หานรุ่ยเห็นรอยยิ้มของจุนห่าวที่เต็มไปด้วยอันตราย จึงรู้ว่าจุนห่าวคิดจะลงมือ หานรุ่ยกลับไม่ได้คิดยับยั้ง จุนห่าวโกรธแทนเขา เขาจะยับยั้งทำไมล่ะ เขาดีใจแทบแย่ด้วยซ้ำ อีกอย่าง กลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่งก็มักทำเื่ชั่วร้ายเสมอ จุนห่าวจัดการพวกเขาก็ถือว่าช่วยผู้คนกำจัดสิ่งชั่วร้าย
ชายที่เล่าคนนั้นเห็นรอยยิ้มอันตรายของจุนห่าว ใจหายแวบ เหงื่อไหลท่วมร่างกาย เขารับรู้ได้ถึงความเหี้ยมฆ่า
ความตื่นตระหนกของเขา ทำจนเขาพูดกับจุนห่าวอย่างติดอ่างว่า “ใช่ ใช่ ใช่ นั่น นั่น นั่น นั่นก็คือ ฐานที่มั่นของกลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่ง” ผู้พูดเรียกความกล้าจนพูดจบ พร้อมพูดอย่างระแวดระวังว่า “หากท่านทั้งสองไม่มีธุระอันใดแล้ว ข้าขอตัวลา” พูดจบก็หนีหัวซุกหัวซุนแบบไม่รอคำตอบ
จุนหนานกระพริบตาข้างนึง มองเงาด้านหลังของชายคนนั้น เอ่ยขึ้นด้วยความงงงวยว่า “เหตุใดท่านลุงผู้นั้นจึงวิ่งเร็วราวกับมีสุนัขร้ายวิ่งไล่หลังล่ะ”
จุงตงมองเงาด้านหลังและเอ่ยว่า “คาดว่า เขาถึงเวลากินข้าวแล้ว และคงเกรงว่าจะกินข้าวไม่ทัน ถึงวิ่งไปแย่งอาหารโดยเร็วเช่นนั้น” จุนหนานเอ่นถามอย่างสงสัย "จริงหรือ?" เขารู้สึกว่าพี่ชายพูดไม่ถูก คิดในใจ ท่าทางของท่านลุงผู้นั้นเหมือนจะหวาดกลัวมากกว่า
“จริง” จุนตงพูดอย่างจริงจัง เขาไม่อายที่พูดมั่วซั่วเมื่อครู่นี้แม้แต่น้อย
ฟังบทสนทนาระหว่างจุนตงและจุนหนาน หานรุ่ยได้แต่ยิ้มพลางส่ายหัว คิดในใจ นี่คือจุนหนานเชื่อคำพูดของจุนตงหรือ เขามองเงาด้านหลังซึ่งกำลังหายไปจากสายตาของเขา พูดกับจุนห่าวว่า “เ้าทำเขาใแล้ว”
จุนห่าวยิ้มบางๆ และพูดเสียงเบาว่า “ช่างเป็คนขี้ขลาดเสียจริง ข้าเห็นเขาใกล้จะเลื่อนขั้นแล้ว ข้งตรียมจะมอบยาิญญาเลื่อนขั้นเป็ของขวัญให้เขาสักขวดด้วยซ้ำ เพื่อเป็การขอบคุณที่เล่าข่าวนี้ให้ข้าฟัง ในเมื่อหนีไปแล้ว งั้นก็ถือว่าเราประหยัดไปได้หน่อย”
หานรุ่ยฟังคำของจุนห่าว คิดในใจ ไม่รู้ว่าหลังจากชายคนนั้นได้ยินคำของจุนห่าวแล้ว จะเสียใจในภายหลังบ้างไหม ดูจากความเร็วในการหลบหนีของเขา คงไม่เสียใจภายหลังหรอก เพราะไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตแล้ว ในใจของคนๆ นั้น พวกเขาคงกลายเป็สัตว์ร้ายที่แสนอันตราย หากไม่รีบหลบหนี คงต้องเผชิญอันตรายเป็แน่แท้
หานรุ่ยมองฐานที่มั่นของกลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่ง เลิกคิ้วพร้อมยกมุมปาก พลางเงยหน้าขึ้น พูดกับจุนห่าวอย่างจำยอมว่า “ที่เ้าพูดมาก็ไม่เลวดีทีเดียว ข้าเชื่อฟังคำบัญชาการของเ้า เ้าให้ข้าทำอะไรข้าก็จะทำเช่นนั้น จะไม่ขัดคำสั่งเด็ดขาด”
จุนห่าวพูดกับหานรุ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “กลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่ง ไม่ต้องถึงมือเ้าหรอก เ้าพาลูกไปรออยู่ข้างๆ เถอะ หากเบื่อจริงๆ เ้าค่อยมาให้กำลังใจข้าข้างๆ” จุนห่าวเแหงนขึ้นมองพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน และเอ่ยขึ้น “มีเวลาไม่มากแล้ว รอให้ข้าจัดการแมลงวันที่น่าขยะแขยงพวกนั้นแล้ว เราค่อยทานอาหารเย็นกัน”
หานรุ่ยกล่าว “ในเมื่อมีเวลาไม่มาก งั้นก็รีบลงมือให้ฉับไว ข้าและลูกรอเ้ากลับมาทานมื้อเย็นอยู่”
จุนหนานมองจุนห่าวอย่างจดจ้อง พลางมองหานรุ่ยที่มีใบหน้าสนับสนุน จึงพูดกับจุนตงว่า “ท่านพี่ ตัวร้ายกำลังหาเื่นางเอกแล้ว เราควรทำอย่างไรดี?”
จุนตงขมวดคิ้วและพูดว่า “เห็นอยู่ ก็แค่บทสนับสนุน ตัวร้ายจัดการได้แน่ เราไม่จำเป็ต้องเข้าไปแทรกแซง”
จุนหนานขมวดคิ้วและพูดว่า “ท่านพี่ ต่อให้ตอนนี้เราอยากจะเข้าไปแทรกแซง ก็แทรงแซงไม่ได้ พละกำลังของเราไม่มากพอ ไม่มีคุณสมบัติเป็แม้แต่เป็ตัวร้ายด้วยซ้ำ”
ฟังคำพูดของจุนหนานแล้ว จุนตงมองร่างกายเตี้ยๆ ของเขา กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ไม่มีพละกำลังมากพอ แต่ยังมีสติปัญญามิใช่หรือ? เข้าใจที่ว่าต่อสู้ด้วยเชาว์ปัญญาไหม? ข้ามิได้เป็เพียงนักรบที่โเี้ แต่ยามนี้ข้ายังเป็นักปราชญ์ นักปราชญ์จะใช้คำพูดแต่ไม่ใช้กำลัง นักปราชญ์แค่บัญชาการให้นักรบลงมือก็พอแล้ว”
“งั้นยามนี้ข้าก็เป็นักปราชญ์ ข้ามิใช่นักรบที่หยาบคาย” จุนหนานพูดอย่างอดรนทนไม่ไหว พูดจบก็หันมองจุนห่าวครู่หนึ่ง
“ตอนที่ตัวร้ายลงมือ เราไปมุงดูดีไหม?” จุนหนานเอ่ยถาม ความกระตือรือร้นที่จะอยากลิ้มลองปรากฎในดวงตา
“ไปสิ ยังไงภรรยาของตัวร้ายคงไปเฝ้าดูอย่างแน่นอน ตอนนี้เราอยู่ภายใต้การควบคุมของตัวร้าย ไม่อยากไปก็ต้องไป” จุนตงพูดอย่างเศร้าใจ “เราช่วยตัวเองไม่ได้”
ในที่สุดจุนห่าวก็เข้าใจคำพูดของจุนตงและจุนหนาน และพูดกับพวกเขาทั้งคู่อย่างไม่สบอารมณ์ว่า “พวกเ้าสองคนพูดอะไรอย่างนั้น เราเป็สุภาพชน จะเป็ตัวร้ายได้อย่างไร ข้าเป็ผู้ส่งสารแห่งความยุติธรรม ข้ายืนหยัดเพื่อความยุติธรรมในการกำจัดความชั่วร้าย และกำจัดอันตรายให้แก่ผู้คน”
หานรุ่ยก็พูดกับจุนตงและจุนหนานอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “จากนี้ไป พวกเ้าต้องอ่านหนังสือสัพเพเหระให้น้อยลง หากยังอ่านหนังสือเช่นนี้อีก ข้าจะหักค่าขนมของพวกเ้า” หยุดครู่หนึ่ง ก็พูดกับจุนตงและจุนหนานต่อว่า “พวกเ้าเปรียบเปรยให้ข้าและพ่อของเ้ากลายไปตัวร้าย พวกเ้าก็คือบุตรชายของตัวร้าย หรือว่าอยากจะเป็นักแสดง? ข้าและพ่อเ้าไม่กลัวหรอก เรามีพลังปราณเป็ฐาน สถานการณ์ของพวกเ้าน่าเป็ห่วงกว่านัก” จากนั้นเขาก็หยุดอีกครั้ง และพูดอย่างยิ้มเยาะว่า “ไม่แน่ว่า คงมีสักวันที่พวกเ้าถูกใครทำให้หายไป ไม่มีพวกเ้าเป็ตัวภาระที่เกาะแข็งเกาะขาข้าและพ่อเ้าแล้ว ไม่แน่ว่า ข้าและพ่อเ้าอาจตอบโต้ได้ และกลายเป็พระเอกที่แท้จริง”
จุนห่าว : ...... คิดในใจ เสี่ยวรุ่ยก็คงอ่านบทละครมากไป ถึงจิตนาการเื่เช่นนี้ได้
จุนตง จุนหนาน : ...... คิดในใจ เวลานี้ท่านแม่ คิดว่าพวกเขาคือตัวภาระเสียแล้ว
ณ ฐานที่มั่นของกลุ่มทหารรับจ้างเจ็ดดาว
“ท่านพ่อ คนของทหารรับจ้างสิงโตคลั่งเหิมเกริมมากขึ้นเรื่อยๆ วันนี้ยังทำร้าเพี่น้องของเราจนได้รับาเ็ หากมิใช่เพราะท่านให้เราอดกลั้น ข้าคงพุ่งพรวดไปจัดพวกมันสักหมัด” เหวินเจ๋อเยี่ยนบ่นอย่างโกรธแค้นกับหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างเจ็ดดาว...เหวินต้าไห่ ซึ่งเป็พ่อของเหวินเจ๋อเยี่ยน
“เฮ้อ” เหวินต้าไห่ถอนหายใจ แล้วพูดว่า “จะทำยังไงได้ล่ะ? ใครให้เขามีน้องสาวที่มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ล่ะ กลายเป็คนขององค์ชายสาม บัดนี้มีองค์ชายสามเป็เกาะกำบัง เราไม่ทนก็ทำอะไรมิได้ แม้ว่าเราจะเป็กลุ่มทหารรับจ้างที่ใหญ่เป็อันดับสามของจักรวรรดิสุ่ยเย่ว์ ทว่าก็ไร้สามารถที่จะเผชิญหน้ากับจักรวรรดิ”
“ถ้าอย่างนั้น เราต้องทนอย่างนี้ไปตลอดหรือ?” เหวินเจ๋อเยี่ยนพูดพร้อมกำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจ “หากข้าต้องทนต่อไป แค่เห็นหน้าเ้าหงหรูซิ่งนั่น ข้าก็ขยะแขยงแล้ว”
“ทนไม่ได้ ก็ต้องทน ขนาดคนใต้ชายคายังต้องก้มหัว” เหวินต้าไห่พูดกับเหวินเจ๋อเยี่ยนด้วยสีหน้าจริงจัง คิดในใจ เขามีบุตรชายแค่คนเดียว ครานั้นภรรยาของเขาให้กำเนิดลูกชายก็จากไป หากบุตรชายเกิดเื่ขึ้น เขาคงต้องขอโทษภรรยาที่เสียไป ไม่ใช่เื่ง่ายเลยที่เด็กชายยากจนในหมู่บ้านชาวประมงจะมีวันนี้ เห็นพี่น้องถูกรังแก เขาก็ไม่สบายใจ ทว่าไม่ทนก็ทำอะไรไม่ได้ ที่เขามีถึงทุกวันนี้ นอกจากกำปั้นคู่นี้แล้ว ยังต้องอดทนต่อความขมขื่นตั้งเท่าไหร่ บุตรชายของเขาเก่งในทุกเื่ แต่เขาหุนหันพลันแล่นเกินไป หากเขาไม่อาจควบคุมอารมณ์ของตนเอง อาจเื่อะไรขึ้นกับเขาในอนาคตแน่
“งั้นเมื่อไหร่ถึงจะโงหัวขึ้นได้ ข้าเห็นสายตาขององค์ชายสามที่หลงใหลในความงาม ดีหรือเลวก็แย่ไม่ออก ว่ากันว่าองค์ชายสามคนยึดมั่นในรักแท้ที่มีต่อหานรุ่ย ข้าไม่เห็นจะเป็เช่นนั้นเลย” เหวินเจ๋อเยี่ยนพูดอย่างไม่พอใจ พลางคิดในใจ องค์ชายสามเป็คนยึดมั่นในรักตรงไหน หานรุ่ยจากไปไม่ถึงสองปีก็หลงเสน่ห์นางสุนัขจิ้งจอกแล้ว เขารู้สึกว่าต้องเป็เหมือนพ่อเขาต่างหาก ถึงเรียกว่าเป็คนยึดมั่นในรักแท้ แม่ของเขาจากไปหลายปีแล้ว ท่านพ่อก็ยังจดจำ และไม่แต่งงานอีกเลย
“เ้าคิดว่าองค์ชายสามยึดมั่นในรักที่มีต่อหานรุ่ยจริงๆ หรือ? ผู้อื่นว่าไงก็ว่าตาม เ้าก็เชื่อ?” เหวินต้าไห่พูดอย่างมีความหมายแล้วชี้ไปที่หัวของเจ๋อเยี่ยน “สมองของเ้าช่างกลวงนัก จากนี้ไปใช้มันให้มากหน่อย หากยังไม่ใช้คงกลายเป็สนิมแน่ เมื่อสนิมเกาะแน่น เ้าอยากใช้ก็ใช้การไม่ได้แล้ว” เหวินต้าไห่...หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างที่ใหญ่เป็อันดับสามของจักรวรรดิสุ่ยเย่ว์ พูดเช่นนี้ เพราะเขาอยู่วงในย่อมรู้ดีกว่าเหวินเจ๋อเยี่ยนมากนัก
“อย่าบอกนะว่ามีเื้ั?” เหวินเจ๋อเยี่ยนขมวดคิ้ว เอ่ยถามอย่างสงสัย
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่เ้าจำเป็ต้องรู้ หากอยากรู้ก็ใช้สมองตัวเองคิด” เหวินต้าไห่กล่าว จากนั้นก็พูดกับเหวินเจ๋อเยี่ยนว่า “เ้าลูกชาย ฟังพ่อนะ พ่อมีเ้าแค่คนเดียว ไม่อยากให้เ้าเป็อันใด” หยุดครู่หนึ่ง และพูดต่ออย่างจนใจว่า “พ่อใกล้จะไม่ไหวแล้ว ไม่อาจปกป้องเ้าต่อไปได้อีกหลายปี หากเ้าเป็อันใดขึ้นมา พ่อคงไม่มีหน้าไปพบแม่ของเ้า เ้าต้องควบคุมอารมณ์ของเ้า เช่นนี้พ่อถึงจะวางใจให้กลุ่มกำลังทหารรับจ้างเจ็ดดาวอยู่ในมือเ้า พ่อไม่หวังให้เ้านำกลุ่มทหารรับจ้างให้ยิ่งใหญ่ขึ้น หวังแค่ว่าเ้าจะนำพาพี่น้องทหารรับจ้างมีชีวิตที่มั่นคง ให้พวกเขาและครอบครัวของเขาอยู่อย่างปราศจากความกังวล” พูดจบ ก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา
มองเส้นผมสีเงินเต็มศรีษะและรอยย่นบนใบหน้าของเหวินต้าไห่ เหวินเจ๋อเยี่ยนคิดในใจ เห็นทีการาเ็ของท่านพ่อคงรุนแรงขึ้น ความจริงแล้วท่านพ่อเพิ่งจะอายุ 60 ปี อยู่ใน่ชีวิตวัยฉกรรจ์ แต่เนื่องจากอาการาเ็เมื่อหลายปีก่อนที่ยังไม่หายดี ร่างกายจึงแย่ลงเรื่อยๆ ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันของท่านพ่อคงยืนหยัดได้ไม่นานแล้ว คิดถึงตรงนี้ เหวินเจ๋อเยี่ยนก็เศร้าใจ เป็เพราะเขาไร้ประโยชน์ และไร้สามารถที่หายาิญญาที่ดีมารักษาอาการาเ็ของท่านพ่อไม่ได้
เหวินเจ๋อเยี่ยนกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล พูดกับเหวินต้าไห่อย่างรับประกันว่า “ท่านพ่อ ท่านวางใจได้ จากนี้ไปข้าจะควบคุมอารมณ์ ขยันบำเพ็ญเพียร และเรียนรู้วิธีดูแลกลุ่มทหารรับจ้าง จะพัฒนากลุ่มทหารรับจ้างให้ดีขึ้นแน่” จากนั้นเขาก็หยุดและพูดว่า “จากนี้ไป หากข้าเห็นหงอวี้ชิ่งเ้าคนต่ำต้อยนั่น ข้าจะเดินอ้อมไป จะไม่ปะทะกับมันเด็ดขาด”
“เ้าลูกชาย เ้าคิดได้เช่นนี้นับว่าดียิ่งนัก เช่นนี้พ่อถึงเบาใจ” เหวินต้าไห่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เหวินเจ๋อเยี่ยนอดกลั้น และในที่สุดก็ไม่สามารถยับยั้งมันได้ เขาเคลื่อนเข้าไปถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “ท่านพ่อ องค์ชายสามและหานรุ่ยมิได้เป็ดังข่าวลือจริงๆ ใช่ไหม?” เหวินเจ๋อเยี่ยน เชื่อว่าเหวินต้าไห่มิใช่คนปั้นน้ำเป็ตัว ต้องรู้อะไรบางอย่างที่เขาไม่รู้แน่
เหวินต้าไห่พูดยิ้มๆ ว่า “ข้าคิดว่าเ้าจะอดกลั้นได้ คิดไม่ถึงว่ายังจะถามอีก มิใช่ความลับอะไรหรอก บอกเ้าก็คงไม่เป็ไร ทั้งหมดที่ลือกันข้างนอกนั่นคือข่าวลือ ว่ากันว่าหานรุ่ยช่วยองค์ชายสามจนได้รับาเ็สาหัสและกลายเป็สวะ สุดท้ายเป็องค์ชายสามที่ขอถอนหมั้น ได้ยินว่าเดิมทีองค์ชายสามอยากทอดทิ้งหานรุ่ยแยู่แล้ว เพราะเขาขี้เหร่ เพียงแต่เห็นแก่พร์ในการบำเพ็ญเพียรของเขา พอหานรุ่ยสูญสิ้นพร์ในการบำเพ็ญเพียร การที่องค์ชายสามถอนหมั้น จึงเป็เื่ปกติ”
เหวินเจ๋อเยี่ยนฟังเหวินต้าไห่พูดจบและกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น พูดได้ว่าองค์ชายสามไม่เพียงแต่ไม่เป็คนที่ยึดมั่นในความรัก แต่ยังเป็คนใจเสาะที่เนรคุณคน”
“ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงบอกให้เ้าใช้สมองของเ้าให้มากขึ้น อย่าถูกการแสดงทำให้หลงกลได้” เหวินต้าไห่กล่าว
“ถ้าอย่างนั้น ตระกูลหานก็เห็นด้วยหรือ?” เหวินเจ๋อเยี่ยนเอ่ยถาม
“ไม่เห็นด้วยแล้วจะทำยังไงได้ล่ะ ยังไงพวกเขาก็เป็คนขี้ข้า จะต่อสู้กลับได้หรือ? กลายเป็พลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่โชคร้าย” เหวินต้าไห่พูดอย่างจนปัญญา “นายพลหานเป็คนดูแลสถานการณ์โดยรวม...”
“ปังงง” เกิดเสียงดังขัดหวะการสนทนาระหว่างพ่อกับลูกชายขึ้น ทั้งสองคนลุกยืนโดยเร็ว เหวินเจ๋อเยี่ยนพูดกับเหวินต้าไห่ด้วยสีหน้าขึงขังว่า “ท่านพ่อ ท่านรออยู่ตรงนี้ก่อน ข้าจะออกไปดูว่าเกิดอันใดขึ้น และจะกลับมาแจ้งท่าน”
“ข้าไปกับเ้าด้วย” พูดจบ ก็เดินนำออกจากเต็นท์ไป เหวินเจ๋อเยี่ยนส่ายหัวอย่างจนใจพลางเดินตามออกไป คิดในใจ ใครเป็คนทำเื่ใหญ่เช่นนี้นะ?
