"ก็แค่สายตาของครึ่งผีครึ่งคน ท่านแม่จะไปใส่ใจนางทำไม"
เจินเม่ยกล่าวอย่างไม่มีความเคลือบแคลงหรือหวาดระแวงอันใด ร่างสะโอดสะองนั่งลงบนเก้าอี้ผ้าเนื้อหนา เอื้อมมือหยิบกาน้ำชาเทใส่แก้วก่อนยกขึ้นจิบ
"ก็จริงของเ้า แม่คงคิดมากไปเอง"
แม้จะพูดปลอบใจตนเอง ทว่าอาการใจหวิวยังคงมีอยู่
"โอ้ยหนวกหู! ไม่รู้จะจัดงานอะไรให้มันเอิกเริกเช่นนี้!"
เจินเม่ยโวยวายเสียงลั่นเมื่อด้านนอกเริ่มจุดประทัดเฉลิมฉลองงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้
"อดทนไว้ก่อนลูกแม่ อีกไม่กี่วันพ่อเ้าก็กลับค่ายทหารแล้ว ถึงเวลานั้น แม่จะให้เ้าระบายให้เต็มที่ไปเลย"
มารดานิสัยใจคอเป็เช่นไร บุตรสาวที่คลอดออกมานิสัยใจคอเลาะร้ายยิ่งกว่าผู้ให้กำเนิดเป็เท่า เจินเม่ยกรีดยิ้มอย่างร้ายกาจเมื่อนึกถึงวันข้างหน้าที่จะได้ใช้ร่างฟ่างเซียนเซียนรองมือรองเท้าให้หนำใจ
"เช่นนั้นคืนนี้ข้าต้องเล่นบทพี่สาวผู้แสนดีต่อหน้าท่านพ่อใช่หรือไม่เ้าคะ"
เจินซู่หัวเราะร่วนเมื่อประโยคนั้นช่างถูกคอเสียจริง ไม่เสียแรงที่นางเบ่งคลอดออกมา เวลาใช้แก้แค้นจึงได้สาแก่ใจเช่นนี้
เรือนหลานฮวา
ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่เมื่อวานยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายความโศกเศร้าทว่าบัดนี้กลับถูกจัดตกแต่งห้องหับใหม่เพื่อขับไล่ความอัปมงคลก่อนหน้า
เฟิงซูเหยานั่งเหม่อมองภาพสะท้อนของตนเองในกระจกสำริดเคลือบด้วยทองคำได้พักใหญ่ ๆ
ใบหน้าที่สะท้อนกลับมาช่างสวยสดราวเทพธิดาก็มิปาน ความเรียวรีของดวงตารับกับคิ้วโก่งสวย ั์ตาสีรัตติกาล ริมฝีปากจิ้มลิ้มน่าัั ขาดแต่ร่างกายนี้ที่นางรู้สึกว่าอ่อนแออยู่หลายส่วนจนไม่กล้าขยับเขยื้อนเพราะกลัวจะแตกหักเอาได้
"อึก!"
จู่ ๆ หัวใจดวงน้อยก็รู้สึกปวดหน่วงขึ้นมาคล้ายถูกมีดแทงลงกลางกล่องดวงใจ
ช่างเป็ความรู้สึกที่คุ้นเคยก่อนที่เฟิงซูเหยาจะเหลือเพียงิญญาแล้วมาตื่นใหม่ในร่างนี้
"คุณหนูเป็อันใดเ้าคะ"
อาถังเห็นอาการผิดปกติของคุณหนูสามจึงเร่งเดินเข้ามาคุกเข่าดูอาการใกล้ ๆ สีหน้าเฟิงซูเหยาในตอนนี้ซีดเผือดริมฝีปากสั่นเพราะกำลังข่มกลั้นความเ็ปเอาไว้
"ข้าไม่เป็อะไรแค่เจ็บตรงนี้นิดหน่อย"
เฟิงซูเหยายกมือเชิงไล่สาวรับใช้ออกห่างเพราะนางไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอนี้
"คุณหนูเจ็บหน้าอกอีกแล้วใช่ไหมเ้าคะ"
ถามออกไปใจก็วูบหวั่นกลัวจะเกิดเื่ร้ายขึ้นอีก
"เ้าไม่ต้องห่วง ข้าแข็งแรงดี"
แม้ก่อนหน้าเฟิงซูเหยาจะซักถามสาวรับใช้นางนี้ได้ความแล้วว่าร่างกายฟ่างเซียนเซียนอ่อนแอเพราะโรคหัวใจมาแต่กำเนิด ทว่าตอนนี้นางกลับรู้สึกว่าอาการเจ็บแปลบที่หน้าอกเมื่อสักครู่มิได้เกิดจากโรคเก่าของเ้าของร่างกายนี้
มันเจ็บเหมือนตอนที่นางใช้มีดแหลมคมแทงขั้วหัวใจตนเองเพื่อปลิดชีพต่อหน้าคนรักที่หักหลังตนในตอนนั้นมากกว่า
"อึก!"
ยิ่งคิดถึงสาเหตุที่ทำให้เฟิงซูเหยาต้องมาอยู่ในร่างกายผู้อื่นหัวใจนางยิ่งเจ็บแปลบทวีคูณจนต้องข่มกัดปากได้กลิ่นคาวเืเพราะปริแตก
"ข้าตามท่านหมอให้ดีหรือไม่เ้าคะ"
อาถังร้อนใจปนเป็ห่วงอาการคุณหนูนางเสียเหลือเกิน
"ไม่ต้อง เ้ารีบเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้ข้าเถิด"
อีกไม่กี่เพลาก็จะถึงเวลาเลี้ยงฉลองแล้ว เฟิงซูเหยาไม่อยากเป็เ้าของงานที่ทำตัวสายให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเ้าของร่างกายคนก่อน
จากที่ฟังอาถังเล่าคร่าว ๆ เกี่ยวกับคุณหนูสามฟ่างเซียนเซียนแล้วช่างต่างจากนางคนละขั้ว
หากเปรียบเปรยฟ่างเซียนเซียนที่จิตใจอ่อนโยนคงเหมือนเทพธิดาบนแดน์ ส่วนตนนั้นเป็เพียงนางมารน้อยมือเปื้อนเืมาอย่างโชกโชน
"คุณหนูปล่อยผมก่อนดีไหมเ้าคะ"
เฟิงซูเหยามองตนเองผ่านกระจกสำริดตรงหน้าอีกครั้ง ผมที่รวบตึงปล่อยเหมือนหางม้าคือทรงผมที่บุรุษผู้หนึ่งบอกว่าเหมาะกับใบหน้าของนางยิ่งนัก
"ตามใจเ้าเถิด"
อะไรที่คนผู้นั้นชื่นชม บัดนี้นางจะละทิ้งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงตนเองเสีย
เปลี่ยนทุกอย่างยกเว้น....
"เรียนคุณหนูสามนายท่านให้มาตามไปที่งานเลี้ยงเ้าค่ะ"
เสียงสาวใช้นางหนึ่งดังขึ้นด้านนอก เฟิงซูเหยาพยักหน้าเพื่อปล่อยหน้าที่ตอบคำถามนี้แก่อีกคนจัดการแทน
"อีกหนึ่งเค่อข้าจะพาคุณหนูเข้าไปในงาน ฝากเ้าช่วยเรียนนายท่านให้ที"
"ทราบแล้ว"
เสียงฝีเท้าสาวใช้นางนั้นไกลออกไปแล้ว เฟิงซูเหยานั่งมองเส้นผมสีดำสนิทปล่อยสยายถึงเอวบางด้วยหัวใจที่ล่องลอย
'ข้าช่วยเ้าสางผมดีหรือไม่'
'ข้าชอบเ้ารวบผมเช่นนี้ดูเป็สตรีอาจหาญเหมาะแก่การอยู่ข้างกายข้า'
ความทรงจำเก่า ๆ พรั่งพรูออกมาให้เจ็บช้ำน้ำใจ ปิ่นปักผมในมือถูกกำจนหักเป็สองท่อนอย่างไม่รู้ตัว
"คุณหนูาเ็ไหมเ้าคะ"
อาถังใที่เห็นปิ่นไม้เนื้อดีถูกหักเพียงแค่กำมือเดียว
เหตุใดคุณหนูนางถึงมีเรี่ยวแรงเยอะถึงเพียงนี้
"เสร็จแล้วใช่หรือไม่"
เฟิงซูเหยามิได้สนใจน้ำเสียใปนเป็ห่วงนั้นของสาวใช้นางนี้ นางลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินไปเลือกชุดที่แขวนไว้
"ข้าชอบสีนี้"
สีแดงฉูดฉาดที่ถูกแขวนไว้มานานนมแต่ไม่เคยถูกใช้งานถูกมือแน่งน้อยของเฟิงซูเหยาหยิบมาสวมใส่ด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้