“แม่ ขอบคุณมากนะครับ!”
โจวเฉิงโอบไหล่เซี่ยเสี่ยวหลาน ตอนนี้เขาไม่สามารถจูงมือเธอได้ เพราะเซี่ยเสี่ยวหลานได้รับาเ็ที่มือ
พอได้ยินเขาพูด เพลิงโทสะของกวนฮุ่ยเอ๋อก็ลดลงไปมากกว่าครึ่ง
กวนฮุ่ยเอ๋อเร่งเดินทางมาที่เผิงเฉิง ทิ้งงานของตัวเอง แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเื่ของคังเหว่ยเพียงอย่างเดียว แต่อีกสาเหตุหนึ่งก็เป็เพราะเซี่ยเสี่ยวหลานด้วย โจวเฉิงเข้าใจหัวอกของผู้เป็แม่เช่นนี้ กวนฮุ่ยเอ๋อย่อมรู้สึกปลาบปลื้มใจแน่นอน
แค่ประโยคเดียวก็สามารถทำให้กวนฮุ่ยเอ๋อสงบลงได้ เธอเปลี่ยนจากความโกรธมาเป็รอยยิ้มทันที
“อย่ามาพูดหวานใส่แม่ เล่ามาสิว่ามาที่โรงพยาบาลได้อย่างไร”
เซี่ยเสี่ยวหลานคงไม่ได้เป็คนบอกอย่างแน่นอน เพราะเซี่ยเสี่ยวหลานไม่อยากให้โจวเฉิงเห็นาแที่ใบหน้าของเธอ
“แม่ไม่ต้องห่วงครับ ผมขอลางานมา มีครูฝึกอยู่คนหนึ่งที่น่าจะรู้จักกับเสี่ยวหลาน เขาเป็คนบอกข่าวนี้กับผม พอได้ยินว่าเสี่ยวหลานกับคังเหว่ยถูกรถชน ถ้าไม่มาเยี่ยมที่โรงพยาบาลผมคงรู้สึกไม่สบายใจครับ”
โจวเฉิงไม่ได้เล่าเื่อาการใจสั่นวูบตลอด่บ่ายของเมื่อวานให้กวนฮุ่ยเอ๋อฟัง เพราะพูดไปก็คงดูน่าเหลือเชื่อ
กวนฮุ่ยเอ๋อยังคงรู้สึกติดใจ ครูฝึกรู้จักกับเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างนั้นหรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานส่ายหน้าไปมา “ฉันไม่รู้จักจริงๆ ค่ะ คงเป็คุณอา... คุณน้าคงทราบดี”
เซี่ยเสี่ยวหลานขอให้ทังหงเอินช่วย เื่นี้ไม่ควรพูดออกมาในที่แจ้ง เมื่อได้ยินดังนั้นกวนฮุ่ยเอ๋อจึงไม่ได้ซักไซ้ต่อ โจวเฉิงไม่ได้แอบหนีออกมาก็พอแล้ว จากนั้นทั้งสามคนก็เดินไปที่ห้องของคังเหว่ย ทว่าตอนนี้คังเหว่ยยังคงหลับอยู่
โจวเฉิงเองก็ปวดใจไม่น้อย คังเหว่ยเป็คนร่าเริงสดใส เขาเคยเจอเื่ร้ายแรงแบบนี้เสียที่ไหนกัน!
“หมอว่าอย่างไรบ้าง”
อาการของคังเหว่ยถือว่าดีขึ้นมากแล้ว หมอบอกว่าเป็เพราะนำตัวมาส่งที่โรงพยาบาลได้ทันเวลา และแน่นอนว่าทักษะของหมอผู้ผ่าตัดก็มีส่วนด้วยเช่นกัน สถานะความเป็นักธุรกิจฮ่องกงของตู้เ้าฮุยเองก็มีประโยชน์ รวมถึงการมาเยือนของทังหงเอินที่ทำให้ทางโรงพยาบาลให้ความสำคัญกับคังเหว่ยมาก กระบวนการช่วยชีวิตคังเหว่ยจึงเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบตามตำราทุกอย่าง
ที่มาโรงพยาบาลได้เร็วขนาดนั้นก็เป็เพราะเซี่ยเสี่ยวหลาน แต่เธอคงไม่ขอความดีความชอบจากใคร เพราะการยื้อชีวิตคังเหว่ยเอาไว้ได้คือเื่สำคัญที่สุด
สถานการณ์ตอนนี้ราบรื่นดี นอกจากเฝ้าระวังอาการข้างเคียงจากการผ่าตัด รวมถึงแนวโน้มที่สมองจะได้รับความเสียหาย อาการของคังเหว่ยก็ไม่มีอะไรให้ต้องเป็ห่วงอีก
โชคดีเหลือเกินที่เขารอดชีวิตมาได้
พอโจวเฉิงถามว่าเกิดอุบัติเหตุรถชนได้อย่างไร ทุกคนหน้าห้องผู้ป่วยก็เงียบไปทันที
“โจวเฉิง มานี่สิ เดี๋ยวอาจะอธิบายให้ฟัง”
คังเหลียนิเรียกโจวเฉิงให้เดินไปอีกทาง ทั้งคู่คุยกันอยู่ครึ่งชั่วโมง ในที่สุดโจวเฉิงก็เดินกลับมา
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกกังวลเล็กน้อย “คุณอาคังคงไม่ได้บอกเธอว่า เป็การเจตนาฆ่าหรอกใช่ไหม”
“ขับรถไม่ดูทาง ไม่ควบคุมความเร็ว เพียงแค่นี้ก็เท่ากับเจตนาฆ่าแล้ว... เสี่ยวหลาน นี่ไม่ใช่ประเด็นหลักของเื่นี้ ตอนนี้อารองคังคงปล่อยให้เื่มันจบแบบนี้ไม่ได้ เมื่อก่อนฉันน่าจะเข้าใจท่านผิดไปหลายอย่าง”
ความอดกลั้นและเดือดดาลของคังเหลียนิ โจวเฉิงรับรู้ได้จากน้ำเสียงของเขา
คังเหลียนิไม่ได้เดือดดาลเพราะตู้เ้าฮุยไม่เห็นหัวตระกูลคัง แต่ที่เขาเดือดดาลก็เป็เพราะความไม่เกรงกลัวฟ้าดินของตู้เ้าฮุย ซึ่งมันเกือบทำให้ตระกูลคังต้องสูญเสียคังเหว่ยไปตลอดกาล
โจวเฉิงเห็นคังเหว่ยที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยแล้วก็รู้สึกปวดใจ สิ่งที่เขาบอกกับครูฝึกคือเื่จริง พ่อแม่มีเขาเป็ลูกแค่คนเดียว ดังนั้นคังเหว่ยจึงเป็เหมือนพี่น้องแท้ๆ ของโจวเฉิง พวกเขาทั้งสองคนสนิทกันที่สุด คังเหว่ยมักจะคอยเดินตามหลังเขาอยู่ตลอดเวลา แม้แต่เส้ากวงหรง โจวเฉิงก็ยังไม่สนิทกันมากเท่านี้
หากไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุคราวนี้ โจวเฉิงคงอ่านท่าทีของคังเหลียนิที่มีต่อคังเหว่ยไม่ออก
สาเหตุที่คังเหลียนิหางานสบายๆ ให้คังเหว่ย ไม่ใช่เพราะ้าให้คังเหว่ยกลายเป็คนไม่เอาไหน เขาเพียงคิดว่าคังเหว่ยไม่จำเป็ต้องใช้ชีวิตลำบากจนเกินไป พ่อของคังเหว่ย พี่ใหญ่ของคังเหลียนิยอมเสียสละตัวเองเพื่อประเทศชาติและตระกูลคังแล้ว คังเหว่ยก็สมควรได้รับแต่ความสุข ความจริงความคิดของคังเหลียนิไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมายขนาดนั้น
ดังนั้นคังเหลียนิถึงได้เข้มงวดกับลูกชายและลูกสาวของตัวเอง แต่ปล่อยปละละเลยคังเหว่ย
ตราบใดที่ตระกูลคังยังไม่ล่มสลาย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาตระเตรียมไว้ให้คังเหว่ยจะสามารถทำให้คังเหว่ยสบายไปทั้งชาติ ดีกว่าการที่เขาต้องมาตรากตรำทำงานหรืออดอยากแร้นแค้น!
อย่างไรก็ตามผู้ชายที่ดีต้องประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานมิใช่หรือ?
จะให้ใช้ชีวิตไปวันๆ เพื่อรอวันตายั้แ่ยังหนุ่ม แน่นอนว่าโจวเฉิงไม่เห็นด้วยกับความคิดของคังเหลียนิ
เขาเสนอให้อีกฝ่ายรอคังเหว่ยฟื้นขึ้นมาก่อน สองอาหลานควรคุยกันสักครั้งเื่อนาคตของคังเหว่ย โจวเฉิงจะไม่กระตุ้นคังเหว่ย และจะไม่ชักนำคังเหว่ยอีกต่อไป เขาจะให้คังเหว่ยเป็คนคิดและตัดสินใจเอง!
ในขณะที่คังเหลียนิอยากให้คังเหว่ยอยู่ในสายตาตลอดเวลา แต่โจวเฉิงกลับไม่เห็นด้วย ดังนั้นบทสนทนาระหว่างเขากับคังเหลียนิจึงไม่ราบรื่นนัก
ทว่าเื่อย่างความน่ารังเกียจของตู้เ้าฮุย โจวเฉิงกับคังเหลียนิมีความเห็นตรงกันอย่างยิ่ง
บางคำพูดไม่เหมาะจะเล่าให้เซี่ยเสี่ยวหลานรับรู้ โจวเฉิงจึงได้แต่กลบเกลื่อนโดยเปลี่ยนไปคุยเื่าแของเธอแทน “แผลที่หน้าไม่ร้ายแรง แล้วที่มือเล่า ครั้งก่อนก็กระดูกร้าว เธอได้ให้หมอตรวจดูมือขวาอย่างละเอียดหรือเปล่า”
“ฉันตรวจร่างกายทั้งตัวแล้ว เธอคงลำบากมากใช่ไหมกว่าจะขอลางานได้”
กฎระเบียบของค่ายทหารชั่วคราวเข้มงวดเสียขนาดนั้น ไม่รู้ว่าโจวเฉิงต้องพยายามแค่ไหนกว่าจะขอลาหยุดได้ อย่างไรก็ตามเซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่า สิ่งที่โจวเฉิงพูดเมื่อครู่ช่างดูแปลกประหลาดเหลือเกิน ครูฝึกจะบอกโจวเฉิงเื่รถชนเองได้อย่างไร แม้ครูฝึกจะเป็คนที่ทังหงเอินช่วยติดต่อให้ก็จริง แต่ทังหงเอินมีหรือจะสั่งให้ครูฝึกไปแจ้งข่าวนี้กับโจวเฉิง?
ตรรกะนี้มีปัญหา!
คนอื่น้าให้พื้นที่ส่วนตัวกับคู่รักจึงปล่อยให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันตามลำพัง โจวเฉิงมองซ้ายมองขวาแล้วไม่พบใครจึงชี้มาที่หัวใจตัวเอง ก่อนกล่าวว่า
“ในนี้มีเธออยู่ มันเต้นเพราะเธอ และรับรู้ได้เมื่อเธอเป็อะไร”
ดวงตาของโจวเฉิงเต็มไปด้วยเส้นเืแดงก่ำ ทว่าการที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเช่นนี้ช่างหล่อเหลากระชากใจเธอยิ่งนัก
เซี่ยเสี่ยวหลานถูกคำพูดหวานละมุนของโจวเฉิงทำเอาหมดทางสู้ ตอนนี้เธอรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว
“เธอใช้ลางสังหรณ์ของตัวเองอย่างนั้นหรือ”
นี่กำลังล้อเล่นอยู่ใช่ไหม?
มันไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จินตนาการขึ้นเองในนิยายหรือภาพยนตร์หรอกหรือ เื่นี้จะเป็ความจริงไปได้อย่างไร!
แต่โจวเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเหลือเกิน ั์ตาของเขาสะท้อนแสงไฟสีขาวของโรงพยาบาล แต่กลับระยิบระยับราวกับดาราสุกใส เซี่ยเสี่ยวหลานอดไม่ได้ที่จะวางมือลงบนตำแหน่งหัวใจของโจวเฉิง
เสื้อผ้าขวางกั้น อีกทั้งมือของเธอพันผ้าพันแผลไว้อย่างแ่า มีเพียงปลายนิ้วเท่านั้นที่ัักับร่างกายของโจวเฉิง
วินาทีนั้น ราวกับมีกระแสไฟฟ้าไหลออกจากหัวใจของโจวเฉิงวิ่งเข้าสู่ปลายนิ้วของเซี่ยเสี่ยวหลาน ก่อนจะแผ่ขยายไปทั่วทั้งร่าง!
เธอกำลังถูกไฟช็อต
ช็อตจนใกล้หายใจไม่ออก
ทำไมจะเป็จริงไม่ได้เล่า เธอยังสามารถเกิดใหม่ได้ แล้วบทบรรยายรักโรแมนติกในนิยายจะไม่จริงได้อย่างไร เธอช่างโชคดียิ่งนักที่ได้เจอกับโจวเฉิง ความรักที่ร้อนแรงและจริงใจเช่นนี้แม้จะมีเงินทองมากเท่าไรก็ไม่อาจเทียบได้
ชอบก็คือชอบ ความชอบไม่อาจะเก็บซ่อนกันได้ แม้จะไม่ได้พบหน้ากันเป็ประจำ แต่ก็ไม่อาจขัดขวางความรู้สึกอันลึกซึ้งนี้ได้
เธออยากมีความรักที่งดงามกับเด็กหนุ่ม แต่เธอไม่ชอบเด็กหนุ่มที่ตามติดเธอแจจนเกินไป และเธอก็เคยคิดว่าตระกูลโจวคงอยู่สูงเกินเอื้อม หากเธอกับโจวเฉิงเลิกรากันไปคงจะสบายใจกว่า
เธอเคยละเลยโจวเฉิง ไม่เคยคิดเผื่อโจวเฉิงอย่างแท้จริง ถึงได้มีเื่ยุ่งยากอย่างเื่ของเกาเฟยโผล่มา
จนกระทั่งเธอตัดสินใจว่าจะบริหารความรักครั้งนี้ให้ดียิ่งขึ้น ทุ่มเทให้ความรักครั้งนี้อย่างแท้จริงถึงพบว่า ความรู้สึกนี้ช่างงดงามเหลือเกิน! เซี่ยเสี่ยวหลานนึกว่าความรักคือการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ เมื่ออีกฝ่ายรุกคืบ อีกฝ่ายก็ต้องตั้งรับ ต้องผ่านการประเมินท่าทีต่างๆ นานา เพราะใครๆ ต่างก็กลัวเสียความรู้สึก โดยเฉพาะสภาพสังคมในชาติก่อนของเซี่ยเสี่ยวหลาน สังคมออนไลน์ในชาติที่แล้วทำให้ความสัมพันธ์ของชายหญิงเกิดขึ้นได้ง่าย แต่พอฟ้าสว่างก็โบกมือลาและตัดขาดกันได้ทันที ความชอบจากใจจริงจึงกลายเป็สิ่งหายากยิ่งนัก
ในชาตินี้โจวเฉิงได้เปิดใจกับเธอั้แ่แรก โดยที่เขาไม่้าให้เธอทุ่มเทสิ่งใด นอกจากยอมก้าวเข้าสู่โลกของเขาก็เพียงพอแล้ว
ทว่าเธอกลับลังเลอยู่นาน
โชคดีที่ตอนนี้ทุกอย่างยังไม่สายเกินไป
เซี่ยเสี่ยวหลานซบศีรษะกับแผงอกของโจวเฉิง ขอบตาของเธอเริ่มร้อนผ่าว
“สหายโจวเฉิง ตอนนี้เธอมัดใจฉันได้แล้ว”