ขณะที่พูด หลงเหยียนแสดงสีหน้าชั่วร้าย ร่างกะพริบวาบพร้อมพุ่งเข้าไปข้างกายหญิงสาวอย่างรวดเร็ว จากนั้นมือทั้งสองข้างก็หยิกแก้มหญิงสาวแรงๆ
“ในเมื่อเ้าไม่ยอมช่วยคนใกล้ตาย แล้วเหตุใดข้าต้องเกรงใจเ้าด้วย ไม่ว่าอย่างไรข้าก็เข้ามาได้แล้ว แน่นอนว่าต้องหาวิธีจนได้”
ชายชรามองหลงเหยียน กำลังจะะเิโทสะ ทว่าถึงกระนั้น เขาััได้ว่ากลิ่นอายที่มาจากในกายของหลงเหยียนนั้นคล้ายคลึงของตน เมื่อปล่อยรังสีพลังออกมา เซียวอวี่เอ๋อในมือเขากลับขยับไม่ได้
มองชายหนุ่มตรงหน้า ชายชรารู้สึกตะลึงจึงพูดออกไป “ก็ได้ อย่างไรแล้ว ข้าเป็คนที่แน่วแน่มาก หากข้าช่วยเขาแล้วคนตระกูลลั่วรู้เข้า ชีวิตข้าคงไม่สงบสุขแน่ หากอยากช่วยเขา เ้าต้องดูตำราการแพทย์เอง ตั้งใจฝึกก็แล้วกัน จะช่วยได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเ้าแล้ว นี่คือขีดกำจัดของข้า เตาหลอมและตำราการแพทย์ทั้งหมดในนี้ เ้าสามารถใช้ได้ทุกเมื่อ”
หลงเหยียนปล่อยหญิงสาวในมือ เขารู้ว่าตอนนี้ตนนั้นกำลังขอร้องชายชรา ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไรที่มาถึงหุบเขาผีเสื้อ ทว่าเขาก็ไม่เคยช่วย ด้านนอกเล่ากันว่าเขาเห็นคนตายต่อหน้าต่อตาก็ไม่เคยให้ความช่วยเหลือ “ย่อมได้ เมื่อช่วยเขาสำเร็จ ข้าจะไม่อยู่ที่นี่ต่อแม้วินาทีเดียว”
หลงเหยียนมีิญญาัที่แข็งแกร่ง คือิญญายุทธ์ที่สูงที่สุด ประสาทการััว่องไวและล้ำเลิศ อีกทั้งพร์ในการควบคุมธาตุไฟและการบรรลุที่รวดเร็วของิญญาัทำให้หลงเหยียนมีความพร้อมในการฝึกอยู่แล้ว
ในเมื่อเป็เช่นนั้น หลงเหยียนไม่รีรอ รีบลงมือทันที เขายกมือขึ้นต่อหน้าชายชราเซียวเหยียนและเซียวอวี่เอ๋อ
หลงเหยียนจับแขนฉินเซียน รู้สึกเพียงการเต้นของชีพจรเขาประหลาดนัก หลงเหยียนสะดุ้งและรวบรวมสมาธิอีกครั้ง จำจังหวะการเต้นและความแรงการสั่นของชีพจร
“ท่านปู่ เขาจะทำได้หรือ?”
เซียวเหยียนส่ายหน้า “จะได้หรือไม่ได้ แล้วเกี่ยวกับข้าอย่างไร?”
ชายชราประหลาดใจ มองภาพตรงหน้าแล้วนึกในใจ ‘จิตใจของพ่อหนุ่มคนนี้ไม่เลว ทว่าพิษเก้าิญญาทำลายอวัยวะภายในของเขาหมดแล้ว โลกนี้ นอกจากข้าก็ไม่มีผู้ใดรสามารถรักษาเขาได้อีก จะว่าไปแล้ว พ่อหนุ่มนั่นมีแววเป็นักหลอมยาที่เก่งกาจเหมือนกัน’
อายุน้อยกลับมีพลังปราณที่มหาศาล ทั้งยังมีพลังระดับชีพัขั้นที่แปด ส่วนด้านรังสีพลังกลับสูงขึ้นไปถึงระดับชีพัขั้นที่เก้า
สิ่งที่ทำให้คนชราประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ ิญญายุทธ์ของหลงเหยียน… เขาััไม่ได้ว่าิญญายุทธ์ของหลงเหยียนแข็งแกร่ง
มองหลงเหยียนที่ร้อนรน หลงเหยียนจำการเต้นของชีพจรและจำนวนครั้งของฉินเซียน เดินไปค้นตำราการแพทย์บนชั้นวางหนังสือ การเดินวนไปวนมาของเขาทำให้สามารถหาตำราเกี่ยวกับการควบคุมชีพจรให้เป็ปกติได้หนึ่งเล่ม นั่นคือสิ่งที่ชายชราวิจัยมานานหลายปีรวมกับการสืบทอดที่ลึกลับของบรรพบุรุษ
คนชราคำนวณในใจ ‘ฮึๆ ไม่เจียมตัวเสียเลย หากเขาสามารถรักษาเ้าหมอนั่นได้ ข้าจะรับเขาเป็ศิษย์เอง หากตาย ข้าจะทำให้พวกเขาตายไปพร้อมกัน’
เห็นหลงเหยียนเปิดอ่านตำราอย่างรวดเร็ว ตำราการแพทย์ทุกเล่มที่หลงเหยียนดู เขาใช้เวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้นก็สามารถอ่านจนจบ ตำรามากกว่าร้อยเล่มถูกหลงเหยียนอ่านจบภายในครึ่งชั่วยาม
จากนั้นหลงเหยียนก็หยิบสมุนไพรออกมาจากลิ้นชักยา ผงชาดสองกรัม ผงไข่มุกสิบกรัม ผงปู๋กู่จือสิบกรัม ผงดินโปร่งหนึ่งกรัม และผงโสมสิบกรัม หลังจากนำทั้งหมดมาผสมกันแล้ว เติมน้ำผึ้งเก้ากรัม จากนั้นก็นำไปวางไว้ในเตาหลอม ใช้พลังปราณขับเคลื่อน จุดไฟให้กับเตาหลอม
นักหลอมยาที่อยู่ข้างๆ มองขั้นตอนทั้งหมด ในใจรู้สึกพลุ่งพล่านขึ้นมา เขานึกไม่ถึงว่าหลงเหยียนสามารถบรรลุวิชาการปรุงยาได้รวดเร็ว ทั้งยังมีความจำยังแม่นยำจนน่านับถือ
จากนั้นหลงเหยียนก็ทำการหยิบเข็มขนาดเล็กออกมาสิบสองเล่ม ฝังเข็มโดยใช้พลังปราณเป็ตัวขับเคลื่อนลงบนจุดชีพจรที่มีชื่อว่าจงจี๋ซึ่งอยู่บริเวณท้องน้อย จุดชีพจรเทียนทูซึ่งอยู่บริเวณใต้ลำคอ จุดชีพจรเจียนจิ่งที่บริเวณไหล่ และจุดชีพจรอื่นๆ ร่วมสิบสองจุด ตามการชี้แนะในตำรา
หลงเหยียนเหนื่อยจนเหงื่อท่วมตัว เซียวเหยียนที่อยู่ด้านข้างมองทุกอย่างตรงหน้าด้วยความตกตะลึง เขาคิดด้วยความใ ‘หรือเ้าหมอนี่จำเนื้อหาทั้งหมดในตำราการแพทย์ได้แล้ว?
หลงเหยียนสามารถหาตำแหน่งฝังเข็มทั้งหมดได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งเมื่อปักเข็มลงไป ฉินเซียนร่างกระตุกหนึ่งครั้ง เมื่อเห็นเช่นนั้น คนชราก็อดประหลาดใจไม่ได้ เขามองหลงเหยียนที่มีพร์ล้ำเลิศ รู้สึกชื่นชอบหลงเหยียนมากขึ้นแล้ว
“จุดชีพจรจงจี๋เป็ชีพจรสามหยิน อยู่บริเวณเท้า ชีพจรเทียนทูเป็ศูนย์กลางของเส้นชีพจรแห่งหยิน ซึ่งจุดชีพจรทั้งสองแห่งนี้เป็จุดรวมแห่งลมปราณในร่างกายนั่นเอง จุดชีพจรเจียนจิ่งอยู่บริเวณเท้า เป็เส้นชีพจรแห่งพลังหยางซึ่งควบคุมพลังหยางในร่างกาย ทั้งยังเป็ศูนย์รวมของพลังหยางอีกด้วย เ้าฝังสิบสองเล่มลงไป ถือเป็การกีดกั้นทั้งเส้นชีพจรพื้นฐานทั้งสิบสองและเส้นชีพจรแห่งยุทธ์ทั้งแปด” ชายชราพูดอย่างอดไม่ได้
หลงเหยียนหันกลับไปมองเซียวเหยียน “ขอบคุณผู้าุโที่เตือน” ในความคิดของเขาปรากฏภาพการเดินของเส้นชีพจรในร่างกายร่วมกับตำแหน่งการฝังเข็ม
แม้หลงเหยียนจำรายละเอียดในตำราการแพทย์ได้หมดแล้ว ทว่าในการรักษาจริงต้องใช้เวลานาน ตอนนี้ท่าทีของนักหลอมยาเซียวเหยียนเปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว
“เ้าหนุ่ม หลีกไป หลังจากเ้าตัดเส้นชีพจรและเส้นชีพจรยุทธ์บนตัวเขาแล้ว พิษจากอวัยวะภายในไม่อาจไหลเวียน ดู บางครั้งในบันทึกก็ไม่ได้ครบถ้วนทั้งหมด หากรักษาแบบนั้นเขาคงฟื้นขึ้นมายาก”
จากนั้นนักหลอมยาก็ใช้วิชาที่เหนือชั้น ฝังเข็มลงบนจุดชีพจรบริเวณใต้ไหปลาร้าซึ่งถูกเรียกว่าจุดหยุนเหมิน และบริเวณเหนือหน้าอกคือจุดจงฝู ต่อด้วยการฝังเข็มลงบนจุดชีพจรร่วมสิบเอ็ดจุดได้แก่ จุดเทียนฝู เสียไป๋ ฉื่อเจ๋อ ขงจุ้ย เลี่ยเชว จิงเหลียง ต้าเยวียน อวีจี้ และเส้าซาง โดยเริ่มั้แ่่ต้นแขนลากยาวไปจนถึงบริเวณนิ้วโป้ง เมื่อเชื่อมจุดชีพจรที่กล่าวมาเข้าด้วยกัน จะกลายเป็เส้นชีพจรไท่อิน ซึ่งส่งผลไปที่ปอดได้โดยตรง สามารถลดและทำลายพิษเย็นที่แฝงอยู่ในปอดของเขาได้ การรักษาโดยใช้หยางดับหยิน ร้อนดับเย็น สร้างความเ็ปแก่ฉินเซียนอีกครั้ง มันเป็ความเจ็บที่ต่างออกไป ถึงอย่างไรก็ไม่น้อยไปกว่าความเจ็บจากการรับพิษเลย เมื่อฝังเข็มบนเส้นชีพจรไท่อินเสร็จแล้ว เขาก็เปลี่ยนไปฝังเข็มที่เส้นชีพจรที่มีนามว่าหยางิ เป็เส้นชีพจรแห่งกระเพาะซึ่งอยู่บริเวณใต้ฝ่าเท้า ต่อด้วยเส้นชีพจรนามว่าเจี๋ยยิน เป็เส้นชีพจรแห่งหัวใจซึ่งอยู่บริเวณฝ่ามือตามลำดับ…
ฉินเซียนค่อยๆ ได้สติ เขากระอักเืสีดำออกจากปาก ก่อนที่รอยประทับด้านหลังจะหายไปอย่างช้าๆ เวลานี้ ยาในเตาหลอมสำเร็จแล้ว หลงเหยียนหยิบยาออกมาพร้อมส่งเข้าปากฉินเซียน
หลงเหยียนมองปฏิกิริยาของฉินเซียน ในที่สุดก็ถอนหายใจ “ผู้าุโ ท่านคือแพทย์ผู้มีฝีมือล้ำเลิศอย่างที่คิดจริงๆ หากไม่ใช่เพราะท่านเตือน เกรงว่าข้าคงคิดวิธีการใช้ร้อนดับเย็นนี้ไม่ได้”
คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มผู้นี้จะเจียมเนื้อเจียมตัวเหลือเกิน ทำให้เซียวเหยียนปลาบปลื้มยิ่งนัก จากนั้นทั้งสองก็พูดคุยกันเื่วิชาการแพทย์โดยมีฉินเซียนคั่นกลาง
หลงเหยียนจำคำพูดของเซียวเหยียนได้แทบทุกคำ ไม่แน่อีกหน่อยมันอาจมีประโยชน์ต่อตนก็ได้ เมื่อก่อน หากาเ็เขาก็มาเด็ดสมุนไพรกลืนลงไป ใช้พลังปราณหลอมละลาย ทว่าการทำแบบนั้นก็ไม่ได้ดึงสรรพคุณของสมุนไพรออกมาทั้งหมด
เวลาผ่านไปสามวัน ่เช้าหลงเหยียนเข้าป่าไปล่าสัตว์อสูร ดูดโลหิตของมันมาเก็บตุน ตกดึกกลับกระท่อม ใช้พลังปราณขับเคลื่อนเตาหลอม หลอมยาอย่างต่อเนื่อง แล้วอาการของฉินเซียนก็ฟื้นฟูมากขึ้นเรื่อยๆ
หลงเหยียนเริ่มรู้สึกร้อนใจ เขายังเหลือเวลาประมาณสิบวันในการเดินทางไปตระกูลอู่ตี้ ่ดึกชายชราคุยกับหลงเหยียนเื่การฝังเข็ม ในใจเขา หลงเหยียนเสมือนเป็ลูกศิษย์คนหนึ่ง เพียงแค่ไม่ได้พูดออกมาเท่านั้น
เขาคือชายหนุ่มที่มากพร์ด้านการแพทย์สุดเท่าที่เคยเจอ ฉินเซียนเริ่มเดินได้แล้ว ในระยะเวลาสามวัน ความสัมพันธ์ระหว่างเซียวอวี่เอ๋อและหลงเหยียนก็ดีขึ้นมาก
ค่ำคืนนี้แสงจันทร์ส่องสว่าง
พวกเขาสองคนเดินอยู่บนถนนเส้นเล็กๆ ในป่าลึก ในที่สุดเซียวอวี่เอ๋อก็รู้แล้วว่าเหตุใดหลงเหยียนถึงอยากช่วยฉินเซียนมากเช่นนั้น ที่แท้ก็เพราะทั้งคู่มีชะตากรรมที่คล้ายคลึงกัน ต่อให้หลงเหยียนต้องมีเื่กับตระกูลลั่ว เขาก็ไม่หวั่น มีหรือที่หลงเหยียนจะไม่รู้ การหยิบตราประจำตัวออกมาขู่ สามารถหยุดพวกเขาได้ชั่วคราวเท่านั้น
อำนาจของตระกูลลั่ว หากเป็เมืองั มันเปรียบเสมือนกำแพงเหล็กที่แข็งแกร่ง แข็งแกร่งจนไม่สามารถทำลายได้ ตอนนี้ เป้าหมายเดียวของหลงเหยียนคือแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ เข้าสู่ตระกูลอู่ตี้ ได้รับทรัพยากรที่มากยิ่งขึ้น เมื่อถึงเวลาที่เขามีพละกำลังมากพอ เขาจะกำจัดตระกูลลั่ว
หลงเหยียนมองหญิงสาวที่งดงาม ในใจเกิดความรู้สึกที่ไม่สามารถพูดออกมาได้
เวลานี้ ร่างเซียวอวี่เอ๋อขยับเข้าใกล้หลงเหยียน บนตัวนางมีกลิ่นหอมที่พิเศษนัก ทำให้เขาสูดกลิ่นอย่างอดไม่ได้ ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องสว่าง พวกเขาทั้งสองหาหินก้อนใหญ่แล้วนั่งลง
“พี่เหยียน ความจริงข้าไม่ใช่หลานแท้ๆ ของท่านปู่หรอก ตอนแปดขวบ ท่านพ่อกับท่านแม่ถูกคนร้ายสังหาร ท่านเป็คนช่วยชีวิตข้าไว้ ไม่ยอมแต่งงานมีครอบครัว ใช้ทั้งชีวิตไปกับการวิจัยด้านแพทย์”
หลงเหยียนก้มหน้าลงมองส่วนเว้าส่วนโค้งภายใต้ผ้าตาข่ายสีขาวอย่างอดไม่ได้ มันช่างใหญ่มหึมาจริงๆ … แหะๆ บนโลกนี้คงไม่มีอะไรที่ทำให้เขาสุขไปกว่านี้แล้ว
ความจริงเขาไม่ได้ฟังสิ่งที่เซียวอวี่เอ๋อพูดเลยแม้แต่คำเดียว…
--------------------