ผู้คนในศาลพิจารณาคดีทั้งด้านในและด้านนอกล้วนคุกเข่าแสดงความเคารพ
กูเฟยเยี่ยนเดินตามแผ่นหลังของจวินจิ่วเฉินโดยการผ่านฝูงชนที่กำลังน้อมตัวลง ความภาคภูมิใจจึงปรากฏขึ้นมาตามธรรมชาติ การอยู่กับจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยนั้นไม่เหมือนคนอื่น นางรู้สึกดีใจอีกครั้งที่นายก้อนน้ำแข็งเหม็นไม่ได้รับนางไว้
ในวันนี้จวินจิ่วเฉินไม่ได้มาเป็ประธานในการไต่สวนคดีแต่มาเป็ผู้ฟังด้านข้าง เขายกตำแหน่งประธานในการไต่สวนคดีให้แก่ใต้เท้าเส้าชิงกงแห่งศาลต้าหลี่ โดยคนผู้นั้นก็คือประธานในการไต่สวนคดีปล้นสะดมเฉิงอี้เฟยนั่นเอง
ทันทีที่จวินจิ่วเฉินนั่งลง กูเฟยเยี่ยนก็เป็เด็กดีเดินไปยืนอยู่ด้านหลังของเขา
ลักษณะความสง่าน่าเกรงขามของเขาไม่เหมือนกับตอนที่เป็ประธานไต่สวนคดี จวินจิ่วเฉินในวันนี้มีท่าทางผ่อนคลายลงมาก แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ยังคงสง่างามอยู่ดี ในขณะที่ร่างสูงรับสั่งให้ทุกคนลุกขึ้นได้ เขาก็หันไปมองศาสตราจารย์แพทย์พลางกล่าวว่า “ใต้เท้าหนานกง เปิ่นหวางให้แพทย์หญิงกูมาคอยช่วยเหลือ เป็อย่างไร? ”
“เตี้ยนเซี่ยทรงมีปรีชาญาณพ่ะย่ะค่ะ! ”
ศาสตราจารย์แพทย์ยอมรับโดยไม่ลังเล และไม่ลืมที่จะกล่าวชมกูเฟยเยี่ยน “แพทย์หญิงกูมีความรู้ล้ำลึกหลากหลาย ประสบการณ์ท่วมท้น ทักษะยอดเยี่ยม อีกทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยจรรยาบรรณแพทย์ การที่ได้นางมาคอยช่วยเหลือนับเป็ความโชคดีของข้าน้อยพ่ะย่ะค่ะ! ”
จวินจิ่วเฉินพอใจมาก เขาจึงพยักหน้าแสดงเจตนาให้หยาเว่ยนำเก้าอี้มาให้กูเฟยเยี่ยนนั่ง
เมื่อสักครู่นี้ทุกคนต่างก็รู้สึกประหลาดใจ ทว่าบัดนี้รู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่า ทุกคนต่างก็มองหน้ากันเลิ่กลั่ก คนฉลาดล้วนมองออกว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไม่เพียงแค่ยอมรับในตัวของกูเฟยเยี่ยนแล้ว แต่ยังยกยอและอุปถัมภ์ค้ำชูความคิดของนางอีกด้วย! หลังจากที่คดีนี้จบลงกูเฟยเยี่ยนจะถูกเลื่อนขั้นอย่างแน่นอน และไม่แน่ว่าอาจจะถูกเลื่อนมาหลายขั้นจนกลายมาเป็ผู้สืบทอดของศาสตราจารย์แพทย์ก็เป็ได้
วันนี้เฉิงอี้เฟยก็มาเข้าร่วมการฟังด้วยเช่นกัน สายตาของเขาไม่ละไปจากกูเฟยเยี่ยนเลย เขาแอบภาคภูมิใจแทนนางที่ถูกจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยให้การยอมรับแล้ว ดังนั้นเขาไม่มีทางมองพลาดไปอย่างแน่นอน
ทางด้านของกูเฟยเยี่ยนนั้นไม่ได้คิดซับซ้อนถึงเพียงนั้น นางดีใจที่จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยทรงให้โอกาสดีแก่นางในการเข้าร่วมฉากเด็ดของละครเื่นี้
หลังจากที่ใต้เท้ากงนำค้อนไม้เล็กเคาะลงมาเพื่อเริ่มการพิจารณาคดี อู๋กงกงก็ถูกคุมตัวเข้ามา
อู๋กงกงก้มหน้าก้มตาไร้ซึ่งความโกรธแค้นเช่นเดียวกับตอนที่อยู่ในคุกใต้ดินของเฉิงอี้เฟย เขาเหมือนจะยอมแพ้ที่จะมีชีวิตรอดต่อไปแล้ว
ใต้เท้ากงะโเสียงดัง “นักโทษอู๋ ข้าถามเ้า เหตุใดจึงออกไปจากพระราชวังโดยพลการ? หลบหนีเพราะหวาดกลัวที่จะต้องโทษใช่หรือไม่? ”
อู๋กงกงคุกเข่าทำราวกับว่าไม่ได้ยินและไม่มีการตอบสนองใดๆ สักนิด
ใต้เท้ากงถามอีกครั้ง “ข้าจะถามเ้าอีกครั้ง เ้าถูกผู้ใดบงการให้ติดสินบนอาจารย์แพทย์เจี่ยนและจ้างนักฆ่าไปสกัดกั้นแพทย์ส่งยาที่จะไปช่วยเหลือแม่ทัพเฉิง? ”
เห็นได้ชัดว่าอู๋กงกงไม่ได้คิดว่าจะมีโทษฐานนี้ เขาตกตะลึงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาะโอย่างรวดเร็ว “ปรักปรำ! ”
อาจารย์แพทย์เจี่ยนเป็คนของเขาก็จริง เพียงแต่ว่าทั้งเขาและอาจารย์แพทย์เจี่ยนล้วนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีปล้นสะดมยาเลยสักนิด! ยาที่กูเฟยเยี่ยนส่งไปในตอนนั้นถูกเขาแอบสับเปลี่ยนไป เขาไม่มีทางไปปล้นแน่นอน!
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ใต้เท้ากงซักถามอีกครั้ง “ทำไม ในที่สุดก็พูดออกมาแล้วหรือ? เ้าถูกปรักปรำ? หากเ้าถูกปรักปรำเหตุใดจึงต้องหลบหนีออกจากพระราชวัง? สมุนไพรบนตัวของเ้าได้มาอย่างไรกัน? ”
เหตุผลที่อู๋กงกงหลบหนีไม่ได้เป็เพราะว่ากลัวที่จะถูกตรวจพบ แต่เป็เพราะนายเหนือหัวให้เขาถอยออกมา
เขาคิดไม่ถึงว่าตนเองจะถูกจับกลับมา ยิ่งคิดไม่ถึงว่าคนผู้นั้นจะโยนเขาไปให้เฉิงอี้เฟย เขาไม่ทราบว่าชายชุดดำที่สวมหน้ากากเป็ใคร เขาคิดจนหัวสมองแทบะเิก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดชายชุดดำจึงนำตัวเขาไปให้เฉิงอี้เฟย
เมื่อได้ยินถึงคำถามของใต้เท้ากง เพียงครู่เดียวเขาก็เข้าใจได้ทันที
ชายชุดดำคนนั้น้ายืมคดีปล้นสะดมยาของเฉิงอี้เฟยเพื่อให้เขากับคดีย่าวซ่านของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยมีส่วนเกี่ยวข้องกัน! กล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่าชายชุดดำที่สวมหน้ากากผู้นั้นจ้องมองเขาและรับรู้ว่าเขาเป็สายสืบมานานแล้ว
อู๋กงกงทราบดีว่าหากตนเองพูดอะไรออกมาแล้วก็จะมีเื่ราวอีกมากมายที่ไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจน เพียงแต่ว่าหากเขาไม่เอ่ยปากร้องทุกข์มันจะเท่ากับว่าเขายอมรับในโทษฐานนี้ไปโดยปริยาย!
ในที่สุดเขาก็อธิบายด้วยความลนลาน “ใต้เท้ากง นู๋ไฉถูกปรักปรำขอรับ! ความผิดร้ายแรงเช่นนี้นู๋ไฉรับไว้ไม่ไหว! นู๋ไฉไม่ได้้าหลบหนี! เมื่อครึ่งปีที่แล้วนู๋ไฉได้ติดหนี้พนันก้อนใหญ่ ก็…ก็เลยเกิดความเลอะเลือนไปชั่วขณะจากนั้นจึงได้ไปแอบขโมยยาที่ห้องยาสำนักหมอหลวงเพื่อนำไปชำระหนี้”
ใต้เท้ากงไม่โต้แย้ง เขาแค่ะโเสียงดัง “ทหาร คุมตัวนักฆ่าสองคนนั้นเข้ามา”
ทันทีที่นักฆ่าสองคนนั้นเข้ามา พวกเขาล้วนยืนกรานว่าอู๋กงกงติดสินบนอาจารย์แพทย์เจี่ยนเพื่อขอเส้นทางในการส่งยารักษาจากนั้นจึงมาเปิดเผยให้แก่พวกเขา
อู๋กงกงไม่ได้ใส่ใจคดีปล้นสะดมยามากนัก เขาจึงไม่ทราบว่าศาลต้าหลี่จับตัวนักฆ่ามาแล้ว เขาใอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโต้เถียงกับนักฆ่าสองคนนั้นทันที ทว่านักฆ่าสองคนนั้นมีท่าทีเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ไม่ยอมถอยให้สักก้าว ในไม่ช้าทั้งสามคนก็ได้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน
กูเฟยเยี่ยนมองพลางลอบถอนหายใจออกมา ตัวตายตัวแทนสองคนของนายก้อนน้ำแข็งเหม็นจะเล่นละครเก่งไปถึงไหนกัน? นางหันไปดูผู้คนด้านนอก ภายในใจเกิดความคิดว่าชายผู้นั้นคงจะหลบซ่อนอยู่ในที่มืดและกำลังชื่นชมผลงานชิ้นเอกของตนเองอยู่ใช่หรือไม่?
ทางด้านของจวินจิ่วเฉินที่อยู่ไม่ไกล เขากำลังดื่มน้ำชาพร้อมกับมองอู๋กงกงโดยที่กำลังชื่นชมอยู่จริงๆ
ใต้เท้ากงไม่ได้ให้พวกเขาทะเลาะกันนานนัก ไม่ช้าเขาก็นำค้อนไม้เล็กเคาะลงมา “นักโทษอู๋ เ้ายังกล้าเถียงข้างๆ คูๆ อีก วันนี้ข้าจะทำให้เ้ายอมอย่างสุดใจ”
ใต้เท้ากงหันไปมองศาสตราจารย์แพทย์ เมื่อเห็นดังนั้นศาสตราจารย์แพทย์จึงลุกขึ้นเอ่ยด้วยความจริงจังทันที “ในสองวันนี้ตัวข้าได้ให้คนไปทำการตรวจสอบโดยละเอียดแล้ว ใน่สามเดือนที่ผ่านมาไม่เคยมีสมุนไพรในห้องเก็บยาของห้องยาสำนักหมอหลวงสูญหายไป”
อู๋กงกงกำมือไว้แน่น เขาไม่มีวิธีที่จะโต้แย้งกลับจึงลุกลี้ลุกลนมากขึ้น
ใต้เท้ากงจึงเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “ทหาร นำของกลางจากคนร้ายมาให้ใต้เท้าหนานกงพิสูจน์ดู! ”
หยาเว่ยรีบนำห่อยาของอู๋กงกงมาเปิดให้ทุกคนดูในทันที กูเฟยเยี่ยนชำเลืองมองจึงเห็นว่าของด้านในทั้งใบสั่งยาและสมุนไพรล้วนอยู่ครบทุกชิ้น
ศาสตราจารย์แพทย์นำของทั้งหมดออกมาวางเรียงกันเพื่อเริ่มทำการตรวจสอบ ไม่ช้าศาสตราจารย์แพทย์ก็เกิดอาการตกตะลึง “ทูลจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย ท่านแม่ทัพเฉิง ใต้เท้ากง สมุนไพรหลายชนิดนี้มีลับลมคมในอย่างมาก ทั้งหมดถูกจัดผสมปนเปไม่เหมือนกับตำรับยารักษา สมุนไพรเหล่านี้ต่างก็เป็สมุนไพรที่พบเจอได้ยาก ต้องใช้เวลาหลายสิบปีถึงจะมีออกมาหนึ่งต้น…”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้เฉิงอี้เฟยก็ขัดจังหวะขึ้นมา “หึๆ ได้ยินมาว่าลิ่วตันซางลู่ก็เป็สมุนไพรที่พบเจอได้ยาก แล้วถ้านำมาเทียบกับสมุนไพรเหล่านี้ล่ะ? ”
ศาสตราจารย์แพทย์รีบร้อนตอบกลับไป “นับได้ว่าเป็ยาในระดับขั้นเดียวกันและมีราคาสูงมาก”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาสองพ่อลูกตระกูลฉีที่คุกเข่าอยู่ล้วนเกิดความตื่นเต้น แม่ทัพใหญ่ฉีทนไม่ไหวจึงหันไปหาจวินจิ่วเฉิน “จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย อู๋กงกงที่เป็เพียงแค่นู๋ไฉจะไปมีสมุนไพรล้ำค่าเหล่านี้ได้อย่างไร เขาจะต้องเป็พวกเดียวกันกับอาจารย์แพทย์เจี่ยน! พวกเขาถูกคนบงการให้มาทำร้ายพวกเราตระกูลฉีอย่างแน่นอน ตระกูลฉีถูกปรักปรำพ่ะย่ะค่ะ! ”
อู๋กงกงลุกลี้ลุกลนมากขึ้น เขาไม่สนใจที่จะร้องทุกข์แล้วแต่กำลังร้อนใจที่จะคิดหาวิธีในการแก้ต่าง บัดนี้เฉิงอี้เฟยจึงเอ่ยออกมาอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาค่อนข้างจะไร้ซึ่งความเกรงใจ
“แม้ว่าจะเป็ยาที่พบเจอได้ยากเช่นเดียวกัน หึๆ แต่ก็ไม่นับว่าเป็พยานวัตถุ และอาจจะไม่ได้มีส่วนพัวพันกับลิ่วตันซางลู่ของอาจารย์แพทย์เจี่ยนก็เป็ไปได้ ฉีซื่อิ มีคนถามอะไรเ้าแล้วหรือ? ใครอนุญาตให้เ้าพูดกัน? ”
เฉิงอี้เฟยเชื่อคำพูดของกูเฟยเยี่ยนและเชื่อว่าอู๋กงกงมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีย่าวซ่าน คดีย่าวซ่านจะต้องมีความจริงอีกด้านหนึ่งแน่ ดังนั้นเขาจึงยินยอมที่จะให้ความร่วมมือ ยินยอมที่จะให้โอกาสตระกูลฉี เพียงแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชื่ออย่างสุดใจว่าตระกูลฉีไม่มีความผิด!
หากว่าฉีซื่อิสงบเสงี่ยมเงียบเอาไว้เขาก็สามารถฝืนใจมองข้ามไปได้ ทว่าทันทีที่ฉีซื่อิส่งเสียงออกมาเขาก็อดไม่ได้ที่จะหันมองไปและอดไม่ได้ที่จะนึกถึงการตายของบิดา บัดนี้ความอาฆาตแค้นได้กระจายไปทั่วดวงตาของเขาแล้ว
เขาแอบแสดงความดีอกดีใจที่คนที่ได้รับความเสียหายใหญ่สุดในคดีนี้คือจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย หากเปลี่ยนเป็คนอื่นเขาก็คงไม่อาจแน่ใจได้ว่าฝ่าาจะทรงเข้าข้างตระกูลฉีต่อไปอีกหรือไม่!
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเฉิงอี้เฟยที่สร้างความอัปยศอดสู แม่ทัพใหญ่ฉีกับฉีอวี้ต่างก็เกิดความโกรธ ทว่าน่าเสียดายที่ในยามนี้พวกเขาไม่กล้าที่จะพูดเสียงดังกับเฉิงอี้เฟย เนื่องจากความคาดหวังเดียวของพวกเขาคือการให้คดีย่าวซ่านนี้มีความเชื่อมโยงกันกับคดีปล้นสะดมยาของเฉิงอี้เฟย
แม่ทัพใหญ่ฉีไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เขาก้มหน้าก้มตาด้วยความอัดอั้นตันใจ
ในขณะเดียวกันจวินจิ่วเฉินก็เอ่ยออกมา “ใต้เท้าหนานกง ผงยานั่นคืออะไร เป็ของที่พบเจอได้ยากเช่นกันหรือไม่? ”
กูเฟยเยี่ยนเกิดความกระตือรือร้นทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ มุมปากของนางยกยิ้มถึงความเ้าเล่ห์อย่างเงียบๆ การมาครั้งนี้สิ่งที่นาง้าคือตรวจสอบห่อผงยานั่น สายตาของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเยี่ยมยอดเสียจริง!
นางอดไม่ได้ที่จะหันไปมองจวินจิ่วเฉิน ยิ่งมองยิ่งเกิดความสบายตาสบายใจ จิตใจเบิกบาน
ดูเหมือนว่าจวินจิ่วเฉินจะรับรู้ได้สายตาของนาง ทันใดนั้นเขาก็หันกลับมามอง…