ขอบตาของหลี่เยวี่ยิ่นั้นแดงก่ำ
หวังเฉิงเอ่ยต่ออย่างใจดำ “เธอมีอะไรดีๆ เยอะ สามารถหาคนที่ดีกว่าพี่ได้อย่างแน่นอน”
“พี่หวัง ฉันชอบพี่” หลี่เยวี่ยิ่กัดริมฝีปากของตนเอง “หากตอนนี้พี่ไม่มีเวลา ฉันก็สามารถรอได้”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น...” หวังเฉิงรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
หลี่เยวี่ยิ่ไม่รอให้หวังเฉิงพูดจบ เธอก็วิ่งหนีไป
หวังเฉิงเกาศีรษะ
ตอนนี้ในหมู่บ้านยังปิดกั้นเื่เช่นนี้อยู่ หญิงสาวที่ไปสารภาพรักกับชายหนุ่มนั้นล้วนเป็เื่ที่น่าอาย หลี่เยวี่ยิ่คือคนที่เคยได้รับการสั่งสอนมาอย่างดี การที่เธอสามารถวางเกียรติและศักดิ์ศรีเพื่อมาหาหวังเฉิงแต่กลับถูกปฏิเสธ จึงนับว่าเป็เื่ที่ส่งผลต่อจิตใจไม่น้อย
หลี่เยวี่ยิ่ไม่ได้ผิดแต่อย่างใด หากหวังเฉิงนั้น้าจะแต่งงาน เขาก็คงจะพิจารณา
แต่น่าเสียดาย
หวังเฉิงดับบุหรี่แล้วเดินไปที่เถียงนา
หร่านซวี่จือนั่งอยู่ข้างคันนา หลังจากทายาที่หลังแล้ว ตอนเช้าก็ดีขึ้นมาก แต่การเดินที่ยังคงขยับโดนกล้ามเนื้อส่วนนั้นก็ยังเจ็บอยู่
เนื่องจากหวังเฉิงตอบตกลงจะช่วยหร่านซวี่จือไว้แล้ว เขาจึงไม่พูดไม่จาแล้วหยิบของลงไปในนา
หร่านซวี่จือมองเห็นหวังเฉิงทำงานในนาอย่างขยันขันแข็งซึ่งประสิทธิภาพในการทำงานของเขานั้นสูงมาก ส่วนตนเองรู้สึกเบื่อจึงหาเนินดินแล้วสานหญ้าเล่น
หวังเฉิงจัดการทำนาผืนของบ้านแซ่ไป๋เสร็จก็หันศีรษะไปมอง หร่านซวี่จือก็เดินขาเป๋กลับมาพอดี
“ในมือถืออะไรไว้น่ะ? ” หวังเฉิงเลิกคิ้ว
“ผมทำสร้อยข้อมือ สวยไหม? ” หร่านซวี่จือส่ายไปมาพลางชี้ไปที่สร้อยข้อมือหญ้าที่มีหน้าาตาน่าเกลียด มันเป็เพียงแค่หญ้าไม่กี่เส้นมาสานรวมกัน “ให้พี่เป็ค่าแรงนะ”
“น่าเกลียด” หวังเฉิงติ
“หืม” หร่านซวี่จือรู้สึกน่าเบื่อ จึงพูดขณะโยนสร้อยข้อมือทิ้งไปอีกทาง ขณะที่กำลังลอยโค้งได้องศาอยู่กลางอากาศ หวังเฉิงก็ยื่นมือไปคว้าไว้
“กระต่ายบ้า จะให้ค่าแรงยังน่าอนาถเพียงนี้”
่กลางวัน หวังเฉิงกับคนในหมู่บ้านไปเข้าเมืองไปซื้อของ หวังเฉิงกับคนขับรถขนของนั่งสูบบุหรี่อยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ
หวังเฉิงจุดบุหรี่แล้วคนขับรถชำเลืองมอง “พี่หวัง ข้อมือพี่ทำไมมีหญ้ามากขนาดนี้ล่ะ? ตอนเช้าทำงานเสร็จแล้วไม่ได้เอาออกหรือ? ”
“นี่คือสร้อยข้อมือ” หวังเฉิงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
“เยี่ยม” คนขับรถยกนิ้วโป้งให้
หวังเฉิงสบถออกมา “ไปไกลๆ เลย”
คนขับรถใช้ศอกสะกิดเขา “คนที่ชอบให้มาหรือ? ”
“คนที่ชอบบ้าอะไร กระต่ายให้มา” หวังเฉิงเอ่ย
“กระต่าย? ” คนขับรถมีแต่เครื่องหมายคำถามเต็มศีรษะ
หวังเฉิงโยนบุหรี่ทิ้ง “นายไม่ต้องยุ่งน่า”
หร่านซวี่จือกำลังช่วยไป๋เหมยอยู่ ส่วนไป๋ซวงก็เล่นไพ่นกกระจอกอยู่กับกลุ่มแม่บ้านอยู่ด้านนอกสวนและพูดคุยซุบซิบนู่นนี่นั่นไปทั่ว
เดิมทีหัวข้อยังอยู่ที่การหยอกล้อระหว่างไป๋ซวงกับชายหนุ่มข้างบ้าน ต่อมาก็เปลี่ยนหัวข้อไปที่เซียวหง
หูของหร่านซวี่จือก็ตั้งขึ้นมา
“สถานที่ตรงนั้นมันมีลางที่ไม่ดีเลย หลายวันก่อนได้ยินน้องสาวบ้านแซ่จางที่อยู่ข้างบ้านบอกว่า แถวนั้นชอบมีเสียงพลั่วตอน่เวลาห้าทุ่มเที่ยงคืน พอหาจนทั่วก็ไม่มีใคร ฟังแล้วก็น่าสยอง”
“เซียวหงถูกฝังไปแล้วไม่ใช่หรือ? เสียงพลั่วจะมาจากที่ไหนได้? ”
“เื่นี้ใครจะไปรู้เล่า…”
เสียงพลั่ว?
หร่านซวี่จือกำลังวิเคราะห์
หรือไม่คืนนี้ต้องไปดู
หร่านซวี่จือกำลังกวาดพื้นอยู่ที่สวน เมื่อได้ยินไป๋หลิงฮัวเรียกเขาอยู่ข้างใน เขาก็วางไม้กวาดแล้วเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ไป๋หลิงฮัวกำลังลองเสื้อของตนเองแล้วถามหร่านซวี่จือว่าสวยไหม
“สีบางเกินไป จะโป๊ได้นะ” หร่านซวี่จือชี้ไปที่ทรวงอกของเธอ
ไป๋หลิงฮัวส่องอยู่หน้ากระจกชั่วครู่แล้วถอดเสื้อตัวนอกออก พลางเอ่ยกับหร่านซวี่จือ “เสี่ยวหลิง ช่วยพี่หยิบเสื้อตัวสีขาวในลิ้นชักหน่อย”
หร่านซวี่จือจึงหันไปหยิบออกมาหนึ่งตัว เมื่อหันหลังมาอีกทีไป๋หลิงฮัวก็ถอดเสื้อในออกด้วย ทรวงอกนั้นกลมกลึงตั้งขึ้น
หร่านซวี่จือตะลึงไปชั่วขณะและเกิดความเขินอายกับท่าทีไม่ปกปิดของไป๋หลิงฮัวแบบนี้ แต่คิดเพียงว่าเป็พี่สาวน้องชายจึงไม่ได้พูดอะไร
ไป๋หลิงฮัวรับเสื้อในตัวนั้นมา “เกี่ยวตะขอด้านหลังไม่ได้ เสี่ยวหลิง แกช่วยพี่หน่อย”
หร่านซวี่จือเดินไปแล้วปัดผมตรงท้ายทอยออก จากนั้นก็เกี่ยวตะขอให้เธอ
ผิวพรรณของไป๋หลิงฮัวนั้นขาวนวลเนียน หร่านซวี่จือเลื่อนสายตาไปก็มองเห็น่ไหล่ของเธอมีการเสียดสี ตอนนี้ขึ้นเป็รอยแผลเป็
“พี่ ตรงนี้เป็อะไรหรือ? ”
ไป๋หลิงฮัวมองดูไหล่ของตนเอง “หลายวันก่อนหน้านี้ซื้อเสื้อในตัวเล็กไปหน่อย จนโดนเสียดสีแล้วเป็แผลน่ะ”
หร่านซวี่จือแบกจอบออกไปแล้วก็เจอกับหวังเฉิงที่กลับมาจากในเมืองพอดี ตามองไปที่ข้อมือของเขาก็เกิดความดีใจ แต่กลับกลั้นไว้ไม่ยอมพูดออกมา
หวังเฉิงไม่เห็นหร่านซวี่จือั้แ่เที่ยง ในใจจึงรู้สึกแย่ราวกับอุ้งเท้าแมว เมื่อหร่านซวี่จือไม่กล่าวทักทายเขาแล้ววิ่งเข้านาไป ชั่วขณะก็รู้สึกไม่พอใจ จากนั้นก็ะโเรียกเขาเสียงดัง “เ้ากระต่ายบ้าไม่มีมารยาทหรืออย่างไร? เห็นพี่หวังก็ไม่ทักทายสักคำ? ”
หร่านซวี่จือ “พี่หวังไปเที่ยวที่ไหนมาหรือ? ”
หวังเฉิงเดินไปเคาะกะโหลกเขาหนึ่งที “เด็กอย่างนายนี่รู้จักแต่เที่ยวเล่น พี่หวังของนายไปคุยเื่ค้าขายในเมืองมา”
หร่านซวี่จือยืนหาวแล้วเดินไปนาต่อ
หวังเฉิงเลื่อนสายตาไป เห็นไป๋หลิงฮัวยืนพิงประตูสูบบุหรี่ ดวงตานั้นกึ่งลืมตากึ่งหลับ ไม่รู้ว่ากำลังมองมาทางนี้หรือเปล่า
หวังเฉิงเดินตามหร่านซวี่จือไปแล้วยื่นข้อมือไปใต้เปลือกตาของเขา “ดูสิว่าสร้อยกากๆ ของนายน่าเกลียดแค่ไหน พี่หวังถูกลูกน้องหัวเราะใส่เลยเนี่ย”
“พี่ไม่เอาก็โยนทิ้งสิ” หร่านซวี่จือไม่ค่อยสดชื่น เวลาพูดจาก็ไม่มีแรง “เพราะถึงอย่างไรก็ทำขึ้นมางั้นๆ ”
หวังเฉิงมองออกว่าเขาเหมือนไม่ปกติจึงเลิกคิ้ว “กระต่ายเป็อะไรไป? อารมณ์ไม่ดีหรือ”
“เื่ของเซียวหงไม่คืบหน้าเลย” หร่านซวี่จือฝังจอบเข้าไปในหน้าดิน “คืนนี้ผมจะไปดูที่นั่นหน่อย”
“ที่นั่น? ” หวังเฉิงสีหน้าเปลี่ยน “นายหมายถึงที่ฝังคนตาย? ”
หร่านซวี่จือพยักหน้า
หวังเฉิงหน้าเข้ม “ห้ามไปนะ”
“ผมก็แค่ไปดูเฉยๆ ” หร่านซวี่จือเอ่ย “พี่หวัง พี่ก็กลัวผีหรือ? ”
หวังเฉิงไม่ได้กลัวผี เขาแค่รู้สึกว่าที่นั่นไม่ปลอดภัย ในเมื่อฆาตกรมาครั้งหนึ่ง ก็เป็ไปได้อย่างมากว่าจะมาอีกครั้ง
“ไม่ว่าอย่างไร นายอย่าไป” หวังเฉิงเอ่ยเสียงดุ “นายกล้าไป ถ้าโดนพี่หวังต่อย ก็อย่ามาโทษกันนะ! ”
ตอนกลางคืนสี่ทุ่ม ข้างเนินดินปรากฏเงาของหร่านซวี่จือกับหวังเฉิง
“ที่นี่เคยมีคนมา” หร่านซวี่จือเดินวนเนินดินอยู่หนึ่งรอบ
หวังเฉิงเหมือนถูกหร่านซวี่จือตบหน้าอยู่ทุกวัน พอได้ยินคำนี้ก็เอ่ย “ไร้สาระน่า พูดเหมือนกับว่าแถวนี้ไม่มีนาอย่างนั้นแหละ”
“ไม่ใช่” หร่านซวี่จือดันแว่นตาของตนเอง “พี่ดูดินสิ เหมือนมีคนลากของอะไรเดินวนอยู่แถวนี้นาน”
“ความหมายของนายคือฆาตกรลากศพเดินวนอยู่ที่นี่? ” หวังเฉิงหัวเราะเยาะ “คนคนนั้นประสาทป่วยหรืออย่างไร? ”
หร่านซวี่จือเอ่ย “ร่างกายหนักมาก หากเรี่ยวแรงไม่เยอะ จะหาสถานที่ก็คงต้องลากไป”
หากว่าเซียวหงมาดูหนังก็ต้องถูกฆ่าตายตอนที่หนังกำลังฉาย จากนั้นค่อยลากศพของเซียวหงมาโยนที่เนินดินตรงนี้
“พี่หวัง” หร่านซวี่จือเอ่ยถาม “เซียวหงถูกฝังที่ไหนหรือ? ”
“นายอย่าได้คืบจะเอาศอกนะ” หวังเฉิงเตือน