ภายในสำนักซ่งเจี่ย
“มีคนบุกรุก...!” ผู้ฝึกตนคนหนึ่งกำลังจะร้องะโ
ปัก!
ทันใดนั้น ลูกศรดอกหนึ่งก็พุ่งทะลุผ่านลำคอของเขา
คนโฉดจำนวนมากวิ่งปรี่เข้ามาหาพวกเขา หนึ่งในนั้นมองไปยังกลุ่มคนที่กำลังต่อสู้กับศิษย์ของสำนักซ่งเจี่ย
“ระวังตัวด้วย!” เกาเซียนจือกำชับเสียงต่ำ
“หัวหน้า ที่นี่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่เคร่งครัดมาก ดูเหมือนว่าพวกเราจะหาเจอแล้ว” คนโฉดผู้หนึ่งบอกอย่างตื่นเต้น
“เร็วเข้า! พวกเรามีเวลาไม่มาก” เกาเซียนจือเอ่ยอย่างร้อนรน
“ขอรับ!”
…
บริเวณรอบนอกของค่ายกลตารางหมากยี่สิบแปดเส้น
“ยิงธนู!” ฮวางบูะโสั่งเสียงดัง
ปัง!
ทันใดนั้น ฝนธนูนับพันก็พุ่งออกจากค่ายกลสีแดง ตรงไปยังชายชุดดำที่ลอยอยู่กลางเวหา
“ข้างในนั้น ยังมีอีกหลายคนอย่างนั้นหรือ? ไป!” ชุดคลุมสีดำเอ่ยเสียงเรียบ พลางโบกมือของตนขึ้น เกิดเป็กำแพงอากาศป้องกันการโจมตีของห่าธนู
ตูม!
ลูกศรนับพันดอกะเิกระจุยกระจายเป็วงกว้าง ทั้งยังย้อนกลับไปยังค่ายกลใหญ่
“ยิงต่อไป!” เสียงของชายหน้าบากดังขึ้นอีกครั้ง
ปังๆๆ!
ฝนธนูพุ่งออกไปอย่างต่อเนื่อง ชายชุดดำเห็นเช่นนั้น จึงยกมือขึ้นขวางไว้ทันที พร้อมมองไปยังค่ายกลใหญ่ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
ฟู่!
กลุ่มหมอกหนาในตอนนี้ กำลังวนเวียนอยู่รอบๆ หมอกพิษสีแดงที่ตนปล่อยออกมา เพราะไม่อาจแทรกเข้าไปในค่ายกลได้ หมอกพิษจึงลอยฟุ้งไปยังบริเวณรอบนอก ที่มีคนของสำนักซ่งเจี่ยยืนรวมตัวกันอยู่
“อ๊าก! แค่กๆ” ศิษย์ซ่งเจี่ยบางคนเริ่มแสดงอาการ ใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำ มือกุมที่ลำคอด้วยความทรมาน
ไม่ไกลกันนัก หลังจากที่ศิษย์บางส่วนถูกพิษ ร่างกายก็ค่อยๆกลายเป็สีม่วง ก่อนจะพ่นฟองสีขาวออกจากปาก สำหรับหมอกพิษนี้ หากเป็คนธรรมดาทั่วไป เพียงััไม่กี่นาทีก็สิ้นใจแล้ว ดังนั้น ในตอนนี้ ศิษย์ของสำนักซ่งเจี่ยที่เป็มนุษย์ปกตินับร้อยคน จึงค่อยๆ ทยอยเสียชีวิตลงอย่างต่อเนื่อง
“ผู้าุโ ข้าถูกวางยาพิษ ช่วยด้วย!” ศิษย์เ่าั้ร้องอย่างหวาดกลัว
“พวกเ้าได้รับพลังจากโลหิตของข้า แล้วจะมาตายง่ายดายเช่นนี้หรือ? หึ!... ไร้ประโยชน์นัก” ชายชุดดำกล่าวเสียงเ็า
เขาหันไปมองค่ายกลอันแปลกประหลาดอีกครั้ง ลูกธนูนับพันยังคงพุ่งออกมาจากค่ายกลไม่ขาดสาย พานทำให้ชายชุดดำรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
“ฮึ่ม! มดฝูงนี้ช่างไม่รู้จักประเมินตนกันเสียเลย... ฟ้าฝนจงมา!” ชายชุดดำะโเสียงดัง
ตูม!
ทันใดนั้น กลุ่มเมฆสีดำก็ปกคลุมทั่วฟ้า และเคลื่อนไปบังดวงอาทิตย์ ก่อนจะค่อยๆ ครอบคลุมค่ายกลั์ในพริบตา
แวบๆๆ!
ท่ามกลางเมฆมืดครึ้ม สายฟ้าส่องประกายวาบ ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก
ครืนๆ!
ลมพัดโหมกระหน่ำ เกิดพายุฝนฟ้าคะนองไปทั่วบริเวณ
“เป็เจียวหลงจริงๆ หรือนี่?” สีหน้าของซ่างกวนเหินพลันเปลี่ยนไป
ตูมๆ!
พายุกระโชกแรง ซัดร่างของกู่ไห่ ที่กำลังควบคุมค่ายกลบนกระดานหมากล้อมตรงหน้า
ฟึ่บ!
ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ถูกกันเอาไว้ภายนอก ไม่สามารถเข้าไปในค่ายกลได้แม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่ตอนนี้ บริเวณรอบนอกของค่ายกลนั้น ระดับน้ำที่เอ่อนองค่อยๆ สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่อาจซึมเข้าไปในค่ายกลได้
“เป็ค่ายกลที่ดี เป็ค่ายกลที่ดีมากๆ เ้าหนู เ้ามีคุณสมบัติมากพอที่จะรู้ชื่อของข้า... จงจำไว้ ข้าคือ ฟู่เสวี่ย! ส่วนถังจู่แห่งหออี้ผิน นางตายไปนานแล้ว... ฮ่าๆๆๆ!” ชายชุดดำหัวเราะเยาะ
ขณะที่เอ่ยปาก ก็เริ่มโจมตีอีกครั้ง เพียงมือของชายชุดดำยื่นออกไป หมอกรูปฝ่ามือสีแดงก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในอากาศ ก่อนจะทะยานเข้าใส่ค่ายกล หมายจะทำลายให้สิ้น
ฝ่ามือของเขาพุ่งออกไป พร้อมๆ กับที่พายุรุนแรงซัดกระหน่ำ สร้างความหวั่นเกรงให้แก่ทุกคนที่ได้เห็น
เหล่าศิษย์สำนักซ่งเจี่ยเมื่อเห็นเช่นนั้น ก็เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง
“ผู้าุโแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
“ตอนที่ท่านอยู่ในสำนัก ข้าไม่เคยเห็นพลังเช่นนี้มาก่อน!”
“ท่านจะสามารถทำลายค่ายกลใหญ่ได้หรือไม่?”
ตูมๆๆ!
ฝ่ามือของเขาะเิพลังออกไป กลุ่มหมอกหนาพลันสั่นไหว
“เรี่ยวแรงของข้า มหาศาลดุจขุนเขา!”
เสียงะโดังมาจากค่ายกลั์ ก่อนที่ทวนวงเดือน์จะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
ฉึกๆ!
ตูม!
เสียงดังสนั่น ฝ่ามือสีแดงะเิออก พลังมหาศาลของทวนวงเดือน์ปะทุขึ้นมา ก่อนจู่โจมไปยังร่างของฟู่เสวี่ยในชุดคลุมสีดำ
“หืม?” สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยน เร่งซัดฝ่ามือสกัดการโจมตี
ตูม!
ทวนวงเดือน์ฟาดฟันผ่านร่างของฟู่เสวี่ย ก่อนถอยกลับทันที ราวกับ้าบังคับให้เจียวหลงตรงหน้าล่าถอยไป
“นายท่าน!” เฉินเทียนซานอุทานด้วยความประหลาดใจ
“อย่าเพิ่งพูดอะไร รีบพาทุกคนหนีไป... เร็วเข้า! ฟู่เสวี่ยผู้นี้ร้ายกาจกว่าเิไท่อีก!” กู่ไห่หันไปมอง และะโบอก
“ขอรับ!” เฉินเทียนซานขานรับ
ที่พื้นเบื้องล่าง กลุ่มคนโฉดถูกสั่งให้หนีเข้าไปหลบในเหมืองหินิญญาซึ่งอยู่ใกล้ๆ
กู่ไห่ค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาอสูรเมฆาเซี่ยงอวี่ ที่สูงร้อยจั้งตรงหน้า
“ฮึ่ม!”
เซี่ยงอวี่ค่อยๆ โผล่ออกมาจากเมฆหมอก ในมือใหญ่ถือทวนวงเดือน์ พลางจ้องมองฟู่เสวี่ยด้วยแววตาเย็นะเื
ชายชุดดำที่เพิ่งถูกขับไล่ออกไป พลันแสดงสีหน้ามืดครึ้ม
“โฮก!”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงคำรามดังกึกก้อง บนท้องนภามีเมฆสีดำก่อตัวเป็บริเวณกว้าง ก่อนสายฟ้าขนาดใหญ่จะฟาดเข้าใส่อสูรเมฆาทันที
ตูม!
เซี่ยงอวี่เหวี่ยงทวนวงเดือน์ขึ้นสู่ฟากฟ้า พลังทวนมหาศาล เข้าปะทะกับสายฟ้าเส้นใหญ่ที่ผ่าลงมา จนเกิดเสียงดังกึกก้อง ะเืเลื่อนลั่นไปทั่วบริเวณ
ฟู่เสวี่ยคำรามสนั่น ร่างที่สั่นสะท้านค่อยๆ กลายเป็เจียวหลงดำขนาดห้าร้อยจั้ง
“โฮก!”
เจียวหลงขนาดมหึมาลอยตัวอยู่กลางเวหา พลางคำรามขู่เซี่ยงอวี่ เสียงของเจียวหลงดังกระหึ่ม ร่างยาวห้าร้อยจั้งแผ่กลิ่นอายน่าครั่นคร้ามออกไปเป็วงกว้าง เหล่าศิษย์สำนักซ่งเจี่ยที่ยืนดูอยู่ไกลออกไป ต่างก็ทิ้งกายลงคุกเข่าด้วยความสะพรึงกลัว
“เมื่อหลายเดือนก่อนข้าก็เคยเห็นเ้ามาแล้ว เ้าเดรัจฉาน แน่จริงก็เข้ามา!” กู่ไห่ะโท้าทาย
ตูม!
เจียวหลงสะบัดหาง เกิดเป็สายฟ้าห้าสายพุ่งลงมาจากฟากฟ้า
“ข้าคือเซี่ยงอวี่... ทำลายเสียให้สิ้น!” อสูรเมฆาคำรามลั่น
ทวนวงเดือน์เหวี่ยงออกไปอีกครั้ง
ตูม!
ทันทีที่สายฟ้าถูกฟาดฟันจนแหลกสลาย ทวนวงเดือน์ก็ปะทะเข้ากับหางของเจียวหลงดำ
ตูม!
การปะทะกันของสองอสูรร่างั์ ทำใหู้เารอบบริเวณสั่นะเื หางเจียวหลงและทวนวงเดือน์ ต่างโจมตีตอบโต้กันไปมา
กู่ไห่มองดูการต่อสู้ตรงหน้าอย่างโกรธเกรี้ยว เจียวหลงดำเองก็มองหางของตน ที่มีาแเล็กน้อยจากการปะทะ ด้วยดวงตาที่วาวโรจน์ยิ่งกว่าเดิม
แม้าแจะไม่ใหญ่ แต่ก็ถือว่าได้รับาเ็อยู่ดี
เจียวหลงนิ่งมองกู่ไห่ แต่ในใจกลับกู่ร้องอย่างขุ่นเคือง... ค่ายกลใหญ่ตรงหน้า ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้
ร่างกายอันกล้าแกร่งของเขา ถูกเ้าหนูนี่ทำให้เกิดาแได้อย่างนั้นหรือ?
กู่ไห่ในยามนี้ แม้จะดูสงบนิ่งน่าเกรงขาม แต่แท้จริงแล้ว กลับรู้สึกหวั่นใจไม่น้อยกับการต่อสู้ในครั้งนี้ ความแข็งแกร่งของเจียวหลงดำตรงหน้านั้น เกินความคาดหมายไปมาก
เขามั่นใจว่า ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเิไท่และหลี่เหว่ย ตนเองจะสามารถสังหารทั้งสองได้ในทวนเดียว แต่าแเล็กๆ บนตัวเจียวหลงดำนี่... มันคืออะไรกัน?
สิ่งสำคัญที่สุดในยามนี้ ก็คือหินิญญาในเหมืองมีจำกัด ดังนั้นจึงไม่สามารถเสริมพลังให้กับอสูรเมฆาเซี่ยงอวี่ได้มากกว่านี้... อีกกี่ชั่วยาม พลังจะหมดลง?
เจียวหลงดำตรงหน้า ดูเหมือนจะบันดาลโทสะแล้ว
“โฮก!”
เสียงคำรามของเจียวหลงดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่มันจะปราดเข้าใส่กู่ไห่ทันที
ส่วนกู่ไห่ ก็กำลังรอจังหวะอย่างใจเย็น
“ข้าคือฉู่ป้าหวางแห่งทิศตะวันตก พวกคนเลวทั้งหลายเอ๋ย... เ้าช่างอวดดีนัก!” อสูรเมฆาเซี่ยงอวี่ร้องคำราม
ตูมๆ!
เขารำเพลงทวนเข้าโจมตีเจียวหลงดำ และสายฟ้าตรงหน้าอย่างดุดันทันที ประหนึ่งเป็การลงโทษจาก์
ตูมๆ!
ฝุ่นคลุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ อย่างมืดฟ้ามัวดิน
ยิ่งเจียวหลงดำผู้แข็งแกร่งได้รับาเ็มากเท่าไร อารมณ์ก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นหลายเท่า... สายฟ้าขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้น ก่อนฟาดลงมาใส่ร่างของอสูรเมฆาเซี่ยงอวี่เต็มกำลัง
หากแต่ทวนวงเดือน์ก็ยังคงทำหน้าที่ ฟาดฟันเข้าใส่ร่างเจียวหลงอย่างต่อเนื่องครั้งแล้วครั้งเล่า การต่อสู้ระหว่างอสูรทั้งสองทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนูเารอบด้านแตกออกเป็เสี่ยงๆ เพราะแรงสั่นะเืจากการต่อสู้
สายฝนยังคงตกหนักไม่ขาดสาย จนพื้นเบื้องล่างมีน้ำเอ่อนอง ท่วมท้นราวกับมหาสมุทร
“อ๊าก! ถอยเร็ว!”
“ถอยไป... เร็วเข้า!”
เหล่าศิษย์สำนักซ่งเจี่ย ต่างพากันวิ่งหนีตายออกไปด้วยความหวาดผวา
พวกเขายังคงไม่สามารถบุกเข้าไปในค่ายกลตารางหมากยี่สิบแปดเส้นได้ เนื่องจากมีลูกธนูยิงออกมาตลอดเวลา บริเวณโดยรอบเกิดการสั่นะเื เพราะแรงปะทะของเจียวหลงดำและกู่ไห่ การต่อสู้ในครั้งนี้รุนแรงมาก ขนาดที่ไม่มีใครสามารถเข้าไปช่วยคนของฝ่ายตนได้
ผู้คนต่างถอยหนี พลางเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง การต่อสู้เบื้องหน้าดูจะเกินความคาดหมายไปมาก
“กู่ไห่ ช่างร้ายกาจจริงๆ!”
“ยังดีที่เมื่อครู่ข้าไม่ได้บุกเข้าไป”
“หากสามารถกินหัวใจของเขาได้ละก็... ฮึ่ม!”
“มันต้องอร่อยแน่!”
กลุ่มศิษย์สำนักซ่งเจี่ยพากันถอยกรูด ไปให้พ้นจากแรงปะทะ
ตูมๆ!
ท่ามกลางสมรภูมิ มีแต่ความยุ่งเหยิงวุ่นวาย เศษหินและดินโคลนลอยกระเด็นเป็บางจังหวะ ตามแรงสั่นะเือย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด
การต่อสู้ระหว่างเจียวหลงและอสูรเมฆาเซี่ยงอวี่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่กู่ไห่กลับรู้สึกวิตกขึ้นมา เพราะหากต้องต่อสู้ยืดเยื้อ คงเป็ตัวเองที่ต้องพ่ายแพ้ เพราะตอนนี้หินิญญาในเหมืองใกล้จะหมดแล้ว
เมื่อหินิญญาหมดพลัง ค่ายกลแตก เขาก็ย่อมต้องจบสิ้น
ขณะนี้ ในใจของเจียวหลงดำเต็มไปด้วยความตะลึงงัน บนร่างของเขามีาแปรากฏขึ้นมากกว่าร้อยแผล ทวนวงเดือน์นี้ช่างเปี่ยมไปด้วยพลัง แม้จะเคยได้รับาเ็มาบ้าง แต่การต่อสู้เช่นนี้ถือเป็ครั้งแรกที่ได้พบเจอ
ทั้งสองฝ่ายยังคงเพ่งสมาธิไปกับการต่อสู้ตรงหน้า
...
บริเวณพื้นที่ของค่ายกลผลึกเกราะทอง เกาเซียนจือและพวกเดินกลับออกมากันอย่างเงียบเชียบ
ทว่า ตรงทางออกในตอนนี้ วุ่นวายยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก สายน้ำไหลเชี่ยวกราก ซึ่งเกิดจากฝนที่ยังตกหนักไม่ขาดสาย ทำให้เศษหินกระเด็นไปทั่วสารทิศ จนเหล่าศิษย์ซ่งเจี่ยต้องหลบกันชุลมุน
เกาเซียนจือพากองกำลังของตน ซึ่งเปลี่ยนไปสวมชุดของศิษย์สำนักซ่งเจี่ย เดินหายไปท่ามกลางความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้น
แม้ว่าจำนวนคนจะมาก แต่ขณะนั้นก็ไม่มีใครสังเกตเห็น
ทุกคนจึงรีบจากไปอย่างรวดเร็ว
ขณะที่พวกเขากำลังหลบหนี กลุ่มคนโฉดก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองดูการต่อสู้ระหว่างสองอสูร ก่อนลอบกลืนน้ำลายด้วยความหวาดหวั่น
“ค่ายกลใหญ่ของนายท่าน แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
“ทวนวงเดือน์ช่างมีพลังมหาศาลยิ่งนัก”
ทุกคนต่างตื่นตาตื่นใจไปกับการต่อสู้ตรงหน้า
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว... เร่งเดินทางกันเถอะ! รีบไปสมทบกับนายท่านยังที่นัดหมาย” เกาเซียนจือกล่าวเสียงต่ำ
“ขอรับ!”
ขณะที่ทุกคนกำลังเร่งฝีเท้ากันอยู่นั้น ระหว่างทางก็ได้พบกับศิษย์ซ่งเจี่ย ทำให้พวกเขาถูกเพ่งเล็งทันที แต่เพราะคำสั่งของเกาเซียนจือ จึงต้องปล่อยศิษย์กลุ่มนั้นไป และรีบหนีให้พ้นสายตาผู้คนโดยเร็วที่สุด
ตูมๆ!
การต่อสู้ครั้งนี้ยังคงดำเนินต่อไปอีกราวครึ่งชั่วยาม กู่ไห่ร้อนรนใจยิ่งขึ้น ยามนี้สถานการณ์ของเขากำลังย่ำแย่ ค่ายกลั์แทบจะรับการโจมตีไม่ไหวแล้ว
ฟึ่บ!
ทันใดนั้น ดอกไม้ไฟก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า บนยอดเขาที่ไกลออกไป
เพราะเสียงสายฟ้าที่ผ่าลงมา ผนวกกับเสียงของการต่อสู้ฟาดฟัน จึงทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นพลุที่ถูกยิงขึ้นมา
ทว่า เมื่อกู่ไห่เห็นเช่นนั้น ก็หาได้ใส่ใจสิ่งอื่นใดอีก ดวงตาของเขาเปล่งประกายทันที ที่เห็นพลุสัญญาณจากเกาเซียนจือ
“โฮก!” ทันใดนั้น เซี่ยงอวี่ก็คำรามลั่น
“เจียงตงเอ๋อร์ กองทัพนับหมื่นของข้า... จงตามข้าไปสังหารอสูรตนนี้เสีย!” เสียงของอสูรเมฆา ดังสะท้านฟ้าะเืดิน
“โฮกๆๆๆ!”
ทันใดนั้น ท่ามกลางค่ายกลขนาดมหึมา ก็มีเสียงคำรามดังกึกก้อง ประหนึ่งมีทหารนับพันนับหมื่นนายกำลังปรากฏกายขึ้นก็ไม่ปาน
เจียวหลงดำเมื่อได้ยินเช่นนั้น พลันรู้สึกหวั่นใจ
“โฮก!”
ตูม!
เมื่อปะทะกับเซี่ยงอวี่ ร่างขนาดห้าร้อยจั้งของเจียวหลงก็กระเด็นไปไกล
ฟู่!
ฉับพลันนั้น อสูรเมฆาเซี่ยงอวี่ก็หยุดชะงัก
เมื่อมองเข้าไปในค่ายกลหมอกหนา ก็เห็นธงนำทัพปรากฏขึ้น ราวกับว่าได้อัญเชิญกองกำลังทหารม้าจำนวนมากออกมา
อสูรเจียวหลงดำเคยได้ยินเื่นี้จากศิษย์ซ่งเจี่ยมานานแล้ว กองทัพหมื่นอาชาอย่างนั้นหรือ?
แค่อสูรเมฆาตนเดียว เขายังจัดการแทบไม่ได้ แล้วถ้าออกมาเป็พันๆ ตนเช่นนี้... จะหนีรอดได้หรือ?
“นี่ค่ายกลอะไรของเ้าอีก?” เจียวหลงคำรามด้วยความสงสัย
ทหารนับหมื่นไม่ปรากฏตัว และเซี่ยงอวี่ก็มิได้ไล่ตามมาอย่างที่คิด
เซี่ยงอวี่จ้องเจียวหลงดำตรงหน้าเขม็ง “เ้าเดรัจฉาน แน่จริงอย่าหนีสิ!... ข้าสามารถต่อสู้กับเ้าได้อีกสามร้อยรอบ”
ทันใดนั้น ดวงตาของเจียวหลงก็หรี่ลงด้วยความแคลงใจ “เ้าได้แต่อยู่ในนั้น ไม่อาจตามข้าออกมาได้หรอกหรือ?”
“เ้าเดรัจฉาน! แน่จริงก็เข้ามา!” กู่ไห่ร้องะโอย่างเกรี้ยวกราด
เจียวหลงดำเคลื่อนกายไปรอบค่ายกลั์ แน่นอนว่าเซี่ยงอวี่ไม่ยอมออกมา เพราะไม่สามารถออกมานอกพื้นที่ได้
“ค่ายกลก็เป็เพียงค่ายกลเท่านั้น... ฮึ่ม!” เจียวหลงพ่นลมออกจมูก ก่อนเอ่ยเย้ยหยัน
บนร่างมีาแมากกว่าร้อยแผล บัดนี้อสูรทะเลรับรู้ได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของค่ายกลใหญ่แล้ว จึงไม่อยากจะเสี่ยง
“ฮึ่ม!... ขี้ขลาด!” กู่ไห่แค่นเสียง
ฟึ่บ!
เซี่ยงอวี่พากู่ไห่กลับเข้าไปในค่ายกลต่อหน้าทุกคน
ร่างมหึมาของเจียวหลงดำ ก็เปลี่ยนกลับมาเป็มนุษย์อีกครั้ง แม้จะมีพละกำลังแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโง่ การต่อสู้ที่ตนไม่ได้ประโยชน์อะไรเช่นนี้ จะสู้ไปเพื่ออะไร?
...
ภายในค่ายกลใหญ่
เซี่ยงอวี่พากู่ไหไปยังที่ซ่อนตัวของทุกคน ทันทีที่ไปถึง ฮวางบูและพวกก็วิ่งเข้ามาล้อมเขาด้วยความเป็ห่วง
“นายท่าน หินิญญาในค่ายกลใกล้จะหมดแล้ว” ชายหน้าบากบอกอย่างกังวล
“เื่ที่สั่ง เป็อย่างไรบ้าง?” กู่ไห่ถามเสียงต่ำ
“เรียบร้อยขอรับ! ั้แ่เมื่อคืน พวกเราก็ขุดอุโมงค์ผ่านเหมืองนี้ไป จนทะลุอีกฝั่งแล้ว” ฮวางบูรายงานอย่างตื่นเต้น
“ฉวยโอกาสตอนที่เ้าเจียวหลงยังไม่ทันตั้งตัว รีบหนี... เร็วเข้า!” กู่ไห่บัญชาเสียงต่ำ
“ขอรับ!”
กลุ่มคนโฉดพากันวิ่งเข้าไปในเหมือง พร้อมกู่ไห่อย่างรวดเร็ว
ฟึ่บ!
พริบตา ในค่ายกลใหญ่ก็ไร้ซึ่งผู้คน เหลือเพียงอาคารที่ว่างเปล่า
...
ด้านนอกค่ายกล
เจียวหลงดำยังคงเอาแต่ลอยตัวไปรอบๆ พลางคิดหาทางทำลายค่ายกล เขามองกลุ่มหมอกหนาตรงหน้าด้วยสายตาเยียบเย็น แต่เพราะค่ายกลเบื้องหน้านี้แข็งแกร่งนัก จึงทำให้ปวดหัวไม่น้อย กับปัญหาที่ตนกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้
“ค่ายกลตารางหมากยี่สิบแปดเส้น? ดินแดนแรกสาบสูญ? ผู้าุโกวนฉี? ช่างสมกับเป็ท่านจริงๆ ค่ายกลใหญ่นี้ไม่สามารถทำลายได้เลย” อสูรเจียวหลงเอ่ย น้ำเสียงเหนื่อยอ่อนด้วยความจนปัญญา
“ผู้าุโ… แย่แล้วขอรับ!” ทันใดนั้น ก็มีเสียงหนึ่งะโมาแต่ไกล
ฟู่เสวี่ยหันหน้าไปมอง พบเข้ากับศิษย์ครึ่งอสูรที่ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยโลหิต ถูกพยุงตรงเข้ามา
“หืม? ข้าให้พวกเ้าดูแลพื้นที่ภายในสำนักมิใช่หรือ?” ฟู่เสวี่ยกล่าวอย่างเ็า
“เมื่อสักครู่มีคนแอบเข้าสำนัก และบุกเข้าไปในคุก!” ชายคนนั้นเอ่ยอย่างร้อนรน
“อะไรนะ?” สีหน้าของฟู่เสวี่ยพลันแปรเปลี่ยน
ฟึ่บ!
เขาสูดลมหายใจลึกอย่างสะกดอารมณ์ ก่อนคว้าคอเสื้อของคนใต้อาณัติเอาไว้แน่น
“เ้าหมายความว่าอย่างไร? คนของหลงหว่านชิงหนีไปแล้วอย่างนั้นหรือ?” ฟู่เสวี่ยเอ่ยถามเสียงเย็น
“ไม่ๆ! พวกมันยังอยู่ โซ่อาคมของผู้าุโที่พันธนาการเอาไว้ ไม่มีใครสามารถปลดผนึกได้” ชายคนนั้นร้องบอกทันที
“แล้วเ้า้าจะเอ่ยอันใด!” ฟู่เสวี่ยถลึงตา
“ข้าน้อยเห็นเกาเซียนจือ ลูกน้องของกู่ไห่ นำกลุ่มคนเข้ามาในค่ายกลของสำนัก และสังหารกลุ่มผู้คุมจนสิ้น ข้าน้อยโชคดีที่ไม่ตาย เพียงสลบไป เมื่อฟื้นขึ้นมา พวกมันก็จากไปแล้ว แต่คุกถูกเปิดออก เขาน่าจะเจอนักโทษผู้นั้นแล้ว” ชายคนนั้นรายงานด้วยความหวาดกลัว
“คนของกู่ไห่? เช่นนั้นเมื่อครู่ มันก็แค่เรียกความสนใจจากข้า เพื่อซื้อเวลา ให้ลูกน้องลอบเข้าไปในคุกอย่างนั้นหรือ? นี่ข้าถูกหลอกหรือนี่?” ฟู่เสวี่ยพูดเสียงเรียบ แต่ในใจเต็มไปด้วยความเคียดแค้นสุดขีด
“คงจะเป็เช่นนั้นขอรับ!” ชายคนนั้นเอ่ยเสียงเศร้า
“เ้า… ไปตายเสีย!” ฟู่เสวี่ยตวาดอย่างโกรธเกรี้ยว
ตูม!
พลัน ร่างชายผู้เคราะห์ร้ายก็ะเิเป็จุณ
ฟู่เสวี่ยหมุนตัว เดินไปที่หน้าค่ายกลตารางหมากยี่สิบแปดเส้นอีกครั้ง
“ทำลาย!”
เขาฟาดฝ่ามือออกไป ก่อนจะเกิดเสียงดังสนั่น ค่ายกลั์ที่ก่อนหน้านี้ ต่อให้ใช้พลังมากแค่ไหนก็ไม่อาจทำลายได้ ตอนนี้กลับแหลกสลาย หายไปอย่างง่ายดาย
บริเวณโดยรอบของหุบเขาและอาคาร ไร้ซึ่งผู้คน
“จะเป็ไปได้อย่างไร?” ผู้ฝึกตนครึ่งอสูร ต่างร้องด้วยความประหลาดใจ
ฟู่เสวี่ยสะบัดมือขึ้น
ปัง!
ทันใดนั้น เหมืองรอบด้านก็ะเิออก เผยให้เห็นอุโมงค์ที่แต่เดิมเคยเต็มไปด้วยหินิญญา ทว่าบัดนี้ กลับไม่มีแม้แต่ก้อนเดียว เหลือเพียงเศษฝุ่น ที่ทิ้งเอาไว้ให้คับแค้นใจเล่นเท่านั้น
หินิญญานับไม่ถ้วนกลายเป็ผุยผง
มีเพียงสามอุโมงค์เท่านั้น ที่ยังมีหินิญญาระดับกลางอยู่ รวมกันแล้วไม่เกินร้อยก้อน... เหลือทิ้งไว้เพียงน้อยนิด?
“เมื่อครู่ กู่ไห่หลอกลวงข้าอย่างนั้นหรือ? ช่างรนหาที่ตายจริงๆ ข้าจะออกตามล่ามัน เมื่อพบแล้ว ก็จะทำลายค่ายกลของมันให้พังจนไม่เหลือซาก” ฟู่เสวี่ยแสดงสีหน้าดุดัน พลางกล่าวเสียงต่ำ ด้วยความเคียดแค้นสุดขีด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้