สุดท้ายผู้คุ้มกันก็ได้รับอนุญาตจากอูิเยี่ย ให้พาเหยาเยวี่ยและคนอื่นๆ เข้ามาในหุบเขา อูิเยี่ยและอูิโยวนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ มองดูหญิงสาวทั้งสามที่เดินเข้ามา
อูิเยี่ยก้าวไปข้างหน้า กำหมัดแล้วประสานมือ “พวกแม่นางเดินทางมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย ไม่ทราบว่าทั้งสามคนคือ...”
เหยาเยวี่ยถอดหมวกไม้ไผ่ออก เผยให้เห็นใบหน้าของนาง ในเวลานั้นอูิโยวที่อยู่ข้างๆ ก็ขาอ่อนแรงแล้วทรุดลงนั่งกับพื้น ชี้นิ้วไปที่เหยาเยวี่ยด้วยความประหลาดใจเป็อย่างมาก
“เ้า เ้า เ้า…”
เมื่อเห็นน้องชายทำตัวไร้มารยาท อูิเยี่ยก็เตะเขาไปหนึ่งที “อะไรของเ้า ไร้มารยาท ยังไม่รีบลุกขึ้นอีก!”
อูิโยวถูกพี่ชายดึงขึ้นมาจากพื้น ศีรษะก้มลง ใบหน้าเปลี่ยนเป็สีแดงก่ำ อูิเยี่ยใช้่ที่คนอื่นไม่ได้ใส่ใจเอ่ยข้างหูของอูิโยวด้วยระดับเสียงที่มีเพียงพวกเขาที่ได้ยิน “เ้านี่นะ ช่างน่าขายหน้าเสียจริง พอเจอหญิงงามเข้าก็ทำตัวไม่ถูกเชียวหรือ ในภายภาคหน้าจะหาภรรยาได้อย่างไร!”
อูิโยวเหลือบมองพี่ชายด้วยสีหน้าขมขื่น แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร อยากจะหนีไปเสียตอนนี้เลย หากอีกฝ่ายรู้ว่าหญิงสาวผู้นั้นเป็ใครมาจากไหนแล้วเขาไม่ถูกตีตายคงจะแปลก
อูิเยี่ยรีบเข้าไปทักทาย “แม่นางทั้งสามนั่งก่อนเถิด” จากนั้นจึงะโไปทางประตู “ใครก็ได้นำชามาหน่อย”
ชุดน้ำชาถูกยกมาอย่างรวดเร็ว อูิโยวนั่งอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทีที่ยากจะสงบ หากรู้ว่าเป็เหยาเยวี่ย ตอนนั้นคงบอกให้ผู้คุ้มกันแจ้งกับนางไปว่าเขาไม่อยู่ แต่ในเวลานี้...
เมื่อมองดูสีหน้ายิ้มแย้มของพี่ใหญ่ ก็ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าหลังจากนี้เหตุการณ์จะเปลี่ยนไปเป็เช่นไร เขาจำได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อหนึ่งปีก่อน หลังจากพี่ชายรู้ว่าเขาไปปรากฏตัวอยู่ที่ิเยวี่ยฟางก็จัดการกับเขาอย่างไร ยามย้อนนึกก็เหมือนจะรับรู้ได้ถึงความเ็ปที่ก้นอยู่เลย
“ไม่ทราบว่าแม่นางทั้งสามมาจากที่ไหน เหตุใดถึงมาพบน้องชายข้าถึงหุบเขา”
เหยาเยวี่ยเหลือบมองอูิโยวด้วยท่าทีเขินอาย อูิโยวจับหน้าผากของตน หลบเลี่ยงการสบตากับนาง ท่าทางของเขาทำให้อีกฝ่ายผิดหวังไม่น้อย
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวมองไปยังอูิโยวด้วยความกระตือรือร้น อูิเยี่ยก็เบิกบานใจ น้องชายตนเจอเนื้อคู่แล้วหรือ หญิงผู้นี้ดูเป็คนดี อีกทั้งยังงดงาม นอกจากเื่ที่นางน่าจะอายุมากกว่าน้องชายของเขาไปสักหน่อยแล้วอย่างอื่นก็ดูเหมาะสมกันไปเสียหมด ควรพานางไปให้ท่านแม่ดูตัวหน่อยดีหรือไม่ ไม่แน่ว่าอาจจะมีความหวัง
อูิเยี่ยไตร่ตรองอยู่ในใจ หารู้ไม่ว่ายามนี้น้องชายของตนหม่นหมองลงเรื่อยๆ
“ตัวข้าเหยาเยวี่ย เดินทางมาพร้อมน้องสาวทั้งสองคือจิ่งเอ๋อร์และยาโถว มาจากเมืองหลวงเฟิ่งเทียนเพื่อขออาศัยลี้ภัย ไม่ทราบว่าคุณชายรองอูจะเห็นด้วยหรือไม่”
ในใจอูิเยี่ยกำลังคิดเื่อื่น แต่กลับเอ่ยรับคำเหยาเยวี่ยไปว่า “ตกลง ตกลง ตกลง!”
เหยาเยวี่ยและคนอื่นๆ ที่ได้ยินดังนี้ต่างก็มีความสุข ยกเว้นอูิโยวที่หันไปจ้องพี่ชายด้วยดวงตาเบิกกว้าง ในอกเต็มไปด้วยความใ!
“พี่ พี่ใหญ่ ท่านฟังอย่างถี่ถ้วนแล้วจริงๆ หรือ”
เมื่อถูกอูิโยวเตือนสติ อูิเยี่ยจึงหันไปถามเหยาเยวี่ยอีกครั้ง “เ้าบอกว่าชื่ออะไรนะ”
“ข้าน้อยชื่อเหยาเยวี่ยเ้าค่ะ”
เพล้ง! ถ้วยชาในมือชายหนุ่มหล่นลงพื้นและแตกออกเป็เสี่ยงๆ
อูิโยวถูกอูิเยี่ยดึงหูออกไปยังลานบ้าน ระหว่างเดินไปก็ใกับการแสดงออกของพี่ชายจนเหงื่อตก
“พี่ใหญ่ เจ็บ ๆ ๆ”
อูิเยี่ยปล่อยมือ ชี้ไปทางห้องโถงใหญ่แล้วเอ่ยด้วยความโกรธ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พูดมา!”
อูิโยวรู้สึกผิดจริงๆ เอ่ยว่า “พี่ใหญ่ ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น วันนี้ผู้คุ้มกันมาวิ่งมาหา บอกว่ามีคนจากนอกหุบเขามาตามหาข้า ใครจะรู้ว่าเป็แม่นางเหยาเยวี่ย”
อูิเยี่ยจิ้มนิ้วไปที่หน้าผากของอูิโยว พูดแค่คำว่า ‘เ้า เ้า เ้า’ ค้างอยู่นานโดยไม่อาจเอ่ยประโยคที่สมบูรณ์ออกมาได้
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง เมื่อเห็นว่าเป็เหยาเยวี่ยที่เดินมาทางนี้ หลังจากใช้ชีวิตเป็ฉินจี[1] นางได้เห็นสิ่งต่างๆ ทางโลกมามาก จะไม่เข้าใจการแสดงออกระหว่างคนทั้งคู่ที่อยู่เบื้องหน้าได้อย่างไร
“คุณชายใหญ่อูอย่าได้ทำให้คุณชายรองอูลำบากใจเลยเ้าค่ะ ครั้งนี้ที่ข้ามายังหุบเขาไป่หลิง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณชายรองอู หากคุณชายใหญ่รู้สึกว่าไม่เหมาะสม พวกข้าก็จะออกไปจากที่นี่เ้าค่ะ”
อูิเยี่ยพลันลำบากใจ เขาไม่ได้เลือกปฏิบัติต่อหญิงสาวจากิเยวี่ยฟาง เพียงแต่ว่ามีหลายสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของเขา
“เื่นั้น... แม่นางเหยาเยวี่ย ข้าขอถาม เหตุใดเ้าจึงเดินทางออกมาจากิเยวี่ยฟางหรือ” อูิโยวโผล่หัวออกมาจากด้านหลังของอูิเยี่ยแล้วเอ่ยถาม
เหยาเยวี่ยไม่ได้ปิดบัง บอกสิ่งที่พวกนางพบในเฟิ่งเทียนไปตามความจริง เพียงแต่ไม่ได้กล่าวถึงบทสนทนาระหว่างนางและหลิ่วไป๋เจ๋อให้อีกฝ่ายได้รับรู้ก็เท่านั้น
อูิโยวครุ่นคิด “ท่านแม่เล้าของิเยวี่ยฟางเสียชีวิตกะทันหันอย่างนั้นหรือ!”
“ในตอนนั้นคุณชายหลิ่วก็สงสัยเช่นกัน แต่พวกเราไม่พบเบาะแสใดๆ เกี่ยวกับการถูกสังหาร จึงทำได้เพียงตัดสินไปอย่างนั้น”
อูิโยวใช้ปลายนิ้วลูบคางของตน “เ้าคนคนนี้ช่างโง่เขลา ถ้าข้าอยู่ที่นั่นจะต้องหาผู้กระทำผิดที่แท้จริงมาให้ได้แน่! โอ๊ย!”
เขาถูกตบศีรษะอย่างแรง
“เ้ายังมีกระจิตกระใจมาคิดเกี่ยวกับเื่นี้อีกหรือ!”
ความเ็ปนี้เกือบจะทำให้อูิโยวหลั่งน้ำตาออกมา ก่อนจะหันมองอูิเยี่ยด้วยท่าทีเสียใจ
“หากพวกนางอยู่ในหุบเขาไม่ได้ เช่นนั้นก็หาที่พักนอกหุบเขาให้สิ ก่อนหน้าก็จัดการให้แม่นางอวิ๋นแบบนี้ไม่ใช่หรือ ตอนนี้มาโกรธข้า ข้าไปยั่วยุโทสะใครหรืออย่างไร”
เมื่อรู้ว่าใส่แรงหนักไป อูิเยี่ยจึงไม่ลงมือกับน้องชายอีก เขาหันกลับมาเอ่ยกับเหยาเยวี่ย
“แม่นาง เ้าว่าอย่างไร...”
เหยาเยวี่ยยิ้มและตอบว่า “พวกเราเดินทางมาที่นี่กะทันหัน ไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วน แม้ว่าคุณชายใหญ่จะเตะพวกเราสามคนออกไป นั่นก็ถือเป็สิ่งที่สมควร”
อูิโยวรีบแย้ง “แม่นางอย่าเอ่ยเช่นนี้ หุบเขาไป่หลิงไม่รังแกผู้อื่น”
“นางแค่หยอกล้อ เ้าจะจริงจังทำไมกัน!” อูิเยี่ยปวดหัวกับน้องชายคนนี้เสียจริง
หุบเขาไป่หลิงไม่เปิดให้คนนอกเข้ามาตามอำเภอใจ แต่รอบหุบเขาก็มีหมู่บ้านรายล้อม ดังนั้นการจะหาที่พักอาศัยให้ทั้งสามคนจึงไม่ถือเป็เื่ยากอะไร
หลังจากส่งพวกเหยาเยวี่ยไปแล้ว อูิเยี่ยก็จิ้มหน้าผากอูิโยวและสั่งสอนเขา
“เ้านี่นะ...ข้าควรจะพูดอย่างไรดีเนี่ย โชคดีที่ท่านแม่ไม่มาเห็นเข้า ไม่เช่นนั้นเ้าต้องโดนจัดการแน่”
ิโยวทำหน้าบูดบึ้ง “เกี่ยวอะไรกับข้าด้วยล่ะ ข้าไม่ได้ขอให้พวกนางมาเสียหน่อย”
“หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้เ้าไปยั่วยวนถึงิเยวี่ยฟาง นางจะเดินทางไกลนับพันลี้เพื่อมาหาเ้าถึงที่นี่ทำไมกัน”
ิโยวกุมขมับ “เื่มันก็ผ่านมานานแล้ว อีกอย่าง ตอนนั้นข้าหลงเข้าไปต่างหาก”
“จะอย่างไรเ้าก็เป็ต้นเหตุให้นางมาที่นี่ จัดการเื่นี้เอาเองเถอะ”
หลังจากพี่ใหญ่เดินจากไป อูิโยวก็กลับไปยังลานบ้าน ฝนหยุดตกแล้ว สายรุ้งหลากสีพาดผ่านหุบเขา อูิโยวนอนพิงอยู่บนต้นอู๋ถง มองดูท้องฟ้าผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้ เม็ดฝนตามต้นไม้ยังไม่แห้งเหือดไป ทำให้ชุดสีดำเปียกชื้น ทว่าเขาก็ไม่ได้สนใจและผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
“นี่ ตื่นได้แล้ว!”
เสียงสตรีนางหนึ่งดังก้องอยู่ในหู ิโยวลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะเห็นใบหน้าเล็กที่คุ้นเคย แต่ขนาดตัวอีกฝ่ายกลับหดเล็กลง
“พี่ พี่หญิง”
อูิหลิงที่อยู่เบื้องหน้าอายุราวๆ สิบขวบ ดวงตาคู่นั้นกลมโตและเปล่งประกาย ช่างน่าชัง
“ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่านอนหลับบนต้นไม้ เดี๋ยวจะเป็หวัด!”
เขากำลังฝันอยู่ใช่ไหม อูิโยวมองไปรอบๆ ก็เห็นสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย เขายังอยู่ในหุบเขาไป่หลิง เมื่อยื่นมือออกไปก็เห็นว่ามือเรียวของตนหดลง เมื่อแตะััใบหน้าก็พบว่ารูปลักษณ์กลับไปเหมือนตอนอายุแปดขวบ
“เ้าเด็กคนนี้จะมางงงวยอะไรอีก รีบดึงเขาลงมาเร็ว หากช้ากว่านี้คงไม่ทันการณ์”
เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังมาจากใต้ต้นไม้ ิโยวก้มศีรษะลงไปมองก็เห็นพี่ชายยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นว่าเขามอง พี่ใหญ่ก็ขมวดคิ้วและมองกลับมา
“มัวมองอะไรอยู่ ลงมาเร็วเข้า”
ิโยวะโลงจากต้นไม้ ยังไม่ทันที่จะยืนให้มั่นคง ิเยี่ยก็เข้ามาดึงหู
“ท่านแม่ให้เ้าท่องบทกวีไม่ใช่หรือ จะโมโหทำไม ไป๋เจ๋อก็ไม่ได้ล้อเลียนอะไรเ้า เหตุใดถึงวิ่งร้องไห้ออกมาเช่นนี้ เื่ร้องไห้ยังไม่เท่าไร แต่เ้าดันวิ่งหนีออกมา พวกข้าออกตามหาอยู่ตั้งนาน ส่วนเ้ากลับซ่อนตัวและมานอนหลับอยู่ที่นี่”
ิโยวไม่รู้ว่าพี่ชายกำลังพูดถึงอะไร จับใจความได้เพียงแค่ชื่อของไป๋เจ๋อ
“หลิ่วไป๋เจ๋อ หลิ่วไป๋เจ๋อจริงๆ หรือ บุตรชายคนโตของตระกูลหลิ่วแห่งชิงหลิ่วถังน่ะหรือ” ิโยวเอ่ยถามออกไป
ิเยี่ยมองน้องชายด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะยกมือแตะหน้าผากเขา “เ้าสับสนอะไรกัน หากไม่ใช่เขาแล้วจะเป็ใคร เ้าเองไม่ใช่หรือที่อยากให้เขาอยู่ที่หุบเขาไป่หลิงเพื่อเป็เพื่อนเล่น แต่กลับปล่อยเขาทิ้งไว้แล้ววิ่งหนีมานอนหลับอยู่นี่ ยังไม่ไปขอโทษเขาอีก”
ิโยวถูกิเยี่ยลากไปยังห้องตำรา ทันทีที่เขาเข้าไปด้านใน ก็เห็นคุณชายน้อยรูปหล่อนั่งอยู่หน้าโต๊ะ ในมือนั้นถือหนังสือและตั้งใจอ่านอย่างจริงจัง
เขามีผมสีเงินยาวพาดไหล่ สวมชุดสีขาวสะอาดตา หากไม่ใช่หลิ่วไป๋เจ๋อในรูปแบบย่อส่วนแล้วจะเป็ใครไปได้ เพียงแต่ว่า…
“ดวงตาของเ้ามองเห็นแล้วหรือ เ้าลืมตาได้แล้ว!”
ิโยววิ่งไปเบื้องหน้า ยกมือขึ้นเชยคางหลิ่วไป๋เจ๋อ มองดูดวงตาคู่สวยสีนิลเข้มจากมุมสูง ในนั้นราวกับเต็มไปด้วยแสงดาวที่พร่างพราว
ดวงตาของไป๋เจ๋อเป็เช่นนี้เองหรือนี่ ราวกับดวงจันทร์สว่างสดใสบนท้องฟ้าสีน้ำหมึก งดงามเหลือเกิน!
ิโยวขยับเข้าใกล้อีกเล็กน้อย มองใบหน้าอีกฝ่ายขึ้นๆ ลงๆ หลิ่วไป๋เจ๋อที่สามารถลืมตาได้นั้นมีใบหน้าแลดูบอบบาง ทำให้รู้สึกอยากเข้าไปบีบสักสองที
เมื่อคิดเช่นนั้น มือของอูิโยวพลันบีบใบหน้าของหลิ่วไป๋เจ๋อสองสามครั้ง ช่างให้ััที่ดียิ่ง!
“เ้า ไร้มารยาท!”
อาจเป็เพราะอูิโยวเคลื่อนไหวกะทันหันเกินไป จึงยั่วให้หลิ่วไป๋เจ๋อโกรธแล้ว เขาตีมืออูิโยวก่อนจะถอยหลังสองสามก้าว คิ้วขมวดเข้าหากัน ใบหน้าเปลี่ยนเป็แดงเรื่อ
“อูิโยว!”
อูิหลิงวิ่งเข้าไปด้วยความโกรธ ขวางหน้าหลิ่วไป๋เจ๋อและพูดอย่างมีโทสะว่า “เ้าห้ามรังแกไป๋เจ๋อ!”
ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้อูิโยวหัวเราะออกมา ในสายตาของหลิ่วไป๋เจ๋อเด็กชายตรงหน้าซุกซนจนเกินเยียวยา เขาวางหนังสือในมือลงก่อนจะหันหลังเดินไปที่ประตู
“นี่ เ้าจะไปไหน”
อูิโยวหยุดเขาแล้วถาม
หลิ่วไป๋เจ๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชา
“กลับไป”
“ไปที่ใด”
“กลับไป!”
“ข้าถามว่าเ้าจะไปไหน”
“กลับไป!!!”
อูิโยว “...”
หลิ่วไป๋เจ๋อในวัยแปดเก้าขวบ ไม่ว่าอูิโยวจะมองอย่างไรก็ดูน่ารักน่าชังไปเสียหมด จึงอยากจะแกล้งเขาสักหน่อย
“หากเ้าไป ท่านพี่หญิงคงร้องไห้แน่ ถ้าเป็เช่นนั้นจะทำอย่างไรล่ะ”
หลิ่วไป๋เจ๋อหันกลับไปมองอูิหลิง นางกำลังบีบนิ้วมือและมีสีหน้าราวกับจะร้องไห้ เขาจึงเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ
“ทำไม”
อูิโยวโน้มตัวไปข้างหูเขาแล้วกระซิบ “เพราะนางชอบเ้า นางจะเป็ฟูเหรินในอนาคตของเ้า!”
“เ้า เ้ากำลังพูดเื่ไร้สาระอะไรกัน!” หลิ่วไป๋เจ๋อได้ยินเช่นนั้นก็ทำตัวไม่ถูก ดวงตาสดใสกะพริบไปมา ช่างสวยงามยิ่งนัก
——————————————————————
[1] ฉินจี หมายถึง หญิงสาวที่ขับกล่อมบทเพลงหรือบรรเลงดนตรีในสถานเริงรมย์
