ไป๋หยุนเฟยและหลี่เฉิงเฟิงมาเพื่อช่วยเหลือหญิงสาวเหล่านี้ มีหรือจะปล่อยหลี่ซานหู่สมหวังได้?
ประกายสีครามวูบผ่านเบื้องหน้าหลี่ซานหู่ จากนั้นแขนขวามันตกห้อยข้างกายอย่างไร้เรี่ยวแรง ความรู้สึกเย็นะเืเริ่มแผ่ซ่านจากแขน มันไม่รู้สึกถึงความเ็ปใดๆเพียงรู้สึกหนาวเย็นแทบแข็งทื่อ จึงชะงักเท้ามองรูกลวงที่ข้อศอกอย่างงงงันด้วยสายตาเลื่อนลอย
ั้แ่ชกหมัดส่งหลี่ซานหู่ปลิวกระเด็นออกไปไป๋หยุนเฟยก็เฝ้าจับตาทุกความเคลื่อนไหวของมัน มันพบเห็นหญิงสาวหลายคนด้านข้างแต่แรก ทั้งยังเกรงว่าพวกนางจะถูกลูกหลงหากพุ่งเข้าจู่โจมศัตรูจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวหุนหัน เพียงเลื่อนมือขวาไปด้านหลังอย่างเงียบเชียบ ขยับมือคราหนึ่งหนามธารน้ำแข็งก็ปรากฏในมือ
ยามที่หลี่ซานหู่ขยับตัว ไป๋หยุนเฟยก็สะบัดมือขวาราวสายฟ้า ศัตรูเพียงเอื้อมมือออกหนามธารน้ำแข็งก็พุ่งวาบทะลวงแขนมันจนทะลุ
หลังจากซัดหนามธารน้ำแข็งออกไป๋หยุนเฟยก็พุ่งติดตามไปทันที ไม่เปิดโอกาสให้หลี่ซานหู่ทันได้ตั้งตัวเตะหน้าท้องสุดแรงส่งมันลอยละลิ่วขึ้นไปในอากาศ!
ไป๋หยุนเฟยไม่รีรอรีบไล่ตามอย่างเร่งร้อน ยามที่วิ่งไปได้หกเจ็ดวาก็พลันพุ่งทวนออก แทงทะลุอกหลี่ซานหู่ที่กำลังร่วงลงสู่พื้น
“บึม!!”
ร่างหลี่ซานหู่ถูกเสียบค้างกลางอากาศปรากฏลำแสงสีแดงสดมากมายสาดพุ่งออกมา จากนั้นพลันแตกะเิส่งโลหิตกระเซ็นซ่านเจือปนกับชิ้นเนื้อเศษกระดูกไปทั่วบริเวณราวห่าฝน
ร่างมันถึงกับแหลกเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย!
… … … …
หลังจากมองดูกลุ่มหญิงสาวที่ยังไม่หายจากอาการตื่นกลัวช่วยประคองกันลับตาไปทางที่หมู่บ้านตั้งอยู่ หลี่เฉิงเฟิงก็หันมาถามไป๋หยุนเฟย “หยุนเฟย พวกเราจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อ? มุ่งหน้าไปทางตะวันออกอีกครึ่งวันก็ถึงภูไม้ดำ พวกเราจะเร่งเดินทางไปที่นั่นหรือไม่?”
ไป๋หยุนเฟยกวาดตามองซากศพที่เกลื่อนพื้น หลังจากก้มหน้าครุ่นคิดเนิ่นนานจึงสั่นศีรษะกล่าวว่า “ไม่จำเป็ พวกเราจะรออยู่ที่นี้เฝ้าตอรอกระต่าย! เราทั้งคู่ฆ่าหัวหน้าหอค่ายไม้ดำไปแล้วสองคน หากข้าคาดการณ์ไม่ผิดเรายังรอพบหัวหน้าหอคนอื่นได้อีก...”
แม้หลี่เฉิงเฟิงไม่เข้าใจว่าอันใดคือ‘เฝ้าตอรอกระต่าย’ แต่มันทราบว่าไป๋หยุนเฟย้าอยู่ที่นี่รอโจรกลุ่มอื่นลงมาให้ซุ่มโจมตีทำลายล้างอีก
“ตกลง ข้าจะทำตามเ้าว่า แต่คราหน้าหากเป็หัวหน้าหอจริงๆต้องให้ข้าได้ต่อสู้ก่อน ข้าใกล้จะบรรลุระดับกลางด่านนวกะิญญาแล้ว หากได้ทำความเข้าใจการใช้พลังิญญาระหว่างต่อสู้สมควรบรรลุได้เร็วขึ้น แต่ถ้าถึงเวลาข้าไม่ใช่คู่มือมันเ้าค่อยสอดมือช่วยเหลือ”
ไป๋หยุนเฟยงงงันวูบจากนั้นแสดงสีหน้ายินดี “โอ? เ้าช่างบรรลุได้รวดเร็วนัก? ประเสริฐ! หลังจากเ้าบรรลุระดับกลางด่านนวกะิญญา พวกเราจะเข่นฆ่าเปิดทางขึ้นสู่ค่ายไม้ดำ!”
… … … …
ถู่ต้าจวงเป็หนึ่งในสี่หัวหน้าหอแห่งค่ายไม้ดำ มีฉายา‘คนฆ่าสัตว์’เนื่องเพราะอาวุธของมันออกจะพิสดารอยู่บ้าง มันกลับใช้มีดปังตอคู่หนึ่ง ผู้ที่ไม่รู้เื้ักลับคิดว่ามันเป็คนฆ่าสัตว์จริงๆ
ยามนี้มันพาสมุนสิบสองคนควบม้าลงจากเขา
“เ้าบัดซบหลี่ซานหู่ มันกล้าลอบนำสมุนลงเขาลับหลังหัวหน้าค่าย แม้รองหัวหน้าจะอนุญาต แต่มันไปถึงหนึ่งวันหนึ่งคืน เกิดอันใดขึ้นกันแน่? หรือจะเกิดเหตุร้ายจริงๆ?” ถู่ต้าจวงครุ่นคิดด้วยท่าทีกังวล มันผู้นี้ใบหน้าอัปลักษณ์ดุร้ายหนวดเครารกครึ้มเต็มหน้า
“หัวหน้าหอ ดูเหมือนลานเบื้องหน้าจะมีคนอยู่... พวกมันเป็คนของค่ายเรา!”
ได้ยินดังนั้นถู่ต้าจวงก็เงยหน้าขึ้นมอง ดูเหมือนผู้คนมากหลายนอนเกลื่อนกลาดบนพื้นเบื้องหน้าไม่ไกลจริงๆ แม้จะมองไม่ชัดตาแต่มันก็ทราบว่าทั้งหมดเป็กลุ่มโจรจากค่ายไม้ดำ
“โอ? หรือเ้าพวกบัดซบนี้เมามายหลับใหลอยู่ที่นี้มาตลอด? ผิดท่าแล้ว! รีบไปตรวจดู!” ถู่ต้าจวงสั่งการ พวกโจรบนหลังม้าก็เร่งฝีเท้าไปยังลานเบื้องหน้า
ยามที่พวกมันเข้าใกล้กลุ่มคนที่ทอดกายบนพื้น กลิ่นคาวโลหิตก็พุ่งเข้าจมูก ถู่ต้าจวงหน้าแปรเปลี่ยนทันที เมื่อพวกมันเข้าไปถึงก็พลันพบว่าที่อยู่บนพื้นล้วนเป็ซากศพทั้งสิ้น
อีกทั้งเห็นได้ชัดว่าซากศพเหล่านี้ถูกจัดวางให้ไม่อาจจำแนกจากที่ห่างไกลได้ว่าเป็หรือตาย...
“แย่แล้ว! นี่เป็กับดัก! ทุกคนเตรีย...”
ดูเหมือนเสียงร้องเตือนแก่พวกโจรจะไม่ทันสิ้นสุด หรือบางทีไป๋หยุนเฟยไม่ปล่อยให้พวกมันกล่าวจบ ยามที่ถู่ต้าจวงร้องเตือน จู่ๆเงาร่างสองเงาก็ะโขึ้นจากกองซากศพพุ่งตรงไปยังพวกโจรที่อยู่ด้านหน้าไม่ไกล
ไป๋หยุนเฟยต่อสู้อย่างเยือกเย็น พวกโจรธรรมดาล้วนถูกมันจัดการอย่างง่ายดาย
การต่อสู้ระหว่างหลี่เฉิงเฟิงกับถู่ต้าจวงกินเวลาไม่น้อย ที่จริงหลี่เฉิงฝีมือด้อยกว่าศัตรูมันเล็กน้อย แต่ยามต่อสู้ไป๋หยุนเฟยประคองทวนชมดูด้านข้างกลับทำให้ถู่ต้าจวงไม่อาจตั้งสมาธิรับมือคู่ต่อสู้ได้
ถู่ต้าจวงรู้สึกราวถูกถ่วงมือถ่วงเท้าไว้ ตรงข้ามกับหลี่เฉิงเฟิงที่ต่อสู้ได้ดั่งใจ มีดสั้นทั้งคู่โบยบินขึ้นลงสร้างาแบนร่างคู่ต่อสู้แผลแล้วแผลเล่า แน่นอนว่าบนร่างมันก็มีาแเช่นกันทว่ามันกลับได้เปรียบคู่ต่อสู้มันอย่างหนึ่ง นั่นคือมันสวมเกราะอ่อนที่อัพเกรดแล้วบนร่าง
ยามพวกมันต่อสู้ติดพันกันอยู่ มิคาดพลังและความเร็วของหลี่เฉิงเฟิงพลันเพิ่มพูนขึ้น ไป๋หยุนเฟยลอบยินดีในใจ “ไม่คิดว่ามันจะบรรลุระดับกลางด่านนวกะิญญาได้ในระหว่างการต่อสู้!”
เมื่อคนหนึ่งทะยานขึ้นอีกคนก็ร่วงหล่น ถู่ต้าจวงค่อยๆเสียเปรียบทีละน้อย ในที่สุดด้วยผลพิเศษของมีดสั้นทั้งสองหลี่เฉิงเฟิงก็ทำให้มันหลั่งโลหิตจนตาย!
ยามที่การต่อสู้จบลง ไป๋หยุนเฟยก็หิ้วโจรที่หมดสติโยนไปด้านข้าง --- นี่เป็โจรเพียงคนเดียวที่มันไม่ได้ฆ่า จากนั้นมันหยิบขวดยาออกมายื่นให้หลี่เฉิงเฟิง “พักผ่อนสักครู่เถอะ จากนี้ค่อยทำความเข้าใจสภาพในค่ายไม้ดำ...”
… … … …
โถงกว้างใหญ่ภายในค่ายไม้ดำ ชายวัยกลางคนท่าทางสุภาพคงแก่เรียนผู้หนึ่งนั่งในตำแหน่งประธาน มันไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็หัวหน้าแห่งค่ายไม้ดำนามหานเซียว เก้าอี้บริวารตัวแรกด้านซ้ายเป็ชายร่างใหญ่ใบหน้าเหลือง มันคือรองหัวหน้าค่ายนามหยางเทียน ถัดไปเป็ชายวัยกลางคนท่าทางธรรมดา มันคือหัวหน้าหอที่หลงเหลือคนสุดท้ายนามเซียวเฉิน
ยามนี้พวกมันกำลังรับฟังรายงานจากโจรผู้หนึ่งด้วยท่าทีเคร่งเครียด
“ปัง!”
ใบหน้าหานเซียวบิดเบี้ยวปั้นยาก สุดท้ายมันอดไม่ได้ต้องตบพนักแขนบนเก้าอี้คำรามอย่างขุ่นเคือง “ผู้ใดบอกข้าได้ว่าเกิดอะไรขึ้น?! หลี่ซานหู่ลงเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วไม่กลับมา คนฆ่าสัตว์ลงไปตามก็ไม่มีข่าวคราวเช่นกัน แม้แต่คนกลุ่มใหญ่ที่ตามลงไปตรวจสอบก็ล้วนหายไป... มันเกิดอะไรขึ้น?! หรือเป็น้ำป่าหลาก มีสัตว์ร้ายที่ตีนเขา? พวกมันล้วนหายไปอย่างไร้ร่องรอย หรือมีใครมุ่งเป้ายังค่ายไม้ดำเรา?!”
ใบหน้าสูงสง่าของหานเซียวยามนี้กลายเป็โเี้ดุร้าย ยามสายตามันกวาดไปยังผู้ที่กำลังรายงานแก่มัน โจรนั้นก็รู้สึกราวหล่นลงไปในหล่มน้ำแข็ง มันทรุดกายลงกับพื้นใบหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดผวา ทั้งร่างสั่นระริก “ท่าน... ท่านหัวหน้า ข้า ข้าก็ไม่ทราบเช่นกัน...”
“ท่านหัวหน้าค่ายโปรดระงับอารมณ์ หากมีศัตรูเข้มแข็งด้านนอกจริง พวกเราต้องหนักแน่นไม่หวั่นไหว” รองหัวหน้าหยางเทียนที่ดูหยาบช้ากลับสงบนิ่งอยู่ได้ หลังจากห้ามปรามหานเซียวไม่ให้มีโทสะก็กล่าวต่อ “สถานการณ์ขณะนี้ยังไม่ชัดเจน ฉะนั้นพวกเราไม่อาจว้าวุ่นให้ศัตรูฉวยโอกาสได้”
“เ้ามีความเห็นใด?” หานเซียวสอบถามหลังจากจิตใจเยือกเย็นลง
“หัวหน้าหอหลี่และหัวหน้าหอถู่ที่ไม่กลับมา ข้าคิดว่าต้องเกิดเหตุไม่คาดฝัน พวกมันบรรลุด่านนวกะิญญาขั้นปลายทั้งยังมีสมุนมากมายกลับไม่มีผู้ใดกลับมา คาดว่าศัตรูต้องเป็ผู้ฝึกปรือิญญาทั้งยังฝีมือล้ำลึก ที่สำคัญที่สุดคือ พวกมันดูเหมือนจะมุ่งเป้ามายังค่ายไม้ดำเรา!”
“แต่ทว่าขุมกำลังทั้งหลายในเมืองข้างเคียงล้วนทราบว่าค่ายไม้ดำเรามีสำนักิญญาหนุนหลัง แม้แต่เ้าหน้าที่บ้านเมืองยังแกล้งหลับตาไม่เห็นพวกเรา ผู้ใดมันกล้าเป็ศัตรูกับเรา?”
“ศัตรูกำจัดคนของเราที่ส่งไปตรวจสอบหมดสิ้น เพราะไม่้าเผยตัวตนอีกทั้งเพื่อ้ากดดันให้เราตึงเครียด ข้ารู้สึกว่าเราไม่สมควรส่งคนลงเขาไปอีก เพียงเสริมกำลังป้องกันค่ายรอดูว่าจะล่อพวกมันบุกขึ้นเขามาได้หรือไม่ แต่ทว่า...”
“แต่ทว่าอันใด?” หานเซียวถามอย่างสับสนขณะมองใบหน้าที่ปั้นยากของมัน
“หัวหน้าหอจงคุ้มกันบรรณาการกลับสำนักไป มันสมควรกลับมาถึงค่ายแล้ว แต่ยามนี้ข้าเกรงว่า...”
“ว่ากระไร?!” หานเซียวตื่นตระหนกจนลุกขึ้นยืน มันจ้องมองหยางเทียนและเอ่ยปากถาม “เ้าหมายความว่า แม้แต่หัวหน้าหอจงก็ตกเป็เหยื่อศัตรู?”
เห็นหยางเทียนพยักหน้า หานเซียวก็กระแทกนั่งอย่างซึมเซามันโบกมือแก่ทุกคนกล่าวว่า “พวกเ้าทุกคนไปได้แล้ว ปฏิบัติตามที่รองหัวหน้าค่ายว่า เสริมกำลังป้องกันภายในค่ายและรายงานทันทีที่พบผู้บุกรุก!”
… … … …
สถานที่เร้นลับแห่งหนึ่งเชิงเขาของภูไม้ดำ จากที่นี้สามารถมองเห็นถนนสายเดียวที่ทอดขึ้นสู่ยอดเขาได้
หลังจากฝึกฝนเพลงทวนเสร็จไป๋หยุนเฟยก็พิงกายพักผ่อนกับต้นไม้ หลี่เฉิงเฟิงมองหน้ามันสอบถามอย่างงุนงง “หยุนเฟย พวกโจรไม่เคลื่อนไหวมาสามวันแล้ว พวกเราจะเพียงเฝ้าดูที่เชิงเขาเช่นนี้? แม้พวกเราจะพกเสบียงมามากมายแต่ยังไม่อาจเทียบกับของพวกโจร หากพวกมันไม่ลงจากเขาสักเดือนสองเดือนพวกเราจะทำเช่นไร?”
ไป๋หยุนเฟยนำถุงใส่น้ำออกมาดื่มแล้วกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ไม่ต้องกังวล พวกโจรต่างหากที่เป็ฝ่ายต้องกังวล พวกเราทราบสถานการณ์คร่าวๆบนเขาแล้ว ยามนี้ผู้ฝึกปรือิญญาในค่ายเพียงรองหัวหน้าระดับปลายด่านปัจเจกิญญาผู้เดียวพวกเราก็ตึงมือแล้ว อย่าว่าแต่หัวหน้าค่ายระดับกลางด่านวีรชนิญญา อีกทั้งหัวหน้าหอระดับปลายด่านนวกิญญา หากพวกเราหุนหันเข้าโจมตีกลับจะพาตัวเข้าสู่อันตราย...”
“ข้อมูลที่ขู่เข็ญมาได้นี้เชื่อถือได้หรือไม่? หากพวกเราถูกหลอกลวงเล่า?” หลี่เฉิงเฟิงเอยถามอย่างสงสัย
“พวกเราไม่อาจเชื่อถือสนิทใจ แต่ข้อมูลเหล่านี้ก็ไม่ได้ไร้ค่าสิ้นเชิง อย่างน้อยเราก็ทราบคร่าวๆถึงกำลังบนเขา ชัยภูมิและจุดเร้นลับที่ไม่อาจละเลย ดูเหมือนพวกมันจะพร้อมใจกันไม่ลงจากเขา เช่นนั้นคืนนี้เราไปเดินเล่น้าเถอะ”
หานเซียวที่นอนกรนสนั่นถูกปลุกสะดุ้งตื่นกลางดึกจากเสียงโห่ร้อง มันรีบลุกขึ้นอย่างหวาดระแวง ขณะที่มันใส่เสื้อผ้าเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ได้ยินโจรผู้หนึ่งรายงานอยู่นอกประตู “ท่านหัวหน้า มีคนลอบขึ้นเขามา! หัวหน้าหอเซียวเร่งรุดไปแล้ว!”
ยามที่หานเซียวไปถึงห้องโถงใหญ่ของค่าย รองหัวหน้าหยางเทียนก็มาถึงพร้อมกัน เมื่อพบหน้าหานเซียว หยางเทียนก็กล่าวอย่างกังวลใจ “หัวหน้า รีบไปที่นั้นเถอะ เ้าป่าเถื่อนเซียวเฉินกลับไม่รอคำสั่งออกไปโดยไม่บอกกล่าว ยามนี้หวังเพียงให้มันต้านทานผู้บุกรุกได้จนพวกเราไปถึงเถอะ...”
มันสองคนนำพวกโจรเร่งรุดออกจากค่ายไปทันที ก่อนที่จะไปถึงจุดที่มีการต่อสู้ พวกมันก็ได้ยินเสียงคำรามโห่ร้องและเสียงแผดร้องอย่างน่าเวทนาดังไม่หยุด.
ทางขึ้นสู่ยอดภูไม้ดำมีเพียงถนนเส้นเดียว เป็เส้นทางที่ต้นแคบปลายกว้าง ยามนี้ปรากฏพวกโจรกว่าร้อยคนออกันอยู่บนทางแยกแคบเล็ก พวกมันส่วนใหญ่ล้วนเบียดเสียดกันอยู่ด้านหลังมีเพียงโจรไม่กี่คนที่ต่อสู้อยู่แนวหน้า
หลี่เฉิงเฟิงพุ่งกายถอยหลังมุ่งหน้าว่องไวราวกับเสือดาวปราดเปรียวล่าเหยื่อ มีดสั้นทั้งคู่ราวกับจะเรียกโลหิตได้ทุกคราที่ยื่นออก พวกโจรที่เข้ามาใกล้ก็ถูกมันฆ่าตายเกือบหมดสิ้น
ด้านหลังมันไม่ไกลไป๋หยุนเฟยร่ายรำทวนเปลวอัคคีเข้าต่อสู้กับผู้ที่ใช้ทวนเช่นกัน ชายผู้นี้จะเป็ใครหากไม่ใช่เซียวเฉิน
ไป๋หยุนเฟยแม้จะเข้มแข็งกว่าเซียวเฉิน แต่เห็นได้ชัดว่าเพลงทวนมันด้อยกว่าคู่ต่อสู้ มันจึงถอยหลังหลอกล่อให้พัวพันต่อสู้ในระยะประชิด
หลังจากใช้ทวนทะลวงแทงโจรที่ลอบทำร้าย ไป๋หยุนเฟยก็หมอบลงหลบเลี่ยงทวนที่เซียวเฉินกวาดขวางเข้ามา ขณะเดียวกันก็บีบให้คู่ต่อสู้ล่าถอยด้วยทวนที่กวาดขวางออกเช่นกัน ไป๋หยุนเฟยยืดคอมองไปทางยอดภูก็เห็นกลุ่มโจรกลุ่มใหญ่อย่างเลือนลางเคลื่อนขบวนเข้ามา
ไป๋หยุนเฟยพุ่งทวนแทงใส่เซียวเฉินถี่ยิบจากนั้นคว้าจับโจรที่ลอบเข้ามาจู่โจมโยนใส่คู่ต่อสู้ แล้วะโไปยังหลี่เฉิงเฟิง “ถึงเวลาแล้ว เตรียมล่าถอย!” ขณะเดียวกันมันก็หันกายเตรียมจะหลบหนี
“คิดหนีรึ? ไม่ง่ายนักหรอก!” ขณะที่ปัดกระแทกโจรนั้นออกเซียวเฉินะโก้องทันทีหลังจากได้ยินว่าไป๋หยุนเฟยจะล่าถอย มันพุ่งทวนในมือใส่กลางหลังไป๋หยุนเฟยทันที
แต่มันไม่ทราบว่ายามที่ไป๋หยุนเฟยหันกายไปกลับปรากฏรอยยิ้มที่มุมปาก!
ไป๋หยุนเฟยก้าวขาข้างหนึ่งใช้เป็แกน หมุนกายกลับโดยฉับพลัน ทวนเปลวอัคคีในมือกวาดเป็เส้นโค้งสีแดงฉาน ปัดทวนที่พุ่งมาหันเหไปอีกด้าน
แรงมหาศาลที่พุ่งมาตามคันทวนสร้างความตระหนกแก่เซียวเฉินยิ่ง ใบหน้ามันก็ฉายแววแตกตื่น --- คู่ต่อสู้มันกลับไม่คิดหนีแต่แรก! ชั่วขณะที่จะล่าถอย แทนที่ไป๋หยุนเฟยจะดึงทวนกลับมาจู่โจมกลับถีบเท้าพุ่งตรงมาเบื้องหน้ามัน
ภายใต้แววตาหวาดกลัวของคู่ต่อสู้ไป๋หยุนเฟยยกมือขวาขึ้นกระแทกหมัดทำลายล้างไปยังทรวงอกที่ไร้การป้องกันอย่างสิ้นเชิงของมัน
วิชาระลอกคลื่น พลังหมัดสามทบ!
ทวนยาวหลุดจากมือเซียวเฉิน ทรวงอกมันยุบลงไปเป็รูปร่างประหลาดแล้วร่างมันก็ปลิวละลิ่วไปด้านหลังพร้อมกระอักโลหิตออกมา
หลังจากฝึกฝนพลังหมัดสามทบมาหลายวัน ยามนี้ไป๋หยุนเฟยไม่ต้องหยุดชะงักหลังจากใช้ออกอีกต่อไป มันสะบัดทวนแทงถี่ยิบใส่ร่างคู่ต่อสู้ที่ถูกส่งลอยกลางอากาศ
รูโชกเืนับไม่ถ้วนปรากฏบนร่างของเซียวเฉิน แต่มันกลับไม่ตอบสนองอันใด เห็นได้ชัดว่ามันตายแล้ว แต่ไป๋หยุนเฟยยังไม่หยุดมือ กระทั่งมันพุ่งทวนออกเป็คราที่หกดวงตามันสาดประกายขณะะโก้อง “ปะทุ!”
“ปัง!!”
ภายใต้สายตาแตกตื่นของพวกโจรทั้งกลุ่ม ร่างของเซียวเฉินก็แตกะเิเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อยในพริบตา ฝนโลหิตสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ ย้อมศีรษะใบหน้าพวกโจรทั้งหมดจนแดงฉาน
นี่เป็ฉากแรกที่หานเซียวและหยางเทียนได้เห็นเมื่อมาถึง
ไป๋หยุนเฟยกวาดตามองพวกโจรกลุ่มใหญ่ที่ปรากฏในคลองจักษุ จากนั้นหันกายจากไปโดยปราศจากความลังเล มันและหลี่เฉิงเฟิงหายลับไปบนเส้นทางที่เชิงเขา กลับไม่มีโจรแม้แต่คนเดียวกล้าไล่ตามไป
เสียงจากที่ห่างไกลดังสะท้อนมาจากเชิงเขามาเข้าหูพวกโจรทั้งหมดที่เพิ่งมาถึง
“สามวันจากนี้ พวกเราจะล้มล้างค่ายไม้ดำ! ผู้ใดที่ยังอยู่บนภูไม้ดำจะต้องถูก... สังหาร!”
