เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 (แปลจบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        ในตอนแรกเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ตระหนักถึงปัญหานี้

        เหล่าอาจารย์อันชิ่งอีจงโปรดปรานเธอ อาจารย์ใหญ่ซุนรวมอยู่ในนั้นเช่นกัน ขาดเพียงแต่เชิดชูบูชาเธอแล้ว

        เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้คิดว่าตัวเธอเป็๲ต้าถวนเจี๋ย ซึ่งทุกคนต้องชอบเธอ แต่เธอนั้นตั้งใจเรียนอย่างจริงจัง นาฬิกาชีวิตถูกปรับเป็๲ปกติ๻ั้๹แ๻่วันที่สอง คนตื่นเช้าที่สุดในห้องคือหยางหย่งหง หยางหย่งหงเพิ่งสอบเข้าหัวชิงสำเร็จในวัย 22 ปี ไม่ใช่เพราะเธอเข้าเรียนช้ากว่าเกณฑ์ ทว่าเป็๲เพราะเธอเข้าร่วมการสอบเกาเข่าทั้งหมดสามครั้ง

        การสอบเกาเข่าทั้งสามครั้งนี้ เสร็จสิ้นภายใน 4 ปี

        สอบเกาเข่าครั้งที่หนึ่ง หยางหย่งหงสอบได้ต่ำกว่าเกณฑ์รับเข้าของมหาวิทยาลัยชั้นนำห้าคะแนน ความประสงค์คือหัวชิง ตกอันดับ

        สอบเกาเข่าครั้งที่สอง หยางหย่งหงสอบได้สูงกว่าเกณฑ์รับเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำยี่สิบแปดคะแนน ความประสงค์คือหัวชิง ตกอันดับ

        ปีที่สาม ครอบครัวหยางหย่งหงไม่ยอมให้เธอเรียนหนังสือต่อ เธอจะเลือกหัวชิงเท่านั้น กรอกมหาวิทยาลัยอื่นไปแทนไม่ได้หรือ? ต้องทราบก่อนว่าในโรงเรียนมัธยมปลายประจำชุมชนที่เธอเรียนอยู่ ไม่มีสักคนที่สอบติดมหาวิทยาลัยชั้นนำ หยางหย่งหงได้สร้างสถิติใหม่ขึ้นมาแล้ว!

        เธอไม่ย่อท้อนั่นเอง เชื่อว่าตนยังสามารถมุมานะได้อีกสักหน่อย

        ถ้าไม่เข้าหัวชิง เธอก็ไม่เรียนมหาวิทยาลัยอื่น!

        “คนในหมู่บ้านหัวเราะเยาะบ้านฉันกันทั้งนั้น ด่าพ่อแม่ฉันว่าเป็๞คนโง่ ทั้งที่มีน้องชายอีกสองคน ยังปล่อยให้ฉันทำสร้างปัญหา ควรให้ฉันเรียนมหาวิทยาลัยอะไรก็ได้ หรือไม่ก็กลับไปออกเรือนดีๆ แต่หัวชิงน่ะแตกต่าง ฉันคิดว่าตัวเองสามารถสอบเข้าได้...”

        อาจเพราะเซี่ยเสี่ยวหลานเป็๲คนตรงไปตรงมามาก กระทั่งเ๱ื่๵๹มีแฟนก็ไม่ปกปิดจากทุกคน หยางหย่งหงจึงซื่อสัตย์ต่อเซี่ยเสี่ยวหลานเช่นกัน จึงตัดสินใจบอกเ๱ื่๵๹ส่วนตัวพวกนี้แก่เซี่ยเสี่ยวหลาน

        หัวชิงไม่เหมือนที่ไหนอย่างแน่นอน หยางหย่งหงแบกรับความกดดันไว้ ถ้าบังคับเธอแต่งงานเธอจะดื่มยาฆ่าแมลงปลิดชีพตนเสีย ในหนึ่งปีที่หยุดเรียนก็ให้เธอทำงานเกษตรที่บ้าน เธออ่านหนังสือพลางก่อไฟพลาง อ่านจนเคลิบเคลิ้ม ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฟืนได้กระเด็นออกมาจากด้านในเตาไฟ และกองฟืนก็ติดไฟจนเกือบเผาบ้านทั้งหลังวอดวาย

        บ้านหยางจำนนแล้ว

        สุดท้ายก็ตกลงให้หยางหย่งหงเรียนหนังสืออีกครั้ง

        และครั้งนี้ หยางหย่งหงพร้อมด้วยกระบี่ที่ลับมาสี่ปี ได้คะแนนอันดับหนึ่งของเขต ประสบความสำเร็จในการถูกมหาวิทยาลัยหัวชิงรับเข้าศึกษา!

        สำหรับหยางหย่งหง หัวชิงคือคือมหาวิทยาลัยที่เธอเฝ้าปรารถนาแม้ยามหลับฝัน โอกาสศึกษาเล่าเรียนล้ำค่าถึงเพียงนี้ หากสิ้นเปลืองเวลาไปกับนอนตื่นสาย ช่างเป็๞การเสียเวลาชีวิตเลยทีเดียว! ดังนั้นหยางหย่งหงจึงตื่นนอนเวลา 5 นาฬิกา 40 นาทีเสมออย่างเคร่งครัด

        “พื้นฐานภาษาอังกฤษฉันไม่ดี ต้องท่องศัพท์เพิ่มเยอะๆ ”

        หยางหย่งหงอิจฉาลฺหวี่เยี่ยนยิ่งนักที่ได้ใช้เครื่องอัดเสียง ฟังเทปภาษาอังกฤษไปพร้อมกับท่องคำศัพท์ ในเทปคือเสียงสำเนียงของชาวต่างชาติอย่างเ๯้าของภาษา ไม่เหมือนภาษาอังกฤษหูหนวกเป็๞ใบ้ [1] ของหยางหย่งหง

        เ๱ื่๵๹ของหยางหย่งหงเป็๲เพียงหนึ่งในกรณีต้นแบบที่๼ะเ๿ื๵๲ใจเซี่ยเสี่ยวหลาน ในหัวชิง มีกรณีเฉกเช่นหยางหย่งหงเยอะแยะเหลือเกิน ไปที่ไหนล้วนคือสุดยอดนักเรียน และเหล่านักเรียนดีเด่นเช่นนี้ยังคงคิดว่าตนเองพากเพียรไม่พอ นักศึกษาใหม่ต้องแย่งชิงที่นั่งในห้องสมุดกับนักศึกษาเดิม ชิงห้องอ่านหนังสือ ใครก็ไม่ยอมเฉื่อยชา

        มันเป็๞ความกระตือรือร้นอย่างที่เซี่ยเสี่ยวหลานมุมานะเตรียมตัวพร้อมลงสนามก่อนการสอบเกาเข่า นักศึกษาหลายคนรวมถึงหยางหย่งหงรักษานิสัยการเรียนก่อนสอบเกาเข่ามาจนถึงมหาวิทยาลัย

        แม้แต่สุดยอดนักเรียนยังขยันขันแข็ง เซี่ยเสี่ยวหลานมีคุณสมบัติอะไรที่จะไม่ขยัน?

        หยางหย่งหงตื่นนอนเวลา 5 นาฬิกา 40 นาที ส่วนเซี่ยเสี่ยวหลานตื่นตามหลังแค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น พอ 6 นาฬิกาเธอก็ลงจากหอพักไปวิ่งที่สนามอย่างตรงเวลา         

        อากาศยามเช้านั้นสดชื่นยิ่งนัก และช่วยให้เซี่ยเสี่ยวหลานขบคิดได้อีกด้วย

        หลังกลับหอพักในเวลาหกโมงครึ่ง เธอเหงื่อไหลโทรมกาย ย่อมต้องไปอาบน้ำก่อนและค่อยพูดเ๹ื่๪๫เรียนทีหลังเป็๞ธรรมดา ภายในห้องพักไม่มีห้องอาบน้ำส่วนตัวแยกต่างหาก ถ้าจะอาบน้ำต้องไปโถงอาบน้ำหญิง เซี่ยเสี่ยวหลานไปเช้าเย็นเวลาละครั้ง เพิ่งผ่านไปเพียงสองวัน ในหอพักหญิงก็มีคนพูดกันว่าการใช้ชีวิตของเธอไม่สมถะแม้แต่น้อย สุรุ่ยสุร่ายเกินควร!

        เซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่รับรู้คำกล่าวเหล่านี้

        เธอรู้สึกว่าตนเองไม่หย่อนยานด้านการเรียนเช่นกัน ความเคยชินในการวิ่งออกกำลังกายมีมา๻ั้๫แ๻่ชาติก่อน หากคนเราไม่มีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ก็หมดหนทางยืนหยัดต่อสู้อย่างยั่งยืน

        แต่ทำไมอาจารย์ถึงไม่ชอบเธอ?

        เซี่ยเสี่ยวหลานครุ่นคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ “ซูจิ้ง เธอว่าอาจารย์หวังวิชาคณิตขั้นสูงมักดูไม่พอใจฉันบ่อยๆ ไหม?”

        อาจารย์หวังให้โอกาสทุกคนได้พูดอย่างเสรี เข้าเรียนมาสองสามคาบแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานอยากมีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้นเหมือนกัน ทว่าอาจารย์หวังเมินเฉยต่อเธอเหลือเกิน

        ในทางกลับกัน อาจารย์หวังโปรดหนิงเสวี่ยยิ่งนัก

        “สำหรับการเรียนสถาปัตยกรรมน่ะ คณิตศาสตร์มีส่วนช่วยเยอะมาก อย่าคิดว่าคณิตศาสตร์ไม่สำคัญ คณิตศาสตร์คือพื้นฐานของทุกวิชา!”

        นักศึกษาห้องสองพยักหน้ารับอย่างว่านอนสอนง่าย อาจารย์หวังเปลี่ยนประเด็นทันที “โจทย์ข้อนี้ หนิงเสวี่ย เธอมาอธิบายวิธีคิดของเธอหน่อย”

        หนึ่งคาบเรียน อย่างน้อยจะเรียกนักศึกษาสิบกว่าคนมาตอบคำถาม หนิงเสวี่ยครองไปห้าหกข้อจากทั้งหมด ส่วนนักศึกษาคนอื่นเฉลี่ยข้อที่เหลือจากหนิงเสวี่ยเท่าๆ กัน ทว่าในหมู่ ‘นักศึกษาคนอื่น’ นี้ ไม่มีเซี่ยเสี่ยวหลานสักครั้งเดียว แม้ว่าเธอไม่แย่งชิงความโปรดปรานกับนักเรียนกลุ่มใหญ่ แต่อาจารย์ก็ไม่ควรมองข้ามเธอเช่นนี้สิ?

        ในที่สุดเซี่ยเสี่ยวหลานก็อดไม่ได้ที่จะถามซูจิ้งออกไป

        ซูจิ้งอึกอัก

        “เสี่ยวหลาน ไม่รู้ว่าใครเริ่มพูดก่อน ว่าเธอไม่เคารพตัวเองโดยการมีแฟน๻ั้๫แ๻่มัธยมปลาย เธออาบน้ำวันละสองหนซึ่งไม่อดทนและสมถะแม้แต่นิดเดียว ยังพูดกันด้วยว่าที่เธอมาเรียนในหัวชิงได้ เป็๞เพราะครอบครัวเธอมีเส้นสาย ตอนเธอมารายงานตัวก่อนเปิดเรียน เธอขับรถจี๊ปคันใหญ่มาด้วยสินะ?”

        ตอนซูจิ้งได้ยินว่าเซี่ยเสี่ยวหลานอาศัยเส้นสายเข้าหัวชิงเป็๲ครั้งแรก เธอถึงกับตะลึงงัน

        เธอยังคิดเลยว่าตนเองเป็๞คนปักกิ่ง มีเส้นสายและมีหน้ามีตา ที่แท้เธอเป็๞แค่คนเมืองธรรมดาสามัญเมื่อเทียบกับเซี่ยเสี่ยวหลาน!

        อย่างน้อยเธอยังต้องทำแบบฝึกหัดอย่างสุจริตและใช้คะแนนเข้าหัวชิงน่ะสิ ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกลับพึ่งพาเส้นสายของครอบครัว... ซูจิ้งต้องยอมรับว่าสุดยอดจริงๆ ในขณะเดียวกันเธอไม่พอใจอยู่บ้าง และรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม

        เซี่ยเสี่ยวหลานฉงนสนเท่ห์

        “ฉันจะใช้เส้นสานอะไร? บ้านฉันมาจากชนบทอวี้หนานนะ!”

        อันที่จริงเธออยากพึ่งการเลือกเกิดสบายๆ นั่นแหละ ถ้าสามารถนอนเข้าหัวชิงได้อย่างง่ายดาย ใครจะยินดีฝ่าฟันด้วยตนเองเล่า?

        แต่พอลบบัญชีเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ยังคงไม่มีชะตาแบบนั้นอยู่ดี เซี่ยเสี่ยวหลานจึงยอมรับชะตากรรมขยันหมั่นเพียรอย่างซื่อตรงด้วยตัวเอง ความได้เปรียบเดียวที่เธอมีก็คือเธอเคยทำข้อสอบคณิตศาสตร์ชุดนั้น และนี่ก็เป็๲สิ่งที่เธอฝึกทำสิบกว่ารอบในชาติก่อน ขาดเพียงฉีกและป่นข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์เกาเข่าซึ่งยากที่สุดในประวัติศาสตร์ชุดนี้และจับยัดเข้าไปในสมองแล้ว มันเป็๲คำตอบที่เธอใช้ความหมั่นเพียรของตนจดจำนะ

        เซี่ยเสี่ยวหลานบอกว่าเธอมาจากชนบท ซูจิ้งไม่เชื่อโดยสิ้นเชิง

        หากมาจากชนบท คงไม่ต่างกับหยางหย่งหงพี่ใหญ่ประจำห้องสักเท่าไรสิ

        ทว่า๻ั้๫แ๻่ศีรษะจรดปลายเท้าของเซี่ยเสี่ยวหลาน เหมือนมาจากชนบทเสียที่ไหน!

        ถ้อยคำซุบซิบนินทาไร้หลักฐานพวกนี้คือสาเหตุที่เหล่าอาจารย์ไม่ชอบเธอหรือ?

        ซูจิ้งแววตาหลุกหลิก “เขาว่ากันว่าเธอสวยเกินไป ทนความลำบากของการเรียนสถาปัตยกรรมไม่ไหว จะย้ายสาขาในไม่ช้าก็เร็ว ฉันว่าพวกอาจารย์น่าจะเข้าใจผิดในเ๹ื่๪๫นี้ด้วย”

        ผู้ที่เหมาะจะเรียนสถาปัตยกรรมต้องเหมือนหนิงเสวี่ย

        แม้ในชื่อของหนิงเสวี่ยมีตัวอักษร ‘เสวี่ย [2]’ ทว่าผิวของเธอกลับไม่ได้ขาวผุดผ่อง หรืออีกอย่างหนึ่งคือเคยขาว ทว่าเธอเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อตระเวนสำรวจสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ใน๰่๭๫ปิดภาคเรียนฤดูร้อนมัธยมปลาย ด้วยความ กระตือรือร้นแสวงหาความรู้ด้านสถาปัตยกรรมทำให้หนิงเสวี่ยไม่ว่างพอที่จะใส่ใจรูปกายภายนอกที่หญิงสาวคนอื่นให้ความสำคัญ

        นี่คือบุคคลต้นแบบของสาขาสถาปัตยกรรมโดยแท้จริง แต่เซี่ยเสี่ยวหลานตรงข้ามกับต้นแบบทุกอย่าง ไม่แปลกใจที่เหล่าอาจารย์เกิดความอคติและไม่ชอบเธอ

        เซี่ยเสี่ยวหลานอยากโห่ร้องระบายความอัดอั้นตันใจเสียจริงๆ !

        อาจารย์หวัง คุณกล้าเอาโจทย์หนึ่งข้อให้ฉันทำหรือเปล่า?

        อาจารย์หลินก็อย่าได้หนีไป ฉันคิดว่าจริงๆ แล้วทักษะวิชาภาษาอังกฤษของตัวเองดีเยี่ยม... เธอคงไม่สามารถไปป่าวประกาศทุกหนแห่งได้ ว่าฉันเข้ามาโดยไม่ได้พึ่งพาเส้นสาย และคะแนนเกาเข่าก็น้อยกว่านักศึกษาต้นแบบหนิงเสวี่ยของพวกคุณแค่ 4 คะแนนเท่านั้น!

        ๰่๥๹ต้นของการเกิดใหม่ เซี่ยเสี่ยวหลานใช้ประโยชน์จากใบหน้าสวยหยาดเยิ้ม สิ่งต่างๆ ราบรื่นเพราะหน้าตาของเธอมาโดยตลอด แต่ปัจจุบันที่หัวชิง ในที่สุดความงามก็เริ่มสำแดงผลด้านลบแล้ว

         

         

         

        เชิงอรรถ

        [1]哑巴英语 ภาษาอังกฤษหูหนวกเป็๞ใบ้ คือ รูปแบบการเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่ให้ความสำคัญกับเนื้อหาในตำราเพื่อการสอบแบบสุดโต่ง ผู้เรียนลักษณะนี้มีระดับการอ่านเขียนที่ดีประมาณหนึ่ง แต่เนื่องจากละเลยการฝึกฝนทักษะฟังพูด ตลอดจนการประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ทำให้ฟังไม่ออกและพูดไม่ได้

        [2]เสวี่ย 雪 จากชื่อของหนิงเสวี่ยมีความหมายว่า หิมะ

         

         

         

         


        


นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้