ชิงผีซานเฝ้ามองจากระยะไกลพร้อมความตื่นเต้นที่แสดงออกมาจากดวงตา
หลายปีที่ผ่านมา มรดกของวังผ่านภาชั้นสิบไม่เคยเกิดขึ้น ทว่ายามนี้หนิงเทียนอยู่ที่นี่ ไม่แน่ว่าเขาอาจเป็ผู้ที่โชคชะตาลิขิตไว้
ชิงผีซานไม่รู้เื่ข้อมูลที่หนิงเทียนกับต้นไม้โบราณแลกเปลี่ยนกัน แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในยามนี้ หนิงเทียนต้องอยู่ใน่เวลาแห่งการรู้แจ้งที่สำคัญเป็แน่
ต้นไม้โบราณต้นนี้ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน และสิ่งที่ได้เรียนรู้ก็กลายเป็สิ่งพิเศษและศักดิ์สิทธิ์ แต่หลังจากเข้าใจสภาพร่างกายและสถานะการฝึกฝนของหนิงเทียนแล้ว มันก็ตกอยู่ในห้วงความคิดอันลึกซึ้ง
“ยุทธศาสตร์ครอง์ของเ้านั้นสูงกว่าความสำเร็จด้านเต๋าพฤกษาของข้าเสียอีก สุ่ยหลิงสอนเต๋าแห่งธรรมชาติให้เ้า ทั้งยังรวมกับยันต์เต๋าอนันต์ ความสำเร็จของเ้าในด้านเต๋าิญญาก็น่าทึ่งมากเช่นกัน แต่มันยังไม่สมบูรณ์แบบ ิญญาแห่งเต๋าแตกต่างจากการกลั่นอาวุธ เ้าต้องมุ่งเน้นไปที่การเรียนรู้ทักษะจิตรกรรมิญญาไร้ลักษณ์ซึ่งสามารถเสริมิญญาแห่งเต๋าได้”
“ทักษะจิตรกรรมิญญาไร้ลักษณ์มีห้าระดับ และยามนี้ข้าเพิ่งถึงระดับสามเท่านั้น”
“ระดับสี่เรียกว่าจิตรกรรมจัดเก็บ ซึ่งถือเป็กุญแจสำคัญ เ้าสามารถวาดคนบนกระดาษได้ แต่นั่นเป็เพียงภาพวาด เป็การยากที่จะทาสีจิติญญาให้เหมือนกับการทาสีกระดูก แม้เ้าจะสามารถดึงดูดิญญาได้จริงๆ แต่นั่นก็เป็เพียงิญญาเสมือน ไม่ได้เกี่ยวกับการวาดบุคคลลงในภาพของเ้าอย่างแท้จริง”
หนิงเทียนถามอย่างประหลาดใจ “สามารถใส่คนลงในภาพวาดได้จริงหรือ?”
“เป็เช่นนั้น ตราบใดที่เ้าเชี่ยวชาญระดับสี่ของทักษะจิตรกรรมิญญาไร้ลักษณ์ เข้าใจทักษะที่เกี่ยวข้อง และทำตามเงื่อนไข เ้าก็จะประสบความสำเร็จ หากเ้าวาดตัวเองลงบนกระดาษและรวมตัวเองเข้ากับภาพวาด เ้าจะสามารถหลีกเลี่ยงการค้นหาของศัตรูที่ทรงพลังได้ แต่จะทำได้อย่างไรในเมืุ่์มีสามจิตเจ็ดิญญา[1]? ดังนั้น ก่อนอื่นเ้าต้องเห็นโครงสร้างสามจิตเจ็ดิญญาของตนให้ชัดเจนก่อน ซึ่งสิ่งนี้ทุกคนล้วนแตกต่างกันออกไป”
หนิงเทียนถามอย่างสงสัย “โครงสร้างสามจิตเจ็ดิญญาของทุกคนแตกต่างกันหรือ?”
“ิญญาของทุกคนล้วนมีส่วนที่ต่างกัน โครงสร้างสามจิตเจ็ดิญญาก็ย่อมแตกต่างกันโดยธรรมชาติ เ้าได้ปลูกฝังทักษะเก้าเนตร์ ญาณทิพย์ของเ้าสามารถมองผ่านโครงสร้างิญญาของผู้อื่นได้ จากนั้นเมื่อใช้ิญญาที่รวบรวมไว้เพื่อสร้างสามจิตเจ็ดิญญา เ้าจึงสามารถดึงบุคคลเข้ามาในภาพเขียนได้”
“รวบรวมิญญา?” หนิงเทียนสับสนอย่างยิ่ง ขณะที่ต้นไม้โบราณก็ยังคงอธิบายต่อไป
“ก่อนหน้านี้เส้นไหมสีเขียวทั้งเจ็ดในร่างของเ้าคือเจ็ดิญญา ซึ่งสามารถเรียกได้ว่าเป็จิติญญา นี่เป็พื้นฐานสำหรับการฝึกวิถีแห่งิญญา มันเป็เหตุผลหลักว่าทำไมเ้าถึงปลุกข้าขึ้นมาได้”
หนิงเทียนพึมพำ “คนคนหนึ่งมีสามจิตเจ็ดิญญา ต้องใช้ิญญาสิบดวงในการวาดให้เป็ภาพ ถ้าข้า้าวาดคนมากขึ้น เช่นนั้นข้าจะไม่ต้องใช้ิญญาที่มากขึ้นหรือ?”
“การสังเวยดวงิญญาย่อมมาพร้อมคำสาป ยิ่งรวบรวมดวงิญญาไว้มากเท่าใดก็ยิ่งต้องรับผลที่ร้ายแรงมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น การแบกดวงิญญามากเกินไปจึงเป็ภาระอย่างหนึ่ง แต่เนื่องจากเ้ามีส่วนร่วมในเส้นทางแห่งจิติญญา เ้าจะต้องมีความเชี่ยวชาญในทักษะจับิญญา หล่อเลี้ยงิญญา ฝึกิญญา ถอดิญญา ล่าิญญา และขัดเกลาิญญา ส่วนวิชาจิตรกรรมิญญาและศาสตร์ขัดเกลาอาวุธนั้นก็ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด มันเป็เื่บังเอิญที่เ้าสามารถสืบทอดมรดกของข้าได้ ตอนนี้ข้าจะสอนวิชาแปลงิญญาและศาสตร์คุมิญญาให้เ้า”
ทันใดนั้นต้นไม้โบราณก็ฟื้นตัว กิ่งก้านและใบของมันสั่นะเืพร้อมเปล่งแสงแห่งจิติญญาสีเขียว ก่อนจะก่อตัวเป็รังไหมแห่งแสงเข้าห่อหุ้มร่างของหนิงเทียนไว้
วังผ่านภาสั่นะเืและส่งเสียงกึกก้อง แสงสว่างในชั้นที่สิบะเิออก ใบไม้แต่ละใบเปรียบเสมือนโลกสี่เหลี่ยมที่แสดงให้เห็นฉากอันยิ่งใหญ่ของพิธีบวงสรวงนับหมื่นครั้งตลอดระยะเวลาหลายล้านปี
ชิงผีซานตกตะลึงอย่างมาก จิติญญาสั่นสะท้านจนไม่อาจยืนอยู่ที่นี่ต่อได้อีก และจำต้องออกจากชั้นสิบไป
เวลาต่อมา ใบไม้ทั้งหมดบนต้นไม้โบราณก็ปลิดปลิวออกจากกิ่งและเข้าล้อมรอบหนิงเทียนราวกับผู้คนหลายร้อยล้านที่สวดภาวนาเพื่อขอพร พลังเจตจำนงอันยิ่งใหญ่รวมตัวกันบนร่างของเขาไม่ต่างจากรูปแบบจิติญญาที่ถูกจารึกไว้อย่างแ่า
กายเต๋าิญญาศักดิ์สิทธิ์ของหนิงเทียนสั่นะเื ยุทธศาสตร์ครอง์และยันต์เต๋าอนันต์เริ่มเคลื่อนไหวในเวลาเดียวกัน แผนที่จิติญญาทั้งเจ็ดต่างตื่นตัว เส้นลมปราณทั้งเก้าคำรามลั่น จากนั้นรากฐานก็ได้รับการเสริมความแข็งแกร่งเมื่อพลังิญญาถูกชะล้าง
นี่เป็กระบวนการต่อเนื่อง ฉากแห่งความทรงจำนับไม่ถ้วนเต็มไปด้วยฝุ่นในส่วนลึกของจิตใจของหนิงเทียน
“แนวทางการขัดเกลาอาวุธคือการรวมจิติญญา แยกแยะอาวุธ และทำให้ิญญาเปลี่ยนรูปร่างไป” เสียงของต้นไม้โบราณดังก้องอยู่ในโสตประสาทของหนิงเทียน
ห้วงเวลาอันไร้จุดสิ้นสุดผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ใบไม้สีเขียวเริ่มเหี่ยวเฉาและเปลี่ยนเป็สีเหลือง จากนั้นดวงิญญาก็เริ่มแตกสลาย
เมื่อใบไม้ร่วงจนหมด กิ่งก้านเปลือยเปล่าก็เผยให้เห็นความเงียบเหงาและความรกร้างแห่งความเสื่อมโทรม
วังผ่านภาค่อยๆ หยุดสั่นะเื และแสงบนชั้นสิบค่อยๆ ดับลงอย่างเงียบงัน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางความเงียบสงบ เมื่อหนิงเทียนลืมตาขึ้น บริเวณโดยรอบก็มืดสนิท ต้นไม้โบราณเงียบลง ไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว
หลังจากลุกขึ้น หนิงเทียนก็มองย้อนกลับไปยังจุดที่ต้นไม้โบราณยืนต้นอยู่ เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ เป็เวลานาน
“ขอบคุณท่านที่ทำให้ข้ารู้จักเต๋าและสอนพลังเหนือธรรมชาติ ข้าจะสานต่อทักษะการขัดเกลาอาวุธของท่านเป็อย่างดี!” หนิงเทียนโค้งคำนับก่อนจะหันหลังจากไป
ชิ้นส่วนของใบไม้แห้งบนพื้นลอยขึ้นมาตามสายลม มันอัดแน่นอยู่กลางอากาศราวกับคบเพลิง โดยมีิญญาจำนวนนับไม่ถ้วนเผาไหม้และร่ำไห้อยู่ภายใน
ดวงตาของหนิงเทียนเผยให้เห็นประกายแปลกประหลาด เขาค่อยๆ กางฝ่ามือขวาออกแล้วเปลวเพลิงิญญาที่ลุกไหม้ก็พุ่งเข้าสู่ฝ่ามือของเขาโดยอัตโนมัติ ภาพฉากการบวงสรวงปรากฏขึ้นอีกครั้งในเปลวเพลิง พร้อมควบแน่นเป็เม็ดลูกปัดสีน้ำตาลแกมเขียวที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางครึ่งชุ่น
“เม็ดแก่นแท้ิญญา?”
หนิงเทียนใมาก เขาหยุดและหันกลับไปพร้อมแววตาซาบซึ้ง
“ขอบคุณสำหรับรางวัล”
ต้นไม้โบราณเงียบงัน ใบไม้แห้งปลิวว่อนไปกับสายลม ก่อนกลายเป็ฝุ่นผงและไม่หลงเหลือร่องรอยใดๆ อีก
หนิงเทียนถอนหายใจ เขากล่าวคำอำลาอีกครั้งแล้วออกจากชั้นที่สิบไป
ชิงผีซานรออยู่ที่ชั้นเก้า เมื่อหนิงเทียนปรากฏตัวเขาก็ทักทายทันที “เป็อย่างไรบ้าง? เ้าได้รับมรดกที่สมบูรณ์หรือไม่?”
หนิงเทียนพยักหน้า “ไปกันเถอะ พาข้าไปหาสายลม ข้าอยากเข้าสู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแปดโดยเร็วที่สุด”
“ได้ ไม่มีปัญหาเลย!”
ชิงผีซานพาหนิงเทียนออกจากวังผ่านภาโดยไม่พูดอะไรสักคำ แล้วมุ่งตรงไปยังส่วนลึกของูเาไป่หลิง
“ข้างหน้าคือผาแยกนภา เป็หนึ่งในสามพื้นที่จำกัดชีวิตในูเาไป่หลิง ที่นั่นมีลมมารอันแปลกประหลาดและลึกลับอย่างยิ่ง”
“ผาแยกนภา? ชื่อไม่ฟังดูชั่วร้ายไปหน่อยหรือ?” หนิงเทียนหมุนวนทักษะเก้าเนตร์แล้วมองผาแยกนภาตรงหน้าอย่างระมัดระวัง ลมโหยหวนพัดกระโชกแรง ผาหินเปลือยราวถูกตัดด้วยคมมีด ราวกับมีการขูดขีดจากปลายกระจับที่แหลมคม
“ตำนานเล่าว่าสามารถมองเห็นเส้นทาง์ได้โดยการปีนผาแยกนภา แต่น่าเสียดายที่ผู้คนจำนวนมากล้วนนำชีวิตมาทิ้งไว้ ณ ที่แห่งนี้”
เมื่อญาณทิพย์รวมกับม่านตาเพลิง หนิงเทียนก็มองเห็นพายุที่น่าสะพรึงกลัวในหุบเขาด้านหลังผาแยกนภาได้ มันควบแน่นไปด้วยกฎที่สลักอักขระไว้ซึ่งสามารถทำลายทุกสิ่ง สังหารทุกอย่าง
ผาแยกนภาเป็ดั่งจุดชมทิวทัศน์ พื้นดินที่นั่นถูกสลักลวดลายอักขระลึกลับ มันจึงไม่กลัวการทำลายล้างของแรงลม
“ข้าจะลองดู เ้าจะไปด้วยหรือไม่?”
ชิงผีซานอันตอบด้วยรอยยิ้ม “เ้ามีโชคลาภมากมาย ในที่แห่งนี้ข้าคงจะไม่อาจไปกับเ้าได้”
หนิงเทียนยิ้มก่อนจะกล่าวว่า “ขอบเขตของเ้าสูงกว่าข้ามาก เ้ากลัวหรือ?”
“ขอบเขตไร้ประโยชน์ ปรมาจารย์และเ้าแห่งจิติญญาในูเาไป่หลิงหลายท่านต่างนำชีวิตมาทิ้ง ณ ที่แห่งนั้น ข้าอยู่ห่างๆ ไว้ดีกว่า”
สิ้นคำตอบของชิงผีซาน หนิงเทียนก็เปิดใช้คัมภีร์หลิงฮวงและน้ำเต้าเจ็ดสีเพื่อคุ้มครองร่างกายของตน ก่อนจะเดินไปยังผาแยกนภาอย่างเชื่องช้า
ลมพัดกระโชกแรงและอันตรายอย่างยิ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะคัมภีร์หลิงฮวงและน้ำเต้าเจ็ดสีที่คอยปกป้อง หนิงเทียนก็ไม่สามารถเดินขึ้นไปได้เลย
มีดลมบนผาแยกนภานั้นคมมากจนหนิงเทียนรู้สึกถึงความน่าหวาดกลัวและความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ
บนขอบหน้าผาหินมีโครงกระดูกแห้งกรังซึ่งดึงดูดความสนใจของหนิงเทียน
สถานที่แห่งนี้มีมีดลมทลายกระดูก แล้วเหตุใดถึงมีโครงกระดูกที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อีกเล่า? นี่ไม่แปลกไปหน่อยหรือ?
ทันใดนั้นบนพื้นก็มีเส้นแสงสว่างราวกับเปลวเพลิงพุ่งขึ้นสู่นภา พร้อมก่อตัวเป็รูปแบบที่แปลกประหลาด
หนิงเทียนขมวดคิ้วและมองไปรอบๆ ด้วยดวงตาที่เฉียบแหลม และวิเคราะห์รูปแบบที่แปลกประหลาดนี้อย่างรวดเร็ว
เสียงกรอบแกรบดังขึ้น โครงกระดูกแห้งเหี่ยวตามขอบผาหินราวกับมีชีวิตขึ้นมาใหม่และกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้หนิงเทียน
“บ้าเอ๊ย! ข้าเจอผีแล้วจริงๆ!” หนิงเทียนสบถอย่างฉุนเฉียว พลันเส้นสีทองบนผิวก็สว่างขึ้น ขณะที่เขากำลังคิดหาวิธีเคลื่อนไหว กระดูกแห้งเหี่ยวก็ประชิดเข้ามาแล้ว เขาทำลายช่องว่างอย่างรวดเร็วจนเกิดเสียงกัมปนาท ทั้งยังก่อให้เกิดการกดขี่ที่ทรงพลัง
ปัง!
หนิงเทียนปล่อยกำปั้นออกไป หมัดของเขาประกอบด้วยพลังหนึ่งหยวน เมื่อรวมกับทะลวงพันชั้นก็กลายเป็พลังที่ค่อนข้างน่าทึ่ง
โครงกระดูกแห้งเหี่ยวเคลื่อนไหวอย่างคล่องตัว มันไม่หลบและไม่คิดเลี่ยงทั้งยังกำหมัดแน่นเพื่อตอบโต้ จนหมัดของมันปะทะกับหมัดของหนิงเทียน
เสียงปะทะเกิดขึ้นพร้อมห้วงอากาศที่เริ่มบิดเบี้ยว การปะทะหมัดนี้ก่อให้ทำให้เกิดกระแสลมกระทบ และทำให้หนิงเทียนกระเด็นไปด้านหลัง
กระดูกแห้งเหี่ยวไม่รู้สึกถึงความเ็ป หลังจากตั้งหลักได้มันก็ดีดตัวขึ้นไปในอากาศ กระดูกนิ้วสีเทานั้นคมราวกับใบมีด อีกทั้งยังมีการเคลื่อนไหวที่ปราดเปรียวว่องไว
“แข็งแกร่งยิ่งนัก!” ใบหน้าของหนิงเทียนมืดมน ดวงตาของเขาจ้องมองโครงกระดูกก่อนที่ญาณทิพย์จะมองเห็นเบาะแสบางอย่าง
โครงกระดูกนี้มีเนื้อััเป็ธรรมชาติ กระดูกของมันแข็งแรงมาก ขอบเขตใน่มีชีวิตก็ลึกซึ้งยิ่งนัก เมื่อตายไปจึงเป็ะโดยที่ยังคงรักษาความแข็งแกร่งของขอบเขตผนึกดาราเอาไว้ได้
หนิงเทียนใช้กระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นรวมกับทักษะเก้าเนตร์เพื่อเริ่มต่อสู้อย่างจริงจัง แต่ภายในหนึ่งร้อยกระบวนท่า เขากลับไม่สามารถดึงความได้เปรียบใดๆ ได้เลย
“นี่เป็กระดูกแห้งเหี่ยวที่ปรมาจารย์เหนือเมฆาเหลือทิ้งไว้หรือ?” หนิงเทียนรู้สึกหดหู่ใจ ระดับความแข็งแกร่งของโครงกระดูกนั้นสูงกว่าเขา บังคับให้เขาต้องใช้น้ำเต้าเจ็ดสีและพู่กันิญญาเพื่อใช้ทักษะจิตรกรรมิญญาไร้ลักษณ์ ทันใดนั้นิญญาพฤกษาก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ แต่ก็ถูกโครงกระดูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้รูปแบบน่าพิศวงบนพื้นยังจำกัดการเคลื่อนไหวของหนิงเทียน แต่ดูเหมือนกระดูกแห้งเหี่ยวจะไม่ได้รับผลกระทบนี้เลย ซึ่งทำให้หนิงเทียนตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบมาก
โชคดีที่ดวงตาของเขาเป็ดวงตาจิติญญา เมื่อผสานกับทักษะดวงเนตรเขาจึงสามารถมองทะลุภาพลวงตาได้ และด้วยความช่วยเหลือของน้ำเต้าเจ็ดสี เขาก็สามารถปัดป้องกระดูกแห้งเหี่ยวออกไปได้ทุกครั้งที่ตกอยู่ใน่อันตราย
“ฝังกระดูกลงดิน ข้าฝังเซียน ปราบปราม!” หนิงเทียนใช้ทักษะฝังบุปผา เนินเขาด้านหลังขยายใหญ่ขึ้นราวกับตราประทับสมบัติที่กดทับโครงกระดูก
กระดูกแห้งเหี่ยวพยายามดิ้นรนอย่างหนัก หนิงเทียนจึงอาศัยโอกาสนี้กระตุ้นน้ำเต้าเจ็ดสีให้กดทับบนเนินเขาอีกชั้น
เมื่อเป็เช่นนี้โครงกระดูกจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก และวิกฤตก็สงบลงชั่วคราว
หนิงเทียนยืนอยู่บนเนินเขาโดยมีคัมภีร์หลิงฮวงลอยเหนือศีรษะ ดวงตาของเขามีประกายแวววาว ขณะที่จ้องมองไปยังด้านหลังผาแยกนภา กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตในร่างก็เริ่มตื่นตัวอย่างมาก
เสาลมขนาดใหญ่เปรียบเสมือนัที่บินขึ้นเหนือเวหา ซึ่งประกอบด้วยความลึกลับขั้นสูงสุด
หนิงเทียนใช้เลขเก้าหลักรวมกับทักษะเก้าเนตร์ ยามนี้เขาไม่เพียงแต่มองเห็นการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น แต่ยังอนุมานความลึกลับได้อีกด้วย
เสาลมเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา บางครั้งก็กลายเป็หนึ่งเดียว บางครั้งก็กระจัดกระจาย บางครั้งเป็รูปเป็ร่าง และบางครั้งก็เปลี่ยนแปลงไป คนส่วนใหญ่จึงไม่สามารถมองเห็นธรรมชาติที่แท้จริงของมันได้
“หากดำเนินไปตามครรลองของปรมาจารย์เหนือเมฆาแล้ว พวกเขาก็ควรจะมองความลึกลับเหล่านี้ได้ แต่เหตุใดพวกเขาถึงตายอยู่ที่นี่? ยังมีความลึกลับอื่นอยู่อีกหรือ?”
ขณะที่หนิงเทียนสังเกตการเปลี่ยนแปลงของเสาลม เขาก็ครุ่นคิดไปด้วย และรอยประทับทางจิติญญาในเส้นลมปราณที่แปดก็เริ่มควบแน่นเป็แผนที่จิติญญา
ทันทีที่หนิงเทียนเข้าใจความลึกลับทั้งหมดและเข้าสู่ขั้นแปดของขอบเขตจิตหยั่งลึก เขาก็มองเห็นความจริงที่ซ่อนอยู่หลังเสาลม “ที่แท้ก็มีทางอยู่ตรงนั้น! มันจะพาไปที่ใดกัน?”
ลึกเข้าไปในหุบเขา เส้นทางหินมรกตถูกขวางไว้ด้วยเสาลม หากไม่ใช่เพราะความเข้าใจอันยอดเยี่ยมของหนิงเทียนเกี่ยวกับความลึกลับ ซึ่งรวมกับพลังจากทักษะดวงเนตรที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ เขาก็คงไม่สามารถมองเห็นมันได้เลย
---------------------------------------
[1] สามจิตเจ็ดิญญา (三魂七魄) เป็สิ่งที่มนุษย์ต้องมีจึงจะใช้ชีวิตได้อย่างมีสติครบถ้วน โดยสามจิต ได้แก่ ฟ้า ดิน และชีวิต ส่วนเจ็ดิญญา ได้แก่ ดีใจ โกรธ เศร้า กลัว รัก ร้าย และโลภ
