หั่วอี้เพิ่งโล่งอกที่หลิ่วจิ้งฟื้นคืนสติแต่แล้วก็ต้องมาปวดใจเพราะน้ำตาที่อาบทั้งใบหน้าของนางอีกครา
เขาหารู้ไม่ว่าหลิ่วจิ้งเป็องค์หญิงที่มาแต่งงานแทนรู้เพียงว่าองค์หญิงพระองค์หนึ่งมาที่แคว้นชางอี้แต่กลับไม่เป็ที่โปรดปรานของกษัตริย์แห่งชางอี้เดิมทีนึกว่าเขาจะสามารถปกป้องนางได้ทุกสิ่ง แต่เมื่อเวลาผันผ่านไปหลายเื่กลับเกินเลยกว่าที่เขาจะควบคุมได้
เป็ครั้งแรกที่หั่วอี้รู้สึกว่าไม่อาจทำสิ่งใดกับเื่เล็กๆน้อยๆ ที่เกิดขึ้นภายในเรือนได้ เป็ครั้งแรกที่รู้ว่ายังมีอีกมากมายหลายสิ่งที่เขาไม่อาจทำอะไรได้เลย
สิ่งที่ได้รับรู้นี้ทำให้เขายิ่งว้าวุ่นร้อนรน ไม่รู้ว่าควรปลอบองค์หญิงอย่างไรดี
“อย่าพูดจาส่งเดช หากแม้แต่ท่านข้าก็ยังไม่อาจปกป้องได้มิใช่จะทำให้คนทั้งใต้หล้าเยาะเอาหรอกหรือ”เขาทำได้เพียงเสกสรรคำสองประโยคมาปลุกปลอบหลิ่วจิ้ง
หั่วอี้อุ้มหลิ่วจิ้งเดินผ่านสวนดอกกุหลาบเข้ามาที่ลานหน้าเรือน
อวี้จิ่นและอิ๋งเหอทั้งสองคนกำลังตั้งตารออยู่ที่ลานหน้าเรือนเมื่อเห็นพวกเขาก็รีบเดินเข้าไปหา เปิดม่านขึ้นให้พวกเขาเข้าไปในห้อง
ยามอยู่ต่อหน้าท่านแม่ทัพ อวี้จิ่นนั้นยังดีเพราะความผูกพันของนางกับหลิ่วจิ้งไม่ได้ลึกซึ้งนักนางไม่ได้ะเืใจมากมายตอนเห็นสภาพของหลิ่วจิ้ง จึงไม่ได้แสดงอาการใด
อิ๋งเหอเป็คนใจอ่อนแล้วจะทนเห็นฮูหยินถูกลักพาตัวทั้งยังหมดสติไปอีกได้อย่างไรนางจึงร้องไห้สะอึกสะอื้นมาเสียตั้งนานแล้ว
เดิมทีหั่วอี้ก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว ยิ่งเห็นอิ๋งเหอเอาแต่ร้องไห้ไม่รู้จักเข้ามาดูแลปรนนิบัติ เขาก็ยิ่งรำคาญใจจึงชี้ไปที่อวี้จิ่นให้นางเข้าไปปรนนิบัติองค์หญิงและสั่งให้อิ๋งเหอไปเตรียมน้ำร้อน
จนอวี้จิ่นเข้ามาเห็นใบหน้าขาวซีดไร้เรี่ยวแรงของหลิ่วจิ้ง จึงเริ่มรู้สึกสงสารขึ้นมา
“องค์หญิง ท่านสบายดีหรือไม่เ้าคะ” อวี้จิ่นรู้ว่าครานี้หลิ่วจิ้งคงได้รับความตื่นตระหนกไม่เบาจริงๆมิเช่นนั้นหลิ่วจิ้งก็จะไม่โรยแรงเช่นนี้
ผู้อื่นไม่รู้แต่นางกลับเป็คนไปหาหลิ่วจิ้งพร้อมกับองค์หญิงหวงฝู่จิ้งั้แ่แรกนางย่อมรู้ถึงความเข้มแข็งและปัญญาของหลิ่วจิ้ง
แล้วนางจะเคยเห็นหลิ่วจิ้งในสภาพนอนนิ่งปราศจากเรี่ยวแรงอยู่บนเตียงมาก่อนที่ใดกันท่าทีหมดสภาพราวกับไม่มีชีวิตดังที่เห็นนี้ จะไม่ทำให้นางสะท้อนใจได้อย่างไร
คืนนี้หลิ่วจิ้งพบเจอสิ่งใดมากันแน่ จึงทำให้คนแข็งแกร่งห้าวหาญเช่นนางต้องแน่นิ่งดั่งธารน้ำที่ไม่รี่ไหลเช่นยามนี้
ระหว่างกำลังพูดจากันพ่อบ้านหวังก็พาท่านหมอหวังที่อยู่ประจำในจวนแม่ทัพมาที่เรือนหลัก
ั้แ่นางจ้าวเป็ลมไปคราก่อนฮูหยินผู้เฒ่าก็ออกคำสั่งให้จวนแม่ทัพมีหมอมาอยู่ประจำคนหนึ่งเพื่อเตรียมพร้อมในยามที่้าได้ทุกเมื่อ
ท่านหมอหวังเป็หมอที่มีความเชี่ยวชาญด้านสูตินารีแพทย์ซึ่งก็นับว่าให้เข้ามาอยู่ในจวนเพื่อดูแลนางจ้าวโดยเฉพาะ
เมื่อหั่วอี้เห็นว่าท่านหมอมาก็รีบลุกขึ้นสละที่นั่งให้เพราะั้แ่ชายหนุ่มวางหลิ่วจิ้งไว้บนเตียงเขาก็คอยนั่งเฝ้านางอยู่ข้างเตียงตลอดเวลา
ตลอดทางที่กลับมาหั่วอี้ััได้ว่าตัวหลิ่วจิ้งร้อนอย่างเห็นได้ชัดหลังจากนางร้องไห้เมื่อครู่ก็หลับไปไม่ได้สติอีก
ยามเผชิญศึกาดั่งอสูรร้ายเขาไม่เคยสะทกสะท้านแต่เมื่อเผชิญหน้ากับหลิ่วจิ้งที่อยู่ในสภาพอ่อนแอเช่นนี้ เขากลับมือไม้ลนลานไปหมด
“นี่เป็อาการที่ฮูหยินได้รับความตื่นตระหนกอย่างรุนแรงและไม่ได้พักผ่อนให้ดีภายหลังคล้ายว่าได้รับความกระทบกระเทือนใจอีก ผนวกกับอ่อนล้าเกินไป จึงทำให้ล้มป่วยขอรับ”
เมื่อท่านหมอหวังตรวจชีพจรให้หลิ่วจิ้งเสร็จก็ลูบเคราพลางเอ่ยอย่างเนิบช้าแต่หั่วอี้กลับฟังเสียใบหน้ากลัดกลุ้มไปหมดเพราะเขารู้ว่าเหตุใดหลิ่วจิ้งจึงเป็เช่นนี้
“การได้พักฟื้นและทำใจให้สบายใจเป็ยาที่ดีที่สุดของฮูหยินขอรับข้าจะจัดยาช่วยผ่อนคลายให้ฮูหยิน เมื่อนางได้พักผ่อนดีๆ ไข้ก็จะลดลงเองขอรับ”
ท่านหมอหวังพูดพลางเขียนใบสั่งยา เมื่อสั่งความเรียบร้อยใบสั่งยาก็เขียนเสร็จพอดีเสร็จสิ้นกระบวนความภายในอึดใจเดียว
“ท่านหมอไปต้มยา อวี้จิ่นกับอิ๋งเหอสองคนไปช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าสบายๆให้องค์หญิง พ่อบ้านหวังไปเตรียมน้ำร้อนให้ข้าอาบ”
หั่วอี้มองหลิ่วจิ้งที่ยังคงหมดสติอยู่ เขารู้ว่ายามนี้เร่งร้อนใจไปก็เปล่าประโยชน์ชายหนุ่มมิสนใจว่าในห้องยังมีคนอื่นอีกหรือไม่ ก่อนเดินมาหน้าเตียงแล้วโน้มตัวลงประทับจูบที่หน้าผากของหลิ่วจิ้งหนหนึ่งมุมปากโค้งขึ้นมาเป็รอยยิ้มแข็งทื่ออ้างว้าง “ข้าไปครู่เดียวจะกลับมา”
หั่วอี้พูดจบก็หันหลังออกจากห้องนอนไป บางเื่ไม่อาจเร่งร้อนได้ ต้องให้ทั้งเขาและหลิ่วจิ้งมีระยะห่างระหว่างกันเพื่อให้ได้ผ่อนคลายขึ้นบ้าง
หลิ่วจิ้งสะลึมสะลือฟังไม่ค่อยถนัด รู้เพียงว่าตัวนางเหน็บหนาวขึ้นเรื่อยๆมือเท้าเย็นเฉียบ จึงขดตัวเข้ามาหวังจะไขว่คว้าความอบอุ่นสุดท้าย
ในสมองอันสับสนของหลิ่วจิ้งกลับไม่รู้ว่าจูบที่หน้าผากเมื่อครู่นั้นเป็ความจริงหรือความฝันนางได้ยินหั่วอี้พูดกับตน แม้ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงแต่นางก็ยังอยากรวบรวมสติฟังว่าหั่วอี้พูดสิ่งใดอยากรู้ความรู้สึกของเขาในเวลานี้ และอยากถามให้แน่ชัดว่าหั่วอี้มีความคิดเห็นเช่นใดกับสิ่งที่นางเสนอก่อนหน้า
ความวิงเวียนถาโถมเข้ามาอีกครา หลิ่วจิ้งรู้สึกว่าหัวสมองว่างเปล่าจนไม่อาจรวบรวมสมาธิได้จากนั้นก็เข้าสู่ความมืดมิด
อิ๋งเหอร้องไห้ไปพลาง กำกับเด็กรับใช้ยกถังน้ำร้อนไปพลาง เมื่อเข้ามาในห้องก็เห็นว่าท่านแม่ทัพออกไปแล้วตอนนั้นนางจึงได้ร้องไห้โฮเสียงลั่นขึ้นมา
“เอาล่ะๆ อย่าร้องไห้เลย รีบมาช่วยข้าเปลี่ยนเสื้อให้ฮูหยินดีกว่าหาไม่รอท่านแม่ทัพกลับมาเห็นพวกเรายังไม่ทำอะไรเลย อิ๋งเหอ เ้าคิดว่าท่านแม่ทัพจะเอาเ้าไปขังหรือไม่”
อวี้จิ่นพูดพลางเปิดผ้าคลุมไหล่ของหลิ่วจิ้งออกเพียงมองนางก็รู้แล้วว่าผ้าคลุมไหล่ตัวนี้ไม่ใช่ของในจวนและไม่ใช่เสื้อผ้าที่ตัดเย็บมาเรียบร้อย
นางเกิดความรู้สึกไม่ใคร่ดีขึ้นในใจใจนางหนักอึ้งทันทีเมื่อเห็นท่อนแขนขาวนวลของหลิ่วจิ้งเพราะไม่มีแขนเสื้อยาวทั้งสองข้างปิดเอาไว้แล้วนางพอจะคาดเดาได้ว่าตอนที่ฮูหยินถูกลักพาตัวไปจะต้องประสบกับเื่บางอย่างมาเป็แน่
จนอวี้จิ่นเอาหลิ่วจิ้งนอนราบลงและเห็นแต้มพรหมจรรย์ของหลิ่วจิ้งปรากฏอยู่ตรงหน้านางจึงถอนใจอย่างโล่งอก
สตรีที่ไม่บริสุทธิ์ผุดผ่องคนหนึ่ง อย่าว่าแต่ในจวนแม่ทัพเลยต่อให้เป็ในบ้านเรือนของชาวบ้านทั่วไปก็คงไม่มีวันให้อยู่
การไล่ออกจากบ้านก็นับว่าเป็โทษสถานเบาแล้วเพราะตลอดมามักถูกเอาตัวไปถ่วงน้ำ เพื่อเป็การเตือนสตรีใจง่ายที่กล้าออกไปคบชู้สู่ชาย
อิ๋งเหอร้องไห้น้ำตาท่วมหน้าตลอดเวลา นางใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาบนใบหน้าอย่างลวกๆก่อนเข้ามาช่วยอวี้จิ่นเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หลิ่วจิ้ง
แม้หลิ่วจิ้งจะหลับไม่ได้สติ แต่ก็รู้สึกว่ามีคนคอยร้องไห้ข้างหูอยู่ตลอดนางอยากลืมตา แต่เปลือกตากลับหนักอึ้งจนลืมตาไม่ไหว
เหล่าสาวใช้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้หลิ่วจิ้ง ส่วนท่านหมอไปต้มยาฝ่ายหั่วอี้ก็อาศัย่เวลานี้รีบไปอาบน้ำร้อนๆถือเป็การหลบมาพักผ่อนหลังจากต้องเผชิญเื่วุ่นวายมา
คืนนี้เขาไม่ได้นอนเลย แต่เมื่อเทียบกับตอนที่มีกิจด้านการศึกเร่งด่วนจนต้องนอนเพียงวันละไม่กี่ชั่วยามแล้วเื่นี้กลับไม่นับว่าเป็สิ่งใด
ชายหนุ่มแค่ไม่อยากให้เมื่อหลิ่วจิ้งตื่นขึ้นมาแล้วต้องมาเห็นใบหน้าอ่อนล้าของเขาจึงอาศัยการอาบน้ำร้อนช่วยทำให้ตนกลับมากระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง
หั่วอี้ไม่ได้แช่น้ำแร่อุ่นอย่างสำราญดั่งเช่นปกตินั่นเพราะอาการของหลิ่วจิ้งในยามนี้ยังไม่ชัดเจนเขาเองก็ไม่มีแก่ใจจะมาแช่น้ำแร่อยู่
เมื่อนับดูเวลาก็คิดว่าพวกของอวี้จิ่นคงจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หลิ่วจิ้งเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาเปลี่ยนมาสวมชุดยาวที่ค่อนข้างสบายก่อนก้าวเท้ายาวๆ กลับไปที่ห้องของหลิ่วจิ้ง
ห้องนอนของหลิ่วจิ้งกับห้องนอนของเขาห่างกันเพียงผนังกั้นเดินแค่สองสามก้าวก็ถึงแล้ว
อวี้จิ่นและอิ๋งเหอเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หลิ่วจิ้งเสร็จแล้วเหลือเพียงอวี้จิ่นไว้ปรนนิบัติในห้องส่วนอิ๋งเหอก็กำกับให้เด็กรับใช้ยกถังน้ำที่เหลือออกไป
เป็่เวลาเดียวกับที่ท่านหมอหวังรีบยกยาที่ต้มเสร็จแล้วเข้ามาพอดี
“มาๆๆ ให้ฮูหยินดื่มยาเสีย ประการแรกทำให้ร่างกายอบอุ่นประการที่สองช่วยให้กระปรี้กระเปร่าขึ้น”
อวี้จิ่นรับยาจากมือท่านหมอหวังมาเพราะอยากป้อนให้หลิ่วจิ้งดื่มแต่แล้วก็ต้องเกิดความลำบากใจ
_____________________________
