บ่าวรับใช้เห็นประตูถูกพังจึงตามคนทั้งหมดเข้าไป จากนั้นคนอื่นๆ รีบช่วยกันตักน้ำ ส่วนบ่าวรับใช้ชายผู้นั้นกลับเริ่มเปิดหาทีละห้อง
เพียงแต่เพิ่งเปิดห้องที่สอง เขากลับเริ่มรู้สึกแปลก เหตุใดเสียงวุ่นวายถึงหายไป
รอจนเขาหันกลับมาก็เห็นจ้าวจือชิงถือคบไฟ คนสกุลลั่วโผล่พรวดออกมาอยู่ตรงลานบ้าน กระทั่งชาวบ้านหมู่บ้านอันชิ่งก็จับจ้องเขากันหมด
“ข้า หากข้าบอกว่าข้ามาเพื่อช่วยดับไฟ พวกเ้าเชื่อหรือไม่?” บ่าวรับใช้จับกำแพงและค่อยๆ ขยับเท้า “ข้ามาเพื่อช่วยดับไฟจริงๆ”
“ผายลม!” ฝูอันตวาดเสียงดัง “ทุกคนรีบจับคนผู้นี้ไว้ ก่อนหน้านี้มีโจรขึ้นบ้านชีเหนียง ตอนนี้ยังมีคนคิดจะอาศัยความวุ่นวายเพื่อกระทำการชั่ว เพื่อความปลอดภัยของหมู่บ้าน เราต้องส่งคนผู้นี้ให้ทางการ!”
ชาวบ้านรีบจับตัวบ่าวรับใช้ชายไว้ เมื่อบ่าวผู้นั้นเห็นว่าตัวเองดิ้นไม่หลุดเป็แน่ จึงอยากลากตัวจ้าวจือชิงให้ติดร่างแหไปด้วยกัน หากแต่เมื่อมองดีๆ กลับเห็นลั่วจิ่งเฉินยืนอยู่ด้านหลังจ้าวจือชิง
“เป็ไปไม่ได้!” ลั่วจิ่งเฉินเวลานี้ควรตายไปแล้วจึงจะถูก! หรือว่านายน้อยให้ยาสลบแทนยาพิษไป!
เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของบ่าวรับใช้ จ้าวจือชิงก็รู้ว่าการคาดคะเนก่อนหน้านี้ของตนเป็เื่จริง ที่เฉินเจ๋อิมอบให้ตนเองไม่ใช่ยาระบายอะไรทั้งนั้น เห็นทียาตัวนี้คงต้องนำไปให้ผู้เฒ่าหลิงตรวจดูให้ดี
“จ้าวจือชิง เ้าคนโง่เขลา เ้ามีสัมพันธ์ส่วนตัวกับลั่วชีเหนียง ้าให้ข้าช่วยเปิดโปง ตอนนี้ข้ามาตามนัดหมาย แต่เ้ากลับคิดจะส่งข้าให้ทางการ เ้าใส่ร้ายข้า! เ้าใส่ร้ายข้า!”
บ่าวรับใช้ด่ากราด สายตาของคนทั้งหมดจึงหันไปทางจ้าวจือชิงกับชีเหนียง
ไหนเลยจะรู้ว่าจ้าวจือชิงล้วงหนังสือสมรสออกมาจากอ้อมอกอย่างไม่หวั่นวิตก “ลืมบอกกับทุกคนไป ข้ากับชีเหนียงกราบไหว้ฟ้าดินต่อหน้าผู้เฒ่าหลิงที่เป็พยาน ตอนนี้เราคือสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง” ขณะพูดก็ยื่นหนังสือสมรสให้แก่ฝูอัน
ชีเหนียงกลับมองดูอย่างตื่นใ นี่คือเื่ที่เกิดขึ้นั้แ่เมื่อใด เหตุใดนางที่เป็เ้าตัวถึงไม่ทราบกัน
“ลืมเื่ที่เ้าบอกว่าจะให้ความร่วมมือกับข้าแล้วหรือ? ตอนนี้แหละ” จ้าวจือชิงบีบมือนางและให้นางช่วยพูดสนับสนุน
“แต่เ้าไม่ได้บอกว่าคือเื่นี้นี่นา?” ชีเหนียงอยากชักมือกลับ แต่คนผู้นี้จับไว้แน่นเกินไป นางจึงชักไม่ออก
ฝูอันมองดูตราประทับของทางการบนหนังสือสมรส ในนั้นมีระบุวันเกิดและรอยนิ้วมือของทั้งสอง เพียงแต่ตรงตำแหน่งชื่อของฝ่ายชายนั้นเว้นว่างไว้ เขาเองก็ไม่กระจ่าง แต่ก็ไม่สะดวกใจที่จะถาม จึงได้แต่มองชีเหนียง
“ชีเหนียง เื่นี้เป็ความจริงหรือ?”
ชีเหนียงที่ถูกถามก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เมื่อรับรู้ถึงแรงบีบที่มือก็ปิดปากไม่ยอมพูด
“ผู้ใหญ่บ้าน ชีเหนียงหน้าบางและเขินอาย เื่นี้คือเื่จริง เพียงแต่เวลานั้นกระชั้นชิด จึงยังไม่ได้จัดงานเลี้ยงฉลอง วันหลังต้องชดเชยเป็แน่ เมื่อถึงเวลานั้นขอเชิญทุกท่านมาร่วมดื่มฉลองด้วย!”
จ้าวจือชิงยกมือขึ้นเพื่อเชื้อเชิญชาวบ้าน เขาทำเช่นนี้เท่ากับเป็การตบหน้าแม่บ้านในหมู่บ้านที่ชอบซุบซิบนินทา การนำหนังสือสมรสออกมา เท่ากับว่าพิสูจน์แล้วว่าทั้งสองคนทำเื่ถูกกฎหมายและเป็การทำลายการใส่ร้ายป้ายสีของทุกคนที่มีต่อชีเหนียงไปโดยปริยาย
มองดูคนในหมู่บ้านบางคนที่ทั้งดีใจ แต่ก็มีบางคนสีหน้าบิดเบี้ยว ชีเหนียงจึงไม่รู้ว่าควรพูดอะไรในขณะนั้น
รอจนขับไล่ทุกคนออกไป ไหลไหลน้อยก็เข้ามากอดด้วยความสงสัย
“ท่านแม่ ต่อไปข้าจะมีพ่อแล้วใช่หรือไม่?”
ลั่วจิ่งซีเองก็ส่งเสียง “พ่ออะไรกัน เ้าเปลี่ยนคำเรียกไวเชียวนะ ท่านแม่ นี่มันเกิดขึ้นั้แ่เมื่อใดกัน?”
สำหรับการแต่งงานใหม่ของชีเหนียง ลั่วจิ่งซีไม่มีความเห็นมากนัก เพียงแต่เื่นี้ เขาไม่เคยรู้มาก่อน จึงออกอาการงอนเล็กน้อย
สำหรับเด็กทั้งสอง คนหนึ่งดีใจปลื้มปริ่มที่กำลังจะมีพ่อ ทำให้ชีเหนียงอดไม่ได้ที่คิดจะออกปากปฏิเสธบอกไหลไหลน้อยว่ามันคือเื่ไม่จริง ส่วนอีกคนที่ดูเหมือนไม่ใส่ใจ แต่เวลามองจ้าวจือชิง ลั่วจิ่งซีกลับเผยแววตาเลื่อมใส จึงทำให้ชีเหนียงรู้ว่าลึกๆ แล้วว่าเด็กคนนี้เองก็หวังอยากได้รับความรักจากพ่อเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ ชั่วขณะนั้นนางจึงไม่รู้ว่าควรตอบคำถามอย่างไรดี
เสียงปิดประตูดังขึ้นดึงสติของชีเหนียงกลับจากความลังเล มองดูประตูห้องตะวันออกที่สั่นไหว
“จิ่งเฉินเป็อะไรไป?”
ลั่วจิ่งซีเบะปาก จากเมื่อครู่พอพี่ใหญ่รู้ว่าท่านแม่กับท่านลุงจ้าวแต่งงานกัน สีหน้าของพี่ใหญ่ก็ดูย่ำแย่อย่างมาก คิดว่าคงจะรู้สึกไม่ดีใจเหมือนกับเขา
“ท่านพี่โมโหน่ะสิ ใครใช้ให้ท่านแม่ไม่หารือกับพวกข้าก่อนหน้านี้ ท่านแม่ไม่รู้หรือว่า หากท่านแม่อยากแต่งงานใหม่ก็ต้องให้พวกข้าพี่น้องเห็นด้วยก่อน แม้ว่าท่านปู่ของเราจะเคารพการตัดสินใจของท่านแม่ แต่ท่านแม่ก็ควรบอกกับพวกข้าก่อนจึงจะถูก”
อย่าว่าแต่เด็กๆ ที่โมโห กระทั่งหลิงชางไห่ก็โมโหไม่เบา
“จ้าวจือชิง ข้ารับปากยกลูกสาวให้เ้าั้แ่เมื่อใดกัน? เ้าไปรับคำมั่นสัญญาจากไหนกัน?” หลิงชางไห่ไล่เด็กๆ ไปก่อน เหลือไว้แต่ชีเหนียงกับจ้าวจือชิง “หรือว่าชีเหนียง เ้าตัดสินใจแต่งด้วยตนเอง?”
ชีเหนียงเห็นเขาหันหอกมาทางตนเองจึงตอบไป “ข้ารู้เื่ที่ไหนกัน ข้ายังอยากถามท่านว่าขายข้าไปั้แ่เมื่อใดกัน”
คนทั้งสองถึงเพิ่งรู้ว่าไม่มีฝ่ายใดรู้เื่เลยจึงหันขวับมองจ้าวจือชิงอย่างโกรธเคือง
“ยังไม่รีบสารภาพมาอีกว่ามันเื่อะไรกัน?”
“รีบพูดมา ตกลงว่ามันคือสถานการณ์อะไร?”
จ้าวจือชิงเห็นพวกนางพ่อลูกท่าทางเหมือนกัน จึงนำหนังสือสมรสออกมา
“เื่นี้ต้องเริ่มต้นจากแผนร้ายจัดการเฉินเจ๋อิที่เคยบอกกับพวกเ้าครั้งที่แล้ว”
นับั้แ่รู้แผนการของเฉินเจ๋อิ เขาก็คิดถึงความเป็ไปได้มากมาย เพื่อเลี่ยงไม่ให้ชีเหนียงถูกทำลายชื่อเสียง เขาจึงแอบไปหาหยางหนิงเป็การส่วนตัวและขอความช่วยเหลือจากหนิงหยาง
......
“มิได้มิได้! เื่สมรสต้องมีความสมยอมจากบิดามารดา ข้าไม่อาจทำของปลอมได้”หยางหนิงรู้มาจากภรรยาว่าชีเหนียงไม่มีความคิดแต่งงานใหม่อีก ดังนั้นจึงปฏิเสธการขอความช่วยเหลือจากจ้าวจือชิง
“ใต้เท้าหยาง การสมรสของข้านี้เป็ของจริงไม่ได้ทำปลอม ข้ามีหนังสือยินยอมจากชีเหนียงและได้รับความเห็นชอบจากผู้เฒ่าหลิงแล้ว อีกอย่างที่บ้านข้านั้นก็ไม่เหลือผู้ใดแล้ว จะนับว่าเป็การทำของปลอมได้อย่างไร”
หยางหนิงตรวจดูอย่างละเอียดว่ามีรอยนิ้วมือของลั่วชีเหนียงที่ยินยอมแต่งงานกับจ้าวจือชิงจริงหรือไม่ แต่ก็ยังคงรู้สึกกังขาอยู่ไม่มากก็น้อย
“เหตุใดชีเหนียงจึงไม่มาด้วยตนเอง มีเพียงเ้าผู้เดียว?”
“ชีเหนียงเป็หญิงม่ายถูกทอดทิ้ง หน้าบาง อีกอย่างก่อนหน้านี้นางยังบอกว่าไม่มีทางแต่งงานใหม่เด็ดขาด ตอนนี้นางจะแต่งกับข้า หากคนนอกรู้เข้าคงหัวเราะเยาะนางเป็แน่ นางมียางอายขนาดนั้นจะกล้ามาได้อย่างไร”
หยางหนิงฟังแล้วคิดตามก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล ความกังขาในตอนแรกจึงหายไปก่อนจะปั๊มตราประทับบนหนังสือสมรสให้จ้าวจือชิง ส่วนช่องว่างตรงชื่อของเ้าบ่าว เขาบอกไปว่าจะให้ชีเหนียงเขียนด้วยตนเอง หยางหนิงจึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก
……
“เ้ากำลังปลอมเอกสารสมรส เ้ารู้หรือไม่?”
ชีเหนียงนึกถึงก่อนหน้านี้ที่จ้าวจือชิงเคยให้นางกดรอยนิ้วมือหนึ่งครั้ง แต่ตอนนั้นจ้าวจือชิงบอกว่าอยากดูรอยนิ้วมือของนาง นางจึงประทับตราโดยไม่ได้คิดอะไร แต่ใครจะรู้ว่ากลับถูกจ้าวจือชิงหลอกเข้าให้
“นี่ไม่อาจนับได้ วันหลังห้ามเอ่ยเื่นี้อีก” ชีเหนียงรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าเหตุใดตนเองจึงไม่พอใจ
จ้าวจือชิงกลับไม่ยอม “เื่อะไรถึงไม่นับ? เื่นี้คนรู้กันทั้งหมู่บ้าน วันหลังเ้าก็คือฮูหยินของข้า ทว่าเ้าวางใจได้ ตราบใดที่ในใจเ้ายังไม่ยอมรับข้า ข้าไม่มีทางทำอะไรเ้าแน่”
“แต่เ้าห้ามปฏิเสธข้า ต้องค่อยๆ ลองยอมรับข้า!”
เขาคว้ามือของชีเหนียงขึ้นมา จากนั้นจึงมองสบเข้าไปในดวงตาของนางอย่างลึกซึ้ง เมื่อเห็นชีเหนียงเบือนหน้าหนี ก็ยื่นมือไปจับหน้านางอย่างแ่เบาและบังคับให้นางหันกลับมามองตน
-----