เซียวเจวี๋ยไม่สบายหรือ?
ชิงอีคิดพลางหย่อนตัวลงอ่าง ดวงตาของนางเหล่จากการใช้สายตาจับจ้องมาที่จมูกของตนเอง ผู้คนที่ใกล้ๆ มองมาที่นางก็อดหัวเราะไม่ได้ อย่างไรก็ตามสายตาคมราวกับมีดขององค์หญิงนั้นทำให้พวกเขาไม่กล้าหัวเราะ
จวนเซ่อเจิ้งอ๋องแห่งนี้มองๆ ดูแล้วก็ต่างจากจวนขุนนางคนอื่นๆ สาวใช้ก็สามารถนับได้ด้วยมือเดียว ซึ่งพวกเขาล้วนทำงานในครัวด้านหลัง
จากเห็น มีเด็กผู้หญิงเพียงสองคนชื่อเสี่ยวหลานกับเสี่ยวลู่เท่านั้น แต่พวกนางช่างงุ่มง่ามเงอะงะ ชิงอีคิดว่าตนทำเองเสียยังจะดีกว่า! เฮ้อ จู่ๆ ก็คิดถึงเถาเซียงกับต้านเสวี่ยขึ้นมา พวกนางจะเป็อย่างไรบ้างนะ?
พออยู่ในอ่าง ชิงอีรีบแกะเสื้อคลุมของเซียวเจวี๋ยออกด้วยสีหน้ารังเกียจ
เสื้อคลุมเปียกจนเพาะเห็ดได้ยังจะเอามาให้นางสวมอีก ไม่รู้คิดอะไรอยู่?
นางพูดบ่นและเงยหน้าขึ้น เมื่อเหลือบมองกระจกก็ถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย
นางยังคงสวมเสื้อผ้าชุดเดิมที่ใส่ออกไปข้างนอกเมื่อกลางวัน มันไม่ใช่ชุดสีแดงที่นางชอบใส่ แต่เป็กระโปรงสีเขียวอ่อน ซึ่งเซียวเจวี๋ยสั่งให้คนเตรียมมาให้ พอเปียกน้ำ ชุดก็แนบกับเรือนร่างเผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้ง
ั์ตาของนางไหววูบ เป็ไปได้ไหมว่าเพราะเหตุนี้ หนุ่มน้อยนั่นถึงได้...
“ชิ...”
ชิงอีเบะปากแล้วพึมพำ “ข้าออกจะมีเสน่ห์ คนอื่นเห็นแล้วมันจะทำไม? ยุ่งไม่เข้าเื่จริงๆ”
ปากบอกว่ารังเกียจ แต่ใบหน้ากลับยิ้มแย้ม
นางเปลื้องผ้า แล้วะโลงน้ำร้อนเพื่อล้างตัว
“เ้าหนุ่มน้อยหัวโบราณเอ๊ย”
“คงอิจฉาที่รูปร่างข้าดีกว่า แล้วเด่นกว่าเ้าสินะ”
“อืม หน้าอกนี่ แบนเกินไป...เสริมได้ไหมนะ?”
หลังอาบน้ำเสร็จ ชิงอีจึงเดินไปที่ห้องของเซียวเจวี๋ย โดยอาศัยกลิ่นของิญญาร้าย ฮึ คืนนี้ไม่อ่านหนังสือแล้วหรือ?
ชิงอีเลิกม่านเข้าไป นางเอนตัวพิงเสามองชายหนุ่มที่เหมือนจะนอนหลับอยู่บนเตียง
เมื่อรออยู่สักครู่ แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ชิงอีเริ่มหมดความอดทน นางจึงเดินเข้าไปเตะ
เซียวเจวี๋ยยังคงหลับตาอยู่ แต่มือของเขากลับจับเท้าของนางไว้แน่น
สิ่งที่อยู่ในมือเขานั้นเย็นมาก พอเขาลืมตาก็พบว่าเท้าของนางเปลือยเปล่า มันทำให้เขาขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้
“ทำไมไม่สวมรองเท้า?”
ชิงอีเลิกคิ้ว ตอนนี้มันสำคัญด้วยหรือว่าควรสวมรองเท้าหรือไม่? เื่สำคัญในตอนนี้คือเ้าขโมยที่นอนข้า!
“ลุกขึ้น ข้าจะนอน!”
“นี่มันเตียงข้า” เซียวเจวี๋ยพูดเสียงเรียบ เดิมเขาอยากปล่อยเท้านางไป ทว่า เมื่อก้มมองก็พบรอยดำบนผ้าห่มกำมะหยี่ที่อยู่ตรงพื้น ชัดว่ามีใครบางคนเหยียบมัน
เขารักสะอาดมาตลอด เมื่อเห็นเช่นนี้จึงรับไม่ค่อยได้ เขาเอื้อมมือไปดึงนางลงมาบนเตียง
“นั่งดีๆ อย่ายกเท้าขึ้นมา”
เขากล้าสั่งนาง?
เซียวเจวี๋ยไม่สนใจสีหน้าดื้อดึงของนาง เขาลุกขึ้นเดินไปหลังม่าน ชิงอีรู้สึกตื่นเต้นทันทีเมื่อได้ยินเขาสั่งให้คนไปนำหม้อน้ำร้อนมา
โอ้ ในที่สุด พ่อหนุ่มก็ได้เื่สักที?
เซียวเจวี๋ยที่กลับมา เมื่อเห็นสีหน้าคาดหวังของนาง รวมทั้งสองเท้าเล็กๆ ที่ขยับไปมา เขาก็ไม่เข้าใจอากัปกิริยาของนาง
นางคาดหวังอะไร?
ไม่นานนัก คนใช้ก็นำน้ำร้อน พร้อมกับรองเท้าปักสะอาดคู่หนึ่งมาวางไว้ข้างหลังเท้านาง แล้วเซียวเจวี๋ยก็สั่งให้คนออกไป
ชิงอียกเท้าของนางขึ้นค้างไว้กลางอากาศ ไม่ยอมวางลงมา
ดวงตาคู่สวยจ้องเขา
สายตาของคนทั้งคู่สอดประสานกัน
“น้ำไม่ร้อน” เซียวเจวี๋ยพูดด้วยใบหน้าเฉยเมย
ชิงอีสะบัดเท้าอย่างหงุดงหงิด และบิดนิ้วหัวแม่เท้า “เช่นนั้นเ้าก็มาล้างให้สิ!”
เซียวเจวี๋ยหัวเราะอย่างเคืองๆ และจ้องนางด้วยสายตาถากถาง
สีหน้าตาคาดหวังนั้น คือหวังให้เขาล้างเท้าให้งั้นหรือ?
เซียวเจวี๋ยยืนขึ้นและเดินไปหา ท่าทางไม่เหมือนจะมาล้างเท้าให้แน่นอน กลับกันดูเตรียมมาอุ้มไปโยนทิ้งเสียมากกว่า
สุดท้ายชิงอีก็วางเท้าลงไปทันเวลา
นางเบะปาก แล้วบ่นไม่หยุดหย่อน
ถ้าไม่ใช่เพราะนางเหนื่อย ต่อให้ต้องสู้กับเขาสามร้อยรอบ นางก็ไม่มีทางหวั่นอยู่แล้ว!
หลังจากล้างเท้าเสร็จแล้ว นางก็ยกเท้าขึ้นมาสะบัดจนน้ำกระเด็นไปทั่ว เซียวเจวี๋ยที่ดูอยู่ถึงกับขมวดคิ้วทันใด เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินเข้าไปจับข้อเท้าของนางไว้ด้วยสีหน้าจริงจัง
มีใครบางคนเลยจงใจสะบัดเท้า ส่งผลให้น้ำกระเด็นใส่หน้าเขา
น้ำล้างเท้าของเ้าตัวปัญหา
เซียวเจวี๋ยกัดฟันกรอด เขาออกแรงไปที่มือ แต่พอได้ยินเสียงร้องเ็ปของใครบางคนก็ถึงกับกลั้นหายใจ
“อยู่นิ่งๆ!” เขาพูดตะคอกด้วยเสียงทุ้มต่ำ ก่อนจะถอนหายใจออกมายาวๆ ขมวดคิ้ว และเช็ดน้ำบนเท้าของนางออก
ชิงอีเห็นแบบนี้จึงยอมหยุดอยู่เฉยๆ บนใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้มพึงพอใจ
ฮิฮิ ไม่ล้างเท้าให้ แล้วคิดว่าจะรอดจากการเช็ดเท้างั้นหรือ?
“อีกข้าง” น้ำเสียงของชายหนุ่มที่ไม่ได้เบาและหนักจนเกินไป มันน่าฟังอย่างน่าประหลาดราวกับมีแม่เหล็กดึงดูด
ชิงอีเบะปาก และส่งเท้าอีกข้างให้อย่างอารมณ์ดี โดยนางยกมันขึ้นสูงเล็กน้อยจนชนหน้าเขาพอดี
“ไอ้หยา ขอโทษนะ ตะคริวที่ขายังไม่หายเลย” นางกะพริบตาปริบๆ ด้วยใบหน้าที่แสร้งไร้เดียงสา
เซียวเจวี๋ยมองนางอย่างไม่แยแส พลางคิดว่าควรเปลี่ยนอาหารในจวนอ๋องเป็เท้าหมูตุ๋นดีหรือไม่
ส่วนวัตถุดิบก็มีอยู่ตรงหน้าแล้ว
ขาเป็ตะคริวใช่ไหม?
เซ่อเจิ้งอ๋องไม่แสดงสีหน้ารำคาญ เขาเอาเท้าอวบใกล้ใบหน้าไปบรรจงเช็ด
“โอ๊ย”
เสียงร้องของหญิงสาวดังลั่นจนแทบพลิกหลังคาจวน บางคนที่กำลังจะนอน ต่างพากันลุกพรวดออกจากเตียงอย่างใ
ไฟไหม้งั้นหรือ?
ร่างกายของชิงอีขดเป็กุ้งแห้ง ใบหน้าของนางก็ยู่ยี่จนเครื่องหน้าเกือบมากองรวมกัน!
“กรี๊ดดด ปล่อยนะ ปล่อย!!”
“ขาเป็ตะคริวไม่ใช่หรือ พอดีเลย ข้ารู้วิธีนวด” เซียวเจวี๋ยออกแรงกดลงบนจุดฝังเข็มที่ฝ่าเท้าของนางต่อเนื่อง “องค์หญิงอดทนไว้ เดี๋ยวก็หายแล้ว”
เซ่อเจิ้งอ๋องยกยิ้ม
ตาของชิงอีแทบจะถลนออกมา นางทั้งเจ็บ ทั้งชา ทั้งคัน ครู่ต่อมา นางก็หัวเราะลั่น เท้าอีกข้างถูกเซียวเจวี๋ยหนีบไว้ใต้รักแร้ ในระหว่างเท้าอีกข้างถูกทรมาน นางพยายามเอื้อมมือไปผลักเขา บ้าจริงขาสั้นๆ นี่ไม่ช่วยให้นางหลุดออกได้เลย!
“หยุด...หยุด...”
น้ำตาของนางคลอหน่วยเพราะจั๊กจี้
เซ่อเจิ้งอ๋องยังคงทำต่อไป พลางพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ทนในสิ่งที่คนอื่นทนไม่ได้ ถึงจะเป็ผู้ที่อยู่เหนือคนอื่น องค์หญิงต้องทนเอาไว้”
อดทนบ้านเ้าสิ
“โอ๊ย...เซียวเจวี๋ย คนบ้า...โอ๊ย!!!”
นางแผดเสียงร้องออกมาอีกรอบ
ชิงอีรู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่บนศีรษะ นางเจ็บจนแทบจะขึ้น์ไปเฝ้าพระพุทธเ้าแล้ว นางทั้งชา ทั้งคันจนเส้นผมร่วงไปหลายเส้น
เ้าแมวอ้วนที่ฟังอยู่บนหลังคาบ้านก็สะใจไม่แพ้กัน ให้ตายเถอะ นางมารร้ายถูกกระทำอย่างน่าสังเวช!
เ้าหนุ่มน้อยเพิ่มแรงเข้าไปอีก! เอาให้นางทุกข์ทรมานกว่านี้
หลังจากนั้นไม่นาน ชิงอีก็นอนอยู่บนเตียงราวกับคนไร้ประโยชน์ ดวงตาแข็ง แก้มทั้งสองแดงก่ำ ราวกับว่าเพิ่งทำเื่อย่างว่ามา
เซ่อเจิ้งอ๋องค่อยๆ ลุกขึ้นยืน และสั่งให้คนเข้ามาเก็บกะละมังไป เหล่าคนรับใช้ต่างก้มหน้าก้มตา ไม่กล้ามองแม้แต่น้อย เซียวเจวี๋ยสั่งให้คนไปตักน้ำมาอีกรอบ หลังจากล้างมือเสร็จ เขาจึงออกไป
นางยังคงนอนแผ่อย่างยั่วยวนราวกับเพิ่งทำเื่อย่างว่าไปดูแล้วช่างน่าอาย
เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เมื่อครู่เขามือหนักไปหรือไม่?
“ฮ่าฮ่า” จู่ๆ ชิงอีก็หัวเราะแปลกๆ ที่นิ่งราวกับศพ ลูกตาของนางเหล่ไปที่มุมตาจนเห็นตาขาวกว่าครึ่ง ดูแล้วน่ากลัวไม่น้อย
คนที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นคงจะคิดว่านางโดนผีเข้าสิง
ทันใดนั้น เซียวเจวี๋ยก็รู้สึกผิดนิดหน่อย ดูท่าว่าเขาจะทำมากเกินไป เ้าตัวปัญหาถึงกับตาเหล่เลยทีเดียว
เพียงแต่ควรเกลี้ยกล่อม สาวน้อยที่กำลังโกรธแค้นอย่างไรดี?
ขอโทษตรงๆ จะได้ผลหรือไม่?
ในขณะที่เขากำลังลำบากใจ ชิงอีก็ลุกขึ้นจากเตียง ตาเหล่ของนางจ้องมาที่เขาฉายชัดถึงความโกรธแค้น สภาพของนางดูแปลกระคนขบขัน
ทว่า สิ่งที่นางถามคือ “เซียวเจวี๋ย เ้าไม่อยากแต่งงานกับข้าใช่หรือไม่?”
เซียวเจวี๋ยกะพริบตา
นางพูดถึงเื่นี้ เขาควรจะปฏิเสธใช่ไหม แต่ไม่รู้ทำไม ภายในใจถึงมีความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ทั้งยังไม่อยากได้ยินคำตอบด้วย
ทว่า เมื่อเอื้อนเอ่ยออกมา เขากลับตอบว่า “ไม่อยากแต่ง”
ใช่ เขาต้องไม่อยากแต่งสิ
นางเองก็ไม่ควรอยากแต่งงานด้วย
“ทำอย่างไรดี? จู่ๆ ข้าก็รู้สึกว่าการเป็หวังเฟยในจวนแห่งนี้มันน่าสนใจ” ชิงอียกยิ้มมุมปากอย่างเย่อหยิ่ง หนุ่มน้อย เ้าไม่อยากแต่งงาน แต่ข้าอยาก!
การอยู่กับเ้าทุกวัน ดูกันซิว่าจะเป็เ้าที่ทรมาน หรือเป็ข้าที่ทรมาน!
