หลินหวั่นชิวไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าน้องสามีเขินนางเสียแล้ว นางจัดวางเขาอย่างคล่องแคล่ว เจียงหงหนิงยกตั่งตัวเล็กมาวางด้านหน้าเจียงหงป๋อพร้อมกับยื่น ‘คัมภีร์ตรีอักษร’ ให้กับเขา
ไม่นาน ภายในลานบ้านก็มีเสียงอ่านตำราดังขึ้น เสียงเจียงหงป๋อไม่ดังนัก แต่กลับเป็เสียงของเจียงหงหนิงที่ดังก้องกังวานไปทั่วบ้าน
แสงอาทิตย์ เด็กหนุ่ม ลานบ้านครอบครัวเกษตรกร
ช่างเป็ภาพฉากที่อบอุ่นใจยิ่งนัก หลินหวั่นชิวรู้สึกว่าแค่มองก็อารมณ์ดีมากแล้ว
นางเชือดไก่ป่าตัวที่เหลือจากเมื่อวานซืน ตุ๋นเป็น้ำแกงไก่
จากนั้นจึงล้างผักป่าที่เจียงหงหนิงไปเก็บมาั้แ่เช้าให้สะอาด เตรียมผักป่าผัดไข่เป็มื้อเที่ยง
สุดท้ายคืออบข้าวสวยเมล็ดสีขาวนวล เท่านี้ก็เพียงพอให้พวกนางทั้งสามคนกินแล้ว
เจียงหงป๋อเหนื่อยง่าย สอนเจียงหงหนิงอ่านหนังสือเพียงครู่เดียวก็หอบหายใจเสียแล้ว เจียงหงหนิงจำเป็ต้องให้เขาหยุดสอน และถือตำราอ่านทวนซ้ำไปซ้ำมาด้วยตัวเอง
เขาหากิ่งไม้มาขีดเขียนบนพื้น ตอนแรกยังดูเขียนไม่เหมือนนัก แต่หลังจากเขียนซ้ำหลายครั้งก็เริ่มดูออกว่าเป็ตัวอะไร
ขีดเขียนไปมา กลิ่นหอมของน้ำแกงไก่ลอยออกมาจากห้องครัว
แสงแดดอบอุ่นตกกระทบลงบนตัวเจียงหงป๋อ เขารู้สึกสบายมาก แม้จะมีลมพัด แต่เขาก็ห่มผ้าหนาพอ ทำให้ไม่ได้รู้สึกหนาวแต่อย่างใด
เจียงหงป๋อใจลอยเล็กน้อย เขาเคยคิดว่าชีวิตนี้คงเป็การยากที่เขาจะได้เห็นดวงอาทิตย์อีกครั้ง ต้าเกอก็งานยุ่ง ส่วนน้องเล็กก็ไม่มีแรงมากพอที่จะประคองเขาออกมา
อีกอย่างเขาก็ป่วยออดๆ แอดๆ กลัวตากลมแล้วจะป่วยหนักกว่าเดิม ั้แ่ล้มป่วยจึงแทบไม่ออกจากบ้าน
แต่ตอนนี้…เขาได้นั่งอยู่ใต้แสงแดด มองน้องชายเขียนหนังสือบนพื้น สูดกลิ่นหอมของแกงไก่จากห้องครัว เจียงหงป๋อรู้สึกว่าชีวิตตอนนี้ไม่ต่างกระไรกับเทพเซียน
เงียบสงบและอบอุ่น
อยากให้ทุกวันเป็เช่นวันนี้
เที่ยงวัน หลินหวั่นชิวย้ายโต๊ะออกมาไว้กลางลานบ้าน ทั้งสามคนนั่งทานข้าวด้วยกัน
ข้าวสวยขาว ผักป่าผัดไข่ถาดใหญ่ ทั้งยังมีน้ำแกงไก่ชามโต
แค่มองก็น้ำลายไหลแล้ว
เจียงหงหนิงยังคงเสียดายอาหารเหมือนเดิม นี่คือข้าวสวยขาวเชียวนะ!
ข้าวสวย!
เมื่อก่อนกว่าจะมีโอกาสได้กินสักนิดต้องรอเฉพาะวันปีใหม่ ปกติไม่เคยแม้แต่จะคิดถึง
“พี่สะใภ้ ข้ากินเยอะขนาดนี้ไม่หมด ท่านช่วยแบ่งไปหน่อยเถิด”
หลินหวั่นชิวเอามือปิดชามตัวเอง “ในหม้อยังมีอีกมาก! เสบียงที่ข้าซื้อกลับมารอบนี้มีเพียงพอให้พวกเ้ากินจนถึงวันที่พี่ชายพวกเ้าล่าสัตว์กลับมา วางใจเถิด ต่อไปนี้ชีวิตพวกเรามีแต่จะดีขึ้นเรื่อยๆ โรคของเอ้อร์เกอของเ้าจะหายดีเช่นกัน”
“หงหนิง ฟังพี่สะใภ้” เจียงหงป๋อกล่าวกับเจียงหงหนิง
ใช่แล้ว ชีวิตมีแต่จะดีขึ้นเรื่อยๆ ั้แ่พี่สะใภ้เข้ามาในครอบครัว อาหารที่พวกเขากินก็มากขึ้น มีรองเท้าใหม่ มีหนังสือให้อ่าน
อีกอย่าง เขารู้สึกว่าร่างกายตัวเองดีขึ้นเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น หากวันนั้นไม่มีพี่สะใภ้…เขาคงตายไปแล้ว
“โอย…”
“เ้ากำลังโต ต้องกินเยอะหน่อย พอเ้าแข็งแรงแล้วจะได้ปกป้องข้ากับเอ้อร์เกอของเ้าได้” หลินหวั่นชิวเสริมอีกประโยค จะเกลี้ยกล่อมเด็กก็ต้องพูดเช่นนี้
มิเช่นนั้นต่อให้เขาจะตอบตกลงแต่คงเป็เพียงลมปากเท่านั้น สุดท้ายเขาจะทนหิวอยู่ดี
เมื่อฟังจบ ในหัวเจียงหงหนิงมีภาพที่วันนั้นพี่สะใภ้ถูกหัวหน้าหมู่บ้านพาคนมารุมรังแก มีความแน่วแน่ปรากฎในแววตาของเขา “วางใจเถิดพี่สะใภ้ ข้าจะฟังคำท่าน จะกินให้เยอะ ให้แข็งแรงแล้วจะได้ปกป้องท่านกับเอ้อร์เกอ”
หลินหวั่นชิวพยักหน้าอย่างพึงพอใจ คีบกับข้าวตะเกียบใหญ่ให้เขา “พวกเ้าคนหนึ่งต้องตั้งใจเล่าเรียน คนหนึ่งต้องตั้งใจพักรักษาตัว พี่สะใภ้มีวิธีหาเงิน แต่เมื่อก่อนตระกูลหลินเอาแต่รังแกข้า ดังนั้นข้าเลยไม่อยากหาเงินให้พวกเขาใช้ก็เท่านั้น”
หลินหวั่นชิวบอกข้อมูลล่วงหน้าเพื่อเป็การป้องกันไว้ก่อนให้กับเด็กทั้งสอง อย่างน้อยพวกเขาจะได้ช่วยปิดบัง
นางคิดหาข้ออ้างไว้แล้ว รอให้เจียงหงหย่วนกลับมา นางจะบอกกับเขาตามตรงว่าตัวเองคัดหนังสือเพื่อเป็การช่วยเขาหาเงิน
ส่วนเหตุใดนางจึงรู้หนังสือ หลินหวั่นชิวเจอข้ออ้างที่สมบูรณ์แบบในความทรงจำของเ้าของร่างเดิมแล้ว
เด็กทั้งสองยอมรับในคำพูดของนางทันที เพราะไม่มีใครในหมู่บ้านที่ไม่รู้ว่าตอนหลินหวั่นชิวอยู่บ้านตระกูลหลินต้องลำบากแค่ไหน
หลังมื้อเที่ยง เจียงหงหนิงเก็บชามและตะเกียบไปล้างโดยไม่ต้องให้หลินหวั่นชิวลงมือเอง หลินหวั่นชิวประคองเจียงหงป๋อเข้าห้อง ปล่อยเขาอยู่ข้างนอกนานเกินไปไม่ได้ เขาล้มป่วยมานาน เื่บางเื่อย่าใจร้อนเกินไปจะไม่สำเร็จ ต้องค่อยๆ ทำ
หลินหวั่นชิวนอนกลางวันสักพักแล้วลุกขึ้นมาคัด ‘คัมภีร์หลุนอวี่’ ถึงเวลามื้อเย็นจึงออกไปทำอาหาร นางไม่ได้ขยันขนาดนั้น แต่ไม่อยากกินอาหารที่จอมตระหนี่ตัวน้อยเจียงหงหนิงทำจริงๆ สิ่งใดก็ไม่กล้าใส่ ถ้าอร่อยสิแปลก แค่จะกินให้อิ่มยังทำไม่ได้เลย
ตกดึกล้างหน้าบ้วนปากเสร็จก็เข้าไปดูในเสียนอวี๋ โอ้โหแม่เ้า หนังสือห้าชุดขายออกหมดแล้ว!
ทั้งหมดเก้าพันสองร้อยหยวน!
เกือบจะถึงหนึ่งหมื่นหยวน!
หลินหวั่นชิวตื่นเต้นมาก ด้วยเงินก้อนนี้ นางสามารถซื้อสิ่งของหลายอย่างบนเสียนอวี๋ได้
มีเงินอยู่กับตัว จิตใจก็ไม่ว้าวุ่นอีกต่อไป
หลินหวั่นชิวนอนหลับฝันดี แม้แต่ตะเกียงน้ำมันยังลืมดับ
กระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น นางมอบชุดผ้าฝ้ายแบบบางสองชุดให้สองพี่น้องตระกูลเจียง ทั้งคู่ตาแดงก่ำ
พี่สะใภ้อดนอนเพื่อทำชุดให้พวกเขาอีกแล้ว
“พี่สะใภ้ วันหน้าข้าจะกตัญญูต่อท่านแน่นอน” เจียงหงหนิงพูดแล้วก็น้ำตาร่วง
มีคนกตัญญูกับตัวเองย่อมดีอยู่แล้ว มีแต่คนเขลาที่จะปฏิเสธ “เด็กดี!” หลินหวั่นชิวยีหัวเจียงหงหนิง ผลักเขาเข้าไปในห้อง “รีบไปเปลี่ยนเร็วเข้า วันหน้าพี่สะใภ้จะทำให้อีก”
พูดจบก็ยัดเงินสองพวงใส่มือเจียงหงหนิง หนึ่งพวงมีเหรียญทองแดงสิบเหรียญ สองพวงทั้งหมดยี่สิบเหรียญทองแดง “เ้าไปซื้อผักจากคนในหมู่บ้านมาเสียเถิด พวกเราจะกินแต่ผักป่าคงไม่ได้”
เจียงหงหนิงเสียดายเงิน จะพูดว่าผักป่าก็เป็ผักเหมือนกัน แต่หลังจากที่ความคิดตีกันในใจ ท้ายที่สุดก็รับเงินและตอบตกลง
เขาพูดเองว่าจะกตัญญูต่อพี่สะใภ้ พี่สะใภ้พูดอย่างไรก็ต้องทำตามนั้น
เจียงหงหนิงเปลี่ยนชุดเสร็จก็รีบออกไป เขาหุบยิ้มบนใบหน้าดวงน้อยไว้ไม่อยู่
“ไอโยว…นี่มันใครกัน? ไอ้ยาจกเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว อุ๊ยๆ ทั้งยังมีรองเท้าใหม่เสียด้วย!” ระหว่างทาง เจียงหงหนิงถูกเด็กสองสามคนเอาตัวมาขวาง รอยยิ้มบนใบหน้าเขาหายไปในทันที
คนที่ขวางเขาคือสวีตัวเป่าจากบ้านตระกูลสวีสาม หลินจินเป่า ลูกชายของหลินซย่าจื้อ ทั้งยังมีลูกน้องของสวีตัวเป่าอีกสองคน เฉียนโหย่วเกินกับจ้าวซานหวา
สวีตัวเป่ากับหลินจินเป่าสะพายห่อผ้า พวกเขาสองคนกำลังเดินไปเรียนที่โรงเรียนส่วนตัวในหมู่บ้านข้างๆ ด้วยกัน ไม่นึกเลยว่าจะมาเจอเจียงหงหนิงระหว่างทาง
หลินจินเป่าเข้ามาผลักเจียงหงหนิง “จู่ๆ เ้ายาจกมีเสื้อใหม่รองเท้าใหม่ได้อย่างไร? ไม่ใช่ว่าต้าเกอเ้าไม่อยู่บ้าน พี่สะใภ้เ้าเลยสบโอกาสขายตูดหาเงินใช่หรือไม่?”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…ต้องใช่เป็แน่ แม่เ้าบอกว่านางชอบยั่วพ่อเ้าไม่ใช่หรือ? เงินนั่นต้องมาจากชายชู้เป็แน่!” สวีตัวเป่าหัวเราะตามเมื่อฟังจบ สายตาที่มองเจียงหงหนิงดูถูกจนไม่รู้จะดูถูกอย่างไร
“ฮ่าฮ่าฮ่า พี่สะใภ้เจียงหงหนิงขายตูด!”
“พี่สะใภ้เจียงหงหนิงเป็สตรีมั่วบุรุษ!” จ้าวซานหวากับเฉียนโหย่วเกินร้องตามไปด้วย ทั้งสี่ผลักเจียงหงหนิงไปมา
เจียงหงหนิงตาแดง เขาผลักหลินจินเป่าล้มลงพื้น ขึ้นคร่อมอีกฝ่ายและเริ่มทุบตี “แม่เ้านั่นแหละที่ขายตูด ทั้งบ้านเ้าขายตูด!”