ทะลุมิติไปเป็นสาวชาวนาผู้มั่งคั่งกับซาลาเปาตัวน้อยๆ (จบ)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

      

         หลินกู๋หยู่มองเนื้อหาในหนังสือปราดหนึ่ง

        ทั้งหมดเป็๲อักขระตัวเต็ม ถัดจากบทความยังมีเขียนความคิดเห็นกำกับไว้ด้วยตัวอักษรตัวเต็มยึกยักเป็๲จำนวนมาก "ข้า..."

        "ถ้าเ๯้าชอบอ่านหนังสือ เ๯้าสามารถเอาหนังสือของข้าไปอ่านได้" ฉือเย่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยพูดอย่างระมัดระวัง เขาไม่กล้าแม้แต่จะมองไปที่หลินกู๋หยู่แม้แต่นิด

        "ขอบคุณ"

        เมื่อหลินกู๋หยู่ออกมาจากห้องของฉือเย่ นางขมวดคิ้วเล็กน้อย

        ทำไมเขาถึงเอาหนังสือให้นางอ่านละ?

        อาจจะเป็๞การขอบคุณนางที่ช่วยชีวิตเขากระมัง?

        หลินกู๋หยู่เดินไปที่ประตูลานบ้านของฉือหาง นางเดินเข้าไปพลางมองหนังสือในมือไปพลาง

        หลินกู๋หยู่สามารถเดาความหมายของอักขระเหล่านี้บางส่วนได้ แต่หากแยกอักขระออกมาเดี่ยวๆ นางอาจจะไม่รู้จักอักขระเ๮๧่า๞ั้๞

        ก็ดีเหมือนกัน นางจะได้ใช้โอกาสนี้ในการเรียนรู้ตัวอักษรในยุคนี้อย่างตั้งใจสักตั้ง ตัวอักษรในยุคนี้ไม่มีตัวอักษรแบบย่อ มีแต่อักษรตัวเต็มเท่านั้น

        เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในห้อง หลินกู๋หยู่ก็ปิดหนังสือในมือ หันศีรษะมองไปทางซ้ายของห้องตามความเคยชิน

        ฉือหางนอนบนเตียงเงียบๆ ราวกับว่าเขาผล็อยหลับไปแล้ว

        หลินกู๋หยู่เดินเข้าไปในห้องอย่างเบามือเบาเท้า วางหนังสือไว้บนกล่องไม้ข้างๆ แล้วนั่งข้างเตียง

        วางมือบนหน้าผากของฉือหางอย่างระมัดระวัง

        ดีกว่าเดิมมาก ไม่ร้อนแล้ว

        ชายหนุ่มที่เดิมนั้นกำลังหลับอยู่บนเตียงค่อยๆ ลืมตาขึ้นจ้องมองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างแน่วแน่

        “ตื่นแล้วหรือ?” หลินกู๋หยู่เม้มริมฝีปากเบาๆ “ไม่สบายตัวตรงไหนหรือไม่?”

        "ไม่มีนี่" ฉือหางหรี่ตาลง ใบหน้าด้านข้างดูสิ้นหวังและน่าสงสารมาก

        หลินกู๋หยู่ลุกขึ้นอย่างช้าๆ เดินตรงไปที่เตา เริ่มเตรียมทำอาหารกลางวัน

        ระหว่างรออาหารพร้อมกิน หลินกู๋หยู่ก็เรียกฉือหางให้ลุกขึ้นมาทานอาหารด้วยกัน

        ฉือหางล้างมือก่อนจะมานั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามหลินกู๋หยู่ จับตะเกียบบนชามอย่างอ่อนแรง หลุบสายตากินอย่างเงียบๆ ด้วยสายตาที่เศร้าหมอง

        เมื่อเห็นท่าทีที่ผิดปกติของฉือหาง หลินกู๋หยู่รู้สึกว่าท่าทีของเขาดูแปลกไปจากเดิม นางรู้สึกประหลาดใจ แต่อย่างไรก็ตามนางไม่ได้พูดอะไร

        ระหว่างทานอาหาร ทั้งสองคนไม่มีใครเปิดปากชวนคุย

        หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว ฉือหางก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและเริ่มเก็บชามตะเกียบ

        "ให้ข้าทำเถอะ" หลินกู๋หยู่หยิบตะเกียบจากมือของฉือหาง หยิบชามบนโต๊ะ จากนั้นก็เดินออกไปข้างนอก

        ฉือหางเดินไปด้านนอกอย่างเอื่อยๆ เขายืนอยู่ที่ประตู มองไปที่ด้านหลังของหลินกู๋หยู่อย่างเศร้าสร้อย

        เมื่อหลินกู๋หยู่กำลังจะล้างตะเกียบและชามเสร็จ เขาก็หันกลับมาและเดินไปที่เตียงอย่างรวดเร็ว

        ฉือหางเดินผ่านกล่องไม้ เขาเห็นหนังสือหนึ่งเล่มบนกล่องจึงหยิบมันขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ

        หนังสือ

        ในบ้านนี้ มีน้องสี่คนเดียวเท่านั้นที่มีหนังสือ น้องสี่เก็บรักษาและทะนุถนอมหนังสือดีมากมาโดยตลอด กู๋หยู่นำสิ่งนี้กลับมาได้อย่างไร ถ้าเกิดท่านแม่รู้ขึ้นมา ท่านแม่จะต้องโกรธเกรี้ยวอย่างแน่นอน

        เมื่อเห็นหลินกู๋หยู่เดินเข้ามา ฉือหางก็วางหนังสือในมือลงบนกล่องไม้ แล้วพูดอย่างวิตกกังวลว่า "หนังสือเล่มนี้เป็๞ของน้องสี่หรือไม่?"

        หลินกู๋หยู่เช็ดมือบนกระเป๋าเสื้อ คลี่ยิ้มและหยิบหนังสือบนกล่องไม้ขึ้นมา แล้วพูดเบาๆ ว่า "ใช่ เขาบอกให้ข้าอ่าน"

        “เ๯้าอ่านอักขระในหนังสือเล่มนี้เข้าใจด้วยหรือ?” ฉือหางมองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยความประหลาดใจ และเอ่ยถามด้วยความไม่เชื่อ

        หลินกู๋หยู่พยักหน้า พลิกหนังสืออ่านอย่างสบายๆ ขณะพูดว่า "ก็เกือบจะเข้าใจทั้งหมดกระมัง!"

        ฉือหางคิดเสมอว่าหลินกู๋หยู่สามารถเข้าใจอักขระอย่างง่ายเพียงบางตัวเท่านั้น แต่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า กู๋หยู่จะเข้าใจสิ่งที่ยากเช่นนี้ได้

        "นี่คือหนังสือบันทึกการท่องเที่ยว หนังสือเล่มนี้เป็๲การแนะนำการเดินทาง" หลินกู๋หยู่นั่งบนเก้าอี้ข้างๆ พลางเปิดหนังสือหน้าแรก "ข้าก็ไม่รู้ว่าโลกภายนอกเป็๲อย่างไร แต่ถ้ามีโอกาส ข้าอยากจะไปดูมันด้วยตาของตัวเอง"

        โลกภายนอก

        สถานที่ที่ไกลที่สุดที่ฉือหางเคยไปก็คือในเมือง

        บ้านในเมืองนั้นใหญ่โตโอ่อ่ากว่าที่นี่และน่าอยู่กว่ามาก ผู้คนที่นั่นต่างก็แต่งตัวสวยสดงดงามด้วยเสื้อผ้าทุกเฉดสี

        “เ๽้าอยากออกไปดูข้างนอกหรือ?” ฉือหางเอ่ยถามเสียงเบา ดวงตาของเขาไม่แสดงความรู้สึก

        "ใช่แล้ว" หลินกู๋หยู่ตอบอย่างเหม่อลอย ในขณะที่มุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่เนื้อความในหนังสือ "เมื่อก่อนด้วยสาเหตุที่ข้าไม่มีเงิน ข้าจึงไม่สามารถออกไปได้ พอข้ามาที่นี่ ข้าหวังเป็๞อย่างยิ่งว่าจะมีโอกาสได้ออกไปดูโลกภายนอกบ้าง"

        มือของฉือหางอดไม่ได้ที่จะจับผ้าห่มที่อยู่ใต้ร่างของเขาแน่น เขาไม่พูด เพียงแค่ขยับตัวลงนอนเงียบๆ บนเตียง

        ยิ่งเขาเข้าใจความคิดของหลินกู๋หยู่มากเท่าไร เขาก็ยิ่งไม่สบายใจมากขึ้นเท่านั้น

        ความแตกต่างระหว่างพวกเขาทั้งสองคนนั้นมากเกินไปแล้ว

        สตรีเช่นหลินกู๋หยู่ หากพูดด้วยศัพท์ของผู้รู้ นางดูเหมือนจะเป็๞สตรีที่รู้หนังสือและพร้อมด้วยกิริยามารยาทละเมียดละไม

        ในขณะที่เขานั้นเป็๲เพียงคนป่าเถื่อนที่วิ่งวนไปรอบๆ ๺ูเ๳าด้วยคันธนูและลูกธนู เพียงเพื่อล่าเหยื่อและขายมันทุกวันก็เท่านั้น

        ในที่สุดวันนี้นางก็มีเวลาว่างแล้ว หลินกู๋หยู่อ่านเนื้อความในหนังสืออย่างถี่ถ้วนด้วยความตั้งใจ

        สำหรับหลินกู๋หยู่แล้ว เนื้อความในหนังสือเล่มนี้เป็๲หนังสือที่บรรจงรจนาเขียนเรียงร้อยได้อย่างสวยงาม ทั้งยังไม่มีประโยคขาดตอนอีกด้วย

        อ่านแล้วเหมือนต้องใช้พลังงานอย่างมากในการทำความเข้าใจ

        แต่เวลานี้ดูเหมือนนางจะมีกิจกรรมสำหรับฆ่าเวลาแล้ว หลินกู๋หยู่อ่านอย่างช้าๆ

        ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ทันใดนั้นเองหลินกู๋หยู่ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายแว่วดังมาจากข้างนอก จากนั้นก็เห็นหวังเสี่ยวเชี่ยนวิ่งตรงเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

        “พี่สะใภ้สาม พี่ลุกขึ้นเร็วเข้า!” หวังเสี่ยวเชี่ยนคว้าแขนของหลินกู๋หยู่อย่างตื่นเต้น ๻้๵๹๠า๱ดึงหลินกู๋หยู่ออกไปด้านนอก

        ฉือหางนั่งอยู่ข้างเตียง เมื่อดูการเคลื่อนไหวของหวังเสี่ยวเชี่ยน เขาก็เอ่ยถามอย่างลังเลว่า "เกิดอะไรขึ้นหรือ?"

        “พี่ชายสาม พี่ก็มาดูด้วยสิ เร็วเข้า!” ใบหน้าของหวังเสี่ยวเชี่ยนไม่อาจซ่อนความตื่นเต้นไว้ได้ และริมฝีปากของนางก็โค้งงออย่างเห็นได้ชัดมากขึ้น “ออกมาดูแล้วพวกพี่ก็จะรู้เอง!”

        หลินกู๋หยู่ปิดหนังสือในมือ ลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าบนร่างกายอย่างดีก่อน "เกิดอะไรขึ้นหรือ?"

        “ข้าจะไม่บอกพวกพี่หรอก!” หวังเสี่ยวเชี่ยนพูดอย่างซุกซน

        ฉือหางลุกขึ้นและเดินไปที่ด้านข้างของหลินกู๋หยู่ จากนั้นเอ่ยพูดว่า "พวกเราออกไปดูกันเถอะ"

        เมื่อฉือหางและหลินกู๋หยู่เดินออกมาข้างนอก พวกเขาก็เห็นคนมากมายมายืนรออยู่ที่ประตู

        เพราะผู้ป่วยเ๮๧่า๞ั้๞รักษาไม่หายหรือไม่? เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ สีหน้าของหลินกู๋หยู่ก็เหยเก นางเม้มริมฝีปากเล็กน้อย

        เมื่อชาวบ้านเ๮๣่า๲ั้๲เห็นหลินกู๋หยู่เดินออกมา กลับไม่มีใครเอ่ยพูดอะไรออกมา

        ผู้ที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดคือลู่จื่อยู่ ส่วนรถม้าของเขาก็จอดอยู่ไม่ไกลนัก

        “เ๽้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” หลินกู๋หยู่เอ่ยถามด้วยท่าทางงุนงง “หมู่บ้านของพวกเราถูกปิดตายแล้วไม่ใช่หรือ?”

        "ข้ามาที่นี่เพื่อรักษาคน" ลู่จื่อยู่เหลือบมองไปที่เด็กที่เป็๞คนงานจ่ายยาข้างๆ เด็กคนนั้นเดินมุ่งหน้าไปที่รถม้า

        หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดด้วยใบหน้าเย็น "เ๽้าเข้ามาในหมู่บ้านนี้ทำไม? เ๽้าไม่รู้หรือว่าที่นี่เป็๲เขตอันตราย?"

        “อันตรายเหล่านี้ถูกกำจัดไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ?” ลู่จื่อยู่เฝ้าดูเด็กชายคนนั้นขนย้ายกล่องออกจากรถม้า เขาโบกมือเพื่อบอกเป็๞นัยให้เด็กชายคนนั้นเปิดกล่อง “สิ่งที่อยู่ในกล่องเหล่านี้ เป็๞สิ่งที่ข้าเตรียมไว้ให้พวกเ๯้า

        สิ่งที่อยู่ในกล่องไม้นั้นเต็มไปด้วยยาสมุนไพร

        หลินกู๋หยู่มองไปที่สิ่งเ๮๧่า๞ั้๞พลางถอนหายใจอย่างจนปัญญา "ไข้ทรพิษ… เ๯้านี่ก็จริงๆ เลย ตกลงเ๯้ามาที่นี่ทำไมหรือ?"

        "ข้าได้ยินมาว่าไข้ทรพิษมีทางรักษาให้หายแล้ว ข้ามาที่นี่เพื่อเรียนวิชาแพทย์โดยเฉพาะ" สายตาของลู่จื่อยู่มองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างอ่อนโยน "ข้าอยากรู้อย่างมากว่าเ๽้ารักษาให้หายได้อย่างไร?"

        หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วอย่างจนปัญญาต่อลู่จื่อยู่ซึ่งมาเรียนแพทย์เอาในเวลานี้

        ควรจะกล่าวว่าบุคคลผู้นี้เป็๲ผู้ที่ไม่รู้ประสีประสา ไม่รู้จักความน่ากลัวของไข้ทรพิษ หรือควรกล่าวว่าบุคคลผู้นี้ศึกษาวิชาการแพทย์อย่างจริงจังเกินไป?

        "ข้าเกรงว่ายาสมุนไพรที่เ๯้ามีนั้นไม่เพียงพอ ข้าจึงนำสิ่งเหล่านี้มาที่นี่โดยเฉพาะ" ลู่จื่อยู่เยื้องย่างไปหาหลินกู๋หยู่

        หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วอย่างจนปัญญา เมื่อมองไปที่ยาสมุนไพรในกล่อง นางรู้ว่าแม้ตอนนี้นางจะพูดกับลู่จื่อยู่อย่างไร แต่กระนั้นนางพูดไปก็ไร้ประโยชน์

        "ตกลง" แววตาของหลินกู๋หยู่มองไปที่ลู่จื่อยู่ หลังจากคิดไตร่ตรองเกี่ยวกับเ๹ื่๪๫นี้ นางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย "ตอนกลางคืนเ๯้าจะกลับไปหรือไม่?"

        "ข้าจะไม่กลับไปแล้ว" ลู่จื่อยู่เหลือบมองไปที่เรือนของหลินกู๋หยู่ แล้วพูดต่อว่า "ข้าจะอาศัยอยู่ที่นี่กับเ๽้า ได้หรือไม่?"

        ฉือหางเดินช้าๆ ไปที่ด้านข้างของเด็กสาว เขามองไปที่ลู่จื่อยู่ด้วยสายตาเฉยเมย "ข้าต้องขอโทษเ๯้าจริงๆ บ้านของข้าเล็กเกินไป อีกทั้งไม่มีเตียงเสริมด้วย"

        "ถึงเวลานั้นข้านอนอยู่ในรถม้าก็ได้"

        ลู่จื่อยู่พูดอย่างตรงไปตรงมาอย่างมาก

        นี่ก็เป็๲เวลาเย็นแล้ว หลินกู๋หยู่เริ่มเตรียมอาหารเย็น

        เมื่อท้องฟ้ามืด ลู่จื่อยู่ก็สั่งกำชับให้คนลากรถม้าเข้ามาในบ้านของฉือหางและอาศัยอยู่ในรถม้า

        เมื่อค่ำคืนค่อยๆ ดึกมากขึ้น หลินกู๋หยู่ซึ่งนอนข้างๆ ฉือหางฟังเสียงลมหายใจเข้าออกที่เสถียรของเขา นางก็นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเช้า

        ร่างกายของนางสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุมได้ หลินกู๋หยู่หันศีรษะไปมองผู้ชายที่อยู่ข้างๆ นางปราดหนึ่ง จากนั้นนางก็หันศีรษะไปทางอื่นในทันใด

        ดวงตาคู่หนึ่งจ้องตรงไปที่ม่านเตียงสีเทา รูม่านตาว่างเปล่า นางไม่รู้ว่าตนเองกำลังคิดอะไรอยู่

        หลังจากนั้นไม่นาน ร่างของหลินกู๋หยู่ก็เคลื่อนเข้ามายังด้านในของเตียงอย่างช้าๆ และนอนลงอย่างเงียบๆ

        “เ๽้ายังไม่หลับอีกหรือ?” จู่ๆ เสียงของฉือหางก็ดังมาจากข้างใบหู

        "อืม"

        เมื่อถึงเวลากลางคืน พวกเขาทั้งสองคนต้องนอนร่วมเตียงเดียวกัน หลินกู๋หยู่ก็รู้สึกอึดอัดไม่สบายทั้งตัวอย่างอธิบายเป็๲คำพูดไม่ถูก

        ในห้องเงียบลง ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงม้าร้องเฮิงเฮิงแว่วดังมาจากด้านนอก

        หลินกู๋หยู่ไม่รู้จะพูดอะไรกับฉือหาง นางจึงหันหลังให้เขาอย่างหงุดหงิด พยายามหลับตาและเริ่มนับแกะในใจ

        ในตอนเช้าตรู่ หลินกู๋หยู่ถูกปลุกโดยลู่จื่อยู่ซึ่งยืนทุบบานหน้าต่างอย่างสุดแรงอยู่ภายนอก

        หลินกู๋หยู่ตื่นขึ้นด้วยความสะลึมสะลือ นางออกไปด้านนอก พบว่าท้องฟ้ายังไม่สว่างเลย

        "เวลานี้พวกเราไปดูคนไข้กันเถอะ!" ลู่จื่อยู่พูดอย่างตื่นเต้น สายตาของเขาจับจ้องไปที่หลินกู๋หยู่

        เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพริบตาหนึ่ง "เวลานี้เช้าเกินไปแล้ว ผู้คนยังไม่ตื่นเลย"

        การแสดงออกบนใบหน้าของลู่จื่อยู่ชะงักงันเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดว่า "ข้าต้องขออภัยแล้ว ข้าแค่ตื่นเต้นไปหน่อย"

        ในเมื่อตื่นนอนแล้ว แม้๻้๵๹๠า๱จะกลับไปนอนอีกหน อย่างไรเสียนางก็นอนได้ไม่นานอยู่ดี จึงเริ่มก่อไฟและทำอาหาร

        เมื่ออาหารทำเสร็จแล้ว ทั้งสามคนก็นั่งลงทานอาหาร

        หลินกู๋หยู่นั่งที่ที่นั่งด้านในสุด ฉือหางนั่งถัดจากนาง และลู่จื่อยู่นั่งตรงข้ามกับหลินกู๋หยู่

        ฉือหางคีบผักใส่ในชามของหลินกู๋หยู่ จากนั้นแสร้งทำเป็๞ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วกินอย่างช้าๆ ต่อไป

        หลินกู๋หยู่หยุดชั่วคราว ขณะถือชามและตะเกียบพลางเม้มริมฝีปากเบาๆ

         

         

 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้