่องมาตามอากาศ ทำให้ทุกคนรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก อาการเหนื่อยล้าหายไปจนสิ้น
“ที่นี่น่าอยู่จริงๆ พวกเราอยู่ได้แน่นอนเ้าค่ะท่านตา” เสียงเล็กน่ารักของน้องเล็กพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มตาหยี
“พวกเ้าอยู่ได้ก็ดีแล้วมาดูห้องกันว่าพวกเ้าจะอยู่ที่ไหนกันดี ส่วนหลังบ้านพวกเ้าสามารถเดินได้แต่ห้ามออกจากนอกรั้วไปเด็ดขาดเพราะอาจจะมีอันตรายได้ ถ้าใครอยากไปที่ไหนให้บอก เดี๋ยวตาจะพาไปเองพวกเ้าเข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจเ้าค่ะ ขอรับ” ทั้งสามตอบโดยพร้อมเพรียงกัน
“บ้านตาแบ่งเป็สามห้องหนึ่งเป็ของตา อีกห้องหนึ่งเป็ห้องเก็บสมุนไพรและห้องเก็บเสบียงอาหาร พวกเ้าช่วยกันเก็บสมุนไพรย้ายมาไว้ตรงกลางห้อง ให้เ้ารองมานอนกับตา ส่วนเ้าสองพี่น้องก็นอนด้วยกัน”
สามพี่น้องช่วยกันย้ายของตามคำสั่งของท่านตา ส่วนท่านตานั้นเดินหายออกไปจากบ้าน หลังจากช่วยพวกเด็กๆสักพักหนึ่ง สามพี่น้องช่วยกันย้ายเรียบร้อยแล้วท่านตาก็กลับมา
"พวกเ้าหิวหรือไม่ ตามีผลไม้มาฝากพวกเ้า พากันกินเสียจะได้ไม่หิว ที่นี้ไม่มีเนื้อให้กิน "
ก้านหลิวมองชายชราด้วยความสงสัย เพราะที่นี่คือดูแปลกประหลาดไม่พบเจอสัตว์ดุและเป็พิษ ป่าทั้งป่าไม่ได้ยินเสียงสัตว์ใหญ่ และต้นไม้ที่เขียวชอุ่มสูงเสียดฟ้า ไม่มีดอกและผลจะมีเพียงก็มีแต่ต้นพุ่มเล็กเท่านั้น ที่พอจะมีผลอยู่บ้าง
“ท่านตาขอเสียมารยาทถามท่านได้หรือไม่ ว่าที่นี่คือที่ใดเพราะดูยังไงก็ ไม่เหมือนป่าปกติทั่วไปเ้าค่ะ”
“นังหนู ตาจะบอกเล่าให้พวกเ้าฟังว่า ที่นี่คือมิติส่วนตัวตาสร้างขึ้นมาเอง แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือค่ายกลที่เรียกว่าดารากล เพื่อหลบซ่อนตัวเองจากโลกภายนอกที่นี่จะเงียบสงบ ตาปรารถนาเช่นนี้ นี่คือเหตุผลที่ตาสงสัยว่าทำไมพวกเ้าถึงเข้ามาอยู่ที่นี่ได้”ทั้งสามพี่น้องหันมามองหน้ากัน ต่างคิดไปคนละทางโดยท่าทางเหม่อลอย
“อืม” เสียงของท่านตาทำให้สติทั้งสามคนกลับมาอยู่กับปัจุบัน
“อย่าพึ่งพูดคุยอะไรกันตอนนี้พวกเ้าทานผลไม้นี้ก่อน”
ทั้งสามคนกัดกินผลไม้ที่ท่านตามาให้ กลิ่นหอมหวานและมีสีทองสดน่าทาน พอััรสชาติที่หวานกรอบ กลืนลง ไปก็รู้สึกว่าอุ่นในท้องอย่างประหลาด ความมึนงงที่ก้านหลิวเป็อยู่หายไป นางยกมือลูบหน้าตัวเองและมองดูแขนที่เล็กจ้อยนี้ “ข้าทะลุมิติมาเป็เด็กอายุกี่ขวบกันแน่ ถ้าแขนจะเล็กขนาดนี้น่าจะสิบสองหนาวเป็แน่”
“ผลไม้นี้อร่อยมากท่านตา แถมยังรู้สึกอุ่นท้อง ผลไม้นี้มีชื่อว่าอะไรเลยเ้าค่ะ” เสียงน่ารักออกไปทางออดอ้อนของเด็กน้อยวัยสี่หนาวทำให้ท่านตายยิ้มและตอบนางด้วยความเอ็นดู
“ผลไม้นี้มีชื่อว่าทองสุขกินเข้าไปแล้วจะทำให้สดชื่น มันมีพลังปราณจึงทำให้พวกเ้ารู้สึกดีขึ้นจากความอ่อนเพลีย และไม่หิว เพราะตาไม่ทานเนื้อสัตว์ ที่แห่งนี้จึงมีแต่ผลไม้เท่านั้นที่ทานได้พวกเ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ นังหนูเ้าเตรียมตัวไว้ด้วยอีกประมาณหนึ่งชั่วยาม ตาจะเริ่มรักษาเ้าเลยจะได้ไม่เสียเวลา”
พอได้เวลาชายชราก็ได้พาก้านหลิวมายังข้างบ่อน้ำ โดยมีถังไม้เนื้อดีขนาดใหญ่ ที่ผู้ใหญ่แบบท่านตาเข้าไปแช่ได้สบาย ใส่น้ำไว้ครึ่งหนึ่ง หลังกินยาแล้วไปแช่ตัวในถังน้ำ โดยมีน้องทั้งสองนั่งให้กำลังใจอยู่ข้างๆแบบเงียบๆ เวลาผ่านไป เพียงจิบชา ก้านหลิวมีเหงื่อออกตามหน้าผากใบหน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวดำคิ้วสวยได้รูปขมวดเข้าหากันด้วยความเ็ป มือทั้งข้างบีบแน่นแต่ไร้เสียง ชายชรายืนมองอยู่ใกล้ๆ
“นังหนูนี้มีความอดทนดีแท้ไม่ร้องสักแอะ ทั้งที่ทรมานและเ็ปขนาดนั้น”
เวลาแห่งความเ็ปและทรมานเหมือนกระดูกในร่างกายแตกสลาย จนก้านหลิวแทบทนจะไม่ไหว ในที่สุดก็สิ้นสุดลงน้ำในถังที่เคยขาวสะอาด ดำข้นพร้อมทั้งกลิ่นเหม็น น้องทั้งสองคนต้องยกมือขึ้นปิดจมูก
“นังหนูเ้าลุกขึ้นมาได้แล้ว ลงไปแช่ตัวในถังน้ำใบเล็กโน้น”
หลิวซีเดินไปแช่ตัวตามที่ท่านตาบอก อย่างรีบเร่งเพราะกลิ่นที่แรงมากเหมือนไม่ได้อาบน้ำเป็ปี แต่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเบาตัวสบาย แบบไม่เคยเจอมาก่อน
เพราะตอนอยู่ในโลกเก่านางป่วยบ่อยโดยมีอาการ มึนหัวภูมิแพ้ตอนนี้สบายดียิ่งเหมือนเกิดใหม่ หลังจากแช่น้ำได้ สักพัก ท่านตาให้นางลองโคจรพลังดู โดยเริ่มตั้งสมาธิเพ่งไปที่จุด ตันเถียนเวลาผ่านไป ก้านหลิวลืมตาขึ้นมา
“ท่านตาข้าทำสำเร็จแล้ว จุดตันเถียนมีแสงสีขาวดวงเล็กๆ อยู่เ้าค่ะ”
“เก่งมากนังหนูต่อไปเ้าก็ขยันฝึกฝนบำเพ็ญโคจรพลัง เ้าถึงจะผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้”ท่านตาบอกให้ทั้งสามพี่น้องไปพักผ่อน “พรุ่งนี้ตามีเื่จะบอกกล่าวกับพวกเ้าทั้งสามคน”
“พี่ใหญ่ พี่เป็ยังไงบ้างเ้าคะใครกันนะ ใจร้ายวางยาพี่ใหญ่ได้ลงคอ วันหน้าถ้าข้าเก่งขึ้นข้าจะไปล้างแค้นช่วยพี่ใหญ่เ้าค่ะใช่ไหมพี่รอง”
“มันแน่นอนอยู่แล้วน้องเล็ก ข้าจะต้องล้างแค้นให้พี่ใหญ่และท่านพ่อท่านแม่”นางมองน้องทั้งสองคนด้วยความรัก ก่อนจะยกมือลูบผมเบาๆ แล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อน
เมื่อทุกคนกินอาหารเช้าเสร็จก็คือผลไม้ตามเคย ท่านตามาพูดคุยซักถามรายละเอียดว่าเป็ไปมาไง จึงมาอยู่ที่นี้ได้น้องรองเป็คนเล่า แต่ก็ไม่ได้ละเอียดนักเพราะเื่บางเื่เขาก็ไม่อาจรับรู้ได้ รู้เฉพาะที่ผู้ใหญ่ให้รู้เท่านั้นว่าตระกูล มีการขัดแย้งกันเื่ผลประโยชน์ และท่านพ่อท่านแม่ถูกขับออกจากตระกูลและกำลังเดินทาง ไปยังต่างเมืองก็คือเมืองสุริยันต์เพื่อที่จะไปอาศัยอยู่และตั้งตระกูลใหม่ที่นั่น แต่มาเจอพายุหมุนเข้าเสียก่อนยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้ท่านพ่อกับท่านแม่จะเป็ยังไงบ้าง
“อืม!”ท่านตาพยักหน้ายกมือขึ้นรูปหนวดสีขาว คิ้วขมวดเข้าหากันใบหน้ากำลังคิดบางอย่าง
“ถ้าปล่อยเด็กทั้งสามคนออกไปเวลานี้ คิดว่าคงไปได้ไม่ไกลเพราะดูจากที่เล่ามา เหมือนมีคน้าให้ทั้งครอบครัวสูญหายไปจากโลกใบนี้”
“ในเมื่อพวกเ้าก็เรียกข้าว่าท่านตาแล้ว ต่อไปพวกเ้าก็พักอาศัยอยู่ที่นี่ก่อน ออกไปข้างนอกตอนนี้คิดว่าไม่ปลอดภัยข้าจะสอนวิชาเอาตัวรอดเล็กๆ น้อยๆ ให้กับพวกเ้าระหว่างอยู่ที่นี่พวกเ้าคิดเห็นว่ายังไง”สามพี่น้องมองหน้ากันและพยักหน้าเห็นด้วยกับท่านตา
ท่านตาเลยบอกกล่าวกับทั้งสามคนว่าถ้าจะสอนวิชาให้จะต้องรับทั้งสามคนพี่น้อง เป็ลูกศิษย์ทั้งสามคนพี่น้อง ก็ตกลงยกน้ำชา เป็ศิษย์อาจารย์และเริ่มเรียนวิชาั้แ่นั้น ๆเป็ต้นมา
โดยพี่ใหญ่หลิวซีเรียนปรุงยา อักขระค่ายกล น้องรองเรียนการต่อสู้เรียกว่าดาราล้อมซึ่งใช้ความไวเป็หลัก ส่วนน้องเล็กที่เล็กมากแต่ก็รู้ความ อาจารย์เลยสอนวิธีเอาตัวรอดและหนี ท่านอาจารย์เคยกล่าวไว้ว่าโลกนี้กว้างใหญ่ ถ้าทุกคนสามารถเอาตัวรอดได้ ก็ให้ไปแสวงหาความรู้จากอาจารย์ท่านอื่น ๆ ตัวท่านอาจารย์เองรักสันโดษไม่ ้าลาภยศ้าอยู่เงียบๆ ในที่ตัวเอง้าเท่านั้น
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าทุกคนตั้งใจอยู่การฝึกฝนเพื่อที่จะออกไปเดินทางตามหาท่านพ่อท่านแม่ แม้ในใจลึก ๆของทั้งสามคนก็ยังคิดว่า พวกท่านต้องมีชีวิตอยู่เป็แน่ แม้ตอนที่ก่อนจะเกิดลมหมุน มีบางอย่างเกิดขึ้นก่อนแล้วมีเพียงหลิวหยางเท่านั้นที่เห็นเหตุการณ์แต่เก็บไว้เป็ความลับกับตัวเอง เพราะกลัวพี่ใหญ่กับน้องเล็กจะเสียใจมากไปกว่านี้
