“ตู้ซิวจู๋?”
“อื้ม ข้าคิดว่าเขาเป็พวกเดียวกับโจรเลยแทงมีดใส่” ขณะที่พูด หลินหวั่นชิวรู้สึกผิดมาก
“เขาพาข้าหนี ทังหยวน เด็กรับใช้ของเขาไปแจ้งทางการและจับตัวคนพวกนั้นไว้ได้ ทังหยวนมาบอกข้าเมื่อเย็นว่าคนพวกนั้นสารภาพแล้ว เป็พวกเดียวกับคนที่มาปล้นบ้านพวกเราก่อนหน้านี้ จะแก้แค้นให้คนพวกนั้น จับข้าไปรีดเงิน…”
หลินหวั่นชิวเล่าคำพูดของทังหยวนซ้ำอีกหนึ่งรอบ เจียงหงหย่วนยิ่งฟัง ความสงสัยในใจก็ยิ่งลึกขึ้น “คนพวกนั้นเป็โจรหัวรุนแรง มือปราบจากที่ว่าการอำเภอพวกนั้น…ไม่ใช่ว่าข้าจะถากถางพวกเขาหรอกนะ พวกเขาเก่งเื่รังแกประชาชน แต่ถ้าเจอกับโจรหัวรุนแรง…พวกเขาเป็แค่คนขี้ขลาด ตู้ซิวจู๋ผู้นี้ไม่ธรรมดา ภรรยาจ๋า วันหลังรักษาระยะห่างกับเขาหน่อยก็ดี”
หลินหวั่นชิวไม่ได้โง่ นางคิดมาทั้งคืน รู้สึกว่าเื่พวกนี้มีเลศนัยเช่นกัน แต่นางไม่สงสัยเื่ที่ตู้ซิวจู๋ช่วยชีวิต
ว่ากันด้วยเหตุผล ไม่ว่าตู้ซิวจู๋จะปิดบังกระไรอยู่ เื่ที่เขาช่วยนางก็เป็ความจริง
หากไม่มีตู้ซิวจู๋ยื่นมือเข้าช่วย นางคงถูกจับไปแล้ว
“ข้าคิดว่าตู้ซิวจู๋น่าจะมีองครักษ์ คนของเขาคงจับโจรส่งที่ว่าการอำเภอด้วยตัวเอง แต่เขาไม่อยากให้พวกเรารู้จึงไม่ได้พูดถึง”
หลินหวั่นชิวคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าเหตุใดตู้ซิวจู๋จึงจะปองร้ายนาง
นางเป็แค่สตรีชาวบ้านธรรมดา มีกระไรให้ปองร้าย
เงิน?
เขาก็ไม่ขาด
สินค้าของอันอี้จวี?
ยิ่งแล้วใหญ่ ตู้ซิวจู๋กำลังจะร่วมธุรกิจกับนาง อยากได้สินค้าเท่าไรย่อมได้
เจียงหงหย่วนพูดเสียงทุ้ม “ยังไม่ต้องรีบสรุปเื่นี้ เ้าควรทำกระไรก็ทำแบบเดิม แต่อย่างไรก็ต้องระวังบุรุษผู้นี้ไว้หน่อย ถ้าไม่เกี่ยวข้องได้ก็อย่าเกี่ยวข้อง”
เขารู้ว่าภรรยาตัวน้อยทำธุรกิจเป็ไปไม่ได้ที่จะไม่เจอบุรุษเลย นางไม่ใช่นกขมิ้นทอง เลี้ยงในกรงไม่ได้ เช่นนั้นนางจะไม่มีความสุข
เจียงหงหย่วนไม่อยากให้ภรรยาตัวน้อยไม่มีความสุข
ดังนั้น ขอแค่นางอยู่เคียงข้าง เขาก็จะมอบอิสระที่นาง้าให้
แต่ตู้ซิวจู๋ทำให้เขารู้สึก…
เขาหวั่นกลัวตู้ซิวจู๋ตามสัญชาตญาณ
กลัวแบบไม่มีเหตุผล
“แต่ข้ารับปากเขาแล้วว่าจะให้เขาร่วมเครืออันอี้จวี ตกลงกันั้แ่ก่อนเกิดเื่ เดิมทีข้านัดเขาลงนามในสัญญาปลายเดือนนี้ นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเื่ขึ้นเสียก่อน” หลินหวั่นชิวซุกตัวเข้าอ้อมอกชายฉกรรจ์อีกครั้ง บ่นอย่างหงุดหงิด
“ร่วมเครือ?” เจียงหงหย่วนไม่เข้าใจ
“อื้ม ร่วมเครือ เื่นี้ต่างจากการทำธุรกิจแบบหุ้นส่วน…” หลินหวั่นชิวอธิบายกฎของการร่วมเครือให้เจียงหงหย่วนฟัง เจียงหงหย่วนพอจะเข้าใจบ้างแล้ว พลางคิดในใจว่าภรรยาตัวน้อยไปเอาความคิดมาจากที่ใดเยอะแยะเช่นนี้?
ร่วมเครือ…อีกฝ่ายจ่ายค่าเข้าร่วม พวกเรามอบสินค้า ทุกปีเก็บค่าดูแล
อีกฝ่ายรับผิดชอบเื่กำไรขาดทุนเอาเอง
ขายดีหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับพวกเรา เพราะพวกเรามีรายรับจากสินค้าอยู่แล้ว
แินี้ดีมาก
“ไม่เป็ไร เ้าก็ลงนามกับเขาไปตามเดิม เพราะหลังจากร่วมเครือแล้วก็ไม่ได้ต้องให้เ้าของอย่างเ้าออกหน้าทุกเื่ไม่ใช่หรือ? ยังมีข้าอยู่ อีกอย่าง พวกเราหาเถ้าแก่มาคุมสักคน วันหน้ามีปัญหากระไรก็ให้เถ้าแก่จัดการ”
“อืม” หลินหวั่นชิวเคยคิดไว้เช่นกัน ถ้าต้องให้นางทำทุกอย่างเองคงเหนื่อยตายพอดี
มิหนำซ้ำ นางยังต้องกลับหมู่บ้านไปใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยกลางขุนเขาแม่น้ำ ต้องเปลี่ยนป่าด้านหลังเป็สวนผลไม้
ต้องปลูกองุ่น หมักเหล้าองุ่น
“ข้าฝากให้หลิวไป่ฮู่ช่วยหาลูกหมาป่าให้คู่หนึ่งแล้ว วันหน้าพวกเราเลี้ยงในอำเภอหนึ่งตัว เลี้ยงที่หมู่บ้านหนึ่งตัว” เจียงหงหย่วนพูด
“ที่หมู่บ้านต้องเลี้ยงสองตัวเพราะพื้นที่กว้าง” หลินหวั่นชิวบอก “ตอนนี้พวกเรายังมีเงิน ข้าคิดว่าควรซื้อที่เพิ่มอีกร้อยไร่ดีหรือไม่ จะได้เป็เ้าของที่ดินรายใหญ่?”
ยุคนี้ต้องมีที่ดินจึงจะมั่นคง จึงจะเป็ชาวไร่ชาวนา
หากถูกตีตราว่าเป็นักธุรกิจ ลูกหลานที่บ้านจะไม่สามารถสอบเคอจวี่
หงหนิงต้องเดินไปบนทางสายนี้ หลินหวั่นชิวจำเป็ต้องระวัง
ตอนนี้นางเปิดอันอี้จวีแค่ร้านเดียว ธุรกิจหมูพะโล้ก็ร่วมหุ้นกับเหลียงหู่ ครอบครัวนางไม่ต้องออกหน้า ปัญหาจึงไม่ได้ใหญ่
“ได้ ทำตามที่เ้าว่า ไม่ต้องกังวลเื่ที่ดิน ถ้าจะซื้อก็ซื้อในหมู่บ้านหรือไม่ก็หมู่บ้านข้างๆ ไกลเกินไปไม่ดี”
“แต่หมู่บ้านพวกเราไม่มีที่ดินที่ดีเป็พิเศษ” หลินหวั่นชิวกลัดกลุ้ม
“ตระกูลสวีมี!” เจียงหงหย่วนยิ้ม
หลินหวั่นชิวสนใจทันที นางเงยหน้ามองเขา ชายฉกรรจ์ก้มหน้าลงมาพอดี ทั้งคู่สบตากัน
หลินหวั่นชิวรู้สึกร้อนขึ้นมากะทันหัน
เสียงของเจียงหงหย่วนทุ้มลงและมีแรงดึงดูด “เขาสนใจบ้านพวกเรา เหตุใดเราไม่สนใจที่ดินพวกเขาบ้างเล่า?”
“สนใจ จะไม่สนใจได้อย่างไร ได้มาแล้วไม่ตอบกลับคงเสียมารยาท!” ภรรยาตัวน้อยยิ้ม ดวงตาโค้งเป็จันทร์เสี้ยว
เจียงหงหย่วนชอบที่นางเป็เช่นนี้ ไม่ขี้บ่นแม้แต่น้อย ถ้าเขาร้าย นางก็จะร้ายไปด้วยกัน
“เ้ารอก่อนเถิด คราวนี้ข้าจะถลกหนังตระกูลสวีให้ได้!” เขาคาดการณ์ว่าวันขึ้นบ้านใหม่คือโอกาสดีที่สุดที่ตระกูลสวีจะลงมือ มีพยานเยอะ แผนการของพวกเขาจึงจะมีผล
อีกสองสามวันเขาจะไปเฝ้าดูบ้านตระกูลสวี รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง
เพราะต้องต่อกรกับสวีเต๋อเซิ่ง เขาตั้งใจผูกมิตรกับมือปราบที่มีความแค้นกับสวีเต๋อเซิ่งโดยเฉพาะ จัดตารางให้สวีเต๋อเซิ่งมีวันหยุด
สวีเต๋อเซิ่งกลับหมู่บ้านวันใด เขาจะตามไป
ต้องสืบเจอเป็ฯแน่ว่าสองพ่อลูกบ้านสวีคิดจะใช้แผนกระไรมาเล่นงานเขา
“อื้ม ข้าจะรอ!” หลินหวั่นชิวเงยหน้าจูบคางเจียงหงหย่วนเบาๆ
บุรุษของนางช่างดีเหลือเกิน
อดใจไม่ไหว
จูบเสร็จก็ฝังหน้ากับหน้าอกชายฉกรรจ์ ไม่กล้ามองเขา
ในใจกังวลว่าทำเช่นนี้จะเป็การจุดไฟจนลามมาเผาตัวเองหรือไม่
เจียงหงหย่วนผงะ เขายกมือลูบคาง จุดที่โดนภรรยาตัวน้อยจูบราวกับยังคงมีััเบานุ่มหลงเหลือ
เขายิ้มกว้าง
ภรรยาตัวน้อยพึ่งพิงเขา ในใจมีเขา ใจเขาหวานชื่นยิ่งกว่าดื่มน้ำผึ้งเสียอีก
“นอนเถิด” เจียงหงหย่วนเป่าตะเกียง กอดภรรยาตัวน้อยนอนลง มือไม่ได้เลื้อยไปทั่ว ทำแค่จูบผมนางเท่านั้น
คืนนี้ทั้งคู่นอนหลับสนิทมาก
ฟ้าสว่างแล้วเพิ่งตื่น
หลินหวั่นชิวแค่ขยับตัว เจียงหงหย่วนก็ลืมตา
เขารวบหลินหวั่นชิวเข้ามาในอ้อมอกอีกครั้ง “นอนเป็เพื่อนข้าอีกหน่อย”
“อื้ม” หลินหวั่นชิวนอนกลับลงไปอย่างเชื่อฟัง มือถูกชายฉกรรจ์ดึงไปที่เอว
เอวเขากำยำมาก อดลูบไม่ได้
ลมหายใจเจียงหงหย่วนถี่รัวขึ้นมา เขาเกยคางบนหัวหลินหวั่นชิวและถูไปมา
ดึงมือน้อยๆ ของนางไปจับกระบี่ที่กำลังรอออกจากฝักของเขา
ััอันน่าใทำให้หลินหวั่นชิวหดมือกลับราวกับโดนน้ำร้อนลวก แต่ชายฉกรรจ์ดึงมือนางกลับไป
“ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น เชื่อฟัง แค่ประเดี๋ยวเดียว…”