พื้นนั้นค่อนข้างลื่นและก็มีปลามากมายว่ายมารอบเท้าเขา หร่านซวี่จือกลัวว่าจะเหยียบโดนปลา แต่พอเท้าลื่นก็เกิดเสียงดัง ‘ซ่า’ และร่วงลงน้ำทำให้กางเกงของเขาเปียกเป็วงกว้าง
หวังเฉินดึงเขาขึ้นมาแล้วเยาะเย้ย “นายจับปลาหรือปลาจับนายนะ? ”
“การทรงตัวของผมไม่ค่อยดีน่ะ” หร่านซวี่จือเจ็บจนขอบตาแดงก่ำ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าพร้อมกับได้หวังเฉิงเข้ามาช่วยพยุง
ตอนที่กลับไป หร่านซวี่จือเดินกลับไปได้ครึ่งทางก็ส่งเสียง “เอ่อ” ขึ้นมา
“นายจะยังทำอะไรอีก? ” หวังเฉิงหันหลังกลับมาเห็นหร่านซวี่จือกำลังกัดฟันพร้อมด้วยสีหน้าที่แปลก เขาจึงเลิกคิ้วถาม
“เหมือนจะมีอะไรบางอย่างอยู่ในกางเกงของผม” ด้านข้างมีป่าไม้ไผ่อยู่ หร่านซวี่จือเห็นว่าไม่มีคนจึงแวบเข้าไปแล้วดึงกางเกงลงมาเล็กน้อย เขาจับปลาไหลออกมาได้หนึ่งตัว “เ้าตัวนี้มันเอาแต่กัดผม”
ก้นขาวนวลเนียนลอยเข้ามาอยู่ในสายตาของหวังเฉิง จนเขาแทบเกือบลืมหายใจ
ปลาไหลที่จับได้นั้นค่อนข้างเยอะและหร่านซวี่จือก็ลงแรงไปไม่น้อย น้าเซวียต้มซุปได้หนึ่งหม้อใหญ่จึงเชิญบ้านตระกูลไป๋ไปทานข้าวพร้อมกัน
ตอนที่คีบกับข้าว หวังเฉิงตั้งใจจะแคะส่วนหัวของปลาไหล หร่านซวี่จือสำรวจอยู่ชั่วครู่ จู่ๆ ก็เอ่ย “ปลาตัวนี้เหมือนจะเป็ตัวที่กัดผมนะครับ”
หวังเฉิง “อะไรนะ? ”
“ก็ตัวที่ผมล้วงออกมาจากกางเกง หางของมันมีปานอยู่”
หวังหลงอุทานเสียงหลงอยู่อีกฟาก “โห พี่! เหมือนพี่กำลังกัดก้นของพี่เสี่ยวหลิงอยู่เลย! ”
หวังเฉิงสะอึก
หลี่เยวี่ยิ่มาเยี่ยมบ้านตระกูลไป๋ บอกว่าการบ้าน่ปิดเทอมนี้มีความจำเป็ที่จะต้องรวบรวมรายได้ของคนในชุมชน และเธอก็พกสมุกบันทึกมาด้วยหนึ่งเล่ม ผมยาวของเธอนั้นปล่อยสยายและตัวเธอนั้นก็สวมชุดกระโปรงตัวยาวสีขาว
คนหลักๆ ที่เขา้าถามคือหวังเฉิง ดังนั้น หร่านซวี่จือจึงไปช่วยน้าเซวียล้างจานและไม่ได้เข้าไปฟังด้วย
“พี่เสี่ยวหลิง” หลี่เยวี่ยิ่ยื่นศีรษะเข้ามาทางประตูห้องครัว “ฉันยืมใช้แว่นตาของพี่หน่อยได้ไหม? ถ้าฉันเขียนเสร็จแล้วจะคืนให้พี่นะ”
ไป๋หลิงสายตาไม่ค่อยดี หลังจากถอดแว่นตาแล้วตรงเบื้องหน้าก็พร่ามัว แต่คิดว่าหลี่เยวี่ยิ่คงใช้ไม่นาน เขาจึงถอดแว่นลงมา
หลี่เยวี่ยิ่ร้องว้าว “พี่เสี่ยวหลิง เวลาพี่ไม่ใส่แว่นตาดูดีมากเลย”
หร่านซวี่จือเกาหูด้วยความเขินอายเล็กน้อย
ข้าวเปลือกที่ตากแดดเสร็จแล้วจะเอาไปป้อนไก่ข้างนอก หร่านซวี่จือถือข้าวเปลือกกับน้ำที่จะให้ไก่ไปพร้อมกัน
เนื่องจากหร่านซวี่จือมองไม่ค่อยเห็นถนน เขามองออกแค่ว่าเป็แผ่น ตอนที่ถึงมุมจึงไม่ทันได้หลบออก จมูกจึงชนกับไหล่ของอีกฝ่ายทำให้กะละมังในมือหล่นลงมาและของด้านในก็สาดลงบนพื้น
ครั้งนี้อีกฝ่ายหลบออกเร็วและถอยหลังไปหลายก้าว เขาจับไหล่ของหร่านซวี่จือไว้ “ทำไมนายชอบมาชนฉันจริง? ”
หวังเฉิงพูดอย่างหน่ายใจและกำลังจะเดินหน้าต่อ แต่ใครจะรู้ว่าพอเหยียบลงบนพื้นที่มีข้าวเปลือกกับน้ำ เท้าจึงลื่นทำให้ตัวของเขาล้มเอนมาด้านหลัง มือที่จับไหล่ของหร่านซวี่จือไว้ก็ยังไม่ได้ปล่อยออก ทั้งสองจึงล้มครืนลงไปพร้อมกัน
ปากของหร่านซวี่จือกระแทกกับอะไรบางอย่าง พริบตาเดียวก็มีกลิ่นเืลอยขึ้นมา
ศีรษะเกิดอาการเบลอ ทันใดนั้นหร่านซวี่จือก็ถูกหวังเฉิงผลักออกไปไกล กองกับพื้น
หวังเฉิงตาแทบจะถลนออกมาจากนั้น ริมฝีปาก้าเป็แผล มีเสียงอื้ออึงดังในสมอง
หร่านซวี่จือเจ็บจนพูดไม่ออก เดิมทีกลางวันก็ล้มตอนจับปลาหนึ่งรอบ ตอนนี้มาล้มรอบที่สอง แล้วก็ยังเป็ตำแหน่งเดิม จะบอกว่าไม่เจ็บก็คงเป็การโกหก น้ำตาจึงหลั่งรินออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่
เดิมทีหวังเฉิงยังอยากด่าเขาแต่พอเห็นเขาร้องไห้ด้วยสภาพที่น่าสงสาร เขาจึงกลั้นใจและทำให้ด่าไม่ลง
“เอาน่า! ลุกขึ้นได้แล้ว! ” หวังเฉิงลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับปัดฝุ่นบนมือออก แล้วเอ่ยเสียงแข็งกับหร่านซวี่จือ “ห้ามร้อง! ”
น้าเซวียได้ยินเสียงดังจากข้างนอกจึงเดินออกมาดู เธอถึงกับสีหน้าเปลี่ยน “ไอ้หยา นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเสี่ยวหลิงของเราร้องไห้ล่ะ? ”
หร่านซวี่จือพูดพร้อมกับสะอึกสะอื้นว่ามันเป็ปฏิกิริยาธรรมชาติของร่างกาย เหมือนเด็กน้อยและก็รู้สึกขายหน้า หร่านซวี่จือจึงต้องอดทนไว้ไม่ให้สะอึก “ไม่เป็ไรครับ”
หลังจากที่พูดจบ เขาก็ลุกขึ้น และแม้จะตะเกียกตะกายอยู่นานก็เปล่าประโยชน์
หวังเฉิงปวดใจและเดินไปอย่างไม่เต็มใจ สองมือล้วงเข้าใต้รักแร้ของหร่านซวี่จือแล้วอุ้มเขาขึ้นมาเหมือนเด็กน้อย
ตรงกระดูกสันหลังนั้นเขียวช้ำเป็วงกว้าง ที่ร้ายแรงกว่านั้นไม่แน่ว่ากระดูกอาจจะร้าว หร่านซวี่จือขมวดคิ้ว ขอบตายังคงแดงก่ำ ตอนนี้เขาคลานอยู่บนเตียงให้หวังเฉิงทายาให้ตนเอง
“พี่หวัง พี่เป็คนผลักฉัน” หร่านซวี่จือมองค้อน
หวังเฉิงไม่เป็ตัวของตัวเอง “ใครใช้ให้นายชนฉัน”
“ถ้าพี่ไม่ผลักผม ผมก็ไม่าเ็หรอก” หร่านซวี่จือกล่าวโทษหวังเฉิง “ที่บ้านผมยังมีงานอีกมากมาย ตอนนี้ผมาเ็ จะทำอะไรก็ไม่สะดวกเลย...”
“พอๆๆ ! ” หวังเฉิงทึ้งผมตนเองอย่างหงุดหงิด “ั้แ่พรุ่งนี้ฉันจะไปช่วยงานที่บ้านนาย พอใจหรือยัง? ”
หร่านซวี่จือกอดหมอนไว้แล้วเม้มปากไม่พูดจา
หร่านซวี่จือ: “สองสามสาม ฉันหาเขาเจอแล้ว”
ระบบ: “คุณรันหมายถึงใครครับ? ”
หร่านซวี่จือไม่ได้ตอบ แต่ในใจกลับดีใจอย่างะโโลดเต้นเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าเขาจะเจอลักษณะพิเศษของอีกฝ่ายแล้ว
ทุกครั้งที่มาถึงโลกใหม่ หากมีคนหนึ่งที่เจอเขาครั้งแรกและจะเกลียดชังเขามาก แต่ก็จะปรากฏตัวตรงหน้าเขาอยู่บ่อยครั้ง ทั้งรำคาญเขาแต่ก็ทำดีกับเขา ซึ่งก็คือคนคนนี้
“พี่หวัง ผมอยากหาตัวคนที่ฆ่าเซียวหง” หร่านซวี่จือจ้องแมงมุมที่กำลังไต่อยู่บนผนัง “พี่ช่วยผมได้หรือเปล่า? ”
หวังเฉิง “ทำไมนายถึงรู้ว่าเซียวหงถูกคนฆ่าล่ะ? ”
“ท้ายทอยของเธอมีร่องรอยถูกของแข็งกระแทกใส่” หร่านซวี่จือมองต่ำ “ผมรู้สึกว่าหากไม่หาตัวร้าย ต่อไปก็จะเกิดเื่อีก”
หวังเฉิงเลิกคิ้ว “ทำไม? อ่านหนังสือมากไป เสพติดจนอยากเป็นักสืบสักครั้งหรืออย่างไร? ”
“ไม่ใช่ครับ”
“อยากสืบนายก็สืบเอง อย่าดึงฉันเข้าไปยุ่งด้วย” หวังเฉิงหาว “ฉันยุ่งมาก”
“ผมไม่ค่อยเข้าใจทางนี้” หร่านซวี่จือคว้ามือของหวังเฉิงแล้วมองตาเขาอย่างจริงใจ “อีกอย่างลำพังผมคนเดียว ผมกลัว”
พอหวังเฉิงถูกหร่านซวี่จือจ้องจริงจังแบบนี้ ดวงตาที่สวยงามราวกับคริสตัลคู่นั้นทำให้ลำคอจั๊กจี้เหมือนมีมดปีนขึ้นมา เขาส่งเสียงฮึ่มที่จมูกแล้วเอ่ยเสียงห้าว “นายนี่มันตัวปัญหาจริงๆ ! ”
หลี่เยวี่ยิ่จึงพักค้างคืนที่บ้านตระกูลหวังโดยปริยาย ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว เด็กผู้หญิงเดินกลับบ้านคนเดียวไม่ปลอดภัย บวกกับหลายวันก่อนหน้านี้เกิดเื่ น้าเซวียจึงให้หลี่เยวี่ยิ่ค้างคืนที่นี่
ก้นของหร่านซวี่จือยังคงาเ็ ตอนนี้พอขยับก็ปวด เขาจึงต้องพักที่นี่ด้วยหนึ่งคืน
หลี่เยวี่ยิ่นั้นพักห้องนอนของน้าเซวีย น้าเซวียก็ไปนอนกับหวังหลง ส่วนหร่านซวี่จือที่คลานอยู่บนเตียงของหวังเฉิงนั้นกำลังแกะถั่วแระกินอยู่ในแสงไฟที่สลัว
“เ้ากระต่าย นายกับพี่สาวสนิทกันหรือเปล่า? ” หวังเฉิงกำลังเปลี่ยนเสื้อ เหมือนถามแบบไม่ตั้งใจ
หร่านซวี่จือพินิจชั่วครู่ “ใช้ได้ครับ”
“ฉันรู้สึกว่าสัมพันธ์ของพวกนายใกล้ชิดกันเกินไป” หวังเฉิงเอ่ย
หวังเฉิงกับไป๋หลิงฮัวเคยสนิทกัน่หนึ่ง เขาคิดว่าหญิงสาวคนนี้ไม่มีหัวใจ เพราะสายตาที่มองทุกคนล้วนล่องลอย มีเพียงเวลามองไป๋หลิงที่จะดูหนักแน่นขึ้นมาหน่อย อีกทั้งมักจะมีความผิดแปลกชอบกลบอกไม่ถูก
“ผมเองก็ไม่รู้” หร่านซวี่จือตอบ