ลู่หว่านกล่าวจบก็แสยะยิ้มอย่างเ็าก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป
“คนโง่เขลาเบาปัญญา!”
เย่เฟิงไม่สนใจลู่หว่านแต่อย่างใด เขายังคงดื่มสุราชั้นเลิศด้วยความเพลิดเพลิน
“เชื่อมั่นในตัวเองหน่อย เ้าไปเถอะ!”
หลังจากลู่หว่านออกไป หนานกงอวี่ยังคงลังเล เย่เฟิงจึงส่งเสียงผ่านจิตมาหาเขา
“อืม!”
เมื่อเห็นว่าเย่เฟิงมั่นใจในตัวเขาเช่นนี้ หนานกงอวี่ก็เดินออกจากที่นั่งโดยไม่หล่าวสิ่งใดอีก แต่ในใจกลับเป็กังวลเล็กน้อย
“ไม่นึกว่าสวะนี่จะกล้าออกมาจริง ๆ!” ผู้คนเห็นหนานกงอวี่เดินมาที่กลางโถงใหญ่ต่างก็มองเขาด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม
ลู่เหยาที่อยู่ไม่ไกลออกไปเผยสีหน้าเป็กังวล นางอดไม่ได้ที่จะพูดกับหนานกงอวี่ว่า “ศิษย์พี่ คนพวกนี้มีเจตนาไม่ดี ท่านพาสหายท่านไปจากตระกูลลู่เถิด แม้ชาตินี้มิอาจอยู่เคียงข้างศิษย์พี่ แต่ลู่เหยาจะไม่ขอแต่งกับชายใด!”
น้ำเสียงของลู่เหยาเต็มไปด้วยความห่วงใย นางรู้ว่าด้วยพลังของศิษย์พี่ไม่มีทางเป็คู่ต่อสู้ของคนเหล่านี้ ดังนั้นลู่เหยาจึงไม่อยากเห็นหนานกงอวี่และเย่เฟิงเป็อะไรไป
“ศิษย์น้อง แม้ข้าหนานกงอวี่จะอ่อนหัด แต่ก็ไม่มีทางยอมเห็นเ้าเ็ปเด็ดขาด ศึกนี้ต้องสู้เท่านั้น!” หนานกงอวี่กล่าวด้วยสีหน้าแน่วแน่
“สวะ ไม่รู้ว่าเ้ามีอะไรดี ถึงทำให้คุณหนูลู่หลงเ้าถึงเพียงนี้?”
ขณะนั้นมีเสียงเย็นเยือกดังมาจากด้านข้างของหนานกงอวี่ เมื่อหนานกงอวี่หันไปมองก็เห็นชายหนุ่มผู้หนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ กำลังมองมาทางนี้ด้วยท่าทีหยิ่งผยอง ชายผู้นี้อายุประมาณ 20 ปี รูปร่างสมส่วน และสวมชุดจีนโบราณที่แฝงกลิ่นอายสูงส่ง
“เป็เส้าเฉียง เส้าเฉียงจากตระกูลเส้าแห่งเมืองชิงโจว!” คนผู้หนึ่งจำชายผู้นั้นได้ จึงกล่าวออกมาเช่นนั้น
เส้าเฉียง ปีนี้เขาอายุ 19 ปี เป็อัจฉริยะที่ค่อนข้างร้ายกาจแห่งตระกูลเส้า ตบะอยู่ขั้นรวมชี่สูงสุด พร์ก็ถือได้ว่ายอดเยี่ยม
“เป็สวะจากโยวโจวที่ห่างไกลความเจริญ แต่ก็กล้าเสนอหน้ามาที่ชิงโจว เส้าเฉียงน่าจะสั่งสอนเขาสักหน่อย!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวขณะมองหนานกงอวี่ด้วยสายตาดูถูก
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเ้า?” หนานกงอวี่รู้ว่าเส้าเฉียงไม่ได้มาด้วยเจตนาดี จึงเตรียมใจที่จะสู้แล้ว
“หากเกี่ยวข้องกับคุณหนูลู่ ย่อมต้องเกี่ยวกับข้า!” เส้าเฉียงกล่าวพลางแสยะยิ้ม ก่อนจะพูดต่อไปว่า “หากเ้าไม่อยากตาย จงคุกเข่าอ้อนวอนซะ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเ้า!”
น้ำเสียงของเส้าเฉียงดูทะนงตัว ทั้งยังเชิดหน้ามองหนานกงอวี่ ราวกับว่าชะตากรรมของหนานกงอวี่อยู่ในกำมือเขา
“ฝันไปเถอะ!” หนานกงอวี่กล่าวเสียงเย็น
“งั้นเ้าก็ไปตายซะ!” เส้าเฉียงตาเผยประกายเย็นเยือก เขามองออกนานแล้วว่าหนานกงอวี่ไม่พอใจ แต่ตอนนี้เขาจะทำให้หนานกงอวี่รู้ว่า หากไม่รักษาโอกาสนี้ก็ต้องชดใช้อย่างสาสม
เมื่อสิ้นเสียง เส้าเฉียงเหวี่ยงหมัดที่อัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาลโจมตีไปที่หน้าอกของหนานกงอวี่ทันที
ดวงตาของหนานกงอวี่ส่องประกายเย็นเยียบ จากนั้นเหวี่ยงหมัดกลับไปเช่นกัน ก่อนจะเข้าปะทะกับรังสีหมัดของเส้าเฉียง ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น คลื่นสะท้อนกลับถูกปลดปล่อยในพริบตา หนานกงอวี่ตัวสั่นสะท้านและถอยหลังไปหลายก้าว
“อ่อนหัด!”
เส้าเฉียงเห็นหนานกงอวี่รับหมัดของตนไม่ได้ก็เหยียดยิ้มอย่างดูถูก เขาเดินออกมาพร้อมรังสีหมัดกระหน่ำโจมตี ซึ่งพลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนหนานกงอวี่ก็ยกมือขึ้นป้องกันไม่หยุด แต่เนื่องด้วยตบะต่ำต้อย หนานกงอวี่จึงถูกบีบถอยหลังไปอย่างต่อเนื่อง ตัวสั่นสะท้านไม่หยุด และยังมีเืไหลออกตรงมุมปาก
“ศิษย์พี่!” ลู่เหยาที่อยู่ไม่ไกลเห็นฉากนี้ก็หน้าซีด
“ศิษย์พี่จะแพ้เช่นนี้น่ะหรือ?”
ลู่เหยามิอาจรับความจริงเช่นนี้ได้ แม้ก่อนหน้านี้นางรู้ว่าหนานกงอวี่อ่อนแอ แต่เมื่อฉากนี้ปรากฏอยู่ตรงหน้านาง นางก็ยังรับไม่ได้อยู่ดี
“สวะก็คือสวะ แค่ไม่กี่กระบวนท่าก็รับไม่ได้!” ลู่หว่านกล่าวเยาะเย้ย ผลลัพธ์เช่นนี้ตรงกับที่นางคาดการณ์ไว้ หนานกงอวี่อ่อนหัดเมื่อยู่ต่อหน้าเส้าเฉียง
“เส้าเฉียงแกร่งมาก หนานกงอวี่ก็ใกล้ทนไม่ไหวแล้ว!”
นาทีนี้ทุกสายตาต่างจับจ้องศึกต่อสู้นี้ด้วยท่าทียินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่น ก่อนหน้านี้ลู่เหยาคุยกับหนานกงอวี่ด้วยท่าทางสนิทสนม พวกเขาจึงอิจฉาริษยามาก บัดนี้จะได้เห็นหนานกงอวี่แพ้เส้าเฉียง พวกเขาก็ย่อมมีความสุขเป็ธรรมดา
“อย่ากลัว” จู่ ๆ มีเสียงหนึ่งดังเข้ามาในหัวของหนานกงอวี่ ผู้พูดนั้นก็คือเย่เฟิง
แม้เย่เฟิงดูเหมือนดื่มสุราชิมอาหาร แต่พลังจิตของเขาแกร่งกล้า มันแผ่ปกคลุมทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ ทำให้เย่เฟิงรู้ทุกการเคลื่อนไหวทุกคำพูดของทุกคนที่อยู่ในนี้ ศึกต่อสู้ระหว่างหนานกงอวี่และเส้าเฉียงก็ย่อมอยู่ในสายตาของเย่เฟิง
หนานกงอวี่ได้ยินเสียงของเย่เฟิงเช่นนั้นก็ตาทอเป็ประกายเฉียบคม
“แม้เส้าเฉียงจะแข็งแกร่ง แต่เท่าที่ข้าสังเกตการณ์ ทักษะของเขายังไม่สำแดงถึงระดับตบะของเขา ตบะก็ยังไม่เสถียรภาพ ทำให้่ล่างของเขาไม่มั่นคง ไว้เมื่อเขาสำแดงวิชาหมัดโจมตีเ้า เ้าก็ใช้พลังเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งสุดของตัวเอง พยายามโจมตี่ล่างของเขาก็พอ” เสียงของเย่เฟิงดังขึ้นในหัวของหนานกงอวี่อีกครั้ง
หนานกงอวี่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้สติขึ้นในทันที ราวกับว่าคำพูดของเย่เฟิงเปลี่ยนหินเป็ทองคำได้
“ขอบใจมาก!” หนานกงอวี่ตาเป็ประกายด้วยความตื้นตันใจ พร้อมกับส่งเสียงผ่านจิตกลับไปหาเย่เฟิง
“ฟึ่บ!”
ในเวลาเดียวกันนั้น เส้าเฉียงก็ปล่อยรังสีหมัดที่อัดแน่นไปด้วยพลังอันน่าทึ่งและน่าสะพรึงกลัวออกมา
“เส้าเฉียงแกร่งมาก สวะนั่นรับการโจมตีนี้ไม่ได้แน่!” ผู้คนเห็นเส้าเฉียงสำแดงการโจมตีที่ทรงพลังนี้ต่างก็ตะลึง และคิดว่าหนานกงอวี่ไม่มีทางต้านทานการโจมตีนี้ได้แน่นอน
“สวะ ตายซะเถอะ!”
เส้าเฉียงเห็นหนานกงอวี่ไม่หลบหนีการโจมตีของเขาก็แสยะยิ้มอย่างเ็า ซึ่งในรังสีหมัดของเขาเปี่ยมด้วยพลังหยวน ทำให้พลังหมัดของเขาทรงอานุภาพขึ้นสองสามเท่า และด้วยหมัดนี้หนานกงอวี่ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่นานรังสีหมัดของเส้าเฉียงก็เข้าใกล้ตัวหนานกงอวี่ แต่หนานกงอวี่กลับเคลื่อนไหวในเสี้ยววินาทีนี้ ซึ่งเขาทำตามคำแนะนำที่ได้รับมาจากเย่เฟิง เขาไม่ได้ถอยหลัง แต่เหวี่ยงหมัดเข้าโจมตีอีกฝ่าย
“กร๊อบ!” นาทีนี้ผู้คนได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงกรีดร้องประหนึ่งเชือดหมูของเส้าเฉียง
ตามวิธีของเย่เฟิง รังสีหมัดของหนานกงอวี่อัดกระแทกที่เข่าข้างหนึ่งของเส้าเฉียงเต็มแรง ทำให้กระดูกขาข้างนั้นแตกหักหลายจุดจนล้มลงไปกองกับพื้นพร้อมกับสองมือกอดเข่า และกลิ้งไปมาบนพื้นด้วยความเ็ปทุรนทุราย
“เป็ไปได้ยังไง? คนที่แพ้จะเป็เส้าเฉียงไปได้ยังไง? ขนาดหมัดของเส้าเฉียงก็ทำอะไรสวะนั่นไม่ได้ มันช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก” ผู้คนต่างตาเบิกกว้างด้วยความใ พร้อมกับมองฉากตรงหน้าด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
“กระบวนท่านี้ยอดเยี่ยมมาก โจมตีในเวลาที่เหมาะสม!” ลู่ตงอดเอ่ยปากชมการโจมตีสุดท้ายของหนานกงอวี่ไม่ได้ พร้อมดวงตาเผยประกายประหลาดใจ
ลู่เหยาเห็นหนานกงอวี่เอาชนะเส้าเฉียงก็เผยรอยยิ้มสดใสออกมาในทันที ทว่าลู่หว่าน เฉียนหง และลู่เชากลับเผยสีหน้าไม่ค่อยดี พวกเขาคิดว่าหนานกงอวี่จะถูกเส้าเฉียงกำราบคาสนามแรก แต่ไม่คาดคิดว่าหนานกงอวี่จะเป็ฝ่ายชนะ
“สวะนี่ทำได้อย่างไรกัน ไม่นึกว่าจะเอาชนะเส้าเฉียงได้!” ลู่เชากล่าว
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลเส้าต่างเผยสีหน้าดูไม่ได้ขึ้นมา ก่อนจะสาวเท้าไปประคองร่างเส้าเฉียง พร้อมกับเหลือบมองไปที่หนานกงอวี่ด้วยสายตาเย็นเยือก
ดูจากอาการาเ็ของเส้าเฉียง เขาขาหักหนึ่งข้าง แม้ต่อไปจะรักษาจนหายดี แต่ก็เป็ไปไม่ได้ที่จะกลับมาเป็คนปกติ
แม้แต่หนานกงอวี่ก็ประหลาดใจ พร้อมกับมองกำปั้นของตนด้วยความอึ้งนิ่ง เขาไม่เคยรู้ว่ากำปั้นของตนเองจะมีพลังถึงเพียงนี้
“ขอบคุณ!”
หนานกงอวี่รู้ว่า สาเหตุที่เขาเอาชนะเส้าเฉียงได้นั้นก็เป็เพราะคำชี้แนะของเย่เฟิง หาไม่แล้วเขาไม่มีทางเป็คู่ต่อสู้ของเส้าเฉียง
“อย่าเพิ่งขอบใจข้าเร็วไป ยังมีศัตรูที่แข็งแกร่งกว่ารอเ้าอยู่” เย่เฟิงส่งเสียงผ่านจิตมาหาหนานกงอวี่
“ไม่รู้จริง ๆ ว่าโชคดีหรืออย่างไรกันแน่ ขนาดเส้าเฉียงก็แพ้เ้า”
หลังจากหนานกงอวี่ชนะเส้าเฉียง คนเ่าั้ที่ไม่ชอบหน้าหนานกงอวี่ก็ยิ่งเห็นหนานกงอวี่เป็เป้าหมายอันดับหนึ่ง จากนั้นมีคนคนหนึ่งเดินมาทางที่หนานกงอวี่อยู่ ก่อนจะมองหนานกงอวี่ด้วยสายตาเย่อหยิ่ง “เ้ากับข้าสู้กันสักครั้ง เ้าคิดเห็นเช่นไร?”
“ย่อมได้!”
หลังจากเอาชนะเส้าเฉียง หนานกงอวี่ก็มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม จึงยอมรับคำท้าของผู้ที่เข้ามาท้าทายเขา
“สวะนี่โอหังจริง ๆ ดวงดีชนะครั้งหนึ่งก็เหิมเกริมเช่นนี้แล้ว อู๋จ้านควรจะสั่งสอนเขาหนัก ๆ ให้หลาบจำ!” คนผู้หนึ่งเห็นหนานกงอวี่ตอบรับคำท้าอย่างไม่ลังเลก็กล่าวดูถูกเช่นนั้นทันที
ผู้ที่ต่อสู้กับหนานกงอวี่รอบนี้มีนามว่าอู๋จ้าน อัจฉริยะจากตระกูลอู๋แห่งเมืองชิงโจว แม้อยู่ขั้นรวมชี่สูงสุดเหมือนเส้าเฉียง แต่ในด้านศักยภาพกลับแกร่งกว่าเส้าเฉียงอยู่ไม่น้อย
“อย่าคิดว่าเอาชนะเส้าเฉียงแล้วจะมีสิทธิ์เทียบเคียงข้า เ้ามันยังห่างชั้นอีกมากโข!”
อู๋จ้านกล่าวอย่างหยิ่งผยอง ในระหว่างที่กล่าวเช่นนั้น เขาก็ปลดปล่อยพลังปราณออกมา จากนั้นวาดฝ่ามือโจมตีหนานกงอวี่อย่างไม่มีความลังเลใด ๆ ซึ่งดูจากการโจมตีนี้ก็รู้แล้วว่าพลังของอู๋จ้านแกร่งกว่าเส้าเฉียงมาก นี่ทำให้หนานกงอวี่เผยสีหน้าไม่สู้ดี แต่เขาก็ปล่อยพลังของตนเข้าโจมตีอีกฝ่ายเช่นเดียวกัน
