หลังจากที่องค์ชายสามสุ่ยเย่ว์หรูหวาและหงอวี้หรูผ่าน่เวลาอันแสนหวาน ไฟแห่งลุ่มหลงได้ระบายออกมา สบายเนื้อสบายตัวขึ้น และมีกำลังวังชา เขามองหงอวี้หรูที่อิดโรยเหมือนกองน้ำ กล่าวอย่างอดไม่ได้ว่า “ที่รัก เ้าช่างงามนัก”
หงอวี้หรูกระพริบตามององค์ชายสาม เอ่ยด้วยเสียงแหบห้าวหลังจากที่ผ่านความสุขและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ข้างามหรือนายน้อยไป๋ที่งาม?”
“แน่นอนว่าเป็ที่รักที่งาม เขาจะเทียบเ้าได้ยังไงล่ะ?” องค์ชายสามสุ่ยเย่ว์หรูหวากล่าวโดยไม่ลังเล
เมื่อได้คำตอบที่น่าพอใจ หงอวี้หรูยิ้มออก มองรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ของหงอวี้หรู องค์ชายสามสุ่ยเย่ว์หรูหวาแทบจะทนไม่ไหว คิดในใจ ช่างเป็นางฟ้าน้อยจริงๆ
สุ่ยเย่ว์หรูหวาสูดลมหายใจลึกๆ ระงับไฟที่ปะทุในตัวเขา กล่าวด้วยเสียงแหบแห้งว่า “เ้ารอข้าหน่อย ค่ำนี้ ข้าจะเก็บกวาดเื่ที่ทำให้นางฟ้าน้อยของข้าไม่พอใจ” พูดจบก็หยุดครู่หนึ่ง และกล่าวต่อว่า “เวลานี้ ข้าต้องออกไปดูหน่อย เดาว่าผู้าุโจ้าวและผู้าุโโจวคงกลับมาแล้ว หากข้าไม่ออกไปพวกเขาคงร้อนใจ”
“ท่านเป็ถึงองค์ชาย ให้พวกเขารอสำคัญยังไงล่ะ?” หงอวี้หรูพูดอย่างไม่พอใจ ตอนนี้เธอ้าให้องค์ชายสามอยู่บนเตียงกับเธอ เช่นนี้ทุกคนจะได้รู้ว่า องค์ชายสามรักเธอแค่ไหน ใครจะได้ไม่กล้าดูถูกเธอ
สุ่ยเย่ว์หรูหวาพูดเกลี้ยกล่อมหงอวี้หรูว่า “อย่าโกรธเลย ข้าไปไม่นานเดี๋ยวก็กลับมาอยู่เป็เพื่อนเ้า พวกเขาคือยอดฝีมือที่มีลมปราณขั้นสิบสอง ยังไงข้าก็ต้องให้เกียรติเขา” พูดจบก็หยุดชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นกล่าวต่อว่า “หรือว่าเ้าไม่อยากรู้ว่าฆาตกรที่ฆ่าพี่ชายของเ้าเป็ยังไงบ้าง?”
หงอวี้หรูกล่าวพร้อมดวงตาที่เศร้าหมองว่า “ท่านพี่ของข้าตายอย่างน่าสังเวชเช่นนั้น แน่นอนว่าข้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฆาตกร เพียงแต่ข้าเชื่อในองค์ชาย เชื่อในพลังของผู้าุโทั้งสองท่านขององค์ชาย ข้าไม่ต้องออกไปก็รู้ว่าผู้าุโทั้งสองคงฆ่าฆาตกรที่ข้าพี่ชายของข้าแล้ว”
ตอนที่องค์ชายสามสุ่ยเย่ว์หรูหวากับหงอวี้หรูกำลังแนบชิดกันอยู่นั้น ด้านนอกก็กำลังอึกครึกคึกโครม การดับชีพของยอดฝีมือลมปราณขั้นสิบสอง ทำให้ผู้คนในค่ายขององค์ชายสามต่างตื่นตระหนก
“องค์ชาย ยังไม่ออกมาอีกหรือ?” เสินจิ่งเฉิงกล่าวพลางเดินไขว้หลังไปมาในห้องรับแขก ใบหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและตื่นตระหนก เสินจิ่งเฉิงคือเพื่อนร่วมชั้นขององค์ชายสาม หลังจากสำเร็จการศึกษาเขาก็ติดตามองค์ชายสาม
ฉู่หลีวางถ้วยชาในมือของเขาลง มองเสินจิ่งเฉิงที่เดินไปมา ขมวดคิ้วและพูดว่า “เ้าเลิกเดินไปมาเถิด ทำข้าเวียนหัวแล้ว รีบนั่งลงเถอะ” พูดจบก็เทชาลงในถ้วยชาอีกใบ ยื่นให้เสินจิ่งเฉิง กล่าวว่า “ดื่มชาเถอะ ไฟได้ลามแล้ว เื่เกิดขึ้นแล้ว ร้อนใจไปก็ไร้ประโยชน์”
“ไฟลามมาถึงกำแพงแล้ว ข้าดื่มไม่ลงหรอก” เสินจิ่งเฉิงกล่าวพลางโบกมือให้ฉู่หลี และเริ่มเดินไปมาอีกครั้ง
“เ้าว่าองค์ชายจะออกมาเมื่อไหร่? ก่อนหน้านี้องค์ชายก็หาใช่คนลุ่มหลงในความงามไม่ นับั้แ่ได้พบหงอวี้หรู องค์ชายก็เปลี่ยนไป เ้าว่าปีที่ผ่านมาองค์ชายทำเื่ที่ไม่สมควรทำเพื่อหญิงผู้นั้นเท่าไหร่แล้ว หากให้ข้าพูด หงอวี้หรูเป็ตัวหายนะ หากไม่มีหงอวี้หรู เราคงไม่สูญเสียผู้าุโที่มีลมปราณขั้นสิบสองทั้งสองคน” พูดจบก็หยุดสักพักหนึ่ง แล้วบ่นต่อไปว่า “ตอนนี้ร่างของผู้าุโทั้งสองยังอยู่ด้านนอก ทว่าเ้าเห็นไหมว่าองค์ชายกำลังทำอะไร ยังคงดื่มด่ำความอ่อนโยน เ้าว่าเช่นนี้ทำให้คนผิดหวังไหม ยามนี้คนของเราต่างตื่นใ”
หลังจากฟังคำบ่นของเสินจิ่งเฉิง ฉู่หลีก็จิบน้ำชา จากนั้นวางถ้วยชาลงอย่างช้าๆ และเอ่ยขึ้น “พูดจบแล้ว พูดจบก็นั่งลงเถอะ เวลานี้เื่เกิดขึ้นแล้ว เ้าจะเดินไปมาทั้งวันก็ไม่แก้ปัญหาไม่ได้ ตอนนี้เราทำให้แค่รอองค์ชายออกมา ร้อนใจไปก็ไร้ประโยชน์” พูดจบก็มองเสินจิ่งเฉิงครู่หนึ่ง และพูดติดตลกว่า “ไม่เช่นนั้นเ้าเข้าไปะโเรียกองค์ชายดีไหม ข้าเชื่อว่าแค่เ้าบอกว่าผู้อาวุธโสทั้งสองท่านตายแล้ว องค์ชายต้องออกมาพบเ้าในทันทีแน่”
“นี่มันเวลาอะไร เ้ายังมีอารมณ์หยอกล้อข้า?” เสินจิ่งเฉิงพูดอย่างไม่พอใจ คิดกับตัวเอง เขายังไม่อยากตายนะ หากตนเองทำให้องค์ชายไม่พอใจ งั้นตนเองคงโดนลงโทษแน่ เขาจะตายโดยไม่มีความผิดใดๆ เลย อีกอย่าง เขายังไม่อยากเห็นฉากอันโหดร้าย
“มันเวลาอะไร? ฟ้ายังไม่ถล่มเลย? ดังนั้นเ้าร้อนใจอะไร ต่อให้ฟ้าถล่มจริง ก็ยังมีคนสูงส่งค่ำจุนไว้ ก็แค่การตายของผู้าุโสองท่านมิใช่หรือ? ดูเ้าร้อนใจสิ” ฉู่หลีพูดอย่างใจเย็น คิดในใจ เสินจิ่งเฉิงอะไรก็ดี แค่เขาควบคุมอารมณ์ไม่ได้
ด้วยเหตุนี้ หลายปีมานี้ องค์ชายสามจึงมิได้มอบหมายงานสำคัญให้เขา
“ก็แค่การตายของผู้าุโสองท่าน? เ้าพูดได้สบายใจนักนะ” เสินจิ่งเฉิงกล่าวอุทาน จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงต่ำลงว่า “ครั้งนี้ เรามีผู้าุโทั้งหมดสามท่าน สองคนตายและอีกคนหายไป ตอนนี้ไม่มีผู้าุโแล้ว เราจะยังจะแย่งชิงผลไม้ชิงลัวได้อีกหรือ?”
“ถ้าอย่างนั้น เราสองคนร้อนใจไปทำไม? องค์ชายไม่อยู่เราร้อนใจไปก็ไม่มีประโยชน์? ฉะนั้น ข้าขอแนะนำให้เ้านั่งลงนิ่งๆ รอคอยองค์ชายเสด็จออกมา” ฉู่หลีกล่าวกับเสินจิ่งเฉิง คิดในใจ เขาเองก็ร้อนใจ ทว่าร้อนใจยังไงผู้อาวุธโสก็ตายแล้ว
“ข้าทราบดีว่าเ้าพูดถูก แต่ข้าไม่อาจสงบนิ่งได้” เสินจิ่งเฉิงลูบศีรษะหลังของเขา คิดกับตัวเอง หลังจากที่เขาอยู่กับองค์ชายสามมา นี่เป็ครั้งแรกที่ยอดฝีมือลมปราณขั้นสิบสองพ่ายแพ้ ซึ่งทำให้เขาใจร้อนนัก เสินจิ่งเฉิงพูดจบ ก็ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ ฉู่หลี และกล่าวว่า “ได้ยินว่าคนที่ฆ่าผู้าุโจ้าวและผู้าุโโจวคือหานรุ่ยและชายชู้ของเขา หงอวี้ชิ่งและกลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่งก็ถูกชายชู้ของหานรุ่ยปลิดชีพ” จากนั้นก็ขยับเข้ามาอีก พูดกับฉู่หลีอย่างนุ่มๆ ว่า “ฉู่หลี เ้าฉลาดกว่าข้า เ้าวิเคราะห์ให้ข้าที หานรุ่ยทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไร? ตอนนั้นหานรุ่ยเป็ฝ่ายขอถอนหมั้นมิใช่หรือ? แล้วทำไมสามปีให้หลังถึงมาหาเื่องค์ชายของเราล่ะ? หรือว่าเป็อย่างที่คนนอกพูด หานรุ่ยยังอาลัยอาวรณ์องค์ชาย พอเห็นว่าองค์ชายมีรักครั้งใหม่ จึงเกิดความขุ่นเคือง? แต่ทว่า ในเมื่อหานรุ่ยยังอาลัยอาวรณ์องค์ชาย แล้วเหตุใดชายชู้ของเขาถึงช่วยเหลือล่ะ? หรือว่าที่คนนอกพูดว่า หานรุ่ยตั้งใจจะแต่งงานมีสามีสองคน? แต่ทว่า เช่นนี้องค์ชายของเรา ผู้ซึ่งมีไหวพริบปฏิภาณจะเห็นด้วยหรือ? งั้นที่หานรุ่ยทำไมทั้งหมดมิใช่ว่าเสียเปล่าหรือ แม้แต่ชายชู้ในปัจจุบันก็คงหนีไป”
ฟังคำของเสินจิ่งเฉิง ฉู่หลีขมวดคิ้ว เอ่ยถามด้วยใบหน้าที่คิดตรึกตรองว่า “ซวงเอ๋อร์ผู้นั้นคือหานรุ่ยจริงๆ หรือ?” คิดกับตัวเอง เกิดอะไรขึ้นกับหานรุ่ยเมื่อสามปีก่อนนั้น เขาย่อมรู้ดีกว่าเสินจิ่งเฉิง แท้จริงแล้วเขาได้ร่วมมือในการสังหารหานรุ่ยครั้งนั้นด้วย
“ข้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ทว่ามีหลายคนจำได้ว่าคือหานรุ่ย ได้ยินมาว่า คุณชายหวังเป็คนแรกที่จำหานรุ่ยได้ ข้าคิดว่าคงไม่ผิดแน่” เสินจิ่งเฉิงเล่าสิ่งที่เขารู้ทั้งหมดให้ฉู่หลีฟัง
“หากเป็หานรุ่ยที่มีหาเื่จริง เห็นทีเขาคงไม่มีเจตนาดีแน่” ฉู่หลีพูดพึมพำ พลางคิดกับตัวเองว่า หานรุ่ยต้องมาที่นี่เพื่อล้างแค้นแน่ เขาเคยเตือนองค์ชายสามแล้ว ว่าให้เขาถอนรากถอนโคน หากไม่กำจัดราก ปล่อยทิ้งไว้จะงอกขึ้นใหม่ได้ ทว่าองค์ชายสามบอกว่า หานรุ่ยกลายเป็สวะแล้ว ไม่เป็ภัยคุกคามใดๆ ต่อพวกเขา แม้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ แต่ก็ไม่เป็ภัยต่อพวกเขาหรอก เขา้าให้หานรุ่ยมีชีวิตอยู่อย่างเ็ป หลังจากที่หานรุ่ยหายตัวไป พวกเขาจึงคิดว่าหานรุ่นตายแล้ว ดังนั้น จึงมิได้สืบหาหานรุ่ย
ฉู่หลีพูดด้วยน้ำเสียงเบามาก เสินจิ่งเฉิงได้ยินไม่ชัด ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างไม่พอใจว่า “เ้ายังไม่ตอบคำถามของข้าเลย? พึมพำอะไรกับตัวเองตรงนั้น”
“ไม่มีอะไร คำถามของเ้า ข้าไม่ตอบไม่ได้” ฉู่หลีพูดอย่างราบเรียบ คิดกับตัวเอง ตอนนี้ปัญหากำลังมาแล้ว เขาไม่มีอารมณ์พูดไร้สาระกับเสินจิ่งเฉิง สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ การจัดการกับหานรุ่ยตัวปัญหา
“เ้าฉลาดมากมิใช่หรือ?” เสินจิ่งเฉิงเอ่ยถาม คิดกับตัวเอง ในบรรดาคนที่เขารู้จัก เขาคิดว่าฉู่หลีฉลาดที่สุด ก่อนหน้านี้ เื่ที่เขาไม่เข้าใจก็จะถามฉู่หลี
“อะไรฉลาดไม่ฉลาดหรือ?” องค์ชายสามสุ่ยเย่ว์หรูหวาปลอบใจหงอวี้หรูแล้ว ออกมาอย่างสดชื่น เมื่อเขาเดินถึงประตู เขาก็ได้ยินแค่คำว่าฉลาด ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี
เมื่อได้ยินเสียงของสุ่ยเย่ว์หรูหวา ทั้งคู่ลุกขึ้นยืนคำนับ จากนั้นทั้งสามคนก็นั่งลง
“ข้าพูดว่าฉู่หลีฉลาด” เสินจิ่งเฉิงตอบหลังจากนั่งลง
“ฉู่หลีฉลาดเป็เื่ที่ทุกคนรู้ดี” สุ่ยเย่ว์หรูหวาพูดด้วยรอยยิ้ม คิดกับตัวเอง การมีลูกน้องอย่างฉู่หลี ทำให้เขาเบาใจไม่น้อย สุ่ยเย่ว์หรูหวาไม่เห็นผู้าุโจ้าวและผู้าุโโจว จึงเอ่ยถาม “ทำไมถึงมีแค่พวกเ้าสองคนที่นี่ ผู้าุโทั้งสองท่านล่ะ?”
“อื้อ ไปแล้ว” เสินจิ่งเฉิงไม่เข้าใจสุ่ยเย่ว์หรูหวา เขาคิดว่าสุ่ยเย่ว์หรูหวารู้ว่าที่พูดว่า ไปแล้ว ความหมายก็คือเสียชีวิตแล้ว
“ผู้าุโทั้งสองรีบร้อนนักหรือ งั้นเื่งานที่ข้ามอบหมายให้พวกเขา พวกเขาทำสำเร็จเรียบร้อยดีไหม?” สุ่ยเย่ว์หรูหวาได้ยินว่าผู้าุโทั้งสองไปแล้ว พูดด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ
ฉู่หลีรู้ว่าองค์ชายสามเข้าใจความหมายของเสินจิ่งเฉิงผิด เขาจึงพูดกับเ้าองค์ชายสามตรงๆ ว่า “ผู้าุโทั้งสองท่านตายแล้ว”
“อะไร ตายแล้ว?” องค์ชายสามลุกขึ้นยืนอย่างตื่นใ และกล่าวว่า “ตายได้ยังไง พวกเขาทั้งคู่คือลมปราณขั้นสิบสองนะ จะมีสักกี่คนในเทือกเขาอู๋หยินแห่งนี้ที่จะเป็คู่ต่อสู้ของเขาได้ อีกอย่าง เขาทั้งคู่ก็ไปด้วยกัน”
“ถูกหานรุ่ยและชายชู้ของเขาสังหาร ผู้าุโทั้งสองท่านตายอย่างน่าสังเวชยิ่งนัก ตอนนี้ศพก็ยังอยู่ข้างนอกนั่น” เสินจิ่งเฉิงกล่าวหลางเช็ดหน้าของเขา
“หานรุ่ย ก็คือหานรุ่ยผู้นั้น?” สุ่ยเย่ว์หรูหวาหันไปถามฉู่หลีอย่างใจจดใจจ่อ เขาไม่อยากจะเชื่อ ข่าวของหานรุ่ยได้กลบข่าวการตายของผู้าุโทั้งสอง
“ใช่ ก็คืออดีตคู่หมั้นของท่าน...หานรุ่ย เขากลับมาแล้ว” ฉู่หลีพูดกับองค์ชายสามทีละคำ เขารู้ว่าทำไมองค์ชายสามถึงวิตกกังวล เขาคิดว่าการที่คนตายกลับมา ทั้งยังปรากฏตัวในลักษณะนี้ ช่างอย่างวิตกกังวลจริงๆ
ในเวลานี้จิตใจขององค์ชายสามราวกับเกิดคลื่นมหึมาถาโถมเข้ามา เขาคิดไม่ถึงว่า คนที่ไม่มีตัวตนจะปรากฏตัวขึ้น แต่ทว่า ไม่ช้าเขาก็สะกดคลื่นคลื่นมหึมาในใจของเขาลง เขาคิดอย่างชั่วร้าย ในเมื่อเขาเคยทำลายหานรุ่ยได้ครั้งหนึง ย่อมทำลายหานรุ่ยเป็ครั้งที่สองได้ ครั้งนี้ เขาจะไม่ปล่อยหานรุ่ยไปง่ายๆ แน่ เขาต้องจัดการมันด้วยตัวเอง ให้มันไม่มีโอกาสกลับมาอีกเลย เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เกิดความละโมบบนใบหน้าขององค์ชายสาม คิดในใจ หานรุ่ยต้องได้รับโอกาสและโชคชะตาอันยิ่งใหญ่แน่ ไม่เช่นนั้นการาเ็ของเขาคงไม้รักษาได้ง่ายๆ และไม่อาจบำเพ็ญเพียรถึงลมปราณขั้นสิบได้รวดเร็วเพียงนี้ ซึ่งเร็วกว่าการบำเพ็ญเพียรครั้งก่อนของเขาด้วยซ้ำ
“ฉู่หลี เ้าประกาศคำสั่งของข้าออกไป รวมกำลังทันที” องค์ชายสามสุ่ยเย่ว์หรูหวาพูดกับฉู่หลี จากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า “ผู้าุโทั้งสองและทุกคนในกลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่งจะไม่ตายเปล่า ข้าต้องล้างแค้นให้พวกเขา สังหารฆาตกรร้ายกาจนั่น”
ฟังคำสั่งขององค์ชายสาม ฉู่หลีพูดเกลี้ยกล่อมว่า “องค์ชาย ถ้าไม่ไหวอย่าฝืนเลย ถ้าเราไปเช่นนี้ ทำได้แค่ต่อสู้กับหานรุ่ย และต่างได้รับาเ็ เมื่อนกกับหอยทะเลาะกัน แต่คนตกปลาได้รับประโยชน์ ข้าคิดว่าเราควรให้ผลไม้สุกงอมก่อน หลังจาก่ชิงผลไม้ชิงลัวมาแล้วค่อยลงมือ ไม่ควรรีบร้อนในเวลานี้ ยามนี้เราไม่อาจสูญเสียกำลังคนได้อีก มิฉะนั้นเราจะไม่อาจทำภารกิจนี้ให้สำเร็จได้ และคงไม่เป็การดีต่อองค์ชายด้วย”
ฟังคำของฉู่หลี องค์ชายสามสุ่ยเย่ว์หรูหวากล่าวว่า “ที่เ้าพูดก็ถูก ยามนี้ยังมีเื่อื่นที่สำคัญ เมื่อครู่นี้ข้าไม่ทันยั้งคิด ต้องขอบคุณอาหลีที่เตือนสติข้า งั้นให้พวกมันมีความสุขอีกสองสามวัน หลังจากนี้สองสามวันจะถึงตาพวกมัน” จากนั้นก็หยุดและพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ว่า “ตอนที่ผู้อาวุธโสทั้งสองจับเสือเฟิงฟลิงนั้น ได้รับาเ็สาหัส คนชั่วสองคนนั่นฉวยโอกาสที่ยังไม่ฟื้นตัว ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้สังหารพวกเขา” พูดจบก็พูดกับฉู่หลีและเสินจิ่งเฉิงต่อไปว่า “อาหลี จิ่งเฉิง พวกเ้าจงเผยคำของข้า แล้วฝังศพของผู้อาวุธโสทั้งสอง”
ฉู่หลีและเสินจิ่งเฉิงรับคำสั่งองค์ชายสาม ในไม่ช้าทั้งสองก็ไปทำงานที่องค์ชายสามมอบหมาย
