แม้ท้องฟ้ายังไม่ทันสว่าง ร่างเล็กก็ถูกปลุกให้ลุกจากเตียงนอนเสียแล้ว ซูจินพานายสาวของตนไปอาบน้ำชำระกาย สุดท้ายก็มาหยุดอยู่หน้ากระจก
ผมยาวดำขลับของจ้าวเหม่ยหลินถูกรวบเกล้าด้วยปิ่นเงินเรียบง่าย
“วันนี้คุณหนูต้องไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่า บ่าวจึงเลือกปิ่นเงินที่สุภาพเรียบร้อยให้เ้าค่ะ” ซูจินเอ่ยพลางจัดชายเสื้อของจ้าวเหม่ยหลินให้เรียบร้อย
“อือ” จ้าวเหม่ยหลินเหลือบมองกล่องเครื่องประดับที่ซูจินนำมาเมื่อคืน นางรู้ดีว่าไม่มีใครตั้งใจเตรียมของดีมาให้ลูกนอกสมรสสวมใส่ดอก
แม้แต่เสื้อผ้าหากเปรียบกับชุดที่เรือนนอกก็แทบไม่ต่างกัน บางชุดดูคล้ายชุดสาวรับใช้เสียด้วยซ้ำ
จ้าวเหม่ยหลินถอนหายใจอย่างหนักใจ เมื่อคืนนางเผลอตบหน้าจ้าวิจู มือไวเกินกว่าจะยั้งคิด วันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าคงไม่ปล่อยผ่านเื่นี้เป็แน่
ร่างเล็กลุกขึ้นยืน ซูจินก็รีบเข้ามาประคอง พลางมองเ้านายที่คล้ายมีเื่ให้ครุ่นคิดตลอดทาง จนสองนายบ่าวเดินมาถึงศาลาดอกบัว เหลืออีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึงเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว
ทว่าในเวลานั้นก็มีชายหนุ่มเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าหญิงสาว เขาถือดอกไม้สีสดในมือ แล้วยื่นให้จ้าวเหม่ยหลิน พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงใสซื่อดั่งเด็กน้อยว่า “ดูสิ นี่สีอะไร? ท่านแม่บอกห้ามเข้าใกล้แม่เล็กนะ” เด็กหนุ่มพูดจบก็ยิ้มกว้างอย่างไร้เดียงสา
จ้าวเหม่ยหลินหันไปกระซิบถามซูจิน “เขาเป็ใคร เหตุใดถึงเป็เช่นนี้”
ซูจินโน้มตัวตอบเสียงเบา “บ่าวไม่แน่ใจนักเ้าค่ะ รู้เพียงคุณชายรอง จ้าวเหวินอวี่ บุตรชายคนรองของท่านรองเสนาบดีกับอนุเซียว คุณชายรองป่วยั้แ่ยังเล็ก แม้ร่างกายจะเติบใหญ่แต่จิตใจและสติปัญญายังคงเป็เด็กวัยห้าขวบอยู่เ้าค่ะ”
“ช่างน่าสงสารนัก” จ้าวเหม่ยหลินกล่าวพลางยิ้มบาง มือเรียวลูบศีรษะของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างอ่อนโยน “ที่เ้าถืออยู่คือดอกบัวสีชมพู”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นยิ้มตอบ พร้อมพยักหน้า แต่ในขณะนั้นเองเสียงเรียบเย็นของสตรีผู้หนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลังของจ้าวเหม่ยหลิน
“เหวินเอ๋อร์ มานี่ แม่บอกแล้วใช่หรือไม่ อย่าคุยกับคนแปลกหน้า” ทันทีที่นางกล่าวจบ ชายหนุ่มก็รีบวิ่งเข้าไปหาสตรีผู้นั้น
จ้าวเหม่ยหลินมองสบตานางรับรู้ถึงบางอย่างแฝงั์ตานั้น แต่ก็ไม่อาจเสียมารยาทจึงย่อกายคารวะ “อนุเซียว”
อีกฝ่ายตอบรับด้วยท่าทีเรียบเฉย นางจูงมือบุตรชายจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด
ซูจินประคองจ้าวเหม่ยหลินก้าวเข้าสู่เรือนแล้ว ภายในห้องโถงเวลานี้ก็มีจ้าวิจูกำลังนวดบ่าให้หญิงชราบนตั่ง ข้างกันมีแม่เล็กนั่งอยู่บนเก้าอี้ บ่าวรับใช้ด้านหลังก็พัดโบกให้ไม่ห่าง
อีกมุมหนึ่งของห้องก็มีจ้าวซ่งจื่อยืนสงบนิ่งอยู่ แต่เมื่อเห็นจ้าวเหม่ยหลินก้าวเข้ามา เขาก็รีบเดินมายืนเคียงข้างด้วยสีหน้าเป็ห่วง
“ฮูหยินผู้เฒ่า แม่เล็ก” จ้าวเหม่ยหลินเอ่ยเสียงเรียบ พลางย่อตัวคารวะอย่างนอบน้อม ในใจก็นึกขำวันรวมญาติหรืออย่างไร ผู้คนถึงพร้อมหน้าขนาดนี้
“มาแล้วหรือ” ฮูหยินผู้เฒ่าลืมตามองหญิงสาวตรงหน้า นางเพ่งมองจ้าวเหม่ยหลินเนิ่นนาน
เมื่อครั้งยังเยาว์ นางไม่เคยได้พินิจใกล้ชิดนัก แต่ยามนี้โตเป็สาวเต็มวัยช่างงามหมดจดทั้งผิวพรรณและรูปโฉม
แต่ความคิดเพียงชั่วครู่ก็ถูกแทนที่ด้วยอารมณ์โกรธ หญิงชราเงื้อมือไปหยิบพัดจากสาวรับใช้ด้านหลัง นางเขวี้ยงใส่จ้าวเหม่ยหลิน แล้วตวาดลั่น “ช่างบังอาจนัก! กล้าก่อเื่สกปรกในจวนของข้า”
จ้าวเหม่ยหลินพอเดาได้ว่าเหตุใดตนจึงถูกตวาดใส่ ก็รีบทรุดกายลงคุกเข่าอย่างนอบน้อม “ขอท่านย่าฟังคำจากหลานก่อนเ้าค่ะ”
“ท่านย่าใจเย็นก่อนเถิดเ้าค่ะ พี่เหม่ยหลินคงรู้สึกผิดอยู่แล้ว เพียงแต่นางอาจจะไม่ชอบหน้าิจูจริงๆ” จ้าวิจูแสร้งสะอื้น น้ำเสียงสั่นคลอเจือความน้อยใจ
“ท่านแม่เ้าคะ เหม่ยหลินยังเด็ก ท่านอย่าได้ถือสานางเลย” เกาฟางรีบเสริม น้ำเสียงคล้ายจะไกล่เกลี่ย แท้จริงกลับเป็การยั่วยุให้รุนแรงขึ้น
“ลากตัวคุณหนูใหญ่ไปโบยสี่สิบไม้” สิ้นเสียง บ่าวรับใช้ก็เข้ามาจับท่อนแขนของจ้าวเหม่ยหลิน
จ้าวซ่งจื่อยืนอยู่เคียงข้างจ้าวเหม่ยหลินเห็นดังนั้น ก็ประสานมือทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าหญิงชรา “ขอท่านย่าได้โปรดอย่าฟังเพียงด้านเดียว” เขาไม่เคยเห็นท่านย่าโกรธเพียงนี้
ฮูหยินผู้เฒ่าหลับตาข่มอารมณ์ถอนหายใจยาว “ว่ามาเถิด เื่ทั้งหมดเป็มาอย่างไร” อย่างไรจ้าวซ่งจื่อก็ออกหน้าช่วยเื่คงจะมีมากกว่าที่หลานสาวตนเล่า
“เมื่อคืนข้ารอแม่เล็กอยู่หน้าเรือน อยู่ๆ จ้าวิจูก็เข้ามายั่วโมโหแล้วตบหน้าข้าเ้าค่ะ” จ้าวเหม่ยหลินเอ่ยเสียงหนักแน่น แต่คาดไม่ถึงสองแม่ลูกจะเตรียมคำกล่าวมา
“ท่านแม่ เมื่อคืนข้าไม่สบาย ปวดศีรษะอยู่ทั้งคืน จะเรียกใครออกมาพบได้อย่างไรกัน” เกาฟางเอ่ยขึ้น พลางทำหน้าสลด
“เช่นนั้นก็เรียกสาวรับใช้ที่เรือนแม่เล็กมาสักคน” จ้าวเหม่ยหลินจำได้ว่ามีสาวรับใช้หลายคนเห็นเหตุการณ์จึงเสนอให้คนไปตามมาเป็พยาน
ทว่าอีกฝ่ายกลับเป็คนของฮูหยินรองเช่นกัน “เป็คุณหนูใหญ่ที่ลงมือตีคุณหนูรองก่อนเ้าค่ะ” สาวรับใช้ผู้นั้นให้การ
จ้าวเหม่ยหลินเม้มปากแน่น พยายามหาทางเอาตัวรอด หากถูกโบยสี่สิบไม้จริงนางคงไม่รอดแน่
“ในเมื่อน้องิจูตบข้าคืนแล้ว ก็นับเป็การลงโทษกันไปแล้วมิใช่หรือเ้าคะ เหตุใดจึงไม่ปล่อยให้เื่นี้จบลง” นางเว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนกล่าวต่อด้วยเสียงเรียบ “ข้าตบนาง ข้าต้องถูกโบยสี่สิบไม้ แล้วนางเล่าที่ตบข้าก่อน แม้แต่คำตำหนิท่านย่ายังไม่ตำหนินาง”
จ้าวซ่งจื่อรีบประสานมือเสริมขึ้นทันที “ท่านย่า สิ่งที่น้องเหม่ยหลินกล่าวก็มิได้ผิดไปนัก หากเพียงกักบริเวณสักสองสามวัน เื่นี้ก็น่าจะยุติลงได้แล้วขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเมื่อได้ฟังคำอธิบายทั้งสองก็หลับตาคิดตามอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างช้าๆ ตัดสินใจรับข้อเสนอของหลานชาย
เมื่อร่างเล็กออกมาจากเรือนฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว จ้าวซ่งจื่อเดินตามมาก็อาสานำทางจ้าวเหม่ยหลินชมเมืองหลวง
แต่จ้าวเหม่ยหลินกลับส่ายหน้า “ข้าขอบคุณท่านมากสำหรับเมื่อครู่” น้ำเสียงของนางยังคงอ่อนโยน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้