ไม่เพียงแค่เื่นี้ ยังมีอีกหลายเื่ที่ตวนอ๋องทำให้เขาไม่เข้าใจ แม้กระทั่งบางเื่ก็บังเอิญเกินไป บังเอิญจนรู้สึกว่าทุกอย่างถูกจัดเอาไว้แล้ว ซึ่งเขาก็เคยไปตรวจสอบ แต่ไม่พบอะไรเลย
เมื่อคิดเื่นี้ ความง่วงก็พลันหมกไป เขาลุกขึ้นนั่งและคิดถึงเื่ราวต่างๆ เขากับตวนอ๋องรู้จักกันเมื่อสี่ปีก่อน ตอนนั้นเขาไปสอบเข้ารับราชการ แต่จู่ๆ คนในตระกูลก็วิ่งมาบอกเขาว่าบ้านเกิดไฟไหม้ ตอนที่เขาไปถึงบ้าน มารดาก็ถูกตวนอ๋องช่วยไว้แล้ว วันนั้นท่านแม่ไม่สบายเลยไม่ได้เข้าไปทำอาหารในห้องครัว และท่านแม่ก็ไม่ใช่คนสะเพร่า ตอนนั้นท่านพ่อเองก็อยู่ในบ้าน แล้วไฟนั้นมันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน? เหตุใดตวนอ๋องถึงผ่านมาช่วยไว้ได้พอดิบพอดี?
หลังจากเื่นั้นตวนอ๋องกับเขาก็เหมือนจะบังเอิญเจอกันหลายครั้ง คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าน่าจะมีแผนการเตรียมไว้
เช้าวันรุ่งขึ้น กู้เจิงหลับสนิทจนถูกเสียงผลักประตูปลุกให้ตื่น เป็ชุนหงเข้ามาปลุกคุณหนู “คุณหนู รีบตื่นเร็วเ้าค่ะ ท่านแม่ทัพใหญ่เซี่ยเข้าเมืองแล้ว ทุกคนล้วนไปดูกัน”
“มีอะไรน่าดู ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นมาก่อนนี่” กู้เจิงพึมพำแล้วล้มตัวลงนอนไปอีก
ยามที่กู้เจิงลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็สายจนตะวันโด่งแล้ว นางรู้สึกเพียงว่านอนหลับสบายและไม่หนักศีรษะอีกต่อไป กู้เจิงลุกขึ้นจากเตียงไปเปิดหน้าต่างรับไอแดดและอากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นของฤดูใบไม้ผลิ
“คุณหนู ตื่นแล้วหรือเ้าคะ?” ชุนหงผลักประตูเข้ามา
“เ้าไม่ได้ไปช่วยงานที่หอสมุดหรอกหรือ?” กู้เจิงคิดว่าชุนหงไปหอสมุดั้แ่เช้าตรู่แล้ว
“คุณหนูยังหลับอยู่ บ่าวต้องคอยคุณหนูตื่นก่อนแล้วค่อยไปเ้าค่ะ” ชุนหงเป็ห่วงกู้เจิงแล้วจะกล้าจากไปก่อนได้อย่างไร นางเห็นคุณหนูมีรอยแดงเต็มหน้า จึงหัวเราะคิกคักแล้วกล่าวว่า “บ่าวช่วยปรนนิบัติคุณหนูล้างหน้าล้างตาดีกว่าเ้าค่ะ”
“ท่านพ่อท่านแม่เล่า?”
กู้เจิงมองผ่านหน้าต่างไปไม่เห็นพ่อแม่สามี “ท่านป้าเสิ่นไปตลาดยังไม่กลับมา ส่วนท่านพ่อเฒ่าเสิ่นบอกว่าจะไปจับปลากับกุ้งมาทำกับข้าวเ้าค่ะ” ชุนหงเอาผ้าเช็ดหน้าส่งให้กู้เจิง “คุณหนู อาหารเช้าวันนี้เป็เกี๊ยวผักดองนะเ้าคะ อร่อยมากเลย บ่าวเก็บไว้ให้แล้วอยู่ในหม้อเ้าค่ะ”
เกี๊ยวผักดอง “ผักดองแบบไหนกัน?”
“มันคือเกี๊ยวที่ทำจากผักดองหมักกับเนื้อหมูเ้าค่ะ” ชุนหงหยิบปิ่นขึ้นมาเพื่อจะเสียบเข้ากับมวยผมของคุณหนู “ต้องอร่อยมากแน่” กู้เจิงรีบตรงไปยังห้องครัวทันที
ชุนหงยิ้ม นางรู้ว่าคุณหนูจะต้องชอบแน่นอน
กู้เจิงรู้สึกว่าเกี๊ยวผักจานนี้เป็เกี๊ยวที่อร่อยที่สุดที่นางเคยกินมา มีกลิ่นหอมอ่อนๆ จากผักที่นึ่งกับเนื้อ บวกกับเนื้อแป้ง ยามกัดกินจนน้ำซุปทะลักในปาก อร่อยจนหยุดกินไม่ได้เลย
“คุณหนู ก่อนที่ท่านบุตรเขยจะออกไปทำงานได้บอกบ่าวว่า คืนนี้ในวังมีงานเลี้ยงต้อนรับท่านแม่ทัพเซี่ย ให้ท่านไปจวนตวนอ๋องแล้วเข้าร่วมงานพร้อมกับพระชายาตวน ส่วนท่านบุตรเขยจะตามเข้าวังไปทีหลังเ้าค่ะ”
“งานเลี้ยงต้อนรับหรือ?” กู้เจิงพยักหน้ารับรู้ อันที่จริงนางเองก็อยากพบแม่ทัพเซี่ยผู้นั้นเช่นกัน ไม่แน่ว่าเสิ่นเยี่ยนอาจจะเป็หลานชายของแม่ทัพเซี่ยจริงๆ เื่ราวในอดีตของแม่สามี นางยังสงสัยอยู่ไม่น้อย
ตอนที่นายท่านเสิ่นกลับมา นายหญิงเสิ่นเองก็เพิ่งกลับมาจากตลาดพอดี เห็นในตะกร้าไม้ไผ่ของสามีมีของเต็มไปหมด “คราวก่อนที่เจอน้องเฝิง นางบอกว่าอยากกินปลาตากแห้ง บ่ายวันนี้ก็ตากให้นางหน่อยนะเ้าคะ”
“ได้เลย หลายวันนี้อากาศดี ข้าจะไปจับปลากับกุ้งกลับมาทุกวัน จะได้มีพอทำให้นางกิน”นายท่านเสิ่นเทปลาและกุ้งในตะกร้าไม้ไผ่ลงในถังน้ำ ก่อนจะนำมาล้าง นายหญิงเสิ่นจึงรีบมาช่วย
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านกลับมาแล้ว” กู้เจิงกับชุนหงเดินออกมาจากห้องครัว และเตรียมจะเข้าไปช่วยแม่สามีทำปลาและกุ้ง
“พวกเ้าอย่าทำเลย กลิ่นคาวจะติดไปทั้งวัน” นางมองลูกสะใภ้กับชุนหง “สายขนาดนี้แล้ว ทำไมยังไม่ออกไปหอสมุดอีก?”
“บ่าวกินข้าวเที่ยงแล้วจะพาคุณหนูไปจวนตวนอ๋องเ้าค่ะ ในวังคืนนี้มีงานเลี้ยงต้อนรับเตรียมไว้ให้เทพา คุณหนูกับท่านบุตรเขยต้องเข้าวังไปร่วมงานด้วยเ้าค่ะ” ชุนหงรีบบอก
นายหญิงเสิ่นทำปลาที่ล้างอยู่ในมือร่วงหล่นลงพื้น
“เป็อะไรหรือ?” นายท่านเสิ่นหยิบปลาขึ้นมาจากพื้น เขาเงยหน้ามองภรรยาที่มีท่าทางเหม่อลอย
“อาเยี่ยนเพิ่งเลื่อนขั้นเป็บัณฑิต ตอนนี้ฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญ ข้ากังวลว่าเขาจะปรับตัวไม่ทันเ้าค่ะ” นายหญิงเสิ่นเริ่มลงมือล้างปลาอีกครั้งเพื่อปกปิดความตื่นตระหนกในใจ
“ก็ถูกของเ้า” นายท่านเสิ่นมองไปทางลูกสะใภ้พร้อมเอ่ยว่า “งานวันนี้ เ้าช่วยเตือนอาเยี่ยนหน่อยนะ กลัวว่าเขาจะทำอะไรไม่เข้าท่า อาเจิงเ้าเองก็ต้องระวังไว้ด้วยนะ”
“เ้าค่ะ ลูกจะจำไว้” กู้เจิงพยักหน้ารับคำ นางเห็นท่าทางไม่ปกติของแม่สามีก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น เพียงแต่ ตอนนั้นเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่ อะไรที่ทำให้แม่สามีไม่อยากพูดถึงเื่ในอดีต?
“ทำไมเ้าถึงโยนกุ้งพวกนี้ไว้ที่พื้นล่ะ?” นายท่านเสิ่นละสายตากลับมาเห็นภรรยากำลังเอากุ้งทิ้งไว้ที่พื้น แต่กลับเอาหยิบเอาวัชพืชใส่ลงในถังน้ำสะอาดแทน เขาจึงถามอย่างขบขันว่า “เ้าเหม่ออะไรอยู่หรือ?”
นายหญิงเสิ่นรีบหยิบกุ้งมาล้างใหม่แล้วพูดเสียงเรียบ “ไม่มีอะไรเ้าค่ะ”
หลังจากทานอาหารมื้อเที่ยงเสร็จ ชุนหงก็ส่งกู้เจิงไปที่จวนตวนอ๋อง ส่วนนางก็กลับไปที่หอสมุดเพื่อทำงานของตัวเอง
เมื่อถามทหารอารักขา จึงรู้ว่าตวนอ๋องเข้าไปในวังนานแล้ว กู้เจิงถอนหายใจอย่างโล่งอก ตอนนี้นางยังไม่อยากเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ
กู้อิ๋งพอได้พบกับกู้เจิงนางก็รีบแสดงความยินดี เพราะกู้เจิงได้เป็บุตรภายใต้นามของเว่ยซื่อแล้ว
สองพี่น้องดื่มชาและพูดคุยกันที่ศาลาในสวน
“พี่ใหญ่ ท่านอ๋องเลอะเลือนแล้ว อย่าไปสนใจเลย” กู้อิ๋งพูดถึงเื่ที่ตวนอ๋องจะแต่งภรรยาใหม่ให้เสิ่นเยี่ยน ตอนท่านแม่ให้แม่เฒ่าฉินมาเล่าเื่นี้ให้นางฟัง นางคิดไม่ออกเลยว่าเหตุใดท่านอ๋องถึงทำเช่นนี้ เพราะกลัวว่าพี่เขยใหญ่จะมีใจคิดคดงั้นหรือ?
“ท่านแม่ได้รับฐานะข้าอยู่ภายใต้นามของนาง เื่นี้ไม่ได้บอกน้องสามก่อน หวังว่าน้องสามจะไม่โกรธ” กู้เจิงยิ้ม
“ถ้าเป็เมื่อก่อนข้าจะต้องโกรธแน่เ้าค่ะ แต่ตอนนี้ไม่เป็อย่างนั้นแล้ว” กู้อิ๋งยิ้มด้วยความยินดี
สองพี่น้องพูดคุยกันจนวนมาถึงเื่ของเทพาเซี่ยอวิ้น
“เมื่อก่อนท่านแม่ทัพเซี่ยกับฮูหยินเซี่ยต่างเป็ประชาชนคนธรรมดา พวกเขาเป็เด็กกำพร้า แต่ได้สนับสนุนช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาจนถึงทุกวันนี้ คนหนึ่งปกป้องบ้านเมือง อีกคนเป็อาจารย์สอนตามบ้าน เป็เื่ราวอันงดงามของเมืองต้าเยว่เ้าค่ะ” กู้อิ๋งยิ้มพลางเล่าต่อ“ตอนเด็กๆ ข้าได้ยินท่านแม่พูดถึงอยู่บ่อยๆ ผู้คนส่วนใหญ่ก็ล้วนพูดคุยเื่เล่าขานของแม่ทัพเซี่ยกับฮูหยินเซี่ยให้ยินอยู่บ้าง แต่พักหลังมานี้กลับไม่ค่อยได้ยินแล้วเ้าค่ะ”
กู้เจิงพยักหน้ารับรู้ นางจำได้ว่าแม่สามีเองก็ไม่มีครอบครัวและถือเป็เด็กกำพร้า นางทำงานเป็หญิงปักผ้า ใช้เลี้ยงดูน้องชายและน้องสาว “เช่นนั้นท่านแม่ทัพเซี่ยก็ไม่มีครอบครัวหรือ?”
กู้อิ๋งส่ายหน้า “เื่นี้ไม่ข้าไม่รู้แน่ชัด แต่ไม่น่ามีเ้าค่ะ เพราะถ้ามีตอนนี้ครอบครัวก็คงได้รับการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ไปแล้ว”
“ท่านแม่เคยเล่าว่า ฮูหยินเซี่ยคลอดลูกทั้งสองคนระหว่างที่เดินทางออกนอกเมืองไปหาแม่ทัพเซี่ยเ้าค่ะ” กู้อิ๋งเล่าด้วยความทึ่ง
“จริงหรือ?” กู้เจิงใมาก “จากเยว่เฉิงไปชายแดน อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาขี่ม้าไปหนึ่งเดือน จากท่าทางของฮูหยินเซี่ยคนนี้ดูไม่ออกเลยจริงๆ”
“ใช่เ้าค่ะ จะมีสตรีผู้ใดกล้าหาญได้เช่นนี้? น่าเสียดายที่เซี่ยกงเจวี๋ยน้อยเกิดมาพร้อมกับสุขภาพที่ไม่ดีนัก”
กู้เจิงนึกถึงที่ฮูหยินเซี่ยกล่าวในวังว่าเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยป่วยมาตลอด
“พี่ใหญ่ พี่สาม” เสียงสดใสของกู้เหยาะโทักขึ้น นางวิ่งะโเข้ามาในศาลา และกล่าวด้วยความดีใจว่า “ข้าจะเข้าวังหลวงกับพวกท่านด้วยเ้าค่ะ”
“กล้าออกมาแล้วหรือ?” กู้อิ๋งมองน้องสาวอย่างเอ็นดู
กู้เหยาทำหน้าบูด นางล้มตัวลงนั่งข้างๆ กู้เจิง “ข้าไม่นั่งกับพี่สามหรอก ข้าจะนั่งกับพี่ใหญ่”
กู้เจิงยิ้มพลางส่ายหน้า
“วันนี้ข้าแต่งตัวสวยไหม?” กู้เหยาลุกขึ้นหมุนรอบตัวให้พี่ๆ ดู นางใส่ชุดใหม่ที่เพิ่งตัดมา
“สวย” กู้เจิงกับกู้อิ๋งได้แต่พูดเป็เสียงเดียวกัน
กู้เจิงยิ้มพลางเอ่ย “เหมือนดอกไม้บานสะพรั่ง”
“พระชายา บ่าวเตรียมรถม้าไว้พร้อมแล้วเพคะ” แม่เฒ่าฉินเดินเข้ามาแจ้งในศาลา
“พวกเราเข้าวังกันเร็วหน่อยเถอะเ้าค่ะ” กู้เหยาอารมณ์ดีมากพอถูกชมว่าสวย “องค์หญิงสิบเอ็ดให้ข้าเข้าวังไปอยู่เป็เพื่อนนางเร็วๆ เ้าค่ะ”
“ก็ดี” กู้อิ๋งลุกขึ้น “งั้นไปกันเถอะ”
เมื่อรถม้ามาจอดเทียบที่หน้าประตูวัง ก็มีรถม้าอีกหลายคันจอดเรียงรายอยู่ด้านหน้า ทหารรักษาการณ์ของวังกำลังตรวจสอบรายชื่ออยู่
กู้เหยาแหวกม่านออกไปดู นางเห็นรถม้าที่มาจอดต่อหลังรถม้าของพวกนาง “นั่นไม่ใช่องค์ชายสิบสองหรอกหรือ? เขามาต่ออยู่ข้างหลังรถม้าของพวกเราทำไมกัน?”