อุโมงค์ดอกไม้เมื่อมองไปแล้วดูยาวไกลความจริงนั้นเป็เพราะการมองเห็นย่ำแย่ลง ด้วยเสียงบ่นของหลีซีเอ๋อร์ทำให้การเดินทางนี้ไม่ “น่าเบื่อ” เสียเท่าไร
หลินลั่วหรานทำตามที่เหวินกวนจิ่งบอกเธอหยดเืสดลงไป พร้อมกับใช้จิตความคิดประทับลงไปแม้ว่าจะไม่ได้มีเวลาให้คิดอะไรมากนักแต่คนที่ฝึกศาสตร์มาในระดับเดียวกันกับหลินลั่วหรานก็ไม่มีทางอื่นให้เปิดได้อีกแล้ว
หลังจากเปิดออก ก็อดที่จะผิดหวังไม่ได้ “ถุงจักรวาล” ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ที่แท้ก็เป็พื้นที่ช่องว่างขนาดหนึ่งลูกบาศก์เมตรเป็พื้นที่อาหารกินไปแล้วกว่าครึ่ง ต่างก็เป็อาหารที่สามารถเก็บได้นานทั้งนั้นในมุมหนึ่งมีแผ่นหยกที่ถูกวางสงบนิ่งเอาไว้
ก็เหมือนการเอาของออกมาจากไข่มุกนี่ก็เป็สิ่งที่ใช้จิตรับรู้ควบคุม เมื่อคิดอยากจะเอาแผ่นหยกออกมามันก็ออกมาอยู่ในมือของหลินลั่วหรานทันที
แสงทั้งสิบเปล่งประกายอยู่้าพากันขยับเข้ามาใกล้ หลินลั่วหรานเงยหน้ามองไปยังเหวินกวนจิ่งเขาพยักหน้าให้กับเธอ
“รุ่นพี่หลินนี่คือแผ่นหยกที่บอกว่าสามารถตอบสนองถึงกันได้ เพียงแค่ไม่ห่างออกไปมากเกินระยะพวกเราก็จะสามารถตามหาอีกฝ่ายได้...บนแผ่นหยกนี้ยังบันทึกข้อมูลสถานที่ที่พวกคนรุ่นก่อนบอกเอาไว้ว่าอาจจะพบสมบัติตอนนั้นอาจจะเป็เพราะมีพลังไม่มาก หรือเวลาเหลือไม่มากพอครั้งนี้พวกเราก็สามารถไปลองค้นหาดูทีละที่ได้”
เมื่อเห็นว่าหลินลั่วหรานกำลังตั้งใจฟังเหวินกวนจิ่งก็พูดต่อออกมาอีก “่เวลาหนึ่งเดือนนี้ เป็เวลาที่พวกสัตว์ประหลาดจำศีลแต่ว่าพวกเราก็อย่าพยายามเข้าไปใจกลางมากนักเลย ไม่เพียงแต่อันตราย แต่เกรงว่าเวลาที่จะใช้กลับมาอาจจะไม่พอ”
หลินลั่วหรานพยักหน้ารับทราบจะว่าไปเวลานั้นก็ผ่านไปเร็วมาก เมื่อหลินลั่วหรานเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งทุกคนต่างก็มาถึงประตูใหญ่สีทองแล้ว
เธอเก็บแผ่นหยกลง ประตูบานใหญ่สีทองนี้เป็เพียงเสาต้นไม้ทรงกลมตั้งอยู่เมื่อเงยหน้ามองสูงขึ้นไปก็สามารถมองเห็นแผ่นจารึกหินที่สลักตัวอักษรที่มองดูราวกับลูกอ๊อดเอาไว้ด้วยรูปร่างของมัน ทำให้เดาได้ยากว่าสิ่งที่เขียนเอาไว้คืออะไร แต่หน้าประตูนั้นนอกจากพวกนักปราชญ์จีน ก็ไม่มีเงาของใครอยู่เลย เห็นได้ชัดว่าทุกคนต่างก็เข้าไปด้านในกันหมดแล้ว
ระหว่างเสาต้นกลมมีม่านแสงส่องสว่างอยู่ทำให้ไม่อาจรู้ได้ว่าด้านหลังของประตูคืออะไร
“ไปกันเถอะ!” ในระหว่างที่เหวินกวนจิ่งกำลังจะบอกให้ทุกคนจับกลุ่มกันเข้าไปหลีซีเอ๋อร์ที่กำลังตื่นเต้น ก็ดึงหลินลั่วหรานให้เดินเข้าไปในม่านแสงนั่นก่อน
มือที่ยืดออกไปของเหวินกวนจิ่งไม่อาจจะคว้าเอาไว้ได้ทันใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตะลึงจนแทบจะกลายเป็หิน เขาหันหน้ากลับมาถามคนอื่น “ฉันไม่เคยบอกเหรอว่าเมื่อผ่านม่านแสงเข้าไปจะทำให้ไปยังสถานที่ที่ต่างกัน?”
ทุกคนต่างพากันมองหน้ากันก่อนจะส่ายหัวกันราวกับเกลียวคลื่น...
....
หลินลั่วหรานยังไม่ทันได้ตอบสนองอะไรก็ถูกหลีซีเอ๋อร์ลากเข้ามาในม่านแสงเสียแล้ว เมื่อเท้าทั้งสองของเธอก้าวเข้าไปเธอก็รู้สึกราวกับว่าตัวของเธอกำลังจะตกลงไปด้านล่าง...ลมที่พัดแรงทำเอาผมของเธอตั้งตรงขึ้นจิตใต้สำนึกของหลินลั่วหรานจับเข้าที่หลีซีเอ๋อร์ที่อยู่ด้านหน้าเธอพยายามที่จะลืมตาขึ้นท่ามกลางการขัดขวางของแรงลมก่อนจะได้พบว่าตัวของเธอและหลีซีเอ๋อร์นั้นกำลังตกจากหน้าผาลงไป!
ด้านล่างของตัวเธอคือหน้าผาที่มีเมฆหมอกที่ปกคลุมไปทั่ว จนมองไม่เห็นอะไรด้านล่างเลยแม้แต่น้อย
เมื่อหลีซีเอ๋อร์รู้สึกตัวเธอก็เปิดปากกรีดร้องขึ้น “รุ่นพี่หลิน!ช่วยด้วย! อ๊ะ!”
รุ่นพี่หลินลั่วหรานที่เธออยากจะพึ่งความจริงถูกเธอจับเอาไว้ในมือ ในเวลานี้ก็ไม่มีอะไรเหลือจะมาช่วยเธอแล้ว...
หลินลั่วหรานรู้ดีว่าในตอนนี้จำเป็จะต้องใจเย็นเอาไว้ไม่อย่างนั้นอาจจะได้ตายก่อนที่จะได้ทำอะไรสักอย่างเื่สมบัติในสถานที่ลึกลับอะไรนั่นต้องเอาไว้ก่อน ถ้าพวกเธอทั้งสองตกลงไปในความลึกที่มองลงไปไม่เห็นปลายทาง มีหวังได้เละเป็โจ๊กแน่นอน
แต่ว่าหุบเหวนี้ไม่เห็นจุดลึกสุดอีกทั้งหน้าผาทั้งสองฝั่งก็เป็แสงสลัว ไม่มีที่ให้ได้ยืนเหยียบหากจะร่ายเวทอะไรสักอย่างเื่ที่หลีซีเอ๋อร์จับตัวของเธอเอาไว้แน่นยังพอจะพูดได้ แต่ปัญหาก็คือในตอนนี้จะใช้เวทอะไรมาแก้ไขปัญหาได้ล่ะ?
ลูกไฟ...มันช่วยอะไรไม่ได้เลย หรือว่าที่นอนน้ำ? ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่จะมีน้ำคงไม่มีทางจะทำได้การฝึกของหลินลั่วหรานไม่อาจจะรองรับพลังเวทที่ใหญ่ขนาดนั้นได้หรอกธาตุดินเองก็ไม่ได้ พวกเธออยู่กลางอากาศแบบนี้ ธาตุทองก็เอาไว้ใช้ในการโจมตีธาตุไม้...หน้าผานี่แม้แต่หญ้าสักต้นก็ยังไม่มีเลยนะ!
หลีซีเอ๋อร์เห็นว่ายิ่งตกลงไปลึกมากขึ้นเรื่อยๆเสียงกรีดร้องก็กลายเป็เสียงร้องไห้ราวกับเด็กขี้แยหลินลั่วพยายามที่จะลืมตาขึ้นภายใต้แรงลม หวังว่าจะสามารถหาโอกาสเล็กๆในสถานการณ์สิ้นหวังแบบนี้ได้บ้าง ความจริงการเข้าไปหลบอยู่ในพื้นที่ลึกลับของไข่มุกเป็ทางเลือกที่ดีที่สุดแต่ว่าสุดท้ายแล้ว สิ่งที่เรียกร้องความผิดชอบชั่วดีในใจลึกๆ ของเธอก็ทำให้เธอไม่อาจจะปล่อยให้คนที่คอยเรียกเธอว่า “รุ่นพี่หลิน” อย่างหลีซีเอ๋อร์ตกลงไปได้
เด็กสาวตากลมโตสวมชุดโบราณแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็ในทางการฝึกศาสตร์หรือชีวิตของคนธรรมดาต่างก็เพิ่งจะได้เริ่มต้นเท่านั้น...ในระหว่างที่หลินลั่วหรานกำลังตกลงไปนั้นความพยายามของเธอก็เกิดผลขึ้นมา บนหน้าผาที่ถูกเมฆปกคลุมลึกลงไปราวๆ ร้อยเมตรมีส่วนที่ยื่นออกมาอยู่ แถมยังมีเถาวัลย์ป่าอยู่อีกด้วย!
ไม่ต้องคิดให้มากความหลินลั่วหรานรีบใช้มือขวาของเธอร่ายเวทแสงสีเขียวควบแน่นเข้าที่บริเวณปลายนิ้วของเธอ “รัดแน่นๆ! ไป!”
ลำแสงพุ่งเข้าไปสู่เถาวัลย์ป่ามันเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วยื่นออกมารัดพันทั้งสอง แย่แล้วเถาวัลย์นี่บางเกินไป มันไม่น่าจะรั้งแรงดึงของคนสองคนได้แน่ๆใน่เวลาเร่งด่วนนั้น หลินลั่วหรานตัดสินใจขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วเธอผลักตัวของหลีซีเอ๋อร์ออกไปทางที่เถาวัลย์ยื่นออกมาเถาวัลย์ที่ได้รับพลังมากขึ้น เมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตอยู่ตรงหน้าก็พันรัดเข้า ทันใดนั้นหลีซีเอ๋อร์ก็ถูกพันเข้ากลายเป็บ๊ะจ่างก้อนใหญ่หลินลั่วหรานผลักเธอออกไปอีกทางจนสามารถขึ้นไปอยู่บนก้อนหินที่ยื่นออกมาได้พอดี!
หลังจากทำแบบนั้นแล้วความเร็วในการตกลงของเธอก็มากขึ้นเพียงชั่วครู่ก็ตกลงไประหว่างหุบเขาจนหายลับไป...
หลีซีเอ๋อร์ถูกเวทของหลินลั่วหรานพันจนกลายเป็บ๊ะจ่างก้อนหนึ่งอีกทั้งยังถูกเธอผลักขึ้นมาถึงบนก้อนหิน ในระหว่างที่เธอไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยจึงเต็มไปด้วยความมึนงง ผ่านไปสักพักกว่าเธอจะได้สติกลับมาว่ามีเพียงตัวเธอคนเดียวเท่านั้นที่อยู่บนหินก้อนนี้ส่วนหลินลั่วหรานนั้นไม่มีให้เห็นแม้แต่เงา
“รุ่นพี่หลิน...ฮือ...” ดวงตาของหลีซีเอ๋อร์เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ในหน้ากลมๆของเธอขึ้นสีแดงราวกับลูกท้อลูกใหญ่ ท่าทางที่ถูกมัดเอาไว้ทำให้เธอดูเหมือนลูกท้อที่อยู่ในบ๊ะจ่างไส้เนื้อ
ร้องไห้อยู่นานกว่าจะรู้ตัวว่าควรจะแก้มันออกเสียก่อนเธอไม่เคยเรียนรู้การต่อสู้นอกเหนือจากในตระกูลมาก่อนร่างกายของเธอนั้นไม่ได้ดีไปกว่าพวกที่เชี่ยวชาญด้านนอกเลยหากว่าสูญเสียพลังเวทและอาวุธเวทไป เธอก็เป็เพียงสาวน้อยที่ไร้กำลังคนหนึ่ง
ในตอนนั้นเองหลีซีเอ๋อร์ขี้แยก็เพิ่งจะนึกถึงถุงจักรวาลที่คอของตัวเองขึ้นมาได้เธอกำมันเอาไว้พร้อมกับร่ายคำออกมา ถุงนั้นเปล่งแสงขึ้นสิ่งของสีขาวก็ปรากฏขึ้นในมือของเธอ
ที่แท้มันก็คือบางอย่างที่เหมือนกับเส้นเอ็นใสที่ฝั่งหนึ่งมีลูกกระดิ่งเล็กๆ แขวนเอาไว้ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไรและจะใช้ช่วยเธอได้อย่างไร?
หลีซีเอ๋อร์กัดปากตัวเองแน่นพยายามบังคับให้ตัวเองขยับนิ้วมือ เส้นเอ็นใสขยายตัวออกทะลุผ่านรอยแยกของเถาวัลย์ออกไปอย่างคล่องแคล่ว หลีซีเอ๋อร์รวบมือเข้าหากัน เส้นเอ็นใสก็พันรัดเข้ากับเถาวัลย์ป่าโดยอัตโนมัติเส้นเอ็นบางเล็ก แม้ว่าเถาวัลย์จะมั่นคงเพียงใด แต่ก็เป็เพียงพืชตระกูลหญ้าเพียงออกแรงขึ้นมา เถาวัลย์ก็ขาดออกจากกัน หลีซีเอ๋อร์ขยับตัวพยายามขึ้นจนในสุดก็สามารถหลุดออกมาจากเถาวัลย์นั้นได้
เธอจุมพิตลงที่สายเอ็นใสในระหว่างที่กำลังจะยกยิ้มขึ้น เมื่อนึกถึงหลินลั่วหรานที่ตกลงไปในผาลึกเพราะ้าจะช่วยเธอ หลีซีเอ๋อร์กำสายเอ็นใสไว้ในมือ ก่อนจะร้องไห้ออกมา “เป็เพราะฉันถ้านึกถึงกระดิ่งน้อยขึ้นมาได้เร็วกว่านี้ รุ่นพี่ก็คงจะไม่ตกลงไป...ฮือ...”
กระดิ่งน้อยอาจจะเป็ชื่อของวัสดุเส้นใสหลีซีเอ๋อร์ลองขยับฝีเท้าอย่างระมัดระวังบนส่วนที่ยื่นออกมาเพียงขยับตัวเดินไม่กี่ก้าว หินเล็กๆ ก็ตกลงไปหลายก้อนแล้ว เสียงที่ะโส่งลงไปผ่านไปนานก็ยังคงไร้เสียงตอบรับ เพียงเท่านี้ก็สามารถรู้ได้แล้ว ว่าตรงนี้ห่างจากก้นบึ้งของหน้าผามากเพียงใด...แบบนั้นแล้วรุ่นพี่จะไม่เป็อะไรใช่ไหม?
ในความคิดของหลีซีเอ๋อร์นั้นเหวินกวนจิ่งมีความสามารถที่สุดยอดมาก ดังนั้นหลินลั่วหรานที่ถูกเขาเรียกว่า “รุ่นพี่” ก็น่าจะมีความสามารถที่สุดยอดมากกว่าเขา
แต่ว่าในหน้าผาลึกชันขนาดนี้ หากมองลงไปก็เห็นเพียงเมฆหมอกที่ปกคลุม ไม่อาจรู้ถึงความเป็ความตายของหลินลั่วหรานได้เลย...ตอนนี้หลีซีเอ๋อร์เองก็ไม่อาจจะขยับไปไหนได้เธอได้แต่นั่งกอดเข่าอยู่ที่บริเวณมุมขอบ ร้องไห้อย่างไร้ความหวังจนไม่อาจจะรับรู้อะไรได้อีก
รุ่นพี่เหวินก็เคยบอกแล้วว่าฉันเป็คนหุนหันพลันแล่น ทำไมถึงยังแก้ไม่ได้อีก เป็เพราะฉันฉันทำร้ายรุ่นพี่หลิน รุ่นพี่ รุ่นพี่อยู่ที่ไหนกันคะ...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้