จ้วงอวี้เหยียนหัวเราะเห็นด้วยกับที่มู่อวิ๋นจิ่นกล่าว “ใช่แล้ว ไม่เพียงน้องกับพี่ต่างออกเรือนกันแล้ว ยังให้ไปแสดงต่อหน้าคนอื่นมากมายคงไม่เหมาะไม่ควร ที่สำคัญตระกูลของพวกเราก็ลำดับขั้นเท่ากับตระกูลฉิน”
“ในเมื่อลำดับเทียบเท่ากัน ย่อมไม่มีเหตุผลต้องให้พวกเราไปแสดงต่อหน้าคุณหนูฉิน”
จ้วงอวี้เหยียนกล่าวจบลงแล้ว ได้หันมองมู่อวิ๋นจิ่นอย่างลำบากใจ “แต่ว่าคุณชายและคุณหนูตระกูลฉินทำศึกชนะหลายครั้งหลายครา ชื่อเสียงกำลังอยู่ในขาขึ้น หากพวกเราปฏิเสธบ่ายเบี่ยง อาจทำให้ฮองเฮาไม่พอพระทัยได้ใช่ไหม?”
มู่อวิ๋นจิ่นหัวเราะใส่จ้วงอวี้เหยียน พร้อมกับคีบอาหารใส่จานให้ “พี่อวี้เหยียนไม่ต้องกังวลใจไป ทุกเื่ย่อมมีทางออกของมัน เื่ที่พวกเรามิอยากทำ ใครจะมาบีบบังคับไม่ได้เด็ดขาด”
พอเห็นสีหน้าที่มาดมั่นเปี่ยมด้วยความมั่นใจ จ้วงอวี้เหยียนจึงผ่อนคลายอารมณ์ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
……
กว่าที่ฉู่ลี่เดินทางกลับมาถึงจวนก็ดึกดื่นสงัดแล้ว
มู่อวิ๋นจิ่นนั่งรอเขาอยู่ที่ลานกว้างเรือนลี่เฉวียนรอฉู่ลี่ พอเห็นเขากลับมาได้เรียกให้หยุดฝีเท้าทันใด
“เห้ย ฉู่ลี่!” นางเอ่ยเรียกด้วยไม่รู้สึกว่าไม่สุภาพ
ฉู่ลี่ชะงักฝีเท้าลงทันที จากนั้นขมวดคิ้วขึ้น ตอบรับอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ “อืม มีเื่อันใด?”
“ข้ามีเื่อยากปรึกษาเ้าหน่อย” มู่อวิ๋นจิ่นเดินเข้าไปใกล้ แสดงสีหน้าวิงวอนขอร้อง
“อืม พูดออกมาสิ” ฉู่ลี่บอก
“ฮองเฮามีคำสั่งให้จัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองขึ้น ทั้งยังให้นางกำนัลและบรรดาคุณหนูไป……
“เ้าไม่จำเป็ต้องไป” ฉู่ลี่ขัดขึ้นทั้งๆ ที่นางยังพูดไม่จบ
“จริงหรือ?” มู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้ว
“จริงแท้แน่นอนอยู่แล้ว” ฉู่ลี่ตอบเสร็จก็เดินเข้าห้องไป
มู่อวิ๋นจิ่นยืนมองฉู่ลี่อยู่ด้านหลัง ดูออกว่าเขาอารมณ์ไม่สู้ดีนัก แต่ประโยคนี้ของเขาทำให้นางใจชื้นเป็กอง
ส่วนเื่พี่อวี้เหยียนนั้น ท่านราชครูจ้วงที่ยึดเื่ธรรมเนียมอย่างเคร่งครัด ย่อมไม่มีทางเห็นด้วยให้พี่อวี้เหยียนต้องออกไปแสดงต่อหน้าผู็คนมากมายให้เสียเกียรติ
……
หลังจากที่ฉู่ลี่รับประกันว่าไม่ต้องไปแสดง มู่อวิ๋นจิ่นไร้ซึ่งความกังวลทั้งปวง ทในทุกวันเอาแต่กินๆ นอนๆ อย่างสบายใจเฉิบ
“คุณหนูอยู่ในจวนมาตั้งสิบวันแล้ว ไม่ออกไปข้างนอกหน่อยหรือเ้าคะ?” จื่อเซียงเดินเอาอาภรณ์ที่ซักล้างเรียบร้อยเข้าไปแขวนในตู้เสื้อผ้า
มู่อวิ๋นจิ่นที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกเยก ได้ยินเช่นนั้นถึงรู้ว่าไม่ได้ย่างกรายไปนอกจวนตั้งเป็สิบวันแล้ว
“อากาศร้อนอบอ้าวจะตาย ไม่อยากออกไปััแสงตะวัน” มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกี้เี
จื่อเซียงยิ้มน้อยๆ “แต่การเอาแต่นั่งๆ นอนๆ อยู่แค่ในจวน คุณหนูไม่รู้เบื่อหน่ายบ้างหรือเ้าคะ?”
“เ้าบ่าวตัวดี คงอยากไปเที่ยวข้างนอกสิท่า จึงมาพูดหว่านล้อมให้ข้าพาออกไปใช่ไหม?” มู่อวิ๋นจิ่นถือโอกาสสวนถามกลับ
จื่อเซียงหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา ก้มหน้าก้มตาด้วยความขวยเขิน “บ่าวมิกล้าเ้าค่ะ”
“เอาล่ะ เอาล่ะ วันนี้เมฆครึ้ม ข้าจะพาเ้าไปเที่ยวเล่นนอกจวนแล้วกัน มู่อวิ๋นจิ่นลุกขึ้นยืน”
“เ้าค่ะ เช่นนั้นบ่าวช่วยคุณหนูเกล้าผมนะเ้าค่ะ”
จากนั้นไม่นาน นายบ่าวคู่นี้ได้เดินออกจวนองคืชายหกไป
พอเดินมาถึงถนนหลัก ผู้คนในวันนี้พลุกพล่านเป็พิเศษ เบียดเสียดกันอยู่เต็มไปหมด
มู่อวิ๋นจิ่นถึงเบื้องหน้าเต็มไปด้วยผู้คนถึงกับขมวดคิ้วขึ้น ด้วยใจว่าจะไปนั่งพักที่ร้านน้ำชา กระทั่งเดินมาถึงร้านน้ำชาชั้นหนึ่ง คนต่างนั่งเต็มไปหมดทุกที่ ส่วนชั้นสองติดริมหน้าต่างก็เต็มเช่นกัน
กำลังที่จะเอ่ยถามจื่อเซียงว่าวันนี้เป็วันสำคัญอะไรกัน สตรีสองคนที่อยู่ใกล้ๆ ต่างพูดไปยิ้มไปกันสองคน “กองทหารของท่านแม่ทัพฉินและคุณหนูฉินเดินทางใกล้ถึงประตูเมืองแล้ว ไม่นานจะเดินผ่านประตูเมืองเข้ามา!”
“ใช่แล้วๆ แค่คิดก็ตื่นเต้นจนตัวสั่นไปหมดแล้ว วันนี้ผู้คนเกือบทั้งหมดต่างออกมาคอยต้อนรับท่านแม่ทัพฉินและคุณหนูฉินแล้ว”
“เร็วเข้าๆ นู้นมาแล้วๆ”
มู่อวิ๋นจิ่นได้ยินเสียงสตรีสองคนนั้นคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ทำได้เพียงหรี่ตามองและเผยอปากยิ้มให้
ที่แท้คนตระกูลฉินกำลังกลับมาแล้วนี่เอง
ผู้คนที่กำลังเดินอยู่ ต่างแหวกทางซ้ายขวาให้กับกองทัพทหารและม้า
เมื่อคนที่ขี่ม้าเดินเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ ชาวบ้านต่างค่อยๆ คุกเข่าต้อนรับ ะโโห่ร้องด้วยความดีใจ “ต้อนรับท่านแม่ทัพฉิน คุณหนูฉินกลับบ้านกลับเมือง”
เดิมทีมู่อวิ๋นจิ่นยืนกอดอกมองดูชาวบ้าน เกือบถูกคนลากให้คุกเข่าต้อนรับด้วยกัน ทว่าหลังจากเห็นสีหน้าของมู่อวิ๋นจิ่นคนคนนั้นกลับมิกล้าเอื้อมมือััตัวนาง
ทหารที่ขี่ม้าเดินนำทางมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ตามด้วยทหารเดินเท้าอีกหลายแถวก็ยังมีความเค่งขรึมไม่ต่างกัน
ด้านหลังทหารเดินเท้าเป็รถม้าที่ประดับอย่างวิจิตรค่อยๆ เคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้า ปิดท้ายด้วยทหารเดินเท้าอีกหลายแถว
สายตาของมู่อวิ๋นจิ่นจับจ้องไปที่รถม้าที่เคลื่อนผ่านหน้านางไป ด้วยความรู้สึกแปลกๆ แวบขึ้นในใจ
หลังจากที่รถม้าเคลื่อนผ่านไปไกลแล้ว ผู้คนที่เบียดเสียดต่างแยกย้ายกันไปจนมีพื้นที่เหลือเฟือ
“คุณหนู พวกเรายังจะเดินเล่นอีกไหมเ้าคะ?” จื่อเซียงเอ่ยถามอย่างระวัง ด้วยเห็นสีหน้ามู่อวิ๋นจิ่นไม่ค่อยสู้ดี
“ทำไมจะไม่เดินเล่นด้วยเล่า?” มู่อวิ๋นจิ่นเดินเข้าไปที่ร้านเครื่องหอมที่อยู่เบื้องหน้า
เมื่อเดินเข้าร้านเครื่องหอม มู่อวิ๋นจิ่นกลับพบคนรู้จักมักจี่อีกแล้ว
“คารวะพระชายาหก” เยี่ยนหลิงฉางที่กำลังเดินเลือกเครื่องหอมกับบ่าวใช้อยู่ รีบแสดงความเคารพทันที
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้ารับทราบ ทว่าครั้งก่อนนางไม่ประทับในตัวเยี่ยนหลิงฉาง ดังนั้นมิอยากแยแสนางแม้แต่น้อย
เยี่ยนหลิงฉางกลับไม่คิดเช่นนั้น เดินเข้ามาประชิดมู่อวิ๋นจิ่น “พระชายาหก เครื่องหอมนี้เป็ของใหม่ ทั้งยังมีกลิ่นหอมของดอกเหมยอ่อนๆ อีกด้วยเพคะ”
กล่าวแนะนำเรียบร้อยแล้ว เยี่ยนหลิงฉางได้หยิบเครื่องหอมกลิ่นผลถาว[1] ยื่นส่งให้มู่อวิ๋นจิ่นได้ดอมดม
มู่อวิ๋นจิ่นกลับไม่ได้รับมา ยื่นมือไปหยิบเครื่องหอมที่อยู่ข้างเยี่ยนหลิงฉางขึ้นมาแทน “ข้าชอบแป้งผลัดหน้านี้ ปกติข้าไม่ค่อยใช้เครื่องหอม”
เยี่ยนหลิงฉางถึงกับหน้าเสีย หัวเราะกลบเกลื่อนด้วยความเขินอาย “พระชายาหกออกมาเลือกแป้งผลัดหน้าที่จะใช้ในการแสดงใช่ไหมเพคะ? หม่อมฉันเลือกเครื่องหอมกลิ่นดอกมู่ตัน[2] เพื่อเตรียมใช้ในการแสดงเพคะ!”
“ข้าไม่ได้เอาไปใช้แสดงหรอก!” มู่อวิ๋นจิ่นตอบเสียงเรียบเฉย จากนั้นเลือกแป้งผลัดหน้าห้าหกชิ้น ส่งให้จื่อเซียงไปจ่ายเงินกับเ้าของร้าน
“ห๊ะ? ไม่แสดงอย่างนั้นหรือเพคะ? เพียงแต่ว่าฮองเฮาตรัสเอาไว้ห้ามหาข้ออ้างปฏิเสธในทุกกรณีมิใช่หรือเพคะ?” เยี่ยนหลิงฉางอุทานอย่างแปลกใจ เดิมทีนางแอบดีใจที่ฮองเฮาตรัสเช่นนั้น จะได้มีโอกาสดูมู่อวิ๋นจิ่นที่ไร้ความสามารถขายหน้าคนอื่น
มาถึงตอนนี้มู่อวิ๋นจิ่นกลับบอกว่าไม่แสดงในงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง?
“คุณหนูเยี่ยนวันนี้พูดมากเป็พิเศษจริงเชียว” พอเห็นว่าจื่อเซียงจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นเสียดสีทิ้งท้ายก่อนเดินออกไป
เยี่ยนหลิงฉางหน้าซีดเผือดได้แต่ถลึงตาโต กัดฟันกรอดๆ มองมู่อวิ๋นจิ่นอยู่ด้านหลัง “ปากกล้าแบบนี้ไปเถอะ คุณหนูฉินกลับมาแล้ว ข้าจะคอยดูสิว่าพระชายาหกจะจองหองได้สักกี่น้ำกันเชียว!!!”
ด้วยความหูไวของมู่อวิ๋นจิ่นทำให้ได้ยินสิ่งที่เยี่ยนหลิงฉางเอ่ยออกมาทั้งหมด นางจึงเปรยด้วยเสียงเย้ยหยันทิ้งทวน “ทุกคนต่างพูดเช่นนี้กันหมด ข้าชักเริ่มสงสัยเสียแล้วสิ ไม่รู้ว่าฉินมู่เยว่ผู้นี้สุดท้ายจะได้อยู่ตำแหน่งพระชายาหกไหมเอ่ย!!!”
“คุณหนู……” จื่อเซียงเรียกตามมู่อวิ๋นจิ่น
……
หลังจากวันนั้นเป็เวลาห้าวัน มู่อวิ๋นจิ่นไม่ได้พบหน้าฉู่ลี่แม้แต่ครั้งเดียว ตามที่แม่นมเสิ่นเล่ามานั้น ฉู่ลี่ถูกฝ่าาเรียกตัวเข้าเฝ้าในทุกๆ วัน
“คุณหนู นี่ก็ใกล้ถึงวันต้องเข้าวังหลวงร่วมงานเลี้ยงเฉลิมฉลองแล้ว คุณหนูจะใส่อาภรณ์ชุดไหนดีเ้าคะ?”
จื่อเซียงหยิบชุดกระโปรงสีม่วงอ่อนกับชุดลูกไม้สีเขียวอ่อนออกมา ยกให้มู่อวิ๋นจิ่นเลือกดู
“ข้าเอาชุดนั้น” มู่อวิ๋นจิ่นชี้ไปที่ชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนที่แขวนอยู่ในตู้
“คุณหนู ชุดนั้นธรรมดาเกินไปเ้าค่ะ ใส่ธรรมดาอยู่ที่จวนได้ แต่ใส่ไปร่วมงานเลี้ยงในวังเกรงจะไม่เหมาะสมนะเ้าค่ะ” จื่อเซียงขมวดคิ้วอย่างสงสัย
มู่อวิ๋นจิ่นหัวเราะเสียงต่ำ “มีอะไรไม่เหมาะสมกันเล่า ข้าไม่ได้ไปในฐานะหลักของงานเลี้ยงเฉลิมฉลองเสียหน่อย คุณหนูฉินนู้นที่ต้องแต่งตัวให้งามสะพรั่งถึงจะถูก”
จื่อเซียงจนปัญญาจะต่อปากกับคุณหนู ได้แต่เอาชุดที่คัดเลือกให้เก็บเข้าตู้ดังเดิม และหยิบชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนออกมาแทน
ในระหว่างที่จื่อเซียงผลัดแป้งและเกล้าผมให้ มู่อวิ๋นจิ่นกำชับกำชาให้ทำทรงเรียบง่าย รวมทั้งใส่เพียงต่างหูไข่มุกคู่เล็กกับปิ่นธรรมดาชิ้นเดียวเท่านั้น
หลังจากแต่งตัวเป็ที่เรียบร้อย มู่อวิ๋นจิ่นเดินออกไปยืนหน้าประตู เห็นห้องของฉู่ลี่ปิดสนิท จึงเอ่ยถามขึ้น “ฉู่ลี่ไม่อยู่ที่จวนอีกแล้วหรือ?”
จื่อเซียงก้มหน้ารับ “ใช่แล้วเ้าค่ะ แต่รถม้าของจวนได้เตรียมไว้เป็ที่เรียบร้อย ใกล้เวลาเริ่มงานเลี้ยงเฉลิมฉลองแล้ว คุณหนูออกเดินทางได้แล้วเ้าค่ะ”
“ไปกัน” มู่อวิ๋นจิ่นตอบรับ
รถม้าเดินทางออกจากจวนองค์ชายหกไม่นานนักก็มาหยุดที่หน้าประตูวังหลวง ประจวบเหมาะกับรถม้าจวนอัครเสนาบดีมาถึงพอดี อัครมหาเสนาบดีมู่ผู้เป็บิดา มู่อวิ๋นหานพี่ชายคนโต ก้าวลงจากบนรถม้า
“คารวะพระชายาหก” อัครมหาเสนาบดีมู่ยกมือประสานทำความเคารพมู่อวิ๋นจิ่น
ทางด้านมู่เซี่ยโหรวน้องห้ากับมู่หลิงจูน้องสี่ ต่างย่อตัวทำความเคารพมู่อวิ๋นจิ่นเช่นกัน
“ท่านพ่อไม่ต้องมากพิธี”
มู่อวิ๋นจิ่นกวาดสายตาไปทางมู่หลิงจู
“น้องอวิ๋นจิ่น เหตุใดวันนี้แต่งตัวธรรมดาแบบนี้เล่า?” จ้วงอวี้เหยียนผู้เป็ภรรยาของมู่อวิ๋นหานถามขึ้น ด้วยความฉงนใจ
“แต่งเอาสบายนะพี่อวี้เหยียน” มู่อวิ๋นจิ่นยิ้มมุมปาก
จ้วงอวี้เหยียนยังไม่เข้าใจในสิ่งที่มู่อวิ๋นจิ่นพูดมากนัก แต่ก็พยักหน้ารับไป เมื่อมองไปที่รถม้าเห็นมู่อวิ๋นจิ่นลงมาเพียงคนเดียว จ้วงอวี้เหยียนจึงคว้ามือของมู่อวิ๋นจิ่นไปจับไว้ “พวกเราเข้าไปข้างในด้วยกันเถอะ”
ในเมื่อมีจ้วงอวี้เหยียนอยู่เป็เพื่อนข้างกาย มู่อวิ๋นจิ่นก็ไม่รู้สึกแปลกแยกจากคนอื่นแล้ว
“อวิ๋นจิ่น ได้ยินมาว่าน้องไม่ต้องทำการแสดงถูกต้องไหม?” มู่อวิ๋นหานที่อยู่ด้านข้างเอ่ยถาม
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว ฉู่ลี่บอกว่าไม่ต้องแสดง”
เมื่อได้ยินมู่อวิ๋นจิ่นอ้างชื่อฉู่ลี่ขึ้นมา อัครมหาเสนาบดีมู่กับมู่หลิงจูที่เดินตามข้างหลัง พลันมองด้วยความแปลกใจ
มู่หลิงจูได้แต่กัดฟันกรอดๆ คอยมองดูมู่อวิ๋นจิ่นและจ้วงอวี้เหยียนเดินพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ด้วยสายตาอิจฉาริษยา
เป็เพราะนางชั้นต่ำอย่างมู่อวิ๋นจิ่นที่ทำให้ท่านแม่ของมู่หลิงจูจากไป จนป่านนี้ผ่านพิธีปักปิ่นแสดงความเป็สาวเต็มตัวแล้ว ยังไม่มีบุรุษหน้าไหนมาสู่ขอหมั้นหมายเสียที
นางเป็ถึงหญิงที่มีความสามารถอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรซีหยวน บุรุษที่อยากแต่งกับนางต้องต่อแถวยาวเหยียดถึงจะถูก ดูอย่างตอนนี้นางกลับกลายเป็ที่ขบขันของบรรดาคุณหนูคุณชายไปหมดแล้ว
โชคดีที่วันนี้มีการแสดง นางเชื่อมั่นว่าจะต้องใช้โอกาสนี้ให้เต็มที่ที่สุดในการแสดงศักยภาพ
เชอะ! มู่อวิ๋นจิ่น หนทางยังอีกยาวไกล! พวกเราต้องได้เห็นดีกัน!
[1] ผลถาว คือ ผลลูกท้อ
[2] ดอกมู่ตัน คือ ดอกโบตั๋น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้