ตอนที่ 8 คนมาทวงถึงที่!
“พวกเขามาก่อกวนเหรอ?”
จางหย่งอันลุกพรวดสั่งหลิวเจ๋อหลงกลับห้องเรียนแล้วออกไปกับชู่จื่อหางทันที
ระหว่างทางชู่จื่อหางสรุปสั้นๆ
“สรุปสั้นๆครับพวกเขามาเรียกค่าชดเชยแต่ฝ่ายรัฐไม่รับรองสถานะผู้กล้าตายในหน้าที่เงินสงเคราะห์เลยไม่ออกแทบไม่มีเลย”
ในห้องรับรองอาจารย์หลายคนกำลังปลอบครอบครัวผู้สละชีพเสียงดังระงม
จางลู่หนาก้มศีรษะซ้ำๆน้ำตาคลอ
“ความผิดฉันเองพาพวกเขากลับมาไม่ได้ตอนนั้นมันอันตรายจริงๆ”
เสียงตวาดสวนทันควัน
“ขอโทษแล้วได้อะไร! ทำไมแกถึงรอดกลับมาทำไมแกไม่ตายไปกับพวกเขาซะ!”
“ลูกชายฉันอยู่สบายๆ สอนอยู่ในสถาบันทำไมต้องไปสนามรบต่างเผ่าพันธุ์เดือนหน้าก็จะแต่งงานแล้ว จะให้ทำยังไง!”
“พวกแกน่ะแข็งแกร่งตรงไหนกัน ก็แค่คนเจ็บ คนพิการ ทั้งนั้นอยู่สอนหนังสือก็จบแล้ว ทำไมต้องไปเสี่ยงตาย!”
ประตูถูกผลักออก จางหย่งอันก้าวเข้ามาสีหน้าขรึมแต่กดอารมณ์นิ่งเขารู้เื่นี้ต้องคุยด้วยสติ
“ท่านอธิการบดีจางมาแล้ว!” ใครสักคนเอ่ยทุกสายตาหันพรึ่บ
ญาติสิบกว่าคนกรูกันเข้ามาทั้งผู้เฒ่าทั้งเด็กเล็กใบหน้าโทรมจากการร้องไห้
จางลู่หนาเบือนหน้าซับน้ำตาอาจารย์หลายคนมองมาหาเขารอคำตัดสิน
หญิงวัยกลางคนตาแดงก่ำพุ่งจะคว้าหน้าเขา จางหย่งอันปัดเบาๆ ถอยครึ่งก้าว
“ใจเย็นก่อนครับ”
เธอะโลั่น
“ทำไมแกปล่อยให้ลูกฉันขึ้นไปแนวหน้า ไอ้สารเลว! ทำไมแกไม่ไปเอง! เขาปลดประจำการแล้ว เดือนหน้าก็จะแต่งงาน ภรรยาก็ท้องอยู่ จะให้ทำยังไง! จะจ่ายชดเชยเท่าไรก็ไม่ใช่เหมือนเดิม!”
ชู่จื่อหางรีบกันคนแต่ก็โดนตบสองสามฉาดยังไม่กล้าตอบโต้
จางหย่งอันปล่อยพลังภายในออกเล็กน้อย พลังคลื่นอ่อนๆแยกฝูงชนออก กระแทกหน้าประตู แล้วปิดประตูลง
เสียงเขาหนักแน่น “หยุด”
“ถ้าอยากคุยก็นั่ง ถ้าไม่คุยก็กลับไปซะ”
“พวกเราขอแสดงความเสียใจต่อการสละชีพของอาจารย์ทุกท่าน เื่คนเสียชีวิตสถาบันจะรับผิดชอบจนจบเอง”
น้ำเสียงแฝงแรงกดดันเงียบทั้งห้องชั่วครู่
ทันใดนั้น แม่สามีคนหนึ่งก้าวมาขวาง “ลูกสะใภ้ฉันเพิ่งแต่งได้ปีเดียว เพิ่งคลอดลูก แล้วนี่มันอะไร! ต้องประกาศตายในหน้าที่อย่างนั้นเหรอ เงินเดือนปีละสองแสน ชดเชยห้าล้านอีกทั้งค่าเลี้ยงดู ก็ต้องได้!”
ใบหน้าหลายคนซีดเผือด สถาบันตอนนี้ถังแตกจะหาเงินที่ไหน
จางหย่งอันสูดลมหายใจ พูดทีละข้อชัดเจน
“หนึ่งทางรัฐบาลไม่รับรองว่าตายในหน้าที่ แต่สถาบันจะรับรอง นับเป็ผู้สละชีพเพื่อศิษย์และสถาบัน บันทึกเกียรติยศครบถ้วน”
“สองเงินเดือนจะโอนต่อเนื่องเข้าบัญชีครอบครัวเท่าเดิมทุกเดือนไม่ตัดสิทธิ์คิดจากอายุเฉลี่ยแปดสิบปียอดรวมมากกว่าที่พวกคุณขอเป็เงินก้อนเสียอีก”
“สามเราจะสร้างสุสานจารึกวีรชนเพื่อระลึกในสถาบันจัดพิธีไว้อาลัยและทำความเคารพอย่างน้อยปีละสิบครั้งให้รุ่นน้องระลึกถึงคุณูปการของพวกเขา”
ห้องเงียบสนิท
บางคนเริ่มคิดในใจเงินเดือนอาจารย์สายต่อสู้ปีละราว 200,000 เหรียญสหพันธ์ ถ้าจ่ายต่อเนื่องยาวถึงอายุเฉลี่ย รวมทะลุ 16,000,000 เหรียญสหพันธ์ มากกว่า “ชดเชย 5,000,000” ที่พวกเขาเพิ่งเรียกร้องหลายเท่า แถมได้ศักดิ์ศรีครบ
อาจารย์ที่ยังอยู่มองจางหย่งอันเป็ตาเดียวกัน จางลู่หนาเช็ดน้ำตาสายตาสว่างขึ้นเล็กน้อย
พวกเขาทุ่มเททั้งชีวิต ถ้าเกิดว่าตายในหน้าที่ลงเอยอย่างไร วันนี้มีคำตอบแล้ว
จางหย่งอันพูดต่อ ช้าๆแต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายทรงพลัง
“พวกเขาไปสนามรบต่างเผ่าพันธุ์ ด้วยความสมัครใจ เพื่อนำทรัพยากรกลับมาให้เด็กๆ นี่คือ ‘ธรรมเนียมของกองทัพสหพันธ์ที่ 649’ ”
“พวกเขายอมสละชีพตัวเอง เพื่อปูทางให้คนรุ่นหลังอย่างไม่กลัวตาย”
“เพราะแบบนี้ไงกองทัพสหพันธ์ที่ 649 ถึงได้แข็งแกร่ง”
“จุดหมายของนักสู้คือสนามรบ พวกเขาโชคร้าย แต่ก็ตายอย่างมีเกียรติ”
เขาหันไปด้านข้าง “ชู่จื่อหาง จ่ายเงินล่วงหน้าครอบครัวละ 200,000 เหรียญสหพันธ์จัดการเื่พิธีศพให้เรียบร้อย”
พูดจบเขาหันหลังออกจากห้องทันที
นี่คือที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้แล้วและเขายอม “รับหน้าแทน” อาจารย์ทุกคนกับชู่จื่อหางที่ริเริ่ม หน่วยล่าอสูร โดยสมัครใจหากเกิดเื่ครอบครัวไม่สนว่าใครอาสาพวกเขาจะชี้หน้าด่าอาจารย์ที่ยังอยู่วันนี้ จางหย่งอันยืนรับหน้าแทนทุกคนแล้ว
ถ้ามากกว่านี้ก็ไม่มีอะไรต้องพูดอีก
—โปรดติดตามตอนต่อไป—