เย่เฟิงเผยสีหน้าเย็นเยียบ พลังดาราโคจรรอบกายพร้อมแสงดาวส่องระยิบระยับ ตอนที่ฝ่ามือั์นั่นพุ่งลงมา จู่ ๆ เขาเดินออกมา คล้ายย่างก้าวผสานด้วยอำนาจฟ้าดินและเคลื่อนที่ดุจดาวตก ก่อนจะหลบหนีฝ่ามือั์นั่นในพริบตา
“หอกมรณะ!” เสียงเย็นดังออกจากปากของเย่เฟิง เมื่อเข้าไปใกล้เฉินอ้าวเทียน เขาก็แทงหอกออกไปโจมตี รังสีหอกดุจลำแสงและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง
“ทักษะหอกปลิดชีวีอีกแล้ว ความรู้ที่เย่เฟิงมีต่อหอกถึงระดับสูงสุดแล้ว อายุยังไม่ถึง 16 ปีก็ใช้กระบวนท่าเทียบเท่ากับระดับผู้เชี่ยวชาญหอก พร์นี้จะร้ายกาจเกินไปแล้ว!” ผู้าุโสำนักยุทธ์เทียนเสวียนคนหนึ่งกล่าวพร้อมดวงตาเป็ประกาย
“วูบ!” รังสีหอกกลายเป็ลำแสงทำลายล้างขณะพุ่งเข้าหาเฉินอ้าวเทียน เขาััถึงพลังทำลายล้างที่อยู่ในรังสีหอกนั้นได้ จึงชะงักไปเล็กน้อย
“สวบ!” เฉินอ้าวเทียนเดินออกมา ก่อนจะหลบหนีรังสีหอกนั้นในพริบตา แล้วไปเยือนที่เบื้องหน้าเย่เฟิง
“ชิ้ง!” ดาบสีเงินพลันถูกชักออกจากฝัก พร้อมตวัดไปฟันร่างเย่เฟิงในทันที รังสีดาบสว่างจ้า และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ราวกับไม่คิดปล่อยให้เย่เฟิงมีโอกาสแม้แต่นิดเดียว
เฉินอ้าวเทียนผู้นี้น่าสะพรึงกลัวมาก ทุกการโจมตีล้วนทรงอานุภาพ ดาบที่ชักออกจากฝักก็น่าทึ่งอย่างมาก หากเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 3 คนอื่น คงถูกฆ่าตายด้วยดาบนี้ไปนานแล้ว
“ชิ้ง!” เสียงโลหะกระทบดังขึ้น เย่เฟิงใช้หอกัเงินประกายต้านดาบของเฉินอ้าวเทียน ขณะเดียวกันก็วาดฝ่ามือภูผาพิฆาตที่ผสานด้วยพลังหลายอย่างที่เรืองแสงเก้าสีโจมตีออกไป
“นี่มัน...” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างหรี่ตาลงเล็กน้อย มีหลายคนััถึงพลังคุณสมบัติหลายอย่างในฝ่ามือนี้ของเย่เฟิงได้ มันช่างน่าเหลือเชื่อมาก ซึ่งทุกคนทราบกันดีว่า ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปจะมีพลังคุณสมบัติได้หนึ่งอย่าง หากมีพร์ล้ำเลิศก็อาจมีถึงสองคุณสมบัติ แต่หากเป็พวกสัตว์ประหลาดจะมีถึงสามคุณสมบัติ ส่วนผู้ที่มีสี่คุณสมบัติยังไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่พลังที่ผสานอยู่ในฝ่ามือนี้ของเย่เฟิงมีเกินสี่คุณสมบัติ หรือคุณสมบัติร่างเขาจะมีคุณสมบัติหลากหลาย?
ผู้คนเกิดคำถามขึ้นในใจ แม้แต่ผู้าุโฉินก็ยังเกิดความผันผวนเล็กน้อย
“เป็ไปได้อย่างไร เคล็ดวิชาบางอย่างที่เย่เฟิงคนนี้ฝึกจะต้องผสานด้วยพลังหลาย ๆ อย่าง ซึ่งไม่เกี่ยวกับตัวเขา จะต้องเป็เช่นนี้แน่ ๆ” ผู้คนคิดในใจขณะมองแสงเก้าสีที่รายล้อมฝ่ามือของเย่เฟิง มีเพียงเหตุผลนี้ที่จะเป็ไปได้ เพราะร่างหลายคุณสมบัติยังไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรจ้าวมาก่อน
“เห็นทีข้าคงเปิดเผยมากเกินไป ต้องระวังให้มากกว่านี้” ขณะที่วาดฝ่ามือโจมตี เย่เฟิงก็สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของผู้คน เนื่องจากเขาได้รับการสืบทอดนวมรดก บัดนี้จึงมีเก้าคุณสมบัติและสามารถฝึกเคล็ดวิชาของเก้าคุณสมบัติได้ หากเย่เฟิงฝึกทั้งเก้าคุณสมบัติได้ถึงระดับสมบูรณ์ เช่นนั้นพลังต่อสู้ของเขาจะยกระดับขึ้นหลายเท่าจนไร้พ่ายในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับเดียวกัน กระทั่งเอาชนะข้ามระดับได้อย่างไม่มีปัญหา
เมื่อเฉินอ้าวเทียนรับรู้ได้ถึงความน่าหวาดกลัวของฝ่ามือเย่เฟิงก็ต้องใ ก่อนจะเหวี่ยงหมัดโจมตีทันที การโจมตีทั้งสองเข้าปะทะกัน ทันใดนั้นแสงเก้าสีเข้าปกคลุมร่างเฉินอ้าวเทียนคล้าย้าทำลายร่างเขา เฉินอ้าวเทียนจึงร้องด้วยความตื่นใ จากนั้นพลังอันน่าสะพรึงกลัวปะทุออกจากร่างเพื่อต่อต้านการกัดกร่อนจากแสงเก้าสีนั่น ทว่าแสงเก้าสีนี้ทรงพลังเกินไป ทำให้เฉินอ้าวเทียนรู้สึกว่าอวัยวะภายในสั่นคลอนและอดถอยหลังไปไม่ได้
“เ้าทำได้อย่างไร?” เฉินอ้าวเทียนเผยสีหน้าย่ำแย่ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 3 ไม่ควรมีการโจมตีที่โหดร้ายเช่นนี้ เย่เฟิงผู้นี้ต้องฝึกเคล็ดวิชาที่ทรงพลังเป็แน่
“เ้าไม่จำเป็ต้องรู้” เย่เฟิงแสยะยิ้ม เขาเดินออกมาหนึ่งก้าวพร้อมแทงหอกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหอกัเงินประกายผสานด้วยอำนาจหอกขั้นผันแปร จึงไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปจะต่อต้านได้ ทุก ๆ หอกเหมือนแฝงด้วยท่วงทำนองที่น่ามหัศจรรย์และเชื่อมโยงกับอำนาจฟ้าดิน
เย่เฟิงแทงหอกอย่างต่อเนื่อง จนค่อย ๆ เข้าสู่สภาวะลืมตน นาทีถัดมาหอกัเงินประกายของเขาทรงพลังเรื่อยๆ จนถูกยกระดับขึ้นอีกขั้นและแกร่งขึ้นกว่าเดิม
ด้านเฉินอ้าวเทียน เขาตวัดดาบอย่างต่อเนื่อง เพื่อต้านรังสีหอกของเย่เฟิง แต่หลังจากหอกัเงินประกายถูกยกระดับขึ้น มันทรงพลังกว่าเก่าหลายเท่าจนทำให้เฉินอ้าวเทียนรู้สึกกดดันเป็อย่างมาก
“ทักษะหอกของเย่เฟิงทรงพลังเพียงนี้เชียวหรือ? ถึงกับควบคุมเฉินอ้าวเทียนได้ ทรงพลังมากไปแล้ว!” มีหลายคนสังเกตเห็นการต่อสู้ของเย่เฟิงกับเฉินอ้าวเทียน และอดประหลาดใจกับทักษะหอกที่เย่เฟิงสำแดงไม่ได้
“เคล็ดวิชาหอกเงินประกายของตระกูลเย่ร้ายกาจจริง ๆ ยิ่งอยู่ในมือของเย่เฟิงก็ยิ่งทรงพลัง!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งจากตระกูลใหญ่ของเมืองหลวงกล่าวพลางถอนใจ เขาเคยเห็นท่วงท่างดงามของบิดาเย่เฟิง ดังนั้นเขาจึงจำได้ั้แ่เย่เฟิงใช้เคล็ดวิชาหอกเงินประกายครั้งแรก
“ร้ายกาจมากจริง ๆ ขุนพลเย่เจินในตอนนั้นใช้เคล็ดวิชาหอกนี้บนสนามรบจนสร้างความดีความชอบในการสู้รบให้กับอาณาจักรจ้าว แต่ไม่คิดว่าตระกูลเย่จะล่มสลายในคืนเดียว ขุนพลเย่เจินก็หายสาบสูญ!” ผู้ฝึกยุทธ์อีกคนกล่าว เมื่อผู้คนรอบข้างได้ยิน ก็ทำให้หลาย ๆ คนหวนนึกถึงเงาร่างนั้นที่เคยสร้างคุณงามความดีให้กับประเทศชาติ บัดนี้เย่เฟิงบุตรของเย่เจินสำแดงเคล็ดวิชาหอกเงินประกายได้อย่างสง่าผ่าเผยและทรงอานุภาพ ดั่งสำนวนลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น
เพราะมีคนเอ่ยถึงเื่ตระกูลเย่ในปีนั้นและเย่เจินบิดาของเย่เฟิง จึงมีหลาย ๆ คนเริ่มกระซิบกระซาบ ส่วนเย่เฟิงผู้เป็บุตรของเย่เจินก็ไม่ใช่ความลับอะไร ทุกคนต่างทราบกันดี แต่บัดนี้ตระกูลเย่ล่มสลายไปแล้ว ใครเล่าจะสนใจลูกหลานของตระกูลที่ไม่มีอยู่แล้ว?
อีกด้านหนึ่ง ศึกของนี่จ้านเทียนกับอวิ๋นเจี๋ยดำเนินไปอย่างดุเดือด รอบกายของนี่จ้านเทียนถูกปกคลุมไปด้วยแสงแห่งา ร่างสูงใหญ่ราวกับคนั์ ทุกครั้งที่ใช้ทวนจันทร์เสี้ยวโจมตีมักจะอัดแน่นไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง บัดนี้จึงมีเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าของนี่จ้านเทียน แม้ทุกครั้งที่โจมตีจะทรงพลัง แต่กลับผลาญพลังงานไปมาก
อวิ๋นเจี๋ยลอยตระหง่านกลางอากาศพร้อมกับมีแสงแห่งอำนาจรายล้อมร่างกาย เขาวาดฝ่ามือแห่งอำนาจโจมตีอย่างต่อเนื่อง เข้าปะทะกับการโจมตีของนี่จ้านเทียน
นอกจากนี้ในสถานการณ์ที่อวิ๋นเจี๋ยใช้อำนาจฟ้าดิน พลังของนี่จ้านเทียนถูกผลาญไปอย่างรวดเร็ว หากสู้เช่นนี้ต่อไป สุดท้ายพลังหยวนในกายจะเหือดแห้งจนกระทั่งพ่ายแพ้
“นึกไม่ถึงว่าพลังของอวิ๋นเจี๋ยผู้นี้จะแข็งแกร่งเกินความคาดหมาย ความรู้ที่มีต่ออำนาจฟ้าดินและพลังโจมตีอันบ้าคลั่งทำให้อวิ๋นเจี๋ยเป็ฝ่ายได้เปรียบ เห็นทีที่อวิ๋นเจี๋ยยอมแพ้นี่จ้านเทียนก่อนหน้านี้ ไม่ใช่เพราะตนสู้ไม่ได้ แต่เพราะไม่จำเป็ต่างหาก อวิ๋นเจี๋ยมั่นใจในพลังตนว่าจะเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างแน่นอน ในความคิดเขา ปล่อยให้นี่จ้านเทียนชนะแล้วอย่างไร? ศึกสุดท้ายต่างหากที่สำคัญที่สุด”
ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งคิดในใจ อาจกล่าวได้ว่าอวิ๋นเจี๋ยผู้นี้คือม้ามืดที่มาแรงที่สุดในงานประลองครั้งนี้ ก่อนหน้านี้ไม่มีผู้ใดคิดว่า ผู้ที่เก็บตัวเงียบและไม่ยั่วยุใครก่อนจะมาถึงศึกชิงสามอันดับแรกได้ ทั้งยังกำราบอัจฉริยะอย่างนี่จ้านเทียนได้อีกด้วย แต่นอกจากคนเหล่านี้แล้วยังมีคนส่วนใหญ่เชื่อว่านี่จ้านเทียนจะคว้าชัยชนะไปได้
เมื่อเวลาผ่านไป พลังหยวนในกายของนี่จ้านเทียนถูกผลาญไปมากกว่าเดิม ทำให้เขาหายใจถี่เร็ว การเคลื่อนไหวเปลี่ยนไปเป็เชื่องช้า แต่การโจมตีของอวิ๋นเจี๋ยกลับบ้าคลั่งเช่นเดิม และไม่ปล่อยให้นี่จ้านเทียนมีโอกาสใด ๆ
“อาศัยอำนาจฟ้าดินในการต่อสู้นับเป็สิ่งใด? สู้กันอย่างยุติธรรมสิ?” นี่จ้านเทียนกล่าวเสียงเย็น แต่สีหน้าดูไม่สู้ดีและเหงื่อต้องแตกพลั่ก
“สู้อย่างยุติธรรมหรือ? ถ้าการประลองมีความยุติธรรม เช่นนั้นพวกเ้าที่มีระดับการบ่มเพาะสูงส่งก็ควรกดดันมันสิ เ้าไม่คู่ควรพูดเื่ยุติธรรมกับข้าด้วยซ้ำ!” อวิ๋นเจี๋ยได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มหยัน นาทีต่อมาอำนาจฟ้าดินที่ทรงพลังกว่าเดิมไปเยือนนี่จ้านเทียนจนเขาหน้าแดงก่ำ ขณะเดียวกันอวิ๋นเจี๋ยก็ร่ายฝ่ามือไปมาในอากาศ ก่อนจะมีฝ่ามือั์แห่งอำนาจปรากฏตรงหน้า แล้วปล่อยออกไปโจมตีนี่จ้านเทียน
นี่จ้านเทียนหน้าถอดสี จากนั้นเขาเหวี่ยงหมัดโจมตี แต่เขาถูกอำนาจฟ้าดินพันธนาการร่างกาย พลังหยวนก็แทบแห้งเหือด หมัดที่เหวี่ยงออกไปจึงมีพลังไม่มาก ดังนั้นฝ่ามือั์นั้นได้เขมือบกินภายในพริบตา
“ปัง!” เสียงะเิดังสนั่น ฝ่ามือั์แห่งอำนาจนั่นโจมตีร่างนี่จ้านเทียนเต็ม ๆ จนร่างกระเด็นออกไปพร้อมกระอักเื
“นี่...” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างต้องตกตะลึง นี่จ้านเทียนพ่ายแพ้ ทั้งยังถูกฝ่ามือั์ของอวิ๋นเจี๋ยซัดกระเด็นปลิว ผลลัพธ์เช่นนี้เกินความคาดหมายของใครหลาย ๆ คนไปมาก
บนอัฒจันทร์หลัก อาจารย์นี่จ้านเทียนเผยสีหน้าอึมครึม ศิษย์ที่เขาอบรมสั่งสอนมาหลายปีควรจะได้อันดับที่ 1 ของงานประลองครั้งนี้ ทว่าบัดนี้กลับพ่ายแพ้ให้อวิ๋นเจี๋ย นี่ทำให้เขารู้สึกเสียหน้าอย่างมาก
“ไอ๊สวะ เ้าไม่คู่ควรมีชื่อเสียงเท่าข้า” ตู๋กูหลงกล่าวขณะมองนี่จ้านเทียนด้วยสายตาเหยียดหยาม
“ที่ข้ายอมแพ้ก่อนหน้านี้ ไม่ใช่เพราะกลัวเ้า แต่เพราะข้าไม่อยากสู้กับเ้า คนอย่างเ้าไม่คู่ควรเป็คู่ต่อสู้ของข้าอวิ๋นเจี๋ย!” อวิ๋นเจี๋ยกล่าวเสียงเฉยชา จบศึกนี้เขาก็ได้เข้ารอบสามอันดับแรก พอเขาพูดจบก็เดินออกจากเขตประลองทันที
นี่จ้านเทียนเผยสีหน้าบูดเบี้ยวพลางมองอวิ๋นเจี๋ยด้วยสายตาเย็นะเื เขานี่จ้านเทียนพ่ายแพ้ให้กับอวิ๋นเจี๋ยที่ไร้ชื่อเสียงใด ๆ ในเมืองหลวง ทำให้เขาพลาดเข้าสามอันดับแรก และยังทำให้เขาสูญเสียโอกาสคบหากับฉินเยียนหราน
ผลลัพธ์เช่นนี้ยากที่จะยอมรับได้ สีหน้าของนี่จ้านเทียนในเวลานี้ไร้ซึ่งชีวิตชีวา คนทั้งคนเปลี่ยนไปเหี่ยวแห้งในชั่วพริบตาเดียว