ตงหวงโยวหย่ารู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง มิใช่บอกว่าพี่ชายผู้ล้ำเลิศคนนี้ลงมือกับกองกำลังกลุ่มเล็กๆ เท่านั้นหรอกหรือ? สถานที่นี้คนของตนรวมกับชนเผ่าสมุทรแล้วเป็สมรภูมิเกือบพันคน เช่นนี้ยังกล้าปล้นชิงทรัพย์อีกหรือ กำลังขวัญเปลี่ยนเป็กล้าหาญยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ั้แ่เมื่อใด
สีหน้าของไห่ทงเทียนก็แปรเปลี่ยนแล้วเช่นกัน เงยหน้าขึ้นมอง เห็นชายหนุ่มหน้าขาวผู้หนึ่งกำลังขับเรือเหาะมุ่งหน้าเข้ามาในสนามรบโดยไม่เห็นการต่อสู้วุ่นวายของคนนับพันอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
ยามนี้เป็เวลาที่สามารถจับกุมตงหวงโยวหย่าสำเร็จได้ในพริบตาเดียว มิว่าอย่างไรไห่ทงเทียนล้วนมิ้าให้เกิดเหตุการณ์นอกเหนือความคาดหมาย อดมิได้ที่จะะโเสียงดัง “ฆ่าเ้าเด็กคนนั้นให้กับข้า…”
“ว้าววว…ร่ำรวยมั่งคั่งแล้ว! ที่นี่ยังมีไอ้หนูหน้าขาวที่มีเขาอยู่บนศีรษะอยู่คนหนึ่ง!” จ้านอู๋มิ่งได้ยินเสียงจึงหันไปมอง เห็นไห่ทงเทียนกำลังสั่งชนเผ่าสมุทรให้สังหารเขาด้วยสีหน้ามืดทะมึนพอดี อดมิได้ที่จะะโเสียงดังคำหนึ่ง
สีหน้าของไห่ทงเทียนเหมือนสีน้ำทะเลไปแล้ว ไอ้หนูหน้าขาวมีเขาอยู่บนศีรษะคนหนึ่งที่จะทำให้เขาร่ำรวยมั่งคั่งได้…ถึงกับมีคนบังอาจหาญกล้าเรียกขานเขาเช่นนี้ ตอนนี้เขาแค้นจนอยากฉีกปากจ้านอู๋มิ่งให้เป็ชิ้นๆ ร่างกายเดิมของเขาคือเจียวหลง ัสมุทร ปกติชนเผ่าสมุทรเมื่อบรรลุระดับราชันาก็สามารถแปลงกายเป็มนุษย์ได้ ถึงแม้เขาบรรลุราชันา มีร่างกายเป็มนุษย์แล้ว แต่กลับยังมิสามารถเอาเขาบนศีรษะออกได้ นอกจากทะลวงด่านบรรลุขอบเขตจักรพรรดิา และหลังผ่านพระนิพพานแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถผลัดกล้ามเนื้อ เปลี่ยนเส้นเอ็นและกระดูก กำเนิดกายเนื้อขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงเกลียดชังคนที่พูดว่าเขามีเขาบนศีรษะที่สุด
“ไอ้หน้าขาวเขาเดียว หากเ้ากล้าลงมือกับข้า สหายข้าจะแพร่พิษจนพวกเ้าทั้งหมดตายหมดสิ้น! หากเ้ามีหัวคิดสักหน่อยก็จงมอบแหวนจักรวาลในมือออกมาให้ข้าพี่ชายอย่างเชื่อฟังแต่โดยดี” จ้านอู๋มิ่งะโอย่างโอหัง
“ฆ่ามันให้ตายอย่างไร้ความปรานี!” ไห่ทงเทียนคำรามดังลั่น
“พี่น้อง รีบแพร่ยาพิษให้ข้าโดยเร็ว!” จ้านอู๋มิ่งคำรามดังลั่นคำหนึ่ง ยามนี้ หมอกจางๆ กลุ่มหนึ่งเคลื่อนตัวจากไกลๆ มาใกล้แล้ว ไห่ทงเทียนเห็นสายน้ำสายหนึ่งเคลื่อนเข้ามาอย่างรวดเร็ว ปลาวาฬั์ที่เขานั่งเริ่มจะออกอาการหวาดหวั่น สยองขวัญเล็กน้อย
“ฮ่า ฮ่า พี่น้องของข้ามาแล้ว!” จ้านอู๋มิ่งเอะอะโวยวายและเข้าไปท่ามกลางฝูงชนเผ่าสมุทร วิ่งตรงไปยังทิศทางของตงหวงโยวหย่า
ตงหวงโยวหย่าเองก็รู้สึกแปลกใจ ลอบคำนึง “หรือว่าคนผู้นี้มิใช่พี่ชายผู้ล้ำเลิศนามจ้านอู๋มิ่ง ได้ยินมาว่าจ้านอู๋มิ่งฉายเดี่ยว ปล้นชิงทรัพย์ไปทั่วสารทิศเพียงคนเดียว ไฉนจู่ๆ ก็เพิ่มพี่น้องที่รู้จักการแพร่พิษมาอีกคน?”
ตงหวงโยวหย่ามองจ้านอู๋มิ่งที่กำลังเร่งรีบเข้ามาอย่างงวยงง เขาคือสัตว์อสูรในร่างมนุษย์ที่แข็งแกร่งทรงพลังอย่างแท้จริง เขาเพิกเฉยต่ออาวุธของชนเผ่าสมุทรและพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้เ่าั้โดยสิ้นเชิง ยื่นหมัดต่อยออกและใช้เท้าเตะต่อเนื่อง ราวกับกำลังกวาดขยะทิ้งไปก็มิปาน ทำลายล้างชนเผ่าสมุทรที่รายล้อมเข้ามาให้กระเด็นออกไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ชนเผ่าสมุทรดูไปแล้วคล้ายกับกำลังจู่โจมใส่ลูกข่างที่กำลังหมุนอยู่ลูกหนึ่ง เนื่องจากความเร็วที่หมุนนั้นเร็วเกินไป ดังนั้นการโจมตีทั้งหมดจึงแฉลบออกไปด้านข้าง ความเสียหายที่เกิดจากลูกข่างที่หมุนด้วยความเร็วสูงนั้นใหญ่หลวงยิ่งนัก
“คนผู้นี้ต้องเป็พี่ชายจ้านอู๋มิ่งคนนั้นอย่างแน่นอน!” ตงหวงโยวหย่ายืนยันในใจแล้ว นอกจากจ้านอู๋มิ่งแล้ว ยังมีผู้ใดที่กายเนื้อแข็งแกร่งถึงเพียงนี้อีก
ตานกงกงและหัวหน้าองครักษ์ัดำก็ตะลึงงันแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขาก็เคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับชายผู้ล้ำเลิศผู้นี้มาก่อนเช่นกัน แต่ว่าในสายตาของพวกเขา ไม่ว่าปรมาจารย์นักยุทธ์สูงสุดจะผิดแผกแตกต่างมากเพียงใด สำหรับพวกเขาล้วนเป็มดปลวกปรมาจารย์นักยุทธ์ ในใจพวกเขารู้สึกดูแคลนชายหนุ่มผู้นี้อย่างยิ่งเสมอมา แต่เมื่อพวกเขาเห็นจ้านอู๋มิ่งอยู่ท่ามกลางชนเผ่าสมุทร มองดูแล้วราวกับเข้าไปอยู่ในดินแดนที่ไร้ผู้คนแล้ว มุมมองที่มีต่อเขาก่อนหน้านี้ได้พลิกผันโดยสิ้นเชิง
“สวัสดีสาวงาม อีกสักครู่ต้องยืมเรือเหาะของพวกเ้าเผ่นหนีแล้ว ยามเห็นก็ทราบทันทีว่าพวกเ้าเป็ตระกูลใหญ่ เหอะๆ เรือลำนี้ไม่เลวจริงๆ ความเร็วจะต้องสุดยอดอย่างแน่นอน!” จ้านอู๋มิ่งโลดแล่นอยู่ท่ามกลางชนเผ่าสมุทร เหมือนเช่นมัจฉาแหวกว่ายในสายธาราตัวหนึ่ง คล่องแคล่วลื่นไหลสุดเปรียบปาน ฝ่าผ่านเล็ดลอดการขัดขวางของชนเผ่าสมุทรมาอย่างรวดเร็ว จวบจนกระทั่งมาถึงเรือเหาะของตงหวงโยวหย่า
ตงหวงโยวหย่ากับตานกงกงและคนอื่นๆ มองเขาด้วยความประหลาดใจ ไอ้หนูคนนี้หมายความว่าอย่างไร เมื่อครู่ยังมิใช่ะโว่า้าปล้นชิงแหวนจักรวาลหรอกหรือ? เวลานี้ไฉนเปลี่ยนมาปล้นชิงเรือเหาะแล้วเล่า? ก่อนหน้าเ้าหมอนี่ต่อให้ปล้นเรือเหาะก็เพียงปล้นเฉพาะของสำนักกระบี่ิญญาและตระกูลหนานกงเท่านั้น ยังมิเคยได้ยินว่าเขาเคยปล้นชิงเรือเหาะของสำนักนิกายอื่น
“ไอ้หนู เ้าบังอาจทำลายการใหญ่ของเราราชัน! ก่อตั้งค่ายกลมหาสมุทรหายนะให้กับเรา!” ไห่ทงเทียนเห็นจ้านอู๋มิ่งถึงกับต่อสู้พัวพันด้วยยากเช่นนี้ บุกขึ้นไปถึงเรือเหาะของตงหวงโยวหย่าโดยตรง อดไม่ได้ที่จะบันดาลโทสะ คำรามเสียงดังลั่น
“ตัวโง่งม เ้าคงต้องมองดูจากในน้ำเสียแล้ว” จ้านอู๋มิ่งชูนิ้วกลางกับไห่ทงเทียนคราหนึ่ง พลันสภาวะพลังทั่วร่างเพิ่มพูนขึ้นอย่างฉับพลัน ทันใดนั้นเสือโคร่งขนสีเขียวขนาดั์ก็ปรากฏตัวขึ้นกลางเรือเหาะ
“โฮกกก…” ก็คือพยัคฆ์ดำนรกานต์ที่จ้านอู๋มิ่งแย่งชิงมาจากเฉวียนหรูเซินนั่นเอง
ถึงแม้พยัคฆ์ดำนรกานต์จะสามารถใช้พลังต่อสู้แค่ราชันาระดับต้น แต่มันกลับเป็ราชันอันแท้จริงของเหล่าบรรดาสัตว์ร้าย เมื่อมันแผ่ขยายกลิ่นอายปราณของราชันแห่งสัตว์ร้ายออกมาเท่านั้น ทำให้ชนเผ่าสมุทรที่ทะยานขึ้นบนเรือเหาะับินตื่นตระหนกอย่างใหญ่หลวงไปทันที พลันจ้านอู๋มิ่งลงมืออย่างกะทันหัน เหล่าชนเผ่าสมุทรที่ตกตะลึงภายใต้สภาวะพลังของพยัคฆ์ดำนรกานต์ ทั้งหมดล้วนถูกกวาดลงทะเลจนหมดสิ้น
“รีบหนีเร็วเข้า!” จ้านอู๋มิ่งะโใส่ตงหวงโยวหย่าและองครักษ์ัดำที่ยังอยู่ในความงุนงง สุดท้ายทำให้หลายคนที่ไม่ทราบเหตุผลกลับมามีสติ พวกเขาไม่รู้สึกถึงเจตนาร้ายในตัวจ้านอู๋มิ่ง แต่กลับรู้สึกถึงความวิตกกังวลของจ้านอู๋มิ่ง พากันมองตามทิศทางสายตาของจ้านอู๋มิ่ง ก็ได้เห็นน้ำทะเลจากทิศทางขามาของเขาเป็ระลอกคลื่นสีหมึกแถบหนึ่ง กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ หมอกละอองสีเทาดำชั้นหนึ่งกำลังลอยขึ้นเหนือมหาสมุทร
“เขตแดนพิษ์ภัยพิบัติ…” สายตาของตานกงกงเปล่งประกายความสยดสยองขึ้นวูบหนึ่ง ไม่ลังเลอีกต่อไป เร่งเร้าพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ขึ้น เร่งพลังจิติญญาของหินอัคคีิญญาบนเรือเหาะถึงระดับสูงสุด เรือเหาะส่งเสียง "ซูมม" พุ่งชนฝ่าไปในกลุ่มชนเผ่าสมุทร ชนเผ่าสมุทรเมื่อครู่เพิ่งจะถูกจ้านอู๋มิ่งเข่นฆ่าอย่างสับสนอลหม่านมารอบหนึ่ง ไม่มีการป้องกันอย่างหนาแน่นเหมือนเช่นเมื่อครู่แล้ว สัตว์อสูรสมุทรไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของชนเผ่าสมุทรอีกต่อไป พากันรีบเร่งมุ่งหน้าหนีไปยังที่ห่างไกล
ชนเผ่าสมุทรได้ยินคำสั่งขององค์ชาย คิดจะก่อตั้งค่ายกลมหาสมุทรหายนะขึ้น กลับมิสามารถแสดงประสิทธิภาพได้อย่างรวดเร็วเช่นนั้น ยิ่งไปกว่านั้นค่ายกลมหาสมุทรหายนะยัง้าความร่วมมือจากสัตว์อสูรสมุทร แต่ว่าเวลานี้สัตว์อสูรสมุทรล้วนพากันหนีไปจนหมดสิ้นแล้ว
“อ๊าก…” ชนเผ่าสมุทรชั้นนอกสุดเปล่งเสียงโหยหวนออกมาอย่างน่าสังเวช กลายเป็กองกระดูกขาวโพลนกองหนึ่งอย่างรวดเร็ว
เวลานี้ไห่ทงเทียนจึงได้เห็นว่าทิศทางที่จ้านอู๋มิ่งจากมา ในมหาสมุทรมีระลอกคลื่นสีดำผืนหนึ่ง เมื่อครู่นี้ ความสนใจของเขาอยู่ที่ร่างตงหวงโยวหย่าและอื่นๆ ตลอดเวลา จากนั้นจ้านอู๋มิ่งก็ปรากฏตัวขึ้น ทำให้ความสนใจของเขาอยู่ที่ตัวเขาอีกครั้ง กลับคิดไม่ถึงว่าภัยคุกคามจะมาจากทางมหาสมุทร
ภายในละอองหมอกสีเทาดำนั้น เงาร่างหลายสายดุจปรากฏและดั่งซ่อนเร้น
ไห่ทงเทียนกำลังสุมไปด้วยเพลิงโทสะอย่างหนัก คนจำนวนไม่กี่คนแค่นี้กลับคิดจะช่วยให้ตงหวงโยวหย่าหนีรอดไปได้ เพื่อจับตัวตงหวงโยวหย่า เขาจัดการวางแผนการเป็เวลาหลายวัน และก็ติดตามไล่ล่ามาหลายวัน สูญเสียคนในเผ่าไปมิน้อย ไอ้หนูจ้านอู๋มิ่งผู้นั้นพาคนที่รู้จักการแพร่พิษมาไม่กี่คนก็คิดจะช่วยให้คนหนีรอดไปหรือ? ฝันไปเถอะ!
“วูวว…” ปลาวาฬั์ใต้เท้าไห่ทงเทียนส่งเสียงร้องคราหนึ่ง เสาน้ำหนาทึบขนาดใหญ่สายทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ยิงไปยังเงาร่างหลายสายที่อยู่ภายในหมอกสีเทาดำ สัตว์อสูรสมุทรจำนวนมากได้ยินเสียงของปลาวาฬั์ หยุดชะงักร่างที่กำลังหลบหนี พากันฉีดเสาน้ำพุ่งเข้าใส่ละอองหมอกสีดำพร้อมๆ กัน ในขณะเดียวกันก็พากันใช้พลังตบใส่น้ำทะเล ระลอกคลื่นม้วนขึ้นมาในบริเวณมหาสมุทรแถบนี้ทันที เกลียวคลื่นสูงขึ้นไปถึงหลายสิบวา ม้วนกระแทกกลับไปทางน้ำทะเลสีดำทันที
“ค่ายกลมหาสมุทรหายนะ!” ไห่ทงเทียนคำรามอย่างโกรธเคือง
เพียงครู่เดียวจ้านอู๋มิ่งและคนอื่นๆ กลับฝ่าออกจากวงล้อมของพวกเขาสำเร็จ แต่ว่าเงาร่างหลายสายในหมอกสีเทาดำกลับถลันเข้ามาอยู่ภายในวงล้อมของพวกเขาแล้ว
ไห่ทงเทียนจำได้แล้ว เมื่อตอนเกิดศึกาใหญ่บนเกาะครั้งก่อน คนเหล่านี้เองก็คือคนของสำนักเบญจพิษที่ลอบแพร่ยาพิษใส่ชนเผ่าสมุทร ศึกาครั้งนั้น ชนเผ่าสมุทรที่เสียชีวิตในละอองหมอกพิษมีจำนวนมากมายนับมิถ้วน และครั้งนั้นเองที่รากฐานของชนเผ่าสมุทรในน่านน้ำมหาสมุทรคุนเผิงได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอกับคนพวกนี้อีก นับว่าพบศัตรูบนหนทางคับแคบจริงๆ
“ใช้แสงน้ำเงินเยือกแข็ง!” ขณะลูกน้องใต้บังคับบัญชาก่อตั้งค่ายกลอย่างรวดเร็ว ไห่ทงเทียนตวาดเสียงต่ำคำหนึ่ง ทันใดนั้นม่านแสงสีน้ำเงินผืนหนึ่งก็สว่างขึ้นบนมหาสมุทร แทบจะรวบรวมเอาแสงอาทิตย์ในน่านน้ำมหาสมุทรเกือบทั้งหมดมารวมกัน จนกลายกันเป็ลำแสงสีน้ำเงินที่สว่างเจิดจ้าพร่างพราวตา ยิงทะลุเข้าไปในละอองหมอกสีเทาดำ
“เป็ไปได้อย่างไรกัน!” เสียงอุทานอย่างใดังเล็ดลอดออกมาจากหมอกสีเทาดำ ท่ามกลางแสงสีน้ำเงินเจิดจ้า หมอกสีดำกลายเป็ควันจางๆ ไปทันที
“ผันแปรขบวนค่ายกล!” ไห่ทงเทียนหัวเราะขึ้นมาทันใด ความขุ่นข้องในใจ สุดท้ายก็ได้ระบายออก
ชนเผ่าสมุทรแปรขบวนอย่างรวดเร็ว ลำแสงสีน้ำเงินบนท้องฟ้าสลับไขว้และหักเห ส่องไปรอบๆ บริเวณ ก่อเกิดเป็ระลอกคลื่นแสงผืนหนึ่ง ยิงใส่บริเวณน้ำมหาสมุทรสีดำแถบนั้น ละอองหมอกสีเทาดำและน้ำทะเลสีดำจางหายไปอย่างรวดเร็วภายใต้แสงสีน้ำเงินที่สาดส่อง ควันจางๆ และกลิ่นเหม็นคาวคลุ้งกลุ่มหนึ่งลอยมาจากผิวน้ำมหาสมุทร เหมือนดั่งไฟที่มองมิเห็นชั้นหนึ่งพลันลุกไหม้ในมหาสมุทร
“เผ่ามนุษย์ที่น่าเกลียดชัง ภูมิปัญญาของชนเผ่าสมุทรเราเป็สิ่งที่พวกเ้ามิสามารถจินตนาการได้ พิษชนิดนี้ ชนเผ่าสมุทรเราจะพลาดท่าเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ฆ่าพวกเขาให้กับข้า!” ไห่ทงเทียนหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ
สิ่งนี้ก็คือสิ่งประดิษฐ์ที่หลังจากที่ชนเผ่าสมุทรประสบความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง จักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์แห่งชนเผ่าสมุทรคิดค้นออกมาสำเร็จและใช้เป็วิธีจัดการกับพิษร้ายอย่างได้ผลชะงัด เวลานี้บนร่างกายของชนเผ่าสมุทรทุกคนล้วนมีกระจกจิติญญาผลึกสีน้ำเงินแผ่นหนึ่ง มันถูกขัดขึ้นด้วยศิลาแร่ประหลาดชนิดหนึ่งในส่วนลึกของมหาสมุทรวันสิ้นโลก สามารถรวบรวมเก็บแสงอาทิตย์ขึ้นมาได้ แปรสภาพอุณหภูมิสูง มวลพิษในอากาศและของเหลวเ่าั้จะสลายไปอย่างรวดเร็วภายใต้อุณหภูมิสูงของหยางบริสุทธิ์นี้
“ตูมมม…” ละอองหมอกสีเทาดำจางหายไป เงาร่างหลายสายกระจัดกระจายหลบหนีอย่างรวดเร็ว ทุลักทุเลเป็ที่สุด เสื้อผ้าบนร่างล้วนลุกติดไฟขึ้นมา อุณหภูมิสูงที่มาอย่างกะทันหันนี้ ทำให้พวกเขามิทันได้เตรียมพร้อมระวังตัว พลาดท่าเสียทีในบัดดล
“พวกเ้าหนอนแมลงพิษหลายตัว เล่นกับเ้าหน้าขาวเขาเดียวที่นี่ไปพลางๆ ก่อน ทดสอบพลังต่อสู้กันสักครั้ง! ข้าพี่ชายขอลงไปในน้ำก่อน ไปเก็บแหวนจักรวาลของข้า ขากลับข้าจะไปรับพวกเ้าอีกครั้ง!” ที่ทำให้หลายคนกระอักเืก็คือ ขณะที่พวกเขาแสดงกระบวนท่าอย่างสุดชีวิต แยกกันหลบหนีอย่างทุลักทุเล ข้างหูพลันได้ยินเสียงอันแสนภาคภูมิใจอย่างยิ่งของจ้านอู๋มิ่งแว่วมา
ตงหวงโยวหย่า ตานกงกงและพวกมองจ้านอู๋มิ่งด้วยความประหลาดใจ เวลานี้พวกเขาจึงได้เข้าใจ คนเหล่านี้จ้านอู๋มิ่งเป็คนนำมาจริงๆ แต่ว่ากลับมิใช่สหายสนิทของจ้านอู๋มิ่ง ทว่าเป็พวกที่ติดตามไล่ล่าสังหารจ้านอู๋มิ่ง กลับพลาดท่าถูกจ้านอู๋มิ่งนำมาปั่นหัวเล่นไปรอบหนึ่ง
สำหรับทุกคนในแคว้นมหาจักรพรรดิบูรพาแล้ว นี่เป็ข่าวดีเื่หนึ่ง อย่างน้อยองค์หญิงเจ็ดก็ไม่ต้องตกอยู่ในกำมือของไห่ทงเทียนแล้ว ส่วนระหว่างสำนักเบญจพิษและจ้านอู๋มิ่งมีข้อพิพาทใด พวกเขาไม่ใส่ใจ
ทุกคนล้วนทราบดีว่าสำนักเบญจพิษมิใช่คนดีอันใด ตานกงกงทราบว่าเขตแดนพิษ์ภัยพิบัติเป็ไม้ตายเฉพาะของบรรพบุรุษผู้เฒ่าเทียนเจวี๋ย ตัวประหลาดเฒ่าของสำนักเบญจพิษ อาศัยมวลอากาศพิษผันแปรเป็เขตแดนพิษของตน เขตแดนชนิดนี้มีความพิเศษอย่างยิ่ง มิใช่พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ ดังนั้นจึงไม่ถูกสะกดข่มโดยเจตจำนงของคุนเผิง ในน่านน้ำมหาสมุทรนี้ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน นี่คือเหตุผลที่สำนักเบญจพิษปล่อยให้บรรพบุรุษผู้เฒ่าเทียนเจวี๋ยเข้าสถานพำนักคุนเผิงเพื่อช่วยหลานชายของเขา
ฐานบ่มเพาะของบรรพบุรุษผู้เฒ่าเทียนเจวี๋ยสูงกว่าตานกงกงอยู่มิน้อย เล่าขานกันว่าบรรลุระดับจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้นแล้ว อุปนิสัยแปลกประหลาด รสนิยมมักมาก ชอบแสวงหาความสุขทางกายและเหี้ยมโหดยิ่งนัก ชื่นชอบการเข่นฆ่าสังหาร กิตติศัพท์ฉาวโฉ่ยิ่งนัก กับแคว้นมหาจักรวรรดิบูรพาก็มีกรณีพิพาทอยู่บ้าง ดังนั้นตานกงกงเมื่อเห็นเป็เขตแดนพิษ์ภัยพิบัติ ก็หลบหนีพร้อมกับจ้านอู๋มิ่งโดยมิลังเลใจแล้ว
ในน่านน้ำมหาสมุทรคุนเผิงแห่งนี้ สิ่งที่ใช้การได้ดีที่สุดและไม่ถูกสะกดข่มโดยเจตจำนงของคุนเผิง หนึ่งก็คือพิษ สองคือค่ายกล สองสิ่งนี้ถ้าในยามปกติ เผชิญหน้ากับผู้ที่มีฐานการบ่มเพาะสูงเพียงพอ อาศัยพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้เข้าทำลาย ยังมินับเป็สิ่งใดได้ แต่ในสถานที่ที่พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ถูกสะกดข่มชนิดนี้ พวกเขาก็กลายเป็ไร้เทียมทานแล้ว
ดังนั้น ในน่านน้ำมหาสมุทรแห่งนี้ ตลอดมาสำนักเบญจพิษจึงหยิ่งผยองยิ่งนัก เสียดายที่พวกเขาได้พบกับจ้านอู๋มิ่ง คนที่้าทรัพย์สิน มิ้าชีวิตเข้าแล้ว